เรื่องสั้นชุด เขียนตามคำ เรื่อง เด็กข้างทาง
เขียนโดย ฮางมะ
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.11 น.
แก้ไขเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 12.24 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
สายฝนตกหนักตั้งแต่ตอนเช้าก่อนเด็กชายตัวน้อยจะตื่น ก่อนที่เขาจะต้องคอนท่อน้ำขนาดเล็กๆที่ตัดทำขึ้นมาพิเศษเพื่อที่คล้องพวงมาลัยเอาไปขาย พวงมาลัยดอกมะลิที่ยายของเด็กชายทนนั่งร้อยมาทั้งวัน เด็กชายตัวน้อยองท้องฟ้าอย่างท้อใจ บางครั้งเขาคิดว่าท้องฟ้าช่างไม่เป็นใจกับคนจนเลย โลกนี้ช่างย่ำยีคนไม่มีทางสู้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกดหัวของคนยากให้ก้มจำนนต่อชีวิต
ทาม เด็กชายวัยเจ็ดขวบ อาศัยอยู่กับยายมาตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยเห็นหน้าแม่และพ่อ ผู้ให้กำเหนิดกับเขาทั้งสอง เป็นใครก็ไม่รู้ พวกเขาทิ้งให้ เด็กชายต่อสู้ในโลกที่โหดร้ายเพียงลำพังกับยาย แต่นั่นไม่ใช่ความแปลกแยก เด็กในละแวกนี้มีใครบ้างมีครอบครัวสมบูรณ์พร้อม ถ้าไม่ขาดพ่อก็เสียแม่ ไม่ก็ ไม่มีใครสักคนอย่างเขาที่ต้องอยู่กับยาย กกกอดความจนแต่ไม่ขาดความอบอุ่นในบ้านหลังเล็กๆใกล้ผุพัง
การขายพวงมาลัยกลางสี่แยก เป็นสิ่งเดียวที่ยังต่อลมหายใจให้สองชีวิตได้สู้ต่อ และเป็นอาชีพเดียวที่คนที่นี่ใช้ล่อเลี้ยงชีวิต เป็นตาน้ำเล็กๆที่ชโลมความจนยาก ที่แห้งแล้งของทุกคนให้ชุ่มฉ่ำแม้จะถูกดูดซับลงไปอย่างรวดเร็ว
ยายทำ เด็กชายขาย นั่นคือหน้าที่และการแบ่งงานกันทำอย่างง่ายๆ และถ้าขายหมดแล้ว ทามก็จะมาช่วยหญิงชราร้อยพวงมาลัย ด้วยวัยเจ็ดสิบสองปีสายตาพร่ามัวทำให้หญิงชราทำได้ช้าลงรายได้ก็เริ่มหดหาย
เพียงวัยขนาดนี้แต่ต้องรับผิดชอบชีวิตสองชีวิต สิ่งที่หายไปนั่นคือความเป็นเด็ก แววตาของเด็กน้อยมองโลกใบนี้คนละแบบ อย่างที่เด็กวัยเดียวกันที่ได้อยู่อย่างสุขสบายในอ้อมกอดของครอบครัวที่เป็นสุข การที่ต้องขาดพ่อและแม่ไปกับการที่ทำงานมาตั้งแต่เล็กๆ สิ่งเหล่านี้เป็นดั่งปุ๋ยหรือสารเร่งความเจริญเติบโตทางความคิดให้เด็กชาย หากเราจะวัดว่าใครเป็นผู้ใหญ่จริง สิ่งนั่นหาใช่วัดกันที่อายุ รูปร่างหรือความสูง แต่มันคือความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างไม่บ่ายเบี่ยงและทำลงไปอย่างเต็มกำลัง
ฝนเริ่มซาไปบ้างแล้ว เด็กชายเริ่มออกเดินไปกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอีกห้าคน ไปยังสี่แยกไฟแดง สองมือน้อยๆของเด็กชายหอบหิ้วถุงที่บรรจุด้วยพวงมาลัย เมื่อมาถึงสีแยกอันเป็นที่ทำมาหากิน เป็นย่านของคนมีคุณภาพชีวิตสูง แม้ฝนจะยังตกแต่พอสัญญาณไฟแดงสว่างโร่ คือการตอกบัตรเริ่มทำงานอย่างจริงจัง สายตาเปี่ยมด้วยความวาดหวังที่จะขายพวงมาลัยให้ได้มากที่สุดมากพอจะพยุงชีวิตสองชีวิตให้อยู่ได้
หญิงสาวยิ้มหน้าแดงเมื่อขึนมานั่งรถ เพราะมีช่อดอกไม้สีสวยสดที่ชายหนุ่มคนขับยื่นมอบมาให้ เขาเองเพิ่งจะซื้อมาจากร้านดอกไม้ แล้วเอาซ่อนไวที่เบาะหลัง เป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆน้อยๆ ให้กับผู้หญิงที่เขาเพียรจีบมานาน โปรแกรมวันนี้เขาแน่ใจว่าจะทำให้หญิงสาวมีความสุข เริ่มด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ จากนั้นพาไปดูหนัง แล้วก็ต่อด้วยพาไปทานข้าวในห้างดังก่อนจบวันด้วยพาไปจิบบรรยากาศหรูที่ร้านดังริมแม่น้ำ
ใครว่าวันอาทิตย์รถจะคล่องตัว เปล่าเลยรถยังติดเป็นแถวยาวความเจริญก้าวตามและเติมโตทุกวันราวกับเงาตามตัว ชายหนุ่มชะลอรถอย่างช้าๆเหลือบมองแฟนสาวที่ยังกอดดมดอกไม้ที่เขาให้ ผู้หญิงกับดอกไม้ชายหนุ่มยิ้ม
เด็กชายกุลีกุจอเดินไปที่รถทุกคัน ยื่นหน้าที่เปียกชุ่มด้วยเม็ดฝนไปที่ประตูรถ ทุกคันก่อนจะโชว์สินค้าให้คนในรถดู หลายคนปฏิเสธ ทามก็ก้มหน้าสลดลงแล้วก็ออกเดินไปที่เป้าหมายใหม่ สองเท้าย่ำเหยียบถนนที่ชื้นแฉะ เดินไปเรื่อยๆไปหาใครก็ได้ที่พร้อมจะมอบเงินเป็นค่าพวงมาลัยดอกมะลิ เด็กชายตัวน้อยชโงกหน้าไปที่รถเก่งคันงาม ยังมิทันที่จะอวดมะลิสีขาว ก็ถูกชายหนุ่มในทำโบกมือเป็นการบอกว่าไม่ต้องการ เด็กชายเดินจากมาอย่างซึมๆ
เป็นภาพที่ชินตาของผู้ใช้ถนนเด็กขายพวงมาลัยข้างทาง ดวงตาของเด็กแห้งแล้งไร้ความหวัง มองรถคันใหญ่ที่จอดเรียงรายอย่างซื่อๆ หวังว่าจะมีคนใจดีช่วยซื้อ เด็กขายพวงมาลัยมิต่างอะไรกับเศษใบไม้แห้งที่หล่นเกลื่อนอยู่ข้างทาง ไฟเขียวก็วิ่งเล่นริมบาทวิถีพอไฟแfงก็เริ่มออกขาย ความจนไม่มีเสนห์ คนจนยิ่งไม่มีอะไรให้น่าสนใจ ผู้คนแค่มองผ่านๆแล้วจากไป จะบ้างที่บางครั้งผู้คนในรถที่แอร์ฉ่ำเย็นจะแลกเศษเงินกับพวงมาลัยช้ำเม็ดฝน แต่ก็ด้วยความสงสารมากกว่าต้องการจริงๆ
ไฟเขียวสว่างโร่ ชายหนุ่มยังขับรถไปทันทีไม่ได้รถติดมากมายเหลือเกิน
พอสัญญาณไฟเขียวเด็กชายรีบเดินออกมาก่อนที่คลื่นแห่งยวดยานจะวิ่งผ่านกันขวักไขว่ แล้วขณะนั้นเอง สายตาของทามก็เหลือบไปเห็นลูกสุนัขตัวน้อยขนสีน้ำตาล เนื้อตัวขะมุกขะมอมเปียกชุ่มด้วยฝน มันมาจากไหนไม่รู้ แต่กำลังจะวิ่งข้ามถนนมาทางนี้ น้องหมาตัวน้อยหน้าตาตื่นกลัวเสียงรถที่วิ่งเข้ามาราวหวุดหวิดจะทับมัน ทามหันรีหันขวางเด็กชายมิอาจมองเห็นมันตายต่อหน้าต่อตาได้ เข้าวิ่งไปอุ้มมันมา พร้อมๆกับรถเก๋งคันงามที่แล่นเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
เสียงเบรครถดังสนั่น ทามกอดลูกหมาไว้แนบอก หลับตาแน่น
ชายหนุ่มแตะเบรคอย่างกระทันหัน หญิงสาวทีถือช่อดอกไม้กระแทกเข้าไปที่คอนโซลรถ ดอกไม้ยับยู่ยี่ ชายหนุ่มสบถเพราะไฟแดงได้สว่างโร่ขึ้นอีกครั้งเขาต้องติดไฟอีกครัง ทั้งสองคนรีบลงมาจากรถ พบเด็กชายนั่งกอดลูกสุนัขเอาไว้ ห่างจากตัวรถไปแค่ไม่กี่ฟุต
"เดินยังไงไม่ดูทาง!” ชายหนุ่มตวาด เด็กชายกับลูกหมาตัวน้อยหวาดกลัวเจ้าหมาตัวน้อยซุกตัวอย่างผวา
“อย่าว่าให้เด็กเลย แกคงจะมาช่วยลูกหมา ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” หญิงสาวว่าอย่างใจเย็น “คุณไปรอที่รถเถอะ" หญิงสาวบอกก่อนจะประคองเด็กไปที่ริมทาง
เขาเดินจากไปอย่างหัวเสีย นั่งรอหญิงสาวไม่นานเธอก็กลับมาที่รถ เขามองช่อดอกไม้ที่ยับเศษตกหล่นกระจาย
“เสียดาย” เขาว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันได้นี่มาแล้ว” เธอยื่นพวงมาลัยมะลิมาคล้องที่กระจกสองพวง อีกพวงหนึ่งเธอเอามาพันที่แขนแล้วเอามาดม “แบบนี้ก็หอมไปอีกแบบ” เธอยิ้ม ได้มองเธอเขาก็เย็นลง
“ไหนๆหอมจริงไหม”เขาว่า ก่อนจะจับมืหญิงสาวมาดมแล้วจูบที่มืออย่างแผ่วเบา
“ไฟเขียวแล้วค่ะ” เธอว่าอย่างอายๆ
รถคันนั้นเคลื่อนตัวจากไปแล้ว เด็กชายังนั่งนิ่งอยู่ข้างทาง บนตักมีน้องหมาตัวน้อยนอนขดตัวอย่างสั่นเทาด้วยความหนาว เช่นเดียวกับทามที่นั่งตัวสั่น ที่รอดพ้นความตายได้อย่างหวุดหวิด ในมืออีกข้างมีเงินจากหญิงสาวที่ซื้อพวงมาลัยไปจากเขาด้วยเงินที่มากมายเกินจำนวนที่เอาไป
เขาอุ้มลูกหมาขึ้นมามอง ดวงตาที่ไร้เดียงสาแต่หวาดกลัวของมันมองตอบมา เขายิ้มให้ มันเลียเขาตอบ มิตรภาพเริ่มนับแต่บัดนั้น เขาจะเลี้ยงเจ้าหมาน้อย เพราะเขาก็รู้ว่ามันก็ถูกทิ้งมาเหมือนกันกับเขา
“แม้จะมีกินไม่พอ แต่เราจะสู้ไปด้วยกันใช่ไหม มาลัย” เขาตั้งชื่อให้มันเมื่อเห็นว่ามันเป็นสุนัขเพศเมีย
สายฝนหยุดตกแล้วและแสงแดดก็เริมสาดส่องเด็กชายเก็บของแล้วอุ้มลูกหมากลับบ้าน จากนี้ไปเขาจะไม่เหงา
เป็นเรื่องสั้นที่คิดเขียนตามคำที่มีคนให้มา เขียนอย่าง รวดเร็ว แทบไม่ไดแก้อะไรมีอะไรตกหล่นตรงไหนช่วยบอกด้วยนะครับ
คำที่ให้มาคือ
ผู้ชาย+ผู้หญิง+ร้านดอกไม้+สี่แยกไฟแดง+ฝนตก+เด็กชายตัวน้อย+น้องหมา
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ