ตึกร้าง [Tower]
เขียนโดย PomPom
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.05 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.29 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
บทนำ
เรื่อง...หอร้าง
สถานที่ร้างไม่มีคนเป็นเจ้าของ แต่สิ่งที่ไม่ใช่คน...อาจจะมี
น้ำตาลเดินหอบเอกสารปึกมหึมาเข้ามาในลิฟต์ เธอพึ่งจะย้ายเข้ามาทำงานในบริษัทจัดหาตึกเช่า เธอจบปริญญามาสองสามเดือนแล้วแต่ไม่มีงานไหนว่าง เธอจึงเลือกงานที่เธอสามารถทำได้เพื่อที่จะเลี้ยงชีพตน เนื่องจากเป็นเด็กกำพร้าน้ำตาลจึงไม่มีครอบครัว เธอโตมาในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ตั้งใจว่าจะตั้งใจทำงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเธอเลย
“จะสายแล้ว..” หญิงสาวมองดูนาฬิกาข้อมือ คิ้วขมวดเข้าหากัน
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกน้ำตาลรีบแทรกตัวผ่านช่องลิฟต์ทันทีโดยไม่รอให้มันเปิดสุด
หญิงสาวเดินอย่างรีบร้อนไปที่ห้องประชุมใหญ่ หน้าที่ของเธอในวันนี้คือต้องพาลูกค้าไปดูงานที่ตึกใหม่ซึ่งมีคนมาขายให้กับบริษัท จริงๆแล้วคือตึกร้างนั่นแหละ ลูกค้าของเธอบอกว่าจะทุบอาคารใหม่และเปิดเป็นบริษัท หากแต่ต้องไปดูสถานที่ให้แน่ชัด ว่าทำเลถูกต้องตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อหรือไม่ ตอนนี้ลูกค้ารายแรกของเธอรออยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ด้านหน้า หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วฉีกยิ้มกว้างๆก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปด้านใน
“อ่าว..”น้ำตาลถึงกับอ้าปากหวอด้วยความมึนงงเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าหญิงสาวดังขึ้น น้ำตาลหยิบมันขึ้นมารับสาย
“สวัสดีค่ะคุณเอกชัย”เธอกรอกเสียงเข้าไป ปลายสายรีบตอบรับ
[คุณภริดาครับ เรื่องนัดที่เราตกลงไว้ ติดธุระน่ะครับ...]
“อะไรนะคะ แล้วจะทำยังไงคะ”
[คุณช่วยไปถ่ายภาพนิ่งให้ผมหน่อยได้ไหมครับ เอาทุกมุมเลย] น้ำตาลเงียบไปสักพักก่อนจะตอบเสียงเรียบโดยเลือกที่จะเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองไว้
“พอได้ค่ะ...” [ขอบคุณนะครับ ขอวิวตรงดาดฟ้าด้วยนะครับ] “เอ่อคุณคะ...”น้ำตาลยังไม่ได้ถามเลยว่าทำไมแต่ปลายสายดันตัดไปก่อน
เธอเก็บโทรศัพ์ลงกระเป๋าอย่างหัวเสีย น้ำตาลรีบไปยังสถานที่นั้นตามที่ระบุไว้ที่เอกสาร กว่าจะมาถึงสถานที่นี้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็น เธอรีบจอดรถแล้วลงทันที
ตึกนี้ค่อนข้างอยู่ไกลจากตัวเมือง เป็นตึกร้างประมาณห้าชั้น จากสภาพดูแล้วหน้าจะร้างมาหลายปีแล้ว สีที่ทาตึกตอนนี้ซีดจาง บางจุดก็หลุดลอกออกมาเป็นแผ่นๆ
กลิ่นอับลอยโชยออกมาจากตึกจนน้ำตาลขนลุกซู่ ภายในตัวตึกเหมือนมีบางอย่างจ้องมองออกมาจากด้านในตลอดเวลา เธอรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายแล้วคว้ากล้องถ่ายรูปออกมากดถ่ายเพื่อเก็บภาพด้านนอกอาคาร
หญ้าแพรกขึ้นสูงจนถึงระดับหัวเข่าและต้นไม้ขึ้นรกรอบบริเวณ ลมพัดเสียงหวีดหวิวยิ่งชวนขนหัวลุกมากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงหกโมงเย็น น้ำตาลเก็บภาพด้านนอกเสร็จเรียบร้อย เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในอาคารเพื่อที่จะเก็บภาพดาดฟ้าตามที่ลูกค้าได้บอกไว้
เธอเดินผ่านช่องประตูที่ว่างเปล่าไม่มีประตูขวางกั้น เศษกระจกเกลื่อนพื้น มีเศษหินปูนตามพื้น กำแพงมีลอยขีดเขียนข้อความต่างๆนาๆประมาณว่า ผีดุห้ามเข้า แต่น้ำตาลก็ไม่ได้สนใจ รีบมองหาบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปบนดาดฟ้า
แสงอาทิตย์เริ่มเลือนลางลง บันไดไม้เก่าๆอยู่ที่ด้านซ้ายของกำแพง มีลิฟต์ล้างอยู่ด้วย
น้ำตาลมองเข้าไปก็เห็นเป็นศาลพระภูมิเก่าๆที่มีเครื่องเซ่นไหว้วางอยู่ มีเถาวัลย์เลื้อยปรกคุมทั่วพื้นศาล หุ่นนางรำวางกระจัดกระจายบางตัวก็ล้มอยู่กับพื้น บางตัวก็เหมือนจ้องน้ำตาลอยู่
เธอรีบเดินผ่านเพื่อที่จะขึ้นบันได
แอด...แอด...
เสียงบันไดดังตลอดเวลาที่น้ำตาลลงน้ำหนักตัวลงไปตามขั้น เธอต้องคอยระวังเพื่อกันไม่ให้ตัวเองเหยียบพลาด หากได้รับบาทเจ็บตกบันไดหัวร้างข้างแตกขึ้นมาก็อย่าหวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือเลย
เธอเดินไปตามชั้นต่างๆคอยเหลือบมองสิ่งผิดปรกติอยู่ทุกบริเวณ น้ำตาลผลักประตูเก่าๆที่สนิมเกาะออก ลมเย็นพัดตีหน้าของเธอเมื่อประตูเปิดออก เธออยู่บนดาดฟ้าเรียบร้อยแล้ว แชะๆ แชะๆ
เธอกดชัตเตอร์รวนเพื่อที่จะรีบถ่ายภาพให้เสร็จแล้วออกไปจากที่นี่ เธอตรวจดูภาพถ่ายอีกครั้ง ทำเอาหัวใจของเธอกระตุกวูบ เหงื่อผุดขึ้นตามหน้าผาก รูปถ่ายของเธอติดภาพบางอย่างที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นจนตอนนี้ เงาสีขาวประหลาดอยู่บนรูป
เธอย้อนดูทุกรูปปรากฎว่ามันมีอยู่ทุกรูปที่เธอถ่ายแต่เธอไม่สังเกตเห็นเลย
เตร้งๆ... เตรง....
เสียงระนาดทุ้มค่อยๆดังขึ้นด้านหลังน้ำตาล เป็นเสียงระนาดที่ดังไปทั่วบริเวณจนเหมือนตึกสูงสั่นไหวไปทั้งตึก
ขาของน้ำตาลเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว ร่างทั้งร่างหยุดนิ่งฟังเสียงดนตรีไทยแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
เธอหลับตาแล้วสวดมนต์ แต่ก็ได้แต่สวดผิดๆถูกๆเนื้องจากความกลัว เธอกำกล้องในมือแน่นก่อนจะตัดสินใจหันหลังอย่างช้าๆ
สิ่งที่น้ำตาลเห็นแทบทำให้เธอหยุดหายใจ หญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อพบกับใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวปริศนา
ริมฝีปากขาวซีดของเธอถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดหมือนเลือด ดวงตาของเธอขาวโพลงไม่มีลูกตาดำอยู่ในตา แต่งตัวเหมือนนางรำที่เธอเห็นในศาลพระภูมิเป๊ะ!
นางรำร่ายรำอย่างวิปลาส ร่างกายของเธอยามเคลื่อนไหวดังกรุบๆเหมือนกระดูกในร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
น้ำตาลอยากจะกรีดร้องให้สุดเสียงแต่เธอไม่สามารถจะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป น้ำตาไหลอาบแกล้มของหญิงสาวจนบางส่วนเริ่มแห้ง
กึก...กึก
นางรำหยุดรำพร้อมๆกับเสียงดนตรีไทย เธอหันหลังให้น้ำตาลอยู่ในตอนนี้ก่อนที่จะค่อยๆหันมา...แต่หัว เลือดแดงฉานไหลออกมารอบดวงตา
น้ำตาลไม่รออะไรอีกแล้ว เธอกรีดร้องสุด้สียงแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาประตูทางออก แม้ว่าเธอรู้ดีว่ามีสิ่งแปลกปลอมขวางทางอยู่ตรงนั้นก็ตาม
“กรี้ดดดดดด!!!”
โครมๆ ร่างของน้ำตาลหล่นลงไปตามบันไดไม้ ศรีษะของเธอไปกระแทกกับโต๊ะทำงานเก่าๆที่อยู่ตรงบันได
เธอตะเกียกตะกายพาร่างของตัวเองลงบันไดอีกแต่หางตาเหลือบไปมองห้องที่อยู่ตรงหัวมุมบันได
“ช่วยด้วยยย...”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นในห้องนั้น น้ำตาลยืนนิ่งอยู่กับที่อีกครั้ง เธอใช้มืออีกข้างที่ว่างปิดปากกันเสียงกรีดร้องไว้ เธอจับจ้องไปที่ประตูของห้องนั้น รอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
แควก!
“กรี้ดดดด!!!”
เสียงเหมือนบางอย่างฉีกขาดดังออกมาจากห้องนั้นตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน น้ำตาลไม่รอที่จะดูสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป เธอตัดสินใจวิ่งลงบันไดที่อยู่ตรงหน้า เธอก้าวพลาดที่ขั้นสุดท้ายจึงล้มลงตรงชานบันไดอย่างแรงจนไม้กระดานหัก
เธอมองขึ้นมาด้านบนตำแหน่งที่เธอเคยยืนอยู่ปรากฎร่างของหญิงสาวที่ไม่มีใบหน้า เรียกว่ามองใบหน้าแท้ไม่ออกดีกว่า เพราะส่วนที่จะเป็นใบหน้าดันมีแผลเหวอะหวะเต็มไปหมดจนมองรูปหน้าเก่าไม่ออก
ผมดำยาวของเธอชุ่มไปด้วยเลือดหยดเต็มพื้นที่ยืน เธอชี้หน้าน้ำตาลแล้วกรีดร้อง
“แก! ทำไมไม่ช่วยฉัน!” พูดจบร่างของหญิงสาวล้มลงกับพื้นแล้วค่อยๆคลานตามน้ำตาลลงมาตามชานบันไดเพื่อเข้ามาหาน้ำตาล เล็บจิกพื้นไม้จนเลือดอาบทั่วทุกนิ้ว เศษผิวหนังจากแผลบนหน้าหล่นตามทางที่เธอคลานชวนสยดสยองยิ่งนัก “กรี้ดดดด!!!”
น้ำตาลกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เธอลุกจากตรงนั้นแล้ววิ่งลงบันไดด้วยความรวดเร็ว เธอได้ยินเสียงของผีสาวคลานตามลงบันไดมาติดๆ แต่เธอไม่คิดจะหันกลับไปมองเลยซักนิดเดียว สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้คือวิ่ง วิ่ง วิ่ง และก็วิ่ง เหมือนประสบความสำเร็จ เธอวิ่งมาจนถึงชั้นแรกจนได้ เธอรีบวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อผ่านประตูออกห่างจากตัวอาคารได้ไม่ไกลนัก น้ำตาลเหลือบมองด้านหลังเป็นครั้งสุดท้าย
เธอเห็นวงดนตรีไทยนั่งเล่นอยู่กับพื้นหญ้ารกที่ขึ้นอยู่หน้าอาคารร้าง มีนางรำร่ายรำอย่างสนุกสนานพลางฉีกยิ้มให้น้ำตาล
เธอรีบไขกุญแจรถแล้วสตาร์ททันที รถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้นทันที น้ำตาลหอบหายใจเหนื่อย เธอเหลือบมองกระจกหลังเป็นครั้งคราว เธอเหลือบมองอีกครั้ง สิ่งที่เธอไม่อยากเห็นตอนนี้อยู่ด้านหลังเธอเรียบร้อยแล้ว!
หญิงสาวใบหน้าเหวะหวะนั่งอยู่ด้านหลังและค่อยๆยื่นหน้ามาหาเธอ “กรี้ดดดดดดด!!!”
เธอหักพวงมาลัยรถอย่างเสียการควบคุม รถคันใหญ่พลิกคว่ำลงข้างทางพร้อมๆกับสติของน้ำตาลที่ไม่มีวันกลับมารับรู้อะไรอีก ดวงวิญญานของน้ำตาลกระเด็นออกจากร่างของเธอทันทีเมื่อศรีษะกระแทกกับกระจกหน้ารถ...หากเธอรัดเข็มขัดนิรภัยเธอคงไม่ตาย...
เรื่องนี้เจ้แต่งได้ไม่นาน เมนท์ด้วยนะคะๆ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ