เยือนวัยเด็ก
เขียนโดย ฮางมะ
วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 08.12 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2557 08.20 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความต้นหูกวางนับสิบต้น สลัดใบทิ้งเต็มอยู่รอบๆต้นเป็นแถวยาวเรียงสองข้างทาง ลมฤดูแล้งพัดพาใบมันเกลือกกลิ้งไปทั่วกระจายเกลื่อนทางเข้าโรงเรียน แรงลมยังพัดผลักชิงช้าเหล็กสนิมเขรอะโยกไหวส่งเสียงดังเป็นจังหวะ ขับกล่อมให้โรงเรียนเก่ายิ่งเหงาเงียบวังเวง
สนามฟุตบอลที่อดีต เขียวชะอุ่มไปด้วยหญ้า ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ดินแข็งๆ และบางที่หญ้าขนที่ขึ้นเป็นหย่อมๆ พร้อมกับรอยตีนวัวเเห้งๆ แสดงหลักฐาน พิสูจน์ว่ามันเคยเหยียบย่ำมาเล็มหญ้าตอนหน้าฝน
ผมก้าวเท้าเดินย่ำไปบนใบไม้แห้ง เพื่อมาเยื่อนอดีตในวัยเด็ก นานจนหลงลืมว่าหมู่บ้านของเรายังมีโรงเรียนประถม ที่สร้างด้วยครึ่งปูนครึ่งไม้ ยกเป็นเหมือนเรือนไม้ใต้ถุนสูง มีห้องเรียนเล็กๆอยู่ หกห้องในชั้นสอง ส่วนข้างล่างเทปูนลาดยาว จำได้ว่าถ้าวันไหนฝนตกนักเรียนทั้งหมด ร้อยกว่าชีวิตก็จะได้เข้าแถวเคารพธงชาติ และก่อนกลับบ้าน นักเรียนทั้งหมดก็จะมานั่งทำสมาธิ ท่องบทสวด จนป่านนี้ยังจำได้
ยิ่งเดินก็เหมือนว่าตัวเองตัวเล็กลงๆ ราวกับได้ย้อนเวลาไปหาอดีต ภาพในวัยเด็กยังแจ่มชัด เสียงหัวเราะร้องไห้ ดังอยู่รอบๆ ราวกับว่าโรงเรียนเก่าจะฟื้นคืนชีวิต แต่ความรู้สึกอย่างนั้นก็อยู่ไม่นาน แล้วทุกอย่างก็เลือนหาย มันหายไปแล้วจริงๆ ภาพความเป็นจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า เหลือทิ้งไว้ให้เห็นคือความพุพังที่ เหมือนคนชราที่กักเก็บอดีตเพื่อบอกเล่ากับลูกหลานใจแทบขาด แต่ไม่มีใครมานั่งฟังโรงเรียนเก่าเล่าความหลัง
จะด้วยค่านิยมของคน ที่เมินโรงเรียนประถมด้อยค่า ดูไร้อนาคตหากจะให้ลูกหลานในชุมชนมาเข้าเรียน จะด้วยสังคมโลกาภิวัตน์ หรือการแข่งขันทางการศึกษาที่สุงขึ้น ที่ทำให้โรงเรียนแห่งนี้ไม่เป็นที่ต้องการของผู้คน ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับอนาคตลูก จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ โรงเรียนแห่งนี้ก็คือเศษซากของอดีตที่เคยรุ่งเรื่อง เคยบรรจุความรู้ให้แก่เด็กรุ่นแล้วรุ่นเล่า รวมถึงรุ่นผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือในตัวเมือง ทั้งๆที่ตัวเองก็ได้ความรู้มาจากที่นี่ อาจเหมือนคนเนรคุณบุพการี ที่เคยฟูมฟักเลี้ยงดูมา ที่ทุกคนต่างพร้อมใจทิ้งโรงเรียนเก่าๆไปง่ายๆ ไม่ แม้แต่จะกลับมาคิดถึง
ผมนึกย้อนไปไกลมากมายวัยเด็กได้สนุกสนานขนาดไหนกับโรงเรียนเก่าแห่งนี้ มีความหลังมีความประทับใจ มีอะไรมากมายที่ได้เกิดขึ้น แต่...เพียงแค่กระพริบตาเรื่องราวในอดีตก็เลือนหาย ผมอยากกอดโรงเรียนหลังนี้เหลือเกิน
สิ่งที่เห็นเต็มคลองจักษุคือ โรงเรียนเก่า ผ่านอะไรๆมามาก รวมทั้งเคยเป็นที่พักของแรงงานต่างด้าวที่ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นพาลักลอบมา อาศัย หรือเป็นที่สิ่งสถิตของแก๊งค์เด็กที่พากันมาเสพยาในยามค่ำ เขียนวาดภาพศิลป์ห่วยๆเปรอะไปทั่ว หรือเป็นทุ่งเลี้ยงวัวของชาวบ้าน จะเป็นอะไรก็แล้วแต่แต่ที่นี่เคยเป็นบ้านของผม
ทุกอย่างได้เปลื่ยนไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ เคยมีคนบอกว่า ครูคือเรือจ้างที่สอนสั่งความรู้ให้แก่เด็กจากรุ่นสู่รุ่น แต่ผมก็อยากจะรู้ถ้าครูคือเรือจ้าง แล้วโรงเรียนละจะเรียกว่าอะไร !
"พ่อครับกลับบ้านได้หรือยังครับน้องนิคกลัว" เด็กชายตัวน้อยดึงแขน แววตานั้นมองโรงเรียนร้างอย่างหวาดหวั่น
"ป่ะ ไปได้แล้วครับ วันนี้วันเด็กพ่อพาไปเที่ยวสนุกไหมครับ"
"สนุกม๊ากมากเลยครับพ่อ"เด็กชายตัวน้อยพูดด้วยเสียงที่ดัง มันดังก้องไปทั่วโรงเรียนแห่งนั้นอาจคืนชีวิตให้โรงเรียนวัยชราเพียงชั่ว ครู่แต่ผมก็รู้สึกดีกับเสียงนั้น
เสียดายที่ลูกของผม เกิดมา ได้เห็นแค่เศษซากโรงเรียนเก่าหลังหนึ่งเท่าั้นั้น แกจะไม่ได้รู้ถึงวัยเด็กของพ่อของแกเลย ที่ผูกพันกับบ้านหลังที่สองหลังนี้ มากมายขนาดไหน
เสียดาย...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ