เรื่องเล่าจากปิ่นโตใบเก่า

7.7

เขียนโดย ตัวกลม

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.36 น.

  1 ตอน
  17 วิจารณ์
  4,830 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 22.09 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ปิ่นโตใบเก่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     'ข้าวแกงมั้ยจ้ะ ข้าวแกงร้อนๆ' เสียงหญิงสูงอายุคนหนึ่งกำลังร้องเรียกลูกค้าให้ซื้อข้าวแกงของตน แกเป็นแม่ค้าที่ขายข้าวแกงอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาล ทุกวันแกจะแบกหาบของมาตั้งแต่เช้าด้วยตัวแกเอง แกเป็นคนตัวเล็ก และก็เสียงเล็ก แต่ก็เป็นคนที่มีน้ำใจต่อผู้อื่นเสมอแม้ว่าแกจะยากจน แกจะยิ้มให้ลูกค้าเสมอ บางทีก็จะแถมให้ด้วย

          โอเล่ นักศึกษาแพทย์หนุ่มปีสุดท้าย เขามักจะเป็นเวรดึกอยู่ที่ห้องฉุกเฉินเสมอและเขาก็มักจะยุ่งจนไม่มีเวลาไปซื้อข้าวกิน เขาจึงกลายเป็นลูกค้าประจำของคุณยาย ทุกวันยายจะถือปิ่นโตใบเล็กๆเก่าๆ ใส่กับข้าวมาสองอย่างพร้อมกับข้าวเปล่า ถือมาให้เขาที่ห้องฉุกเฉินเสมอ แม้ว่าจะเป็นปิ่นโตใบเก่าแต่ก็สะอาด เขาสนิทกับยายคนนี้มาก ทั้งสองมักจะคุยกันทุกครั้งเวลาที่ยายเอาข้าวมาส่ง เขารักคุณยายเหมือนกับยายแท้ๆ

     'วันนี้มีพะโล้กับผัดฟักทองด้วยล่ะ เมื่อวานพี่บอกยายว่าอยากกิน แกทำมาให้ด้วย' หนุ่มนักศึกษาแพทย์คนนั้นพูดกับแฟนสาวของเขาในขณะที่เปิดปิ่นโตออกดู แฟนสาวของเขาชื่อว่าขนุน เป็นนักศึกษาแพทย์เช่นกัน ทั้งคู่อยู่เวรคนละช่วงเวลา แต่ก็มักจะมานั่งกินข้าวคุยกันเสมอ

     'อาหารฝีมือแกก็อร่อยนะ แต่ไม่น่าใส่ปิ่นโตเลยจริงๆ' ขนุนพูดเมื่อเห็นสภาพของปิ่นโต

     'ไม่หรอก แบบนี้มันคลาสิคจะตายไป กินกันเถอะนะ' ชายหนุ่มได้แต่พูดแบบนี้กับแฟนสาวทุกครั้งไป เขายังคงกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นปิ่นโตอาหารใบสุดท้ายของคุณยาย...

          เช้าวันต่อมา ขนุนเป็นเวรห้องฉุกเฉินในช่วงเวลากลางวัน เธอได้ถูกเรียกตัวอย่างด่วนเนื่องจากมีเคสฉุกเฉิน เธอรีบเตรียมตัวไปกับรถพยาบาลในทันที แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อพยาบาลบอกว่าเหตุเกิดที่หน้าโรงพยาบาล นั่นทำให้เธอใจไม่ดีเป็นอย่างมาก ใครกันนะช่างโชคร้ายมาป่วยใกล้โรงหมอ เธอรีบวิ่งออกไปอย่างไม่รีรอ ภาพที่พบอยู่ตรงหน้าคือหาบข้าวแกงที่หกกระจายอยู่เต็มพื้นถนน มีหงอบของยายคนนั้นตกอยู่ และกำลังมีคนมุมดูอะไรสักอย่าง เธอจึงรีบฝ่าวงล้อมเข้าไปทันที ภาพที่เธอเห็นทำให้เธอช็อคเป็นอย่างมาก คุณยายขายข้าวแกงนอนจมกองเลือด ในมือกำปิ่นโตไว้แน่น พอถามเหตุการณ์คนแถวนั้นก็ทราบว่า ยายแกมีปากเสียงกับลูกค้า ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ที่ยังไม่รู้ เขาไม่พอใจที่แกจะใส่กับข้าวในปิ่นโตเพราะมันเก่าทำให้ไม่กล้าถือ และลูกค้าคนนั้นก็ขว้างปิ่นโตออกไปกลางถนน พร้อมกับทิ้งคำพูดประมาณว่าถ้าไม่มีปัญญาลงทุนซื้อโฟมดีๆมาใส่ ก็อย่ามาขายเลย แกเองก็หน้าเศร้าและจึงเดินไปเก็บ พอดีมีรถขับย้อนศรมาเสียหลัก พุ่งเข้าชนแกและร้านของแกอย่างจัง เมื่อเธอได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจมาก จึงรีบพายายเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อทำการรักษาทันที

          เธอเองพยายามจะช่วยอย่างสุดความสามารถ การรักษากินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง แต่เนื่องจากแกมีอายุมากแล้ว ทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหว แม้ว่าจะให้ยาไปก็ไม่มีผลอะไร ชีพจรของยายเริ่มลดลงเรื่อยๆ ทีมแพทย์ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว นอกจากใส่หน้ากากออกซิเจนเพื่อยื้อเวลา แม้ในเวลาแบบนี้แกยังคงเป็นหญิงแกร่งที่ดูอ่อนโยน ก่อนแกจะสิ้นใจ แกได้บอกบางอย่างกับเธอ...เสียงเล็กๆแหบๆนั้นมันสะเทือนไปถึงใจของเธอเลยทีเดียว

     'โอเล่เองมักจะใจดีกับยายเสมอในขณะที่คนอื่นมองด้วยสายตาที่รังเกียจ เขาเลือกปิ่นโตเก่าๆของยายแทนที่จะเลือกกล่องโฟมอันใหม่ ยายฝากขอบคุณเขาด้วยนะ แล้วก็แม่หนู...ขอบคุณที่มารักษายายจนถึงตอนนี้นะ บอกให้เขาเก็บปิ่นโตของยายไว้ดีๆนะ มันเป็นของเพียงสิ่งเดียวที่ยายจะตอบแทนเขาได้' เมื่อพูดจบ ยายแกก็จากไปอย่างสงบ

          เธอเองไม่เคยรักษาคนไข้เคสไหนแล้วรู้สึกแปลบๆที่หัวใจแบบนี้มาก่อน หลังจากทำการถอดเครื่องช่วยหายใจ เธอได้จัดการเรื่องติดต่อญาติพี่น้องให้มารับศพ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกหดหู่เข้าไปอีกเมื่อทราบว่าเธอเองเป็นหญิงชราตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน...เธอได้ตัดสินใจเป็นเจ้าภาพจัดงานศพร่วมกับทางโรงพยาบาล แต่ตอนนี้แฟนหนุ่มของเธอยังไม่ทราบเรื่องเลย เขาจะรู้สึกหดหู่แค่ไหนกันนะ ถ้าต้องรับรู้ความจริงนี้

     'หนุน ยังไม่ลงเวรอีกหรอ นี่มันจะหกโมงเย็นแล้วนะ' โอเล่เดินมาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาเองคงยังไม่ทราบข่าว

     'อื้อ หนุนรอพี่เล่อยู่น่ะ' หญิงสาวตอบกลับไปด้วยเสียงเรียบๆ

     'หืม? ไหนว่าวันนี้จะไม่กินข้าวกับพี่ไง' เขาเองยังคงพูดจาหยอกล้ออย่างไม่รู้อะไร

     'คือเมื่อเช้า มีคนไข้เคสนึงเข้ามารักษาที่นี้ แล้วทำการรักษาไม่สำเร็จน่ะ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว'

     'อ่าห้ะ พี่เข้าใจแล้ว เราเลยรู้สึกไม่ดีใช่ไหม'

     'อื้ม รู้สึกหดหู่ที่สุดตั้งแต่เจอเคสมา' เธอตอบพลางกับมองหน้าเขา

     'ถ้าเราพยายามจนถึงที่สุดแล้วก็อย่าเสียใจไปเลยนะ เหนื่อยมาทั้งวันกินข้าวกันดีกว่า วันนี้ยายเอาปิ่นโตมาส่งยัง' ชายหนุ่มเริ่มถาม พร้อมกับมองหาปิ่นโตที่ชอบตั้งอยู่หน้าเคาท์เตอร์พยาบาล

     'ปิ่นโตอยู่บนโต๊ะตรวจน่ะพี่เล่' ขนุนบอกพลางชี้ไปที่โต๊ะซึ่งมีปิ่นโตใบนั้นตั้งอยู่

     'อะไรกันวันนี้ยายเอามาส่งถึงโต๊ะเชียวรึ น่ารักจริง เดี๋ยวถ้าว่างต้องแวะไปขอบคุณแกสักหน่อย' เขาเดินไปเปิดปิ่นโตนั่นดูแล้วก็พบว่ามันว่างเปล่า เขารู้สึกประหลาดใจมากจึงเดินออกมาถามแฟนสาว

     'ทำไมมันมีแต่ปิ่นโตเปล่าๆล่ะหนุน' เขาถามด้วยสีหน้างุนงง

     'พี่เล่ ยายแกมาส่งปิ่นโตให้เราไม่ได้แล้วล่ะ'

     'อ้าว แกย้ายไปขายที่อื่นแล้วหรือ ไม่เห็นบอกกันเลยสักคำ'

     'เคสที่หนุนรับเข้ามาวันนี้คือยายแกเอง แกโดนรถชนหน้าโรงพยาบาลน่ะ' หญิงสาวตอบด้วยเสียงสั่นครือ

     'ทางเราพยายามทุกทาง แต่แกได้สู้อย่างสุดใจแล้ว' คำพูดนั้นทำให้โอเล่นั่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาเองคงจะช็อคไม่น้อย และเขาเองก็น้ำตาไหลออกมาเมื่อแฟนสาวพูดคำทิ้งท้ายของยายให้ฟัง ตอนนี้ปิ่นโตใบนั้นมันไม่มีอาหารอร่อยๆอยู่อีกแล้ว ที่สำคัญไม่มีรอยยิ้มจากเจ้าของปิ่นโตนั้นอีกต่อไป...

          งานศพถูกจัดอย่างราบรื่นด้วยความร่วมมือของทางโรงพยาบาล ในวันสุดท้ายมีบุคลากรคนทำงานในโรงพยาบาลไปร่วมงานกันเยอะมาก โอเล่เองได้ใช้โอกาสนี้พูดความรู้สึกทิ้งท้ายไว้อาลัยให้กับคุณยาย เขาเดินไปยืนตรงไมค์พร้อมกับถือปิ่นโตใบนั้นไปด้วย

     'ถ้าพูดถึงข้าวแกงที่อร่อยที่สุดแถวโรงพยาบาลเรา หลายคนคงต้องนึกถึงข้าวแกงของคุณยายเป็นแน่ นอกจากแกจะขายข้าวแกงอร่อย ราคาถูกแล้ว แกยังเป็นคนมีน้ำใจ มีอะไรก็มักจะแบ่งปันให้คนอื่นเสมอ หลายคนอาจไม่เคยได้รู้จักแกแบบจริงๆ เพราะตัดสินใจที่จะไม่คุยกับแกเพียงเพราะว่าแกเป็นคนจน ที่ไม่มีแม้แต่เงินจะลงทุนซื้อโฟมมาใส่ข้าวขาย รังเกียจแกเพียงเพราะแกถือปิ่นโตใบเก่าๆโทรมๆ ผมอยากให้ทุกคนมองคนหลายๆด้าน คนเราเลือกที่จะเกิดไม่ได้ แต่เขาเองก็อยากเลือกที่จะเป็นคนดีเป็นคนที่ผู้อื่นต้องการ เพียงแต่เมื่อสังคมไม่ให้โอกาส คนเหล่านั้นก็ไม่อาจมีที่ยืนได้ ทั้งๆที่เขาเองสามารถจะยืนอยู่ในสังคมในฐานะของคนดีได้อย่างเต็มภาคภูมิ เหมือนกับปิ่นโตใบเก่านี้ แม้หลายคนจะมองว่ามันไม่ทันสมัยไร้ค่า แต่ผมกลับมองเห็นถึงคุณค่าของมัน เพราะไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมเปิดปิ่นโตนี่แล้วไม่พบกับอาหารเลิศรสที่อยู่ตรงหน้า ผมหวังว่าปิ่นโตใบนี้จะจุดประกายความคิดในอีกมุมมองให้ทุกคนได้นะครับ '               

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา