การบ้านครับ/ สัญญาของร้านผ้าไหมเล็ก ๆ

8.6

เขียนโดย นายน่าเบื่อ

วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.14 น.

  1 ตอน
  3 วิจารณ์
  4,411 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) สัญญาของร้านผ้าไหมเล็ก ๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร้านผ้าไหม+คุณตา+เด็กหญิง+ชาวต่างชาติ

 

สัญญาของร้านผ้าไหมเล็ก ๆ

 

ร่างเพรียวบางเดินไปตามท้องถนน ในชนบทแห่งหนึ่ง ผ่านร้านรวงมากมาย บ่างก็กำลังเปิดร้าน บางร้านยังปิดอยู่ อาจจะเป็นเพราะยังเช้าเกิน ไม่ถึงเวลาเปิด หรืออาจเพราะไม่มีเวลาเปิดแล้วก็เป็นได้ ร่างเล็กของเด็กหญิงวัย 15 กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิ่มเอมผาสุก วันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรกของเธอ เด็กหญิงตั่งใจตื่นแต่ก่อนไก่โห่ด้วยความตื่นเต้น อันที่จริงเธอนอนไม่ค่อยจะหลับด้วยซ้ำ

           

            วันนี้อากาศสบาย ๆ ไม่ร้อนอบอ้าวอย่างที่เด็กหญิงคิดไว้ แต่นี้ก็เป็นแค่ช่วงเช้าเท่านั้น วันนี้ยังอีกยาว เมื่อแหงนมองเมฆหม่นมัวสลัวหนา ที่บังบดท้องฟ้าสีครามเอาไว้ ก็รู้ได้เลยว่าวันนี้ไม่น่าจะมีแดด แน่นอน วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่ฟ้าบดแบบนี้ มีฝนตกปอย ๆ ลงมาบ้างบางช่วงเมื่อวาน ซึ่งนั้นไม่ได้ทำให้อุณหภูมิลดลงเลยแม้แต่น้อยในกลางวัน แต่กลางคืนกลับหนาวเย็น ซึ่งเด็กหญิงไม่ชอบแบบนี้เอาเสียเลย นี่หรือเปล่านะที่เค้าเรียกปลายฝนต้นหนาว

           

            เด็กหญิงเดินผ่านร้านตัดผมที่เปิดเช้าอย่างปกติ ก่อนจะเห็นเงาตัวเองในกระจกแวบหนึ่ง เธอยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองสัมผัสกับผมเปียที่ถักไว้อย่างน่ารัก ผมของเธอยาวระต้นคอ ความคิดอย่างตัดผมลอยมาวูบหนึ่งในหัว แต่แล้วก็ต้องส่ายหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดนี้ออก พร่างบอกกับตัวเองเบา ๆ ว่า อีกนานกว่าจะเปิดเทอม แต่ก็อดคิดถึงคำที่คุณตาบอกไว้ไม่ได้ว่า เวลาแห่งความสุขมักจะเดินเร็วเสมอ เดินมาได้อีกซักพักใกล้ถึงจุดหมาย สายตาของเธอก็ไปสะดุจกับร้าน ๆ หนึ่งเด็กหญิงแวะร้านนี้ทันที

 

            ไม่นานเธอก็เดินออกมาจากร้านพร้อมกับช่อดอกไม้สวย ๆ หนึ่งช่อ ไม่ใหญ่มากนัก ร้านดอกไม้ที่เธอแวะซื้อเป็นร้านเล็ก ๆ และเป็นร้านเดียวในย่านนี้   เด็กหญิงออกเดินต่อ มองช่อดอกไม้ในมือเป็นระยะ ก็คิดถึงแปลงดอกไม้หลังร้าน ที่เป็นจุดหมายปลายทางของวันนี้ อ่าเธอเถลไถลเกินไปแล้ว

           

            ไม่นานเด็กหญิงผมเปียก็มายืนอยู่หน้าจุดหมาย เธอยังไม่เปิดประตัวเข้าไปข้างในร้าน ก่อนจะก้มมองสำรวจตรวจตัวเอง ว่าแต่งตัวเรียบร้อยดีหรือยัง วันนี้เธอใส่กางเกงยีนสีดำตัวโปรดตัวที่สองและเสื้อยืดคอวีสีขาวลายแมวอ้วนหน้ารัก สวมทับอีกทีด้วยเสื้อแขนยาวสีเทา เธอชอบการแต่งตัววันนี้ ยังน่ารักอยู่ ก่อนจะแหงนหน้ามองป้ายหน้าร้าน และคนที่เธอรักอยู่ที่นี่ “ร้านไหมยายทอ”

 

กระจกที่ขึ้นฝ่าเป็นรอยฝุ่น มีหยดน้ำติดเล็กน้อย บอกเธอว่าควรเช็ดกระจกหน้าร้านได้แล้ว กระถางต้นไม้ดอกไม้หน้าร้านดินในกระถางแห้งกระ ทำให้เด็กหญิงนึกขึ้นได้ว่าลืมรดน้ำต้นไม้เมื่อวาน ตายละหว่า เธอต้องเจอบ่นแน่นอนหากคุณตามาเห็นเข้า เด็กหญิงหยิบกุนแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง เสียบและไขเปิดมีเสียงดังกริก เธอรีบเข้าไปข้างในร้านทันที เป็นสัญญาณบอกว้ารานผ้าไหมยายทอเปิดขายแล้ว

           

            ในร้านด้านหน้ามืดสลัวเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ  ส่วนด้านในมีเสียงเพลงรำไรและแสงไฟริบหรี่ ที่คุณตาเปิดจากห้องเย็บผ้า เด็กหญิงโล่งอกที่คุณตายังไม่เห็นกระถางต้นไม้หน้าร้าน สวิทซ์ไฟถูกกดเปิด หลอดนีออนสองหลอดกระพริบสองสามครั้งก่อนจะสว่างจ้าไปทั่วทั้งร้าน แสงสะท้อนกับถุงพลาสติกที่ห่อผ้าไหมไว้กันฝุ่น เกิดประกายยิบยับ หลากสี เด็กหญิงยืนมองอย่างทึ่งปนเพลิดเพลิน “ฝีมือทำความสะอาดของเราก็ใช้ได้เหมือนกันนี้” บอกกับตัวเองก่อนจะยิ้มกว้างปริ่มอย่างเป็นสุข

 

            “มาแล้วเหรอหม่อนอย่าลืมกวาดร้านหละ” เสียงดังมาจากห้องเย็บผ้าของคุณตา เป็นเหมือนเสียงระฆังตีบอกเริ่มเวลาทำงาน ของหม่อนอีกครั้ง ร้านไหมยายทอร้านนี้ มีขายทั้งผ้าไหม โรงงาน ผ้าไหม ที่ทอกับมือของชาวบ้าน และมีผ้าไหมพิเศษของร้าน จัดแบ่งเป็นโซน อย่างเป็นระบบระเบียบ ผ้าไหมโรงงานจะถูกจัดไว้ให้โชว์อยู่ในโซนหน้าร้าน ผ้าไหมที่รับมาจากชาวบ้านจะถูกจัดไว้แถวข้างโต๊ะที่เด็กหญิงนั่งประจำ ส่วนผ้าไหมพิเศษ ที่อาจจะเป็นไหมธรรมดาแต่ว่า มันก็มีค่ามากตั่งแต่คุณยายเสียไป เพราะไหมพิเศษของร้านคุณยายจะเป็นคนเลี้ยงหม่อน จนถึงทอ ท่านจะทำทั้งหมดเอง คุณตาจึงเก็บไว้ในห้องเย็บผ้า ดูแลอย่างดี ตั่งแต่คุณยายเสียคุณตาก็ไม่ขายผ้าไหมพิเศษให้ใครอีกเลย เมื่อเด็กหญิงถามคุณตามักจะตอบแบบเดียวกันทุกครั้ง “ตารอคน ๆ หนึ่งอยู่” และจะเฉไปเล่าเรื่อง ประสบการณ์ชีวิตของคุณตาแทน แล้วหม่อนก็เป็นเด็กชอบฟังเสียด้วย

           

            เสียงประตูหน้าร้านเปิดออกปลุกให้หม่อนตกใจเล็กน้อยจากการยืนเหมอ หยุดคิดเลื่อนลอยทันที หม่อนหันไปมองทางต้นเสียง เจอกับผู้มาเยือนตอนเช้า ชายหนุ่มผมสีเทาหน้าตาหล่อเหลาคมคาย แบบชาวต่างชาติ ผิวขาวพวงแก้มแดงจาง ๆ ดวงตาสีฟ้าหม่น ในตาสดใส เขากำลังมองมาและยิ้มให้หม่อนอย่างเป็นมิตร เธอเพิ่งเคยเห็นตาสีฟ้าครั้งแลก หม่อน ลืมกล่าวคำต้อนรับตามแบบฉบับของคนเฝ้าร้านไปชั่วขณะหนึ่ง ชายหนุ่มหัวเราะออกมาน้อย ๆ กับท่าทีเก่กังของเด็กหญิง มันส่งผลให้หม่อนทำอะไรไม่ถูกเข้าไปอีก มันเป็นการจะได้คุยกับชาวต่างชาติครั้งแรกของหม่อน

 

            “Good morning” ชายชาวต่างชาติพูดออกมาหลังจากหม่อนเก็บของเสร็จ เธอร้องออในใจอย่างโล่งองแสดงออกทางสีหน้า หม่อนพอรู้ศัพท์คำนี้ ก่อนจะมีสีหน้าลังเลขึ้นมาอย่างกำลังตัดสินใจ เธอจะพูดภาษาไหนดี?

 

          “สวัสดีตอนเช้าคะ” เธอตัดสินใจพูดภาษาดั่งภาษาเดิมออกไป ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างทะเล้น ทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนโดนแกล้งอยู่ การที่คุยกับเขาแล้วเธอไม่รู้ภาษาของเขามันทำให้หม่อนเหนื่อยและเกร็ง

 

          “ต้องการผ้าไหมแบบไหนคะ” เธอถามต่ออย่างชั่งใจ

 

            “Ido not know ifthe ownerisnot.” เธองงอีกครั้ง ชายหนุ่มหัวเราะร่ากับสีหน้าเอ๋อ ๆ ของเธออย่างกั้นไม่อยู่ มันทำให้สองพวงแก้มของเด็กหญิงแดงสุกด้วยความอาย ในสายตาของชายต่างชาติ เด็กหญิงกลับน่าเอนดูเหลือเกิน หม่อนตัดสินไปวิ่งไปหลังร้านเพื่อตามคุณตา คิดเพียงแต่ว่าเธอคงคุยกับชายคนนี้ไม่รู้เรื่องเป็นแน่

 

            ไม่นานนัก ตาตัด ที่ใคร ๆ ในละแวกนี้เรียกแบบนั้นและเป็นเจ้าของร้าน ก็เดินออกมาจากห้องเย็บผ้าพร้อมกับหลานสาว

           

            ชายชรารู้สึกอารมณ์บูดน้อย ๆ ที่มีคนมาขัดจังหวะเวลาที่ตนเพลิดเพลินกับการเรื่องผ้าไหมตัดชุดให้คุณนายผู้ว่าฯ ตอนที่เดินออกมาตาตัดถอนหายใจฮึดฮัด ทำให้หม่อนหัวเราะในท่าทีของคุณตาไม่น้อย แต่เพียงคุณตาตัดได้เจอกับชาวต่างชาติคนนั้น อารมณ์บูดของเขาก็เหมือนถูกขับไล่หายไปหมด ความดีใจและคิดถึง แล่นทั่วอย่างโหยหาถึงอดีตอันแสนสุขสมในช่วงเวลาหนึ่งที่มีค่าที่สุดของคนแก่ ๆ คนหนึ่ง รอยยิ้มอิ่มเอมปรากฏบนใบหน้าชายชรา ทำให้ริ้วรอย ที่ถูกเวลากัดเซาะวาดไว้เด่นชัด ตาตัดเดินเข้าไปหาหนุ่มต่างชาติในทันที ชายชราและชายต่างชาติพูดคุยกันจ่อก่อนคุณตาตัดจะเดินพาชายหนุ่มเข้าไปในห้องเย็บผ้า หม่อนสังเกตทุกอย่างอยู่เงียบ ๆ ตรงโต๊ะมุมประจำของเธอ ความสงสัยและคำถามเกิดขึ้นมากมาย แต่เด็กหญิงก็เลือกรอเวลาถามคุณตาเท่านั้น

 

            หลังจากที่หม่อนเอามื้อเที่ยงไปให้ชายต่างวัยสองคนในห้องเย็บผ้า เธอก็มานั่งอยู่มุมเดิมอีกครั้ง ชายหนุ่มต่างชาติยังขลุกอยู่ที่นี่ อยู่ในห้องเย็บผ้ากับคุณตาตั่งแต่เช้า หม่อนหยิบนิยายเล่มหนาขึ้นมาเปิดอ่านต่อจากที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน วันนี้ลูกค้าเงียบเหลือเกิน ตลอดทั้งวันมีลูกค้าสามคนเท่านั้น แน่นอนว่าเธอไม่นับตาชายหนุ่มต่างชาติ ที่อายุน่าจะแก่กว่าเธอซัก ห้า-หกปี ผู้ที่ดูสนิทสนมกับคุณตาเป็นพิเศษ เด็กหญิงจ่องอ่านไปบนบรรทัดช้า ๆ การไล่สายตาอ่านอักษรหลังท้องอิ่มทำให้หนังตาเธอหนักอึ้ง ไม่นานมันค่อย ๆ ปิดและหม่อนก็เผลอ เคลิ้มไปกับห้วงความง่วงงัน

           

          เวลาในตอนบ่ายมักเดินช้า ๆ ในความรู้สึกเสมอ แต่ใครเล่าจะสนเมื่ออยู่ในห้วงนิทรา หม่อนฝันว่าเธอกำลังถูกงูตัวใหญ่ลัดอยู่ ยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลัดแน่นขึ้น แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงความอึดอัดแม้แต่น้อย.... แรงเขย่าที่ไหล่เบา ๆ ปลุกให้หม่อนตื่นจากฝัน เธอเงยหน้างัวเงีย ป้องปากหาว ยกมือเล็กขึ้นปาดคราบน้ำตาออก มองหาคนปลุกก่อนจะตกใจอย่างลืมตัว ชายต่างชาติกำลังยืนยิ้มหัวเราะน้อย ๆ กับท่าทีของหม่อนไม่ต่างจาก ตอนเช้าเลย ชายต่างชาติยืนมองเด็กหญิงมาซักพักแล้ว พอเห็นสีหน้ากระส่ายและเด็กหญิงดิ้นกุกกัก เลยตัดสินใจปลุก ที่จริงเขาอยากคุยกับเด็กคนนี้มากกว่า

 

            “คะมีอะไรให้ช่วยเหรอ” เด็กหญิงพูดถามน้ำเสียงยังเจือแววงัวเงียอยู่ไม่น้อย พรางนึกในใจว่าเธอหลับไปนานขนาดไหน แล้วมีลูกค้าเข้ามาหรือเปล่า

 

            “เปล่าครับผมเห็นว่าเย็นแล้ว เดี๋ยวปวดหัว” ชายช่าวชาติบอกกับหม่อน เธอมองเขาตาปริบ ๆ ออเย็นแล้วนี่เอง แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ภาษาไทยนิ เข้าพูดไทยได้ สีหน้าของหม่อนเต็มไปด้วยคำถาม ลองนึกทวนดูหลายครั้งว่าหูไม่ฝาด

 

            “เอ่อ คุณพูดไทยได้ ?” ชายต่างชาติรอฟังคำถามนี้อยู่ เขามองเด็กหญิงด้วยความเอนดู เขาอยากแกลงเธอขึ้นมาแล้วสิ

 

            “ครับ ผมพูดไทยได้” ชายหนุ่มตอบออกมาก่อนจะส่งรอยยิ้มเป็นขี้เล่นให้กับเด็กหญิง หม่อนทำแก้มป่องอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเคืองเขาที่ไม่พูดไทยกับเธอแต่แรก เอ๊ะ หรือเขาจะแกล้งเธอในตอนเช้า

 

            “ดีครับ พี่อดัมครับ” ชายหนุ่มต่างชาติแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการเท่าไหร่ เมื่อคิดได้ว่าหม่อนยังไม่รู้จักเขาเลย

 

            “อะ คะ สวัสดีคุณอดัม หม่อนคะ” หม่อนยิ้มน้อย ๆรู้สึกอาย ก่อนจะแนะนำตัวเองบ้าง ทำไมเขาพึ่งมาบอกหละตั่งค่อนข้ามวัน?

 

            “55 พี่รู้แล้วครับ เรียกพี่อดัม ก็ได้นะ” อดัมบอกเธอ เขามีความรู้สึกผูกพันแปลก ๆ กับเด็กคนนี้ กับร้านนี้ และเขาชอบคุณตาตัด ไม่นึกเลยเพื่อนเก่าของคุณย่าจะน่ารักขนาดนี้

 

            “เรียกพี่เหรอคะ ว้าหนูก็นึกว่าลุงซะอีก” หม่อนพูดอย่างยิ้ม ๆ ล้อเลียนอดัมมองเด็กหญิงด้วยความเอนดูแต่ก็เคืองไม่น้อย ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน อย่างไม่มีสาเหตุ

 

            ชายชรายืนมองทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม อยู่หน้าประตูห้องเย็บผ้า ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มอดัมและเด็กหญิงหม่อน ผู้เป็นหลานทั้งสอง ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรยากาศที่เคยเงียบเหงาในร้านผ้าไหมยายทอ ดีขึ้นมาทันตาเห็น อบอวนด้วยกลิ่นอายมิตรภาพที่เป็นจุดเริ่มต้น โดยไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ดั่งครั้งอดีตก่อนเก่า ทำให้อดรำลึกนึกถึงวันวานเมื่อนานมาแล้วเหลือเกิน เขาพยายามรักษาดูแลร้านให้คงสภาพไว้และอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทชาวต่างชาติ และมันเป็นจริงแล้ว ก่อนจะปล่อยให้เด็ก ๆ คุยกันต่อ

 

            มุมหลังร้านเล็ก ๆ แคบ ๆ ของร้านผ้าไหมยายทอ ถูกจัดแต่งให้เป็นแปลงดอกไม้ต้นไม้ประดับย้อม ๆ มีหญ้าสีเขียวเป็นเหมือนพรมปูพื้น และมันอยู่ในสภาพนี้มานานจึงไม่แปลกที่จะเฉาเป็นรูหลุมเห็นดินบ้างบางจุด ที่นี้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความทรงจำเรอค่า ของชายแก่นามว่าตัด เขานั่งลงบนเก้าอี้โยกที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะกลมกลางสวนช้า ๆ ตามสังขาร เวลาทำให้พละกำลังร่วงโรย ตาตัดกำลังคอยให้เวลาพาเขาไปพบกับคนรัก หันมองไปยัง เก้าอี้สองตัวที่อยู่ข้างโต๊ะฝั่งตรงข้าม ก่อนความทรงจำจะถูกขุดค้น

 

            หญิง 2 ชาย 1 ในวัยสามสิบปี นั่งคุยกันในวันฟ้าโปรงโล่งสบาย ที่หลังร้าน หญิงคนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ ชายและหญิงทั้งคู่เป็นคนไทย ทั้งสามเจอกันเพราะรักการตัดเย็บเสื้อผ้า จนเป็นจุดกำเนิดร้านผ้าไหมยายทอร้านเล็ก ๆ ที่จุความทรงจำไว้มากมาย วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาได้นั่งคุยกันครบสามคน

 

            “ตัดและทอ เพื่อนรักฉันต้องกลับประเทศแล้วละ” หญิงต่างชาติ เอ่ยอย่างเศร้าหมอง หดหู่ เธอต้องจากสถานที่ที่รักและเพื่อนรักทั้งสองเสียแล้ว

 

          “มามี้ต้องการให้ฉันกลับไปดูแลร้านตอจากท่าน ฉันไม่รู้ว่าจะได้กลับมาไทยอีกไหม” เธอพูดก่อนปาดน้ำตาที่คลอออก

 

            “ไม่เป็นไรหลอกอริส มันเป็นเรื่องจำเป็นไม่ใช่เหรอ” ตัดชายหนึ่งเดียวพูดขึ้นปลอบ เขาคิดไว้แล้วว่าซักวันต้องเป็นแบบนี้ การจากลาเป็นเรื่องปกติของชีวิต แต่มันก็มาไวกว่าที่เราจะตั้งตัวทันเสมอ

 

            “อย่างที่ตัดพูด อริสจำเป็นที่จะต้องไป เอาอย่างนี้สิ ถ้าเธอกลัวไม่ได้มาหาเราอีก เราก็ส่งจดหมายหากันก็ได้” ทอบอกพร่างจับมืออริสเพื่อนรักขึ้นมากุมไว้ “แล้วฉันกับตัดจะดูแลรักษาร้านนี้ไว้อย่างดี เผื่อซักวัน หนึ่ง เราจะให้ลูกหรือหลานของเรา มาเจอกันที่นี่” ทอ บอกก่อนทั้งสองจะนึกมองถึงอนาคต อริสยิ้มออกมาทันที

 

            “จริงสิ ฉันสัญญาว่าจะกลับมา แม้ฉันจะมาไม่ได้ ฉันจะส่งลูก หลาน มาแทนฉันให้ได้” เธอจับมือของเพื่อนสนิททั้งสองไว้ ก่อนจะบีบเบา ๆ

 

            “แล้วเราจะต้องได้เจอกัน ฉันสัญญา” ทอและตัดพูดขึ้นพร้อมกัน

 

            “ ขอบคุณนะทั้งสองคน ฉันจะไม่มีวันลืมเลย แล้วเราจะมาเจอกัน ในวันนั้น” ไม่มีสายน้ำตาของทั้งสามเพื่อนสนิท มีเพียงสายสัมพันธ์เท่านั้นที่รินไหลต่อไป

           

            ภาพค่อย ๆ จางจาก ชายชรายิ้มอย่างมีความสุข รอยย่นบนใบหน้าเป็นหลักฐานอย่างดี ก่อนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบาย โยกตัวช้า ๆ เงยหน้ามองท้องฟ้า นกบินผ่านไปเป็นรูปตัววี แสงทีส้มทองเรื่องรองร้องบอกไกลหมดวัน วันนี้เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งของชายชรา วันนี้เข้าได้เจอกับเพื่อนเก่าในร่างชายหนุ่มที่ถือจดหมายคุ้นตามาด้วย แถมหลานของเขายังสนิทกับชายหนุ่มได้ดีเสียอีก สายลมพัดวูบมาเย็น ๆ รอบแล้วรอบเล่า เหมือนบอกว่าการรอของชายแก่นามว่าตัดสิ้นสุดแห่งสัญญาที่มีไว้ สัญญาของเราทั้งสามจบลงแล้ว แต่สัญญาสัมพันธ์ของลูกหลานกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ชายชรา ฮัมเพลงเบา ๆ อย่างผ่อนคลาย ปล่อยเสียงคลอลอยล่องหายไปกับสายลม

----------------------------------------------------------

แบบว่า ความในจากผม 55

เขียนเรื่องนี้ทีแลกไม่รู้เลยว่าจะออกมายังไง สุดท้ายก็ยังออกงงยุดี

โดยส่วนตัวอ่านแล้วเหมื่อนเรื่องนี้ เอ่อ งง ๆ หัก ๆ แปลก ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุของตัวเอง T^T

เชื่อว่ามีคำผิดเยอะ อ่านทวนแล้ว แต่น่าจะเหลือบาน ขอโทษไว้นะที่นี้ด้วยครับ  อยากลองใส่ภาษาไวรุ่นลงไป แต่กลัวจะกลายเป็นนิยาย และเรื่องจะยาวอยางอารมณ์ขึ้นเอง(ผู้เขียน)แหะ ๆ

ยังไงอ่านแล้วรู้สึกแบบไหนบอกกันบ้างนะครับ หรือไม่สนุกก็บอกกันได้ จะได้ปรับปรุง

เอาลงวันคริสมาสต์ครับ ^ ^ สุขสันต์วันคริสมาสต์ครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ขอทุกวันเป็นวันของคุณ  จงสุขซะ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา