เธอรักฉันไม่ได้ไม่เป็นไร...แต่ฉันรักเธอ!!
เขียนโดย nooann
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.37 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2557 18.43 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ปิดเทอมที่แสนมีความสุข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉันเหนื่อยและเบื่อที่จะต้องอยู่คนเดียว หลังจากที่ต้องเศร้าโศกเสียใจที่โดน ผู้ชายหัวไชเท้าทิ้งไปทำฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่หลายเดือน ฉันตัดสินใจออกมาเที่ยวแต่ก็ยังมาคนเดียว เพราเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดกลับต่างจังหวัดไปหาแม่ อย่าห่วงเพราะการอยู่คนเดียวมันไม่เคยทำให้ใครตายอยู่แล้ว
ฉันเลือกที่จะมาเที่ยวเขา เพราะกำลังมีเทศการแข่งขึ้นเขาชิงเงินรางวัล 10,000 บาทถ้าจะบอกว่าฉันจะมาเอาเงินรางวัลผิดแล้วแหละ เพราตอนนี้ฉันเดินมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ถึงจุดชมวิวเลย ส่วนคนที่แข่งกันขึ้นเขาตอนนี้ลงจากเขาเอาเงินกลับบ้านไปนอนชื่นใจแล้ว
>> ผ่านไปหกชั่วโมง <<
“โอ๊ย!! ถึงสักที”
ทันทีที่ฉันขึ้นถึงยอดเขา ฉันทิ้งตัวและสิ่งของทุกอย่างลงบนพื้น ตอนนี้ฉันคิดถึงนวดฝาเท้าเพราะตอนนี้ร้องเท้ามันทั้งกัดทั้งบีบจนเท้าฉันเจ็บไปหมดแล้ว
“พี่!! มาด้วยหรอ”
โอ๊ย!!ใครมันมารู้จักเอาตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย ฉันหันไปตามเสียงพร้อมกับหน้าที่เหมือนคนปวดท้องหนัก
“กาย!! มาเหมือนกันหรอ? แล้วมากับใคร”
ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะมาเจอกายที่นี่ถ้าเขายังโสดฉันว่ามันต้องเป็นพรมลิขิตแน่นอน เพ้ออีกแล้วฉัน
“อ๋อผมมาคนเดียวแล้วพี่มากับใครมากับแฟนหรอ?”
แหม!! น่าตบให้ปากฉีก ยิ่งไม่อยากจะรับรู้อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับมันแม้แต่ชื่อก็ไม่อยากได้ยิน
“ป่าว มาคนเดียวเลิกกันแล้ว”
“ผมเห็นพี่รักกันดีทำไมเลิกกันล่ะ?”
“ชั้งมันเถอะเรื่องมันยาวเล่าไปก็เหนื่อย”
ฉันตัดบทก่อนหยิบเต็นท์ขึ้นมากาง
“พี่ไปกางตรงโน้นไหมจะได้อยู่ใกล้ๆ กันพี่จะได้มีเพื่อนคุยเดี๋ยวเหงานะพี่”
ทำแบบนี้รู้ไหมว่าฉันหวั่นไหว เขาก็รู้ว่าฉันยังชอบเขาอยู่ เขาจะกล้าชวนฉันไปนอนไกลๆไหม ฉันว่าต้องไม่มีทางแน่นอนแต่ถ้าเขามีใจให้ฉันก็ไม่แน่ วันเวลาที่ผ่านมามันไม่เคยทำฉันฉันรักเขาน้อยลงไปเลยสักนิด คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนแล้วกัน
“แล้วพี่จะอยู่กี่วันหรอ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน แล้วกายล่ะอยู่กี่วัน?”
“ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันเลยพี่ เลื่อยๆ แหละพี่”
กายช่วยฉันกางเต็นท์จะเสร็จก่อนจะเดินหายไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับน้ำสี่ขวด
“พี่กินน้ำก่อน” พร้อมกับส่งขวดน้ำให้ฉัน
“ขอบใจ” ฉันรับน้ำมากินแล้วนั่งลงตรงหน้าเต็นท์
“พี่ไปดูโพระอาทิตย์ตกดินกันไหม เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกดินแล้ว”
“ยังมีแรงเดินอีกหรอ ไม่เอาแล้วปวดขา”
“ไปเถอะพี่ ผมไปดูคนเดียวเหงา”
“โอ๊ย!! คนเยอะขนาดนี้ยังเหงาอีกหรอ”
“พี่คนเยอะแล้วผมรู้จักใครสักคนไหมล่ะ ไปเหอะพี่”
กายพยามชวนฉันพูดจนหูฉันจะหนวกแล้ว ถ้าฉันยังยืนยันที่จะไม่ไปมีหวังหูหนวกแน่นอน
“รู้แล้ว ไปก็ไป”
“พูดง่ายๆ แบบนี้รักตายเลย”
รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา ฉันโสดอยู่นะและที่สำคัญฉันเคยชอบนาย วันเวลาไม่ได้ทำให้ฉันเลิกชอบนายนะ
ฉันใช้เวลาเดินไม่นานจริงก็ถึงจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกดิน มันสวยมากจริงๆ ถ้าได้มาดูกับคนที่รักมันคงรู้สึกดีมากๆ เลยแต่มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะตอนนี้ฉันอยู่ตัวคนเดียวไปแล้ว
“พี่!!”
“พี่!!”
“พี่แอล!!”
“พี่แอล!!”
“อะไร! ว่าไง? จะแหกปากทำไมอยู่แค่นี้”
“ผมเรียกพี่ตั้งนานแล้ว พี่แหละเหม่อคิดถึงใคร แฟนละสิ”
“อยู่ดีๆ เคยล้มทั้งยืนไหม”
“โอ๊ย!โหดแท้ ก็ผมเห็นพี่ยืนเหม่อ เดี๋ยวจะกลิ้งตกเขาไปยืนหมิ่นขนาดนั้น”
“ตกไปก็ดี อยู่ไปก็ไม่มีใครรัก”
“พี่รู้ได้ไงว่าไม่มีใครรัก บางทีผมอาจจะรักพี่ก็ได้”
ช๊อค!! แผ่นดินไหวหรือป่าว หรือว่าฉันอยู่สูงเกินไปหูฉันมันต้องอื้อแน่นอน
“เมื่อกี้ว่าไงนะ?”
“ป่าว จะกลับยังพี่ผมจะไปอาบน้ำแล้วมันหนาวถ้าอาบดึกกว่านี้หรือว่าพี่จะไม่อาบแล้ว ผมไม่ให้นอนด้วยหรอกนะเหม็น”
“แหม! ไอ้กายนอนคนละเต็นท์เถอะ กล้าพูดนะ”
ฉันหันลังเดินกลับมาที่เต็นท์ไปอาบน้ำแล้วก็เข้านอน เพราะการเดินขึ้นเขามันทั้งเหนื่อยและทั้งเพลีย หมดแรงจะทำอะไรทั้งนั้น ฉันขอนอนก่อนดีกว่า
“พี่แอลกินข้าว”
โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้าตายขอฉันนอนสบายๆ หน่อยได้ไหมเนี่ยฉันเหนื่อยมาก
“พี่กินข้าว”
“ไม่กินกินไปเลยฉันเหนื่อยอยากนอนแล้ว”
“พี่แต่ผมเอาเผื่อพี่ด้วย มันเสียน้ำใจนะพี่”
อยากจะตบให้ตาบคามือจริงๆ
“รู้แล้วๆ”
ฉันลุกออกมาจากเต็นท์ เพื่อออกมากินข้าวที่กายเอามาให้
“เอามาเยอะขนาดนี้จะกินหมดไหมเนี่ย”
“เดินขึ้นเขามาเหนื่อยก็ต้องกินเยอะสิพี่ ชดเชยที่เสียไป”
“จ้า” หมั่นใส่จริงๆ
ฉันกินข้าวต้มที่กายเอามาให้ ถึงมันจะเยอะแต่ฉันก็กินมันจนหมด ก่อนจะเข้านอนอีกครั้ง
“ไม่ต้องเรียกแล้วนะ จะนอนแล้ว”
“ค้าบบบ”
>>เช้าวันใหม่<<
“พี่”
“พี่แอล”
ทุกครั้งที่ฉันตื่นต้องเพราะเสียงเรียกของกายทุกที นายมีปัญหาอะไรกับฉันเนี่ย ฉันไปแย่งของเล่นนายเล่นตอนเด็กๆ หรือไง
“ตื่นแล้งเลิกเรียกได้แล้ว”
“ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน”
“ไม่ไปจะนอนจะเรียกทำไมแต่เช้า”
ฉันพูดจบก็ล้มตัวนอนเหมือนเดิม
“ถ้าพี่ไม่ลุกผมจะเข้าไปปลุกนะ”
“กล้าก็เข้ามา กลัวที่ไหน”
จ้างให้ก็ไม่กล้าหรอกชิทำมาเป็นพูด เสียงรูดซิบขึ้นด้วยความเร็วพร้อมกับร่างทั้งร่างของกายเข้ามาในเต็นท์ดึงผ้าห่มออกแล้งลากฉันออกมานอกเต็นท์
“จะบ้าหรือกายเข้าไปได้ไง”
“ก็บอกให้ลุกไม่ลุกบอกแล้วว่าถ้าไม่ลุกจะเข้าไปปลุก พี่บอกถ้ากล้าก็เข้าผมก็เข้าไปสิ”
“โอ๊ย!! ฉันประชด”
“เอ้าหรอผมไม่รู้”
“ชั้งมันเถอะจะไปก็ไป”
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ฉันละปวดหัวจริงๆ อุสาหนีมาพักใจสบายๆ ดั้นมาเจอกายให้ปวดหัวอีกนอกจากจะปวดหัวแล้วยังปวดใจอีก ฉันกลัวว่าฉันจะห้ามใจไม่ให้ชอบเขาไปมากกว่านี้เพราะเขามีเจ้าของแล้ว
“กายวันนี้ฉันจะกลับแล้วนะ”
“เอ้าทำไมรีบกลับจริงล่ะ ไหนว่ายังไม่รู้จะกลับวันไหนไง”
“ปวดหู ถ้ายังอยู่ต่อมีหวังต้องไปหาหมอรักษาหูแน่นอนแหกปากเรียกทุกวันเลย”
“งั้นเดี๋ยวผมกลับด้วยแล้วกันพี่ อยู่คนเดียวก็เหงาอยู่ดี งั้นผมไปเก็บของก่อนนะพี่จะได้ลงกันเลย กว่าจะถึงข้างล่างเดี๋ยวมืด”
กายเริ่มเก็บเต็นท์และข้าวของเพื่อที่จะเดินทางลงจากเขาพร้อมกับฉัน ทำไมเขาต้องกลับพร้อมฉันด้วยล่ะ ในเมื่อเขาก็บอกกับฉันว่าไม่รู้ว่าจะอยู่กี่วันเหมือนกัน หรือว่าเขาก็อยากอยู่ใกล้ๆ ฉันเหมือนกันไม่น่าใช่อย่าลืมสิว่าเขามีเจ้าของแล้วจะอยากมาอยู่ใกล้ๆ ฉันทำไมกันเพ้อเจ้อจริงๆ
“กายถามไรหน่อยสิ”
“ถามไรพี่”
“แล้วทำไมไม่ชวนแฟนมาเที่ยวด้วยล่ะ”
“ผมเลิกกันไปแล้วพี่ เลิกตั้งนานแล้ว”
“จริงสิ”
ข่าวดีสำหรับฉันเลยนะเนี่ย แต่ว่าทำไมเลิกกันได้ล่ะ เห็นรักกันมาตั้งนานแสนนาน เจอที่เรียนที่ไรก็เห็นโทรคุยกันตลอดเวลา
“แล้วทำไมเลิกกันล่ะ”
“มันงี่เง่า พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วก็อีกหลายๆ อย่างแหละ”
“อืม”
แบบนี้ฉันก็มีสิทธิ์นะสิ เข้าทางฉันล่ะ
“เสียใจด้วยนะ”
“ผมชินแล้วพี่ ผมเลิกกันสามเดือนได้แล้ว”
ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยทั้งที่เรียนที่เดียวกัน หรือมันก็ไม่แปลกขนาดเขายังไม่รู้ว่าฉันเลิกกับไอ้ผู้ชายหัวไชเท้านั้นแล้ว
“เก็บเร็วๆ สิพี่ช้าจริงเลย”
“รู้แล้ว”
ฉันรีบเก็บของก่อนจะเริ่มเดินลงเข้าเพราะช้าลงสายเกินไปกว่าจะถึงข้างล่างมันอาจจะมืด เดินเขาตอนมืดมันอันตรายและน่ากลัวด้วย
“แล้วพี่กลับยังไงเนี่ย”
“ก็คงให้แม่มารับแหละเพราะตอนมาแม่ก็มาส่ง”
“งั้นกลับพร้อมผมไหม ผมขับรถมาเอง”
“จะดีหรอ”
“ดีสิพี่ พี่จะได้ไม่เหงาไงมีเพื่อนคุย”
“ฉันกลับพร้อมแม่ก็มีเพื่อนคุยเหมือนกันหรือป่าวย่ะ”
“ไม่เหมือนพี่”
“มันจะไม่เหมือนยังไง”
“ก็แม่พี่เป็นผู้หญิงแต่ผมเป็นผู้ชาย”
“เออ อันนั้นไม่เถียง”
กวนประสาทจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ
>> ผ่านไปสี่ชั่วโมง <<
ฉันใช้เวลาเดินแค่สี่ชั่วโมงก็มาถึงข้างล่างซึ่งมันเร็วกว่าตอนเดินขึ้นมากๆ ฉันอยากกลับถึงบ้านเร็วๆ แล้วเพราะการเดินลงเขามันก็ไม่ได้ต่างจากการเดินขึ้นสักเท่าไหร่ ตอนนี้ฉันปวดขาเอามากๆ เลย
“กายแล้วจอดรถตรงไหนเนี่ย รอตรงนี้ได้ไหมปวดขาเดินไม่ไหวแล้ว”
“ได้ๆ พี่รอตรงนี้แหละเดี๋ยวผมมารับ”
“โอเค”
ทันทีที่กายจอดรถฉันแทบจะกระโดดขึ้นรถเลยด้วยซ้ำไป ฉันอยากกลับบ้านมากๆ กายใช้เวลาขับรถประมาณสองชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านฉัน
“ขอบใจนะที่มาส่ง จะเข้าไปในบ้านก่อนไหม”
“ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวผมกลับบ้านเลยดีกว่า ผมอยากกลับไปนอนแย่แล้ว”
“ตามใจ ขับรถดีๆ แล้วกัน”
“ครับ”
เราจะได้เจอกันอีกไหมนะ ถ้าจะได้เจอก็คงเปิดเทอมโน้นแหละ ปวดขาอาบน้ำแล้วออกไปนวดดีกว่าเดินจะไม่ไหวแล้วเนี่ย ดีนะที่เป็นช่วงปิดเทอมถ้าเปิดเทอมฉันคงต้องขาดเรียนเป็นอาทิตย์แน่เลย
>> ร้านนวดฝาเท้า <<
ฉันเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านวันนี้คนเต็มร้านไปหมด
“สวัสดีคะเชิญด้านในเลยนะ เดี๋ยวแช่เท้ารอก่อนนะคะ”
“คะ” ฉันเดินมาที่เก้าอีกก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงและแช่เท้า
“เอ้าพี่มาทำไร”
“กินส้มตำมั้ง มานวดเท้ามานวดเหมือนกันหรือไง”
“ป่าวร้านแม่ผม”
“จริงดิ อยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่เห็นเคยรู้เลย”
“ก็พี่ไม่ถาม”
สรุปฉันผิดใช่ไหมเนี่ย
“ไปก่อนนะพี่”
“เชิญ” ถ้ารู้ว่ายุแค่นี้ ฉันมานวดทุกวันไปแล้ว
>> บ้านฉันเอง <<
“แอลตื่นหรือยังลูกสายแล้วนะ”
หนีเสียงกายก็มาเจอเสียงแม่อีก
“แม่คะ มันยังปิดเทอมอยู่เลยขอนอนตื่นสายๆ หน่อยไม่ได้หรอ”
“ถ้างั้นก็ตามใจเดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอก อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวแม่ซื้อเข้ามาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่”
เสียงตื่นเฟสบุ๊คในโทรศัพท์ฉันดังแน่นอนว่ามันทำให้ฉันสะดุ้งตื่นอีกขอนอนสบายๆ หน่อยจะได้ไหมเนี่ย ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่าใครส่งอะไรมาให้ฉัน และมันก็เป็นรูปที่ฉันไปขึ้นเขามา กายเป็นคนส่งให้ฉันเขาถ่ายตอนไหนทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลยสักนิด ฉันโทรกลับไปหากายโชคดีที่ฉันยังเก็บเบื่อเขาไว้
“กายแกแอบถ่ายฉันตอนไหนทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลยเนี่ย”
“ก็ตอนที่พี่ไม่รู้ตัวนั้นแหละ”
“แล้วอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“บ้านผมสิพี่ถามแปลกๆ”
“งั้นแค่นี้แหละ”
“ครับ”
>> หลายวันผ่านไป <<
ฉันตัดสินใจโทรไปหากาย เพราะฉันตัดสินใจที่จะบอกบางเรื่องกับกายฉันนัดเจอเขาที่สวนสาธารณะที่ไม่ไกลจากบ้านฉันสักเท่าไหร่
“ว่าไงพี่ให้ผมมามีอะไรเนี่ย”
“มีเรื่องจะบอก”
“ก่อนพี่จะบอกผมมีอะไรจะให้”
“อะไร”
กายส่งโค้กมาให้ฉันก่อนจะค่อยๆ หันด้ายที่เป็นตัวหนังสือให้ฉันอ่านและมันก็เขียนว่าคนน่ารัก แน่นอนว่าฉันต้องยิ้มก็ฉันอาย
“แล้วพี่มีอะไรจะบอกผม”
“ฉัน...ชอบกาย”
“จริงดิ”
“จริงสิแล้วถ้าฉันจะถามว่ากายชอบฉันบอกไหมแล้ว...”
“ผมก็ชอบพี่แหละ”
“จริงดิ”
“จริง”
ฉันกับกายเราไปเที่ยวด้วยกันโทรคุยกับเราตกลงเป็นแฟนกัน
แต่!! ความสุขมันมักจะจากเราไปเร็วเสมอ
ฉันคุยกับกายได้ไม่ถึงเดือน กายเปลี่ยนไปและเริ่มทำตัวห่างๆ ฉันจังตัดสินใจที่จะถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขากลับตอบฉันว่าเขาคิดกับฉันแค่พี่สาวคนหนึ่งไม่ได้มากเกินไปกว่านี้ แต่ฉันเชื่อว่าไม่ใช้แน่นอนฉันเลยถามกับเขาว่าเพราะเขายังลืมแฟนเก่าไม่ได้ใช้ไหม เขาก็ยังคงปฏิเสธว่าไม่ใช้
ฉันเสียใจอยู่หลายวันและตัดสินใจที่จะโทรไปถามอีกครั้งว่าสาเหตุที่เราไปกันไม่ได้เพราะเขายังลืมแฟนเก่าไม่ได้ใช่ไหม ครั้งนี้เขายอมรับว่าเขายังลืมแฟนเก่าไม่ได้
“ทำไมหรอ??”
“พูดตรงๆ เลยนะพี่”
“อืม พูดมาเถอะมันถึงขนาดนี้แล้ว”
“ผมไม่อยากเอาใครเข้ามาแทนที่เขา เขาดีกับผมมาก เขายอมเอาตัวเองมาบังกระสุนให้ผมวันที่ผมกำลังจะโดนยิง”
ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่เงียบน้ำตามันเหมือนจะไหลแต่มันก็ไม่ไหลออกมาไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร สงสัยว่าน้ำตามันจะตกใน
“อืม ไม่เป็นไรเราก็เป็นพี่น้องกันก็ได้”
“ผมขอโทษจริงๆ นะพี่”
“ไม่เป็นไร ขอเวลาสองวันแล้วกันฉันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“ครับ”
ฉันเลือกที่จะวางสายโดนที่ไม่พูดอะไรสักคำถึงจะเป็นเวลาที่แสนสั้นมากๆ แต่ฉันก็มีความสุขดีกับความทรงจำสั้นๆ ของเธอเวลาสองวันมันไม่ได้ทำให้ฉันดีขึ้นเลย แต่ฉันเลือกที่จะสร้างภาพว่าฉันสบายดีและพร้อมที่จะเป็นพี่สาวแต่ในใจของฉันมันทั้งเจ็บปวด ฉันใช้เวลารักษาใจอยู่นานแสน จนตอนนี้มันผ่านมานานถึงสามเดือนแล้วแต่ในใจฉันมันก็ยังคงไม่ลืมเธอ และยังหวังว่าสักวันฉันจะมีโอกาสได้รักเธอและเธอก็รักฉันเหมือนกัน วันนี้เธออาจรักฉันไม่ได้แต่ไม่เป็นไรเพราะวันนี้ฉันได้รักเธอ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ