อาชีพของพ่อ...ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
เขียนโดย Special
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556 13.07 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) บทที่1.อาชีพของพ่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอาชีพของพ่อ...ไม่ใช่เรื่องหน้าอาย
“ฉันไม่ทนแล้วนะ!!!!”
นี่คือคำพูดสุดท้ายก่อนที่ผู้เป็นแม่ของ ‘มิน’ หรือมินตราเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบกว่าๆ จะเก็บข้าวของเสื้อผ้าต่างๆออกจากบ้านเช่าหลังเก่าๆโดยมีชายแก่วัยสี่สิบสามปีคอยกอดขารั้งไม่ให้ผู้เป็นภรรยาจากไป
“พี่ขอโทษอย่าจากพี่ไปเลยนะเหมียวพี่รักเหมียวนะ”
ภรรยาตวัดสายตาไปมองสามีที่มีสภาพทรุดโทรมสกปรก ไม่เหลือเค้าโครงของสุภาพบุรุษที่ดูมีภูมิฐานอยู่เลย เหอะ!นี่เหรอสามีของฉันเหมือนคนจรจัดข้างถนนซะมากกว่า!!!!!!
ภรรยาแกะมือของสามีที่กอดรั้งต้นขาของตัวเองออก พร้อมกับเดินไปหาลูกสาววัยเจ็ดขวบของตัวเองก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลรินของลูกน้อยและ เดินจากไปพร้อมกับรถเก๋งคันงาม...น้ำตาของลูกน้อยยิ่งพรั่งพรูออกมาเมื่อเห็นผู้เป็นมารดาทิ้งเขาไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย
“ไม่ต้องห่วงนะมิน...พ่อจะดูแลมินเองจะไม่ทำให้มินต้องผิดหวังหรือเสียใจเหมือนที่พ่อ...เคยทำไว้กับแม่ของมินพ่อสัญญา...”
ผู้เป็นพ่อโผลเข้ากอดลูกสาวพร้อมกับร้องให้โฮออกมา หยดน้ำตาไหลเปียกปอนลงบนเสื้อผ้าของเด็กสาวหยดแล้วหยดเล่าคำสัญญาของผู้เป็นพ่อทำให้เด็กสาวคิดว่า...เป็นเพราะพ่อทำให้แม่ต้องทิ้งเขาไปเพราะพ่อทำให้แม่ต้องเจ็บช้ำจนต้องทิ้งเขาไป..........
6 ปีผ่านไป...
ณ โรงเรียนมัธยมย่านชนบทแห่งหนึ่ง
“นี่มิน ใครน่ะกวักมือเรียกเธออยู่ตรงประตูโน้นน่ะเขามารับเธอหรือเปล่า”
มินหันไปมองตามที่เพื่อนของตัวเองชี้ให้ดู ก็พบชายแก่หนวดเครายาวดูสกปรก เสื้อยืดสีขาวจนกึ่งเหลืองทับด้วยเสื้อกั๊กสีแดงตามแบบฉบับวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของตนเองยืนกวักมือเรียกพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อตนอย่างดัง
มินหน้าเสียทันทีเมื่อผู้เป็นพ่อมารับด้วยสภาพที่สกปรกเหมือนขอทานข้างถนน เพราะมินรับไม่ได้กับอาชีพที่พ่อทำอยู่!!! มันหน้าอาย
“อะ...อืมกลับก่อนนะ”
“เอ๊!! มินมีพ่อเป็นวินมอเตอร์ไซต์ด้วยแหล่ะแก”
“ฮ่าๆจริงหรอแก”
มินเดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเพื่อนแต่ก็มิวายได้ยินเสียงซุบซินนินทาแว่วมา พ่อนะพ่อ อาชีพดีๆมีตั้งเยอะไม่ทำ ทำไมจะต้องมาเลือกอาชีพที่มันน่าอายแบบนี้ด้วยเนี่ย!!!!!! มินบ่นอุบอิบพร้อมกับเดินตรงไปยังผู้เป็นพ่อของตนเอง
“มิน ขึ้นรถเร็วลูกแดดมันร้อนนะเดี๋ยวผิวลูกจะเสียหมดนะ แล้วก็นี่เอาร่มไปกางบังแดดไว้นะลูก”
พ่อส่งร่มคันเก่าที่สนิมขึ้นตรงด้ามจับไปให้มินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มบวกกับเม็ดเหงื่อที่ไหลรินออกมา มินมองไปที่รถมอเตอร์ไซต์คันเก่าที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ ร่มก็เก่า รถก็เก่า คนยังเก่าอีก เหอะ!!!
มินคิดยังงั้นแต่ก็ยอมขึ้นไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซต์คันเก่าๆที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านเช่าหลังโทรมๆที่มีเธอและพ่ออยู่กันแค่สองคน
“พ่อทำอาหารไว้ให้มินแล้วนะ มีแต่ของโปรดของมินทั้งนั้นเลยนะ”
มินชำเลืองมองไปยังอาหารที่วางเกลื่อนกลาดอยู่บนโต๊ะอาหารซึ่งล้วนมีแต่อาหารที่ตนชอบทั้งนั้น พ่อรีบคดข้าววางให้มินแล้วจัดแจงตักอาหารแต่ละอย่างที่มินชอบมาวางไว้ให้แล้วยืนดูมินตักอาหารเข้าปากด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเปี่ยมสุข
“พ่อ!!ไปนั่งไปจะมายืนดูมินกินข้าวทำไม”
“จะ…จ๊ะ พ่อขอโทษนะทานให้อร่อยนะลูก”
แล้วพ่อก็ไปนั่งทานอาหารตรงข้ามกับมินโดยที่มินยังไม่ลืมคำพูดของเพื่อนที่นินทาเกี่ยวกับอาชีพของพ่อตัวเอง ‘เอ๋…มินมีพ่อเป็นวินมอเตอร์ไซต์หรอเนี่ย’ ทำไมพ่อถึงไม่หาอาชีพที่ดีกว่านี้เนี่ย!!!!!!
“กรี๊ดดดดดดด!!ทำไม ทำไม ทำไม”
“อะไรลูก มินเป็นอะไร!!!!” พ่อตกใจเพราะอยู่ดีๆมินก็กรีดร้องออกมา
“ทำไมพ่อไม่หาอาชีพที่ดีกว่าวินมอเตอร์ไซต์ห๊ะ!!!รู้ไหมว่ามินอาย…อายที่ต้องมีพ่อทำอาชีพวินมอเตอร์ไซต์จนๆแบบนี้”
“มิน…ทำไมมินพูดกับพ่ออย่างนี้ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มินใช้อยู่มันก็มาจากอาชีพวินมอเตอร์ไซต์จนๆที่มินกำลังดูถูกนะ”
น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลรินออกมา…ลูกสาวเพียงคนเดียวในชีวิตของเขากำลังดูถูกอาชีพจนๆที่เขาทำอยู่ แม้มันจะเป็นอาชีพจนๆแต่มันก็เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยยึดมั่นชีวิตของเขาให้เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
“มินบอกว่ามินอาย พ่อได้ยินชัดไหม!!!มินอาย โครม!!!”
มินทำลายข้าวของบนโต๊ะอาหารจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆแล้วจึงวิ่งขึ้นห้องไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวสุดๆ ปัง!! เสียงปิดประตูของมิน ทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกลับซุดตัวลงน้ำตาที่พยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้ไหลรินออกมา…ตอนนี้มันพรั่งพรูยิ่งกว่าน้ำในลำธารเสียอีก…ผู้เป็นพ่อก้มลงเก็บเศษจานแตก เศษอาหารที่เกลื่อกลาดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา…
เช้าวันต่อมา…
มินไปโรงเรียนแต่เช้าโดยที่ไม่ยอมให้พ่อไปส่งและไม่ยอมรับเงินที่พ่อยื่นให้เพราะคิดว่าเงินจากอาชีพจนๆอย่างวินมอเตอร์ไซต์ใครจะไปรับไหว
“เอ้าล่ะนักเรียนทุกคน นี้ก็ใกล้จะวันพ่อแล้วคุณครูอยากจะให้นักเรียนทุกคนเขียนเรียงความเรื่องพ่อ ต้อนรับวันพ่อปีนี้หน่อยนะคะแต่ถ้าใครที่..พ่อไม่ได้อยู่กับเราเเล้วก็อย่าเศร้าไปนะคะ ให้เราลองเขียนถึงใครก็ได้ที่เลี้ยงเรามาถือว่าเป็นการทดเเทนพระคุณ ทุกคนต้องส่งครูวันภายในพรุ่งนี้นะคะ”
มินนั่งมองกระดาษที่คุณครูแจกมาให้ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเพราะมินไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปในกระดาษเกี่ยวกับพ่อของเธอ เพราะพ่อ…ไม่เคยทำอะไรให้เธอประทับใจเลยสักอย่างมีแต่จะสร้างเรื่องให้เธออับอายได้ไม่เว้นวัน
“มินตรา มีผู้ปกครองมาขอพบเธอน่ะ”
ฉันเดินตามคุณครูไปยังสวนหย่อมหลังโรงเรียนก็พบหญิงสาววัยประมาณสี่สิบสี่ปีใบหน้าที่เริ่มเข้าสู่วัยชราแต่ก็ยังมีเค้าโครงความสวยหลงเหลืออยู่ ใบหน้าของผู้หญิงที่ฉันไม่มีวันลืม ผู้หญิงที่ทิ้งฉันไป…แม่!!!
“แม่!!!”
ฉันโผลเข้ากอดผู้เป็นแม่ด้วยความคิดถึงสุดหัวใจแม้ท่านจะเป็นคนที่ทิ้งฉันไปเมื่อหกปี่ก่อนก็ตามฉันก็ไม่คิดโกรธท่านเพราะคนที่ทำให้แม่ต้องไปคือพ่อไม่ใช่ฉัน!!
“มินแม่ขอโทษที่ทิ้งหนูไปเมื่อเช้าคุณตำรวจเขาโทรมาบอกแม่ว่า พ่อ...พ่อของลูกน่ะ” แม่ที่โอบกอดฉันอยู่เอ่ยถึงผู้เป็นพ่อโดยที่เริ่มมีหยดน้ำตาไหลรินออกมา
“พ่อเป็นอะไรหรอจ๊ะแม่”
“พ่อของลูกน่ะ…แล้วนะ”
คำพูดคำสุดท้ายของแม่ที่ฉันได้ยินไม่แน่ชัดนั้นเพราะฉันสลบ ไปนั้นมันยังคงกึกก้องอยู่ในหัวสมองของฉัน……
ใช่พ่อของฉันเสียแล้ว ท่านเสียเพราะต้องการที่จะหาอาชีพใหม่ที่จะไม่ทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าคนอื่นเขา…ท่านขับรถเร็วเกินกำหนดโดยไม่ทันระวังมีรถบรรทุกพ่าไฟแดงมาชนกับรถของพ่อ…ร่างของพ่อลอยไปกระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง ไหปลาร้าหัก ขาหัก หัวแตกพ่อเสียเลือดมาก นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อจากฉันไปโดยไม่มีวันหวนคืนมา……..
ใช่ฉันรู้ว่าพ่อทำงานหนักเพื่อหาเงินมาส่งค่าเล่าเรียนให้ฉัน พ่อต้องลำบากตากแดดตากฝนทุกวันเพื่อหาเงินส่งให้ฉันเรียนสูงๆ…แต่เพราะความอับอายที่มีพ่อทำอาชีพจนๆแบบนี้ฉันเลยเลี่ยงที่จะยอมรับความจริง…จนเริ่มเข้าใจกับอาชีพที่พ่อทำก็ตอนเมื่อพ่อเสียชีวิตไปแล้ว…
“พ่อคะหนูจะไม่โทษรถบรรทุกคันนั้นที่ขับผิดกฎจราจรถ้าไม่เป็นเพราะหนู ที่อายเพราะมีพ่อทำอาชีพจนๆอย่างวินมอเตอร์ไซต์ พ่อก็คงไม่จากหนูไป หนูอยากจะบอกกับพ่อในสิ่งที่หนูควรจะบอกกับพ่อมาตั้งนานแล้ว หนูรักพ่อนะคะ แม้พ่อจะไม่ใช่พ่อที่ดีที่สุด แต่พ่อก็ดูแลหนูรักหนูพอๆกับพ่อคนอื่นๆทำได้ พ่อคอยสั่งสอนให้หนูเป็นคนดี อบรมสั่งสอนให้หนูไม่ให้เป็นคนเห็นแก่ตัวที่จะคอยดูถูกคนจนๆ เหล่านั้นเพราะพวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากเรามากนัก สุดท้ายนี้หนูอยากจะขอให้พ่ออโหสิกรรมให้หนู หลับฝันดีนะคะพ่อ หนูรักพ่อค่ะ…”
สิ้นเสียงของฉันเหล่าแขกในงานศพต่างพร้อมใจกันปรบมือให้ฉัน น้ำตาที่ฉันพยายามอดกลั้นไม่ให้ไหลออกมา บัดนี้มันพรั่งพรูออกมาเป็นสายน้ำที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะหยุดเมื่อไร…น้ำตาแห่งสุขบวกกับน้ำตาแห่งความทุกข์รวมเป็นน้ำตาครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมอบให้กับผู้ชายที่ฉันรักอย่างสุดหัวใจ……พ่อ
พ่อ…คือ…ผู้ที่ทำให้เราเกิด
พ่อ…คือ…บุคคลที่เราควรทำตัวเป็นแบบอย่าง
พ่อ…คือ…คนที่เราควรเคารพรักอย่างสุดหัวใจ
สำหรับคนที่พ่อแม่ทำอาชีพจนๆ อย่าได้ดูถูกถ้าเรายังแบบมือขอเงินจากอาชีพจนๆเช่นนั้นอยู่เพราะสิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้ครอบครัวเรามีอันจะกินอยู่ทุกวันนี้….บอกรักบิดามารดาของพวกท่านหรือยัง…อย่ามัวอายกลับสิ่งที่จะทำเพราะเมื่อถึงเวลานั้น…พวกคุณอาจไม่มีเวลาบอกรักพวกท่านอีกเลยก็ได้
ฉันปิดหนังสือเล่มสีน้ำตาลที่เก่าจนเกือบขาดเเล้วหันไปมองหญิงชราวัยเก้าสิบสองปีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มอิ่มอกอิ่มใจพลางปิดหนังสือเล่มเก่าที่หน้าปกเขียนด้วยปากการอยจางๆว่า...บันทึกประจำวัน...มินตรา.......
----------------------------------------------------------------------------------
เป็นยังไงบ้างคะ^ ^ดีอ๊ะป่าว555 ยังไงก็ฝากวิจารณ์
ด้วยนะคะ วิจารณ์เเรงๆเลยก็ได้เพราะมันเป็นส่วนหนึ่ง ที่อาจจะช่วย
พัฒนาฝีมือของฝนไปด้วย^_____^
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ