7 ลี้ลับ

8.7

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.32 น.

  9 บท
  5 วิจารณ์
  15.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557 17.26 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) สู่บทนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          เรื่องลี้ลับ เป็นเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะมีการพัฒนาไปมากก็ตาม แต่ปริศนาหลายอย่างก็ยังคงไม่สามารถพิสูจน์และหาคำตอบที่ชัดเจนแน่นอนได้ เรื่องลี้ลับเหล่านี้จึงยังคงเป็นความเชื่อที่มีมาอยู่จนถึงทุกวันนี้ ควบคู่ไปกับเรื่องของวิญญาณ ภูตผีปีศาจ และไสยศาสตร์ ที่ถึงแม้ว่าความเชื่อและความกลัวจะลดน้อยลงไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่สามารถลบเลือนหายไปได้จากความเชื่อความงมงายของมนุษย์ที่ยังคงเคารพบูชา และเลือกที่จะไม่ลบหลู่เรื่องลึกลับที่เหนือธรรมชาติเหล่านี้ต่อไป ซึ่งหากได้สัมผัสหรือพบเจอกับตัวเองซักครั้งหนึ่งก็คงจะไม่มีวันลืมมันลงตราบชั่วชีวิตนี้ยังคงมีลมหายใจ…..

                กริ๊งงงงงงงง.....เสียงสัญญาณโรงเรียนเลิกดังขึ้น ปิดเทอมได้มาถึงแล้ว

“ในที่สุด ก็ปิดเทอมซักที” เสียงตะโกนดังมาจากห้องเรียนแต่ละห้องภายในโรงเรียนมัธยมปลายนางาซึกิแห่งนี้ เหล่าเด็กนักเรียนในแต่ละห้องพากันทำความสะอาดห้องเรียนของตนก่อนจะเดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุขที่ได้ปิดเทอม

                เช่นเดียวกับเด็กนักเรียนห้อง 1-B ที่กำลังช่วยกันทำความสะอาดเก็บกวาดห้องเรียนกันอย่างสนุกสนาน ต่างคนก็ต่างพูดถึงสิ่งที่อยากทำในช่วงปิดเทอมนี้กัน ซึ่งหลายคนภายในห้องก็พากันจับกลุ่มกันเพื่อพูดคุยวางแผนทำนู้นทำนี้กัน ถึงแม้ว่าจะเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันเป็นกลุ่มที่สนิทสนมกัน บางกลุ่มก็มีกันอยู่เพียงไม่กี่คน บางกลุ่มก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แตกต่างกันออกไป

                เมื่อเด็กส่วนใหญ่ออกจากห้องกันไปจนเกือบหมดแล้ว ก็เหลือไว้เพียงเด็กกลุ่มสุดท้ายที่ยังคงอยู่ภายในห้องนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะกลับกันซักที

                “ตกลงปิดเทอม พวกเราจะทำอะไรกันดีล่ะ มีอะไรที่มันแปลกๆน่าสนใจบางหรือเปล่า ที่ผ่านมาฉันเบื่อแล้วนะ”

คามุยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้วนอกจากเพื่อนๆของตน ซึ่งมีสมาชิกกันทั้งหมด 7 คน ซึ่งต่างคนก็ต่างเห็นด้วยกับคำพูดของคามุย ที่ผ่านๆมาพวกเขาทำแต่เรื่องเดิมๆวนไปวนมา

“อย่าว่าแต่นายเลย คนอื่นๆก็เบื่อเหมือนกันนั้นแหละ ไม่งั้นพวกเราคงไม่ต้องมายืนจ้องหน้ากันให้เสียเวลาอยู่อย่างนี้หรอก ดูคนอื่นกลับกันไปหมดแล้วด้วย”

คิซารากิพูดด้วยความเบื่อหน่าย พลางมองนาฬิกาที่สวมอยู่ที่ข้อมือของตน

“ใจเย็นน่า คิซารากิ ฉันรู้ว่าเวลาของนายมีค่า แต่ถ้านายไม่อยากเสียเวลาก็ช่วยคิดสิว่าปิดเทอมนี้พวกเราจะทำอะไรกันดีจะได้ไม่ต้องปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปยังไงล่ะ”

                คำพูดที่แทงใจดำซึ่งทำให้ทุกคนในกลุ่มหันไปมองกันเป็นตาเดียว ทำให้   คุเรนที่เป็นคนพูดได้แต่ทำสายตาเย็นชามองไปยังเพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะคิซารากิ

                “ให้ตายเถอะ แล้วยังงี้เมื่อไรจะคุยกันรู้เรื่องเนี่ย ดูสิโองะนั่งหลับไปแล้วนะ นี้ๆ ตื่นได้แล้วโองะ นายจะหลับไปถึงเมื่อไรเนี่ย”

                เมื่อพูดจบริรุก็หันไปสะกิดเพื่อนที่ชื่อโองะที่ตอนนี้อยู่ในสภาพหลับๆตื่นๆ

                “หึหึ หลับได้ตลอดเลยนะค่ะ โองะเนี่ย”

                ริองเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้กับโองะที่ดูเหมือนตอนนี้จะตื่นแล้วจริงๆ

                “โทษทีๆ พอดีง่วงไปหน่อย แล้วคุยกันถึงไหนแล้วละเนี่ย ตกลงปิดเทอมนี้พวกเราจะทำอะไรกันดี”

                หลังจากที่ได้หลับไปแวบนึง โองะก็เริ่มกลับเข้าสู่ประเด็นอีกครั้ง

                “ยังคิดไม่ออกเลย ว่าจะทำอะไรกันดี ที่ผ่านๆมาก็เบื่อแล้วซะด้วยสิ”

                มิไรหันไปตอบโองะ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนๆที่ต่างคนก็ต่างทำหน้าเครียดคิดถึงสิ่งที่จะทำในช่วงปิดเทอม แต่คิดเท่าไรก็เหมือนจะคิดไม่ออกอยู่ดี

                ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ทั้ง 7 คน จึงพากันออกจากห้องเรียน แล้วเดินไปยังหน้าโรงเรียนเพื่อเดินทางกลับบ้านก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้ ระหว่างที่เดินไปยังหน้าเสียงตะโกนของคามุยก็ดังขึ่นทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง

                “นึกออกแล้วทุกคน”

                คามุยหันไปยิ้มให้เพื่อนๆพร้อมกับยกมือขวาขึ้นมาชี้ไปยังตึกหลังหนึ่ง

                “นายคงจะไม่ชวนพวกเราไปช่วยกันทำความสะอาดอาคารเรียนหลังเก่านั้นหรอกใช่ไหม”

                ริองพูดขณะหันไปมองคามุยที่ตอนนี้ก็หันมามองที่เธอเช่นกัน

                “ผิดแล้วริอง คราวนี้มันเป็นเรื่องที่ท้าทายกว่าที่พวกเราเคยทำที่ผ่านๆมาอย่างแน่นอน ฉันรับประกันได้เลย”

                คามุยพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆทุกคนที่ตอนนี้ได้แต่มองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเจ้าของความคิดเอาแต่ยิ้มไม่ยอมพูดออกมาซักที จนท้ายที่สุดด้วยความอยากรู้ของทุกคนจึงเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน

“พูดมาซักทีเถอะ พวกเรารอฟังอยู่”

เมื่อได้ยินดังนั้น คามุยก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ก่อนที่จะเริ่มปริปากพูดออกมา

“คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเรื่องลี้ลับในโรงเรียนตอนที่พวกเราอยู่โรงเรียนประถมกันใช่ไหม”

ทุกคนต่างก็พยักหน้าตอบรับให้กับคำถามของคามุย เชิงว่าไม่มีใครปฎิเสธว่าไม่รู้จักเรื่องเหล่านี้จริงๆ

“พวกนายคิดว่าเรื่องลี้ลับเหล่านั้นมีแต่ในโรงเรียนประถมสินะ ฉันว่านะในโรงเรียนมัธยมก็ต้องมีเช่นกันนั้นแหละ”

เมื่อคามุยพูดมาถึงตรงนี้ ทุกคนในกลุ่มก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ของคามุยว่าต้องการจะสื่ออะไร

“นายยังไม่เลิกงมงายเชื่อเรื่องเล่าหลอกเด็กพวกนี้อีกหรือไง นายก็รู้ว่าสมัยนี้ทุกอย่างมันพัฒนาไปหมดแล้ว เรื่องลี้ลับเหล่านั้นใครจะไปเชื่อกันละคามุย”

คิซารากิ หันไปถามคามุย แต่ก่อนที่จะได้คำตอบจากคนที่ถาม กลายเป็นเขาเองที่ถูกถามกลับมาจากเพื่อนด้วยกัน

“นายไม่เชื่อหรือว่านายกลัวกันแน่ คิซารากิ”

คำถามที่ถามสั้นๆแต่เหมือนจะแทงใจดำของคุเรนทำให้คิซารากิหันมามองอย่างไม่พอใจ ทำให้ทั้งคู่เริ่มที่จะเปิดศึกกันอีกครั้ง

“ไม่เอาน่าทั้งสองคน ฉันก็แค่อยากจะชวนพวกเรามาลองทำอะไรที่แปลกใหม่เท่านั้นเอง ถ้าไม่เห็นด้วยก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นกันก็ได้”

คามุยหันไปพูดกับเพื่อนทั้งสองคน ที่ตอนนี้ต่างก็หันหน้าหนีกันไปคนละทิศคนละทาง

“แต่ฉันว่าน่าสนใจดีนะ พวกเราไม่ลองดูหน่อยเหรอ”

โองะที่ตอนนี้ดูจะมีท่าทางที่กระตือรือร้นกว่าใครเพื่อน

“พวกเราสองคนก็เห็นด้วยนะ เรื่องนี้ดูน่าสนใจดี”

ริองที่เมื่อกี้หันไปกระซิบคุยกับริรุแค่สองคน หันมาตอบอย่างเห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นกัน ทำให้เหลือเพียงสามคนที่ยังไม่ให้คำตอบ แต่ก็เหมือนว่ายังไงเสียงข้างมากก็ชนะอยู่ดี ทำให้มิไร คุเรนและคิซารากิ ได้แต่พยักหน้าแทนการตอบตกลงเพราะถึงคัดค้านยังไงสามเสียงก็สู้สี่เสียงไม่ได้อยู่ดีและถึงยังงั้นทั้งสามคนก็ไม่ได้คิดที่จะไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เว้นแต่คิซารากิที่ได้แต่ยืนเงียบไม่พูดอะไรออกมา

                เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่มีใครคัดค้านอะไรแล้ว คามุยก็เริ่มอธิบายให้ทุกคนฟัง

                “ฉันอยากจะชวนพวกเราทุกคนไปทดสอบความกล้ากันที่อาคารเรียนเก่าหลังนั้น ซึ่งวิธีการนั้นฉันคิดได้เมื่อกี้นี้เอง พวกเราคงจะเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหมเกี่ยวกับการจุดเทียนเล่าเรื่อง ว่ากันว่าหากเราจุดเทียนทั้งหมด 100 เล่ม แล้วเล่าเรื่องสยองขวัญจนครบทั้ง 100 เรื่อง เมื่อเทียบเล่มสุดท้ายถูกดับลงไป ก็จะมีวิญญาณและปีศาจออกมา ฉันว่าพวกเรามาทดสอบเรื่องนี้กันดีไหม”

                เมื่อคามุยอธิบายให้เพื่อนๆฟังจบ ต่างคนก็ต่างทำสีหน้าแตกต่างกันออกไป     ริองกับริรุหันไปกระซิบคุยกัน โองะยืนเกาหัวเหมือนจะยังไม่ค่อยเข้าใจ มิไรได้แต่ยิ้มน้อยๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เช่นเดียวกับคิซารากิที่ยืนนิ่ง เหลือเพียงคุเรนที่หันไปสบตากับคามุยก่อนจะเอ่ยออกมา

                “พวกเราจะเมื่อไรกันดี”

                ทุกคนเมื่อได้ยินที่คุเรนพูดต่างก็พยักหน้าแล้วหันไปมองคามุย

                “ขอเวลาฉันซักสองวันละกัน ไว้ฉันจะบอกอีกทีละกัน ระหว่างนี้ก็ทำการบ้านของปิดเทอมให้เรียบร้อยเอาไว้ก่อนละกัน ฉันคิดว่ามันต้องใช้เวลาเตรียมการซักหน่อยถึงจะพร้อม”

                คิซารากิที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรพยักหน้าก่อนจะบอกกับคามุย

                “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน ถึงยังไงพวกรามีอะไรก็ควรจะช่วยกันนะ”

                คามุยที่ได้ยินคิซารากิถึงกับเอ่ยปากออกมาเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ จนคิซารากิเองต้องรีบหันไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เพื่อนๆเห็นสีหน้าและอาการอายที่หลุดออกมา

                3 วันต่อมา เวลา 15.00น.

                เมื่อทุกคนในกลุ่มได้รับข้อความทางโทรศัพท์มือถือจากคามุย ต่างคนก็ต่างจัดกระเป๋านำของที่จำเป็นทั้งเสบียง ขนม น้ำดื่ม ไฟฉาย และอย่างอื่นอีกเล็กๆน้อยๆสำหรับการไปทำกิจกรรมในครั้งนี้ เมื่อถึงหน้าประตูโรงเรียนกันครบแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมประตูจึงปิด ทำให้ทั้ง 7 คน ต้องพากันปีนข้ามประตูเข้าไปกัน พอเข้ามาได้ทุกคนก็เดินไปยังอาคารเรียนเก่าที่เป็นสถานที่ทำกิจกรรมกันในครั้งนี้ ปัจจุบันที่อาคารเรียนหลังเก่านี้ได้เลิกใช้งานไปเนื่องจากสภาพตัวอาคารที่เริ่มเก่าและเสื่อมสภาพ ที่สำคัญไม่สามารถรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอาคารหลังนี้ก็ได้แต่รอวันที่จะถูกทุบทิ้ง สิ่งของต่างๆทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นหนังสือ และอุปกรณ์ต่างๆส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพที่เหมือนเดิมไม่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนเลย จะมีก็แต่ฝุ่น ใยแมงมุมและกลิ่นเหม็นอับเท่านั้น

                ก่อนหน้านี้ คามุยได้มาจัดเตรียมสถานที่และของที่จำเป็นสำหรับการทำกิจกรรมนี้ไว้แล้ว ซึ่งจะทำกิจกรรมกันที่ห้องวิทยาศาสตร์ที่อยู่ชั้น 3 ของอาคาร โดยคามุยให้เหตุผลกับเพื่อนๆว่าเป็นห้องที่ดูลึกลับดี ภายในห้องเป็นห้องสี่เหลี่ยมธรรมดาทั่วไปมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับทำการทดลองอยู่กลางห้อง หน้าต่างมีผ้าม่านปิดไว้มิดชิด แล้วก็ยังมีเครื่องมืออุปกรณ์ หุ่นจำลอง สารเคมีต่างๆ และมีต้นไม้เล็กๆปลูกอยู่ในกระถาง ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี นอกจากนั้นก็ยังมีวงกลมที่วาดขึ้นมาอยู่บนพิ้นของห้อง ภายในวงกลมนั้นก็จะมีเทียนที่ยังไม่ถูกจุดตั้งเอาไว้อยู่ทั้งหมด 100 เล่ม เมื่อจัดของทุกอย่างเรียบร้อยก็เหลือแต่รอให้ถึงเวลาเท่านั้น

                เวลา 0.00 น.

                “ได้เวลาแล้วพวกเรามาเริ่มกันเถอะ”

                สิ้นเสียงของคามุย ไฟบนเทียนแต่ละเล่มก็เริ่มถูกจุดขึ้นมาจนครบ 100 เล่ม หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้ง 7 คน สิ่งที่ตั้งใจมาท้าทายจะได้พบเจอหรือไม่ เมื่อเรื่องเล่าทั้ง 100 เรื่อง ถูกเล่าจนครบ เมื่อเทียบเล่มสุดท้ายถูกดับลง ความมิดมืดที่เข้ามาเยือน เรื่องประหลาดที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้จะเป็นยังไง บทสรุปของเรื่องลี้ลับแท้ที่จริงแล้วจะสามารถอธิบายได้หรือไม่?

                “เรื่องที่ 1…..”

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา