รอยแผล
เขียนโดย candle
วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
จากตรงที่นั่งอยู่ บนชั้นสองของร้านคอฟฟี่ชอป ผ่านกระจกใส เธอทอดสายตาลงไปเบื้องล่าง
ยามค่ำคืนบนถนนหน้ามาหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนนับร้อยนับพัน ผู้คนซึ่งไขว่คว้าหาความมั่นคงแห่งชีวิตพุ่งกระโจนอย่างบ้าคลั่ง แม้จะต้องทำในบางสิ่งซึ่งฝืนใจก็ยินยอม ผู้คนซึ่งมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งความฝันที่ยังคงคุกรุ่นใหม่สด และก็อีกหลากหลายคนเช่นเดียวกันที่ความโชติช่วงเหล่านั้นมอดดับไปแล้ว หรือบ้างก็พับเก็บไว้ในซอกหลืบแห่งจิตใจอันโรยล้า หลงลืม...เลือนจาง... ไร้ร่องรอยให้สืบค้นได้อีก
การดิ้นรนให้มีชีวิตรอดในแต่ละวันช่างดูดกลืนเรี่ยวแรงเหมือนเหลือบดูดกลืนเลือด ดวงไฟจินตนาการอับเฉาลงเรื่อยๆ ยากจะทัดทาน บ้างก็เดินไปทางซ้ายบ้างก็เดินไปทางขวาขวักไขว่ไปมา อย่างกับว่าพวกเขาไม่รู้หนทางกลับบ้าน มันดูสับสนวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อย ผู้คนจับจ่ายซื้อของ ผู้คนวางแผงขายของ จุดนัดพบแห่งวิถีชีวิตเริ่มขึ้นแล้ว
พลุกพล่านขุ่นข้อง เสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกลูกค้า เสียงพูดคุยทักทายบนบาทวิถีเมื่อคนแถบถิ่นเดียวกันพานพบ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเปื้อนเหงื่อเหนียวเหนอะ ด้วยความอบอ้าวของอากาศและผู้คนแออัดยัดเยียด การเจอคนบ้านเดียวกันในสังคมเมืองเป็นความอิ่มเอมประเภทหนึ่ง ช่วยเติมเต็มความอ้างว้างให้อบอุ่นได้บ้างแม้เพียงเล็กน้อย
เด็กหญิงชาวพม่ายัดเยียดกระดาษทิชชูใส่มือผู้คน ว่องไวรวดเร็ว ดวงตาไร้แววไม่รับรู้ต่อคำสบถก่นด่า ใบหน้ากร้านชีวิตวางเฉยไม่สะดุ้งสะเทือน
‘ขอร้องล่ะ พูดอะไรบ้างสิ’ เขาพร่ำพูด เมื่อเป็นฝ่ายทนไม่ได้กับความเฉยเมยนิ่งเงียบของเธอ นิ่งเงียบอย่างกับว่านั่นเป็นเกราะป้องภัยให้ได้ ช่วยให้เธอพรางกายจากปัญหาทั้งหมดทั้งมวลที่พึงเผชิญ ขดกายอยู่ในรังไหมอันแสนอุ่น
นานแค่ไหนที่เขาเป็นฝ่ายเฝ้ารอคอย เขาบอกเธอหลายครั้งหลายคราถึงความรัก การแต่งงาน ชีวิตครอบครัว แต่เธอกลับทำเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ได้ยินไม่รู้สึกรู้สม หลบเร้นจิตใจไว้ใต้เปลือกของความชาเฉยเงียบใบ้ไร้สรรพเสียง
’จะให้ฉันพูดอะไรได้อีก’ น้ำเสียงระทดท้อถามไถ่
เขามองใบหน้าเฉยเมยนั่น ทำไมเธอที่เขารักถึงได้เย็นชาเช่นนี้หนอ เธอช่างยากที่จะเข้าใจ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน เขายังรู้สึกว่าไม่รู้จักเธอเลย การที่จะทำความเข้าใจเธอดูเป็นเรื่องยาก ทั้งเธอเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาแม้สักเพียงเล็กน้อย เธอเหมือนหนังสือที่ไม่อาจตีความหมายได้ เป็นหนังสือซึ่งคนเขลาเช่นเขาไม่อาจรู้ความ เป็นแม่น้ำนิ่งลึกยากแก่การหยั่งถึง
‘เรื่องของเรา’
‘...............’
‘มีอะไรต้องพูดอีกอย่างนั้นเหรอ’
‘ผมรักคุณนะ รักมากกว่าผู้หญิงที่ผมกำลังจะแต่งงานด้วย’
เธอควรยินดีไหมกับประโยคนี้ ‘ผมรักคุณ รักมากกว่า’ รักมากกว่าแต่เหตุใดเล่าเขาถึงได้จากเธอไปแต่งงานกับหญิงอื่น มันคืออะไร...? ความรักของเขาไม่มากพอจะทำความเข้าใจผู้หญิงที่เขารักหรอกหรือ
เขากล้ำกลืนถ้อยคำสบตาเธอ ดวงตาไหวระริกตัดพ้อกล่าวโทษหากปากยังเม้มสนิท
‘แต่คุณดูเหมือนไม่รักผมเลย’
‘ฉันไม่เชื่อในความรัก มันก็แค่เรื่องโกหกหลอกลวง เป็นคำพูดเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ปรารถนา และเพื่อการละทิ้งในที่สุด’
เธอเหยียดยิ้มหลังจบประโยค เย้ยหยันความรักซึ่งบรรจงแต่งความหมายให้เพริดแพร้ว เรื่องแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอกนอกจากในนิยายรักประโลมโลกเท่านั้นเอง นิยายรักหวานซึ้งชวนคลื่นเหียนที่มักจบด้วยฉากแต่งงานอันสวยสด หรือไม่ก็ความเข้าอกเข้าใจกันภายใต้ฉากเน่าๆ ของภูเขา ทะเล บ้านพักตากอากาศ ทำให้ผู้เสพเคลิบเคลิ้มไหลหลง หาได้คิดสืบเนื่องไปไม่ว่าหลังจากนั้นชีวิตคู่จะดำเนินไปอย่างไร ห้าปีสิบปีนับจากนี้ครั้นรูปกายแปรเปลี่ยน วาจาซึ่งเคยระแวดระวังครั้งยังไม่ครองคู่ลดทอนลง สิ่งเคยเร้นแฝงฉาบปิดเปลือยตัวออก
‘เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคุณ’
ถามไปแล้วกลับทำให้รู้สึกผิด เขาเห็นความขมขื่นกร่อนเซาะในแววตาของเธอ แต่แค่เพียงแว๊บเดียวเท่านั้นก่อนจะสงบนิ่งลงเช่นเดิม เหมือนคลื่นกระทบฝั่งกลืนหายไปกับเม็ดทรายละเอียดยิบบนชายหาด แทรกซึมไหลย้อนคืนสู่ห้วงมหาสมุทรแช่มช้า
‘ผมขอโทษ’
เธอส่ายหน้า
‘ช่างเถอะ ฉันรู้เป็นฉันเองที่ผิด’
‘หากที่ผ่านมาคุณเข้าใจผม เชื่อมั่นในความรักที่ผมมีต่อคุณ เรื่องมันจะไม่จบแบบนี้’
เรื่องมันจะไม่เป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ เขากำลังจะแต่งงาน ผู้ชายคนที่บอกว่ารักเธอ คนที่บอกว่าจะคอยดูแลปกป้อง คนที่ครั้งหนึ่งเคยบอกว่าเข้าใจในความเป็นเธอ จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ และเธอก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นในวันหนึ่งข้างหน้า ชีวิตครอบครัวที่เธอวาดหวังว่าจะมีสมบูรณ์แบบ
ชีวิตครอบครัวที่เธอไม่เคยสัมผัส ชีวิตครอบครัวสำหรับเธอแล้วคลับคล้ายภาพฝันอันเลือนจาง และเธอก็หมายไขว่คว้ามาครอบครอง หวังจะก่อกำเนิดชีวิตเล็กๆ ได้ทุ่มเทความรักให้ ทดแทนในสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัส ให้ชีวิตหนึ่งสมบูรณ์พร้อมด้วยความอบอุ่น
ท้ายที่สุดเธอเองไม่กล้าพอที่จะเหนี่ยวรั้งมันไว้ เธอไม่อาจตัดสินใจผูกพันธ์กับเขาได้โดยการแต่งงาน เธอไม่เชื่อมั่นในความรัก ขนาดคนที่ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ-แม่ เธอยังคาดหวังในความรักของพวกเขาไม่ได้เลย อย่างนี้แล้วเธอจะเชื่อเขาได้อย่างไรกันเล่า เขาซึ่งเป็นคนอื่น...
และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาละทิ้งเธอไป ความรักของเขามีไม่มากพอที่จะดำรงอยู่เพื่อเธอ เข้าใจเธอ
“ขอโทษนะที่ต้องให้รอ”
เธอรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงทัก ผู้มาใหม่นั่งลงท่าทางเหนื่อยล้า เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบนออก เป่าลมออกจากปากกวาดตามองไปทั่วร้านก่อนจะนั่งลง เผยยิ้มให้เธอบางๆ
“งานคงยุ่ง” เธอมองดูเขา เห็นอาการกระสับกระส่ายเก้อเขินอย่างคนแปลกหน้าต่อกัน
“ใกล้เทศกาลก็อย่างนี้แหละ ต้องจัดตู้โชว์ใหม่หมด แล้วก็ตกแต่งเพิ่มเติมทุกชั้นทุกแผนก” คนหนุ่มบอก เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายศิลป์ของห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งย่านนี้
“คุณน่าจะบอก ฉันรบกวนรึเปล่า”
“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า ฉันดีใจที่เธอโทรหา” เขาจุดบุหรี่ แล้วก็ต้องสะบัดไฟให้ดับ เมื่อมองเห็นป้ายห้ามสูบกับสายตาเชิงตำหนิของผู้คนรอบข้าง ว่ากันตามจริงเขาควรเลิกบุหรี่ได้แล้วด้วย เขาเคยพยามหลายครั้งแต่กลับพ่ายมันทุกทีไป
รู้สึกเครียดนิดหน่อย การเผชิญหน้ากับเธอทำให้เขาเป็นกังวล ตกเป็นจำเลยอย่างหมดทางหลีกเลี่ยง
คนหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้า เธอดูขัดแย้งกับสถานที่ ภายในร้านแลดูสดใสไปด้วยสีเหลืองสว่าง หากเธอกลับดูหม่นหมองแปลกแยกกับสถานที่ ดั่งของซึ่งจัดวางผิดที่ผิดทางไม่เข้ากับองค์ประกอบทั้งมวล เป็นรอยตำหนิของภาพเขียน
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรอย่างงั้นเหรอ เธอสบายดีรึเปล่า”
เขาอดสงสัยเสียไม่ได้ เพราะปกติแล้วเธอจะไม่ยอมออกมาพบเขาเลย แค่เพียงเดือนละครั้งเท่านั้นที่เธอรับปากเขาไว้ แต่เมื่อวานนี้เธอเป็นฝ่ายโทรหา บอกว่าอยากเจอ เขาพอจะมีเวลาให้เธอไหม มีเรื่องอยากคุยด้วย
“ความรักมีจริงรึเปล่า” เธอถามเขาเสียงแผ่วโหย เหม่อมองไม่รู้จุดหมายในสายตา บางคราส่อแววกังวลฉายออกมา บางคราก็ว่างเปล่าเคว้งคว้างเกินคาดเดา
เขาเจ็บแปลบ
“เธอไม่เชื่อในความรัก”
“...............”
เธอพยักหน้าน้ำตาคลอหน่วย ความรู้สึกเจ็บปวดของความทรงจำสาดโถมบีบรัด ไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดออกมาได้อีก
คนหนุ่มสะท้อนใจต้นเหตุมาจากพวกเขาซึ่งเป็นพ่อแม่ พ่อแม่วัยรุ่นในสังคมฟอนแฟะเช่นปัจจุบัน และเธอก็แค่ผลผลิตซึ่งไม่ตั้งใจเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูอย่างเสียไม่ได้ของญาติทางฝ่ายแม่ กับวาจาประชดประชันด่าทอ เติบโตมาอย่างแคระแกร็นทางความรู้สึก เหมือนไม้ดอกไม้ประดับขาดคนดูแลเอาใจใส่ เพียงแต่เติบโตมาตามยถากรรมผลิดอกออกใบไม่เต็มที่
“ฉันเสียใจ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอไม่เชื่อในความรักของคนอื่น”
“...............”
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว อย่าพูดถึงอีกเลย”
เธอบอกเขาให้คลายกังวล ด้วยสายใยความเป็นพ่อลูกไม่ว่าเธอจะขุ่นเคืองเขาอย่างไร ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงให้อภัยได้อยู่ดี หรือด้วยเพราะช่วงวัยซึ่งเติบโตขึ้นเข้าใจชีวิตมากขึ้น แม้บาดแผลบางรอยจะคงยังตกค้างอยู่และเธอไม่อาจลบมันออกไปได้ก็ตามที
“ฉันรู้มันผ่านมาแล้ว แต่กับเธอมันยังอยู่”
เขามองเธอตรงๆ เห็นริ้วรอยความทุกข์ระทมพรางตัวอยู่ ที่ผ่านมาเขาไม่กล้ามองหน้าเธอ ไม่อาจทนเห็นความผิดพลาดชิ้นใหญ่อันประกอบด้วยเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตเป็นรูปรอยของคน สิ่งมีชีวิตไม่สมบูรณ์แบบหัวใจเว้าแหว่ง
“...............”
“ฉันไม่เป็นไร แค่อยากเจอคุณเท่านั้นเอง” เธอยิ้มให้เขาเสมือนส่งกำลังใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเธอถึงอยากเจอเขาแค่รู้สึกว่าอยากเจอ อยากคุยด้วย
“ฉันดีใจนะที่เธอโทรหา อย่างน้อยที่สุดฉันก็ยังเป็นคนที่เธอนึกถึงอยู่” คนหนุ่มยิ้มตอบรับรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“คุณเป็นพ่อนะคะ” เธอยืนยันกับเขา
“ขอบใจนะ” เขารู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ จากปากเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อเลย และเขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อ เขาไม่คู่ควรกับคำนี้แม้แต่น้อยไม่คู่ควรเลยโดยเฉพาะสำหรับเธอ
ความรู้สึกหนักหน่วงในอกคล้ายเบาลง ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เธอยอมรับเขามากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
หลังจากชีวิตแต่งงานของเขาจบลง ซึ่งมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นในเมื่อแค่ความใคร่ด้วยฮอร์โมนของวัยแสวงหาอันฉาบฉวยไม่ผูกพันธ์ เธอโดนผลักไปให้อยู่กับคนนั้นทีคนนี้ที เหมือนเป็นส่วนเกินของทั้งครอบครัวใหม่ของพ่อและของแม่ เมื่อพวกเขาต่างมีครอบครัวเป็นของตัวเอง มีลูกซึ่งเกิดใหม่และพวกเขาสามารถมอบความรักให้ได้ วัยเยาว์ที่บกพร่องในความรักความเอาใจใส่อย่างเด็กคนหนึ่งพึงได้รับจากพ่อแม่ ส่งผลให้เธอเป็นเช่นทุกวันนี้ ‘ขาดศรัทธาในความรัก’
“ฉันรักคุณนะ” เธอบอก รับรู้ว่าเขาและเธอต่างก็มีความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ รอยแผลไม่ได้มีอยู่เพียงเฉพาะเธอ กับเขามันก็ด้วยทุกคนต่างก็มีด้วยกันทั้งนั้นมากบ้างน้อยบ้าง
มันคือความป่วยไข้ทางจิตชนิดหนึ่งยามรู้สึกตัวเราก็สามารถสะกดมันให้แน่นิ่งในก้นบึ้งแห่งจิตใต้สำนึกได้ ยามเผลอไผลเมื่อความอ่อนแอทางอารมณ์มีอำนาจสูงกว่ามันก็คืบคลานออกมาให้คนเป็นเจ้าของตื่นตระหนกหวั่นวิตก
“ทั้งที่เธอไม่เชื่อในความรักของคนอื่น” เขาแครงใจ
“ค่ะ แต่ฉันเชื่อในความรู้สึกของฉัน” เธอยืนยัน
“และสามารถรักคนอื่นได้” เธอยิ้มให้เขาอีกครา
“ขอบใจนะ”
เขาอยากกอดเธอสักครั้ง อยากเรียกเธอว่าลูกเรียกแทนตัวเองว่าพ่อ แต่ขณะนี้มันยังไม่ถึงเวลา ระหว่างเขากับเธอคงยังต้องทำความคุ้นเคยกันอีกสักระยะหนึ่ง ทอดระยะเวลาออกไปอีกสักหน่อยสร้างความวางใจให้ก่อเกิด การเป็นพ่อแม่คนไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ให้ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดมายังต้องมอบความรักทุ่มเทด้วยหัวใจไม่ใช่ด้วยสิ่งอื่น
“ฉันขอโทษ” คนหนุ่มบอก เขาควรพูดคำนี้กับเธอมาตั้งนานแล้ว ขอโทษเธอซึ่งเป็นลูกสาวของเขา ขอโทษกับความผิดพลาดที่เขาก่อให้อดีต
“...............”
“ยกโทษให้ฉันได้มั๊ย”
เธอพยักหน้า
“ขอบใจมาก”
“ขอบคุณเช่นกันค่ะ...” เธอยิ้มให้เขา ยิ้มออกมาจากหัวใจ
การให้อภัยใครสักคน การยอมรับในความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องง่ายดาย แต่การยอมรับในตัวตนของอีกฝ่าย ลืมเลือนอดีตไปบ้างเพื่อเริ่มต้นใหม่ บางทีสิ่งซึ่งยังคงตกค้างอยู่ในใจของเธอคงลบรอยไปให้บางเบาลง.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ