สายลม และผู้เป็นที่รัก

7.4

เขียนโดย นายน่าเบื่อ

วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.29 น.

  1 ตอน
  4 วิจารณ์
  4,603 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 13.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) แด่ผู้เป็นที่รัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                ลมเย็นเอื่อย พัดลอยผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบตัวผมให้ความรู้สึกเย็นสบาย เสียงแรกหลังเสียงนาฬิกาปลุก คือเสียงจิ่งหรีด เสียงนก และจักจั่น ในยามเช้าตรู่  สอดประสานก่องกังวานไปทั่วทั้งสวน  แสงแรก ของวัน คือแสงสีส้มอ่อน ๆ โผ่ทอดแนวยาว ไปตามเส้นขอบภูเขา มองดูเป็นเส้นแสงขอบฟ้าในรุ่งเช้า

 

                ผมมองดูต้นไม้ที่กำลังต้องแสงเพียงน้อยนิดของรุ่งสาง มองหยดน้ำที่เกาะบนยอดหญ้า  และตกค้างบนใบไม้น้อยใหญ่ที่ส่องแสงระยิบระยับเล็กน้อยยามที่แสงค่อย ๆ มีมากขึ้นทีละนิดตามการลอยขึ้นของอาทิตย์เช้า  ช่างเป็นภาพที่สวยจริง ๆ ในเวลานี้ ภาพต้อนรับวันใหม่

 

                ผมค่อย ๆ ละออกจากหน้าต่างของห้องครัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเสียเวลามากแล้ว กับการให้กำลังใจตัวเองในตอนรุ่งสาง  อย่างเสียดายนิด ๆ ควรรีบดีกว่า เมื่อนึกขึ้นได้ผมจึงรีบลงมือ ทำภารกิจต่อไป  พร้อมกับบทเพลงสบาย ๆ ที่ธรรมชาติบรรเลงให้ฟังในยามเช้า

 

                นานพอดูกว่าผมจะทำอาหารเช้าเสร็จ  ก็ใกล้สายเข้าไปทุกที  ผมไม่ใช่มือโปรเลยกับการทำอาหารเพราะไม่ค่อยได้สำแดงฝีมือซักเท่าไหร แต่ครั้งนี้นั้นคงนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากทำกินเสียมากกว่า  อาหารเช้าสี่ห้าอย่างหอมอบอวนอยู่บนโต๊ะทานอาหาร ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งบ้านสวน  ถึงแม้แต่ละอย่างจะใช้เวลาทำนาน แต่ผมก็รับประกันถึงความอร่อยของมัน  เสียงติ๊ง ของหม้อหุงข้าวดังขึ้น  เมื่อเปิดฝา หม้อออก  ไอข้าวสวยสุกใหม่ ลอยฟุ้งออกมาทันที  บ่งบอกว่าทุกอย่างพร้อมแล้วกับโต๊ะอาหารเช้า  ผมตักข้าวใส่จาน  ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน พาเธอคนนั้นมารับประทานอาหารพร้อมกัน

 

                เรานั่งมองหน้ากันบนโต๊ะอาหาร เป็นครั้งคราวเธอยิ้มให้ผม  ผมยิ้มให้เธอ เสียงลมพัดผ่าน ไร้เสียงพูดคุย อาหารสี่ห้าอย่าง ที่อร่อยในตัวของมันอยู่แล้ว  ในความรู้สึกของผมมันกลับอร่อยมากขึ้น เพลิดเพลินขึ้นเมื่อได้กินร่วมกับเธอแต่ยังไงเสียความอร่อยและความเพลิดเพลินก็ต้องจบลง เมื่อความอิ่มทางกายเข้ามาทั้ง ๆ ที่ยังไม่อิ่มใจ

               

                หลังรับประทานอาหารเสร็จผม ก็ยังเป็นคนเก็บโต๊ะเช่นเคย ทำความสะอาด และเมื่อมองไปที่เธอ เธอก็ยังคงส่งยิ้มน้อยเป็นกำลังใจให้ผม พร้อมกับความรู้สึกผ่านสายตา  บอกให้ผมรีบเร่งทำให้เสร็จไวไว เรามีนัด  เธอนัดผมที่ศาลาริมสระกลางสวน  ในช่วงแดดอุ่น ๆ ของสายวันนี้

 

                ทุกอย่างเรียบร้อย ครัวสะอาด ผมหันไปมองเธอ  เธอมองผมอยู่เช่นกัน  และเหมือนจะบอกว่า เราควรไปกันได้แล้ว  ผมปิดบ้าน  แล้วจับมือเธอพาเดินไปสู่จุดหมายของเรา  ทางไปศาลาริมสระ กลางสวนไกล เอาเรื่อง แต่ระหว่างทางนั้นก็สวยเอาเรื่องเช่นกัน

 

                เราจับมือกันเดินไปเรื่อย ๆ เดินผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ ที่มีดอกหญ้า และพุ่มดอกไม้ ขึ้นแทรกอยู่ตลอกทาง และเธอยิ้มมาตลอกทางเช่นกัน  ยิ้มให้ผม รึเปล่านะ

 

                เดินมาไกลได้เกินครึ่ง  ผมก็หยุดตรงต้นส้มกลางสวน ที่ออกผลพอดี มีสีส้มบ้างประปลาย แต่สีเขียวก็เยอะกว่า ที่ใต้ต้นมีผลส้มหล่นล่วงลงค้างบนพุ่ม ดอกไม้บ้าง อยู่ในกอหญ้าก็มี  บางผลที่หล่นบนพื้นมีทั้งผลที่เน่าแล้ว และก็ผลหล่นใหม่ตามกาลเวลา ผมกระโดดคว้าผลส้ม ที่อยู่กิ้งต่ำ ๆ ของต้น   อยากได้ผลสีส้ม  แต่มือกลับคว้าเอาผมสีเขียวอมส้มมาแทน ผลนี้คงเปรี่ยวมาก  ผมจับมือเธออีกครั้ง เราออกเดินกันต่อ

               

 

                สายลมอ่อย ๆ พัดกระทบผิวน้ำเกิดวงคลื่น  เสียงกระดิ่งลมกรุ๊งกริ๊ง ที่ห้อยไว้ลอยมาตามสายลม   ศาลาริมสระมีใบไม้ที่ร่วงหล่นตอนปลายลมฝนต้นลมหนาว อยู่เยอะเลยทีเดียว   ผมนอนหนุนตักเธอหลังจากเคลียร์ พื้นที่ให้นอนได้  จับส้มขึ้นมาปอกเปลือก หยิบกลีบแลกเข้าปาก ก่อนจะหลับตาปี๋เพราะรสเปรี่ยว ส้มที่ผ่านกาลเวลามาน้อย  ยังคงเปรี่ยวอยู่ ผมโยนมันทิ้งลงน้ำ ก่อนจะเอ่ยปากถามเธอ

               

                “เวลาคืออะไร” เธอยิ้มบาง ๆ มาให้ผม หลังถามไป

              

                 “เวลาคือสิ่งที่นำหน้าเราเสมอ แต่ในขณะเดียวกัน เวลาก็ตามหลังเราเสมอ”  คำตอบจากเธอ

               

                  “แล้วเวลาสำหรับคุณละคืออะไร”เธอถามกลับบ่าง

              

                  ผมบอกเธอว่า “กาลเวลากลืนกินสรรพสิ่ง กาลเวลาไม่รู้ว่าเริ่มต้นที่ใด และจบลงที่ใด กาลเวลาสร้างได้ทุกสิ่งและทำลายได้ทุกอย่าง ยกเว้นความรัก”  เธอมองผมแล้วยิ้ม

               

                 “รอนานแล้วนะคำนี้” เธอเอ่ยบอก

               

                 “การที่ผมเอ่ยถึงรัก ไม่ได้แปลว่าผมรักเธอ” ผมบอกเธอ ก่อนผมจะลุกขึ้นนั่งหันหน้าคุยกัน เธอยังยิ้มสดใสให้ผมอยู่

              

                ผมเล่าต่อว่า “ความรักกลืนกินสรรพสิ่ง ความรัก ไม่รู้ว่าเริ่มต้นที่ใด และจบลงที่ใด ความรักสร้างได้ทุกสิ้งและทำลายได้ทุกอย่างแม้กาลเวลา”

               

              “งั้นรักก็อยู่เหนือกาลเวลาสิ” เธอบอกแล้วจ่องผม

              

               “เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าคุณฉลาด” ผมกล่าวบอกเธอ

              

               “ทำไมหละ” เธอถามกลับด้วยความอยากรู้

              

               “เพราะทุกครั้ง ผมคิดว่าคุณสวย อย่างเดียว” เธอมองแล้วยิ้มออกมาน้อย ๆ

               

               “ผมไม่เคยมองคุณที่ความฉลาด ร่ำรวย  มีความรู้มากมาย ผมมองคุณแค่เพียงเพราะคุณสวย” ผมบอกเธออีกครั้ง

              

                “แล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี” เธอถามด้วยความกังวล

              

                “ไม่ต้องทำอะไร ทำตัวให้สวยก็พอ ผมชอบที่คุณสวย”

 

                สายลมแปรปรวนพัดแรงขึ้น กระดิ่งลมสั่นรัว  ท้องฟ้าสีสดใสถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้มทั่ว  ต้นไม้น้อยใหญ่ สั่นไปกับแรงลม เตียมรอรับน้ำฝนที่กำลังจะลงเม็ด  ฝนเริ่มตกโปรยปรายลงมา ดังเปาะแปะ เมื่อกระทบกับหลังคาของศาลาริมสระ  โชคดีจริง ๆ ที่เรานั่งอยู่ในนี้  แต่ก็ไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อไอฝนยังคงสาดกระเซ็นเข้ามาถึงเธออยู่

 

                ผมดึงเธอเข้ามากอด แนบอกปกป่องจากไอฝน  ความสวยของเธอเมื่อเปียกน้ำนั้น  ในความรู้สึกของผมเหมือนเธอกำลังขาดใจตาย  ผมกลัวเธอเสียไป  ผมกอดเธอให้แน่นขึ้นกระชับร่างของเธอในอ้อมอก  ความอบอุ่นของสองเราเกิดขึ้นเอาชนะความหนาวเน็บจากไอฝน และลมแรง  ถึงผมจะเปียกก็ไมเป็นไร ขอเพียงเธอ สิ่งสำคัญของผม ปลอดภัยเท่านี้ก็เพียงพอ

 

                ฝนที่กระหน่ำตกค่อย ๆ เบา และหยุดลง  เมฆหนาเคลื่อยตัวลอยหายไปไม่นานนักเพราะแรงลม   ฟ้าสดใสเปิดอีกครั้ง  ฝนทิ้งหลงเหลือเพียงหยดน้ำ แห่งคว่มสุขใจของแมกไม้ทั้งสวน  ผมค่อย ๆ คลายเธอออกจากอ้อมแขน  สูดไอดินแสนสดชื่นหลังฝนตกเข้าเต็มปอด  ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  เธอไม่เปียก  เธอยังคงสวยงามอยู่

                “ฉันยังสวยอยู่ใช่ไหม” เธอเอื่องเอ่ยถามผมด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

                เสียงกระดิ่งลมเริ่มบรรเลง บทเพลงเบาหวิวอีกครั้ง  ลมกลับมาพัดเบา ๆ ให้ความรู้สึกเย็นสบายอีกครั้ง

                “อืมยังสวย ยิ่งกว่าเดิม” ผมบอกเธอก่อนเราจะมองสบตากัน

 

                ผมมองสบตากับเธออยู่นิ่งเนิ่นนาน เท่าไหร  ไม่อาจรู้ได้ เสียงก่องจากหัวใจ  ดังจนได้ยิน  ผมค่อย ๆ ดึงเธอผู้เป็นดวงใจเข้ามา ก่อนจะค่อย ๆ มอบจุมพิษให้เธอ  ผมบรรจงจูบอยากแผ่วเบา จูบข้างหน้า เธอ ข้างหลังเธอ  และสันปกของเธอ ก่อนกระชิบบอกเธอเบา  “ผมรักคุณ แม่หนังสือผู้เป็นทุกอย่างของผม”

         

           โอ๋คุณเอ๋ย  สวยงาม ดั่งพฤกษา

 

มากคณา หลากรส ตัวอักษร

 

ยามหุบดอก  ชวนหยิบ  มาอ่านนอน

 

ยามบานสอน  คติคำ จรรโรงใจ

        

           โอ๋เธอเอ๋ย  หนังสือจ๋า สุดที่รัก

 

สุดสวยนัก  ทำข้ารัก  แสนสั่นไหว

 

จักกอดเธอ  ด้วยสองตา  ไปแสนไกล

 

เธอคลองใจ  ดวงน้อยน้อย  ของข้าเอย

--------------------------------------------------------------------------------

 

                แด่พี่แคน  สังคีต  ผู้เป็นแรงบรรดานใจ  ให้มีเรื่องนี้  เรื่องนี้ผมทำเป็นเรื่องจากบทกลอนเปล่าของพี่แคน   บทกลอนเปล่า ในหนังสือเขียนครับ ถอดบทมาเป็นเรื่องนี้ครับ555 

ไม่ได้คิดจะล่วงเกินแต่อย่างใด แค่อยากเขียนให้มันเป็นเรื่องสั้น  ขออภัยด้วยครับ รักและคิดถึงอักษรของพี่เเคนเสมอ 

ขอขอบคุณคุณผู้อ่าน  ขอบคุณคุณผู้ติชมตักเตือน  ขอบคุณครับ กราบสวัสดี

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา