คำว่าพ่อ..เกินกว่าจะนิยาม
เขียนโดย The_girl_sama
วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.50 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556 23.31 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ตอนที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ฮัลโหลพ่อ ตอนนี้พ่อว่างไหม" เสียงของเด็กสาววัย15ปีดังขึ้นท่ามกลางหมู่เพื่อน เพื่อนๆของเธอหัวเราะกันคิกคักด้วยความสนุกสนาน ไม่นานนักปลายสายก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่าตามกาลเวลา
'ก็ไม่ค่อยว่างหรอกลูก มีอะไรรึเปล่า?' นอกจากเสียงของพ่อเธอแล้ว ยังมีเสียงเครื่องจักรและเสียงพูดคุยดังแทรกเข้ามาในสาย
"พ่อไปหาที่คุยเงียบๆได้ไหม!เสียงมันดังไนซ์ไม่ได้ยินเสียงพ่อเลย!" ทั้งๆที่เด็กสาวได้ยินชัดเจนเต็มสองหู แต่ก็ยังคะยั้นคะยอให้พ่อของเธอออกห่างจากเสียงที่ดังลอดเข้ามา
'อือๆ พ่อหาก่อนนะ' พ่อของเธอเดินเสียงฉับฉับจนดังเข้ามาในสายด้วยความที่ว่าห่วงลูกจะรอนาน และไม่อยากให้ลูกอารมณ์เสีย
'ว่าไงลูก มีอะไร?' พ่อของเธอเลือกไปนั่งตรงโขดหินที่ห่างไกลจากที่ทำงาน แล้วถามถึงสาเหตุที่ลูกโทรมา
"ไนซ์ลืมรายงานไว้ที่บ้านอ่ะพ่อ ไปเอาให้หน่อย"
'ห้ะ!ทำไมถึงขี้ลืมแบบนี้ ก็น่าจะรู้ว่าพ่อไม่ค่อยว่าง!' พ่อของเธอตะคอกใส่โทรศัพท์ เด็กสาวเริ่มหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมากที่พ่อของเธอขึ้นเสียงใส่
"อะไร!แค่นี้ก็ต้องตะคอกด้วย!ก็ไนซ์ลืมอ่ะ จะให้ทำยังไงเล่า วันนี้ก็ต้องส่งแล้วด้วย แวะไปเอาแค่นี้ไม่ได้หรอ!" พ่อของเธอได้ยินดังนั้นจึงเริ่มโมโหขึ้นมาหน่อยๆ
'อย่ามาตะโกนใส่พ่อนะไนซ์!พ่อเป็นพ่อนะ!' ทางลูกสาวเองก็ไม่ยอมแพ้ยังคงเถียงกลับด้วยวาจาทำร้ายจิตใจของผู้เป็นพ่อ
"เป็นพ่อแล้วไง!พ่อไม่ได้คลอดไนซ์ออกมานี้ เอาเป็นว่าถ้าไม่เอามาให้ก็ไม่ต้องเอามา!แค่โดนตีสองสามครั้งมันไม่ถึงตายหรอก!" แล้วเด็กสาวก็ตัดสายทิ้งทันที ปล่อยให้พ่อของเธอนั่งมองโทรศัพท์รุ่นเก่าๆอย่างเหม่อลอย พ่อของเด็กสาวเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาที่มันกำลังจะไหล ย้อนกลับเข้าไปที่เดิม ผู้เป็นพ่อต้องยอมจำใจ เสียค่ารถเพื่อกลับไปเอารายงานให้ลูกที่โรงเรียน
เมื่อไปถึงที่โรงเรียนคุณครูฝ่ายประชาสัมพันธ์เรียกให้เด็กสาวลงมาหาผู้ปกครอง และเมื่อเด็กสาวเห็นหน้าพ่อของเธอนั้น เธอกลับรู้สึกขยะแขยงและไม่อยากอยู่ใกล้พ่อของเธอ ก็เพราะเสื้อที่ใส่อยู่มันทั้งมอมแมมและส่งกลิ่นเหม็น ใบหน้าของพ่อเธอมีรอยเหี่ยวย่น มีคราบดำๆติด กางเกงก็มีรอยเย็บที่หยาบกร้าน เย็บแล้วเย็บอีกจนเป็นรอยด้ายหลุดหลุย
"พ่อ ..ไปยืนตรงโน่นไป" เด็กสาวชี้นิ้วไปที่ซอกของมุมตึกโรงเรียน พ่อของเธอพอรู้ว่าลูกสาวไม่อยากให้พ่อมาในสภาพนี้ เขาเลยเดินไปอย่างอัตโนมัติ ถึงแม้ตัวเองจะเกิดความน้อยใจเล็กน้อย แต่มันก็เล็กน้อยจริงๆ ..
"ทีหลังอย่าลืมอีกนะ" พ่อของเด็กสาวสั่งเสียก่อนจะไป เด็กสาวไม่ตอบแถมยังหันหน้าหนีด้วย เขาเลยต้องเดินไปโบกรถอย่างสลดใจ ..และกลับไปทำงานด้วยความหดหู่
หลายอาทิตย์ต่อมา..
เช้าของทุกๆวันจะเป็นเหมือนเดิม จะมีเสียงเด็กผู้หญิงวัย15ปีตะโกนด่าพ่อของตัวเอง สาเหตุมาจากพ่อของเธอไปปลุกให้ไปร.ร. แต่เธอกลับตะคอกด่าทอพ่อด้วยถอยคำที่รุนแรง
"โอ้ยพ่อ!!น่ารำคาญจริงๆเลยไนซ์จะนอน!" ผู้เป็นพ่อไม่ย้อท้อยังคงเขย่าตัวลูกให้ลุกขึ้นมาจากเตียง เสียงก็พร่ำบอกว่า สายแล้ว สายแล้ว
"พ่อ!!!ได้ยินชัดไหมว่าคนจะนอน!อย่ามาทำตัวน่ารำคาญให้มากได้ไหมไนซ์จะไปสายหรือไม่สายก็เรื่องของไนซ์!!" เด็กสาวหมดความอดทนปาหมอนใส่พ่อของตัวเองแล้วเดินกระแทกส้นลงไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตูเสียงดังเพื่อระบายอารมณ์ ผู้เป็นพ่อเห็นจนเป็นเรื่องชาชิน เขาเดินไปเก็บที่นอนให้ลูกสาวเพียงคนเดียว เขาคิดในใจเสมอว่า ถ้าภรรยาของเขายังอยู่ ลูกก็จะไม่เป็นแบบนี้ ทุกวันนี้เขาเฝ้าโทษตัวเองมาตลอด ว่าเขาเลี้ยงลูกไม่ดี เลี้ยงลูกให้เสียคน ลูกเลยขี้เอาแต่ใจ แต่ถึงกระนั้น..เขาก็อยากจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ..เท่าที่จะทำได้
พักเที่ยง...
"นี้แก!รู้ปล่าว เมื่อเช้าฉันทำยังไงกับพ่อฉันตอนที่มาปลุก" เพื่อนๆในกลุ่มนิ่งเงียบตั้งใจฟังเรื่องที่เด็กสาวจะเล่า
"ตอนพ่อมากระชากฉันนะ ฉันปาหมอนใส่พ่อเลยล่ะ อยากจะบอกว่าสะใจมากกก!" ทุกคนในกลุ่มหัวเราะชอบใจกับท่าทีสะใจของเด็กสาว หลังจากนั้นเธอและพวกเพื่อนๆก็นั่งนินทาว่าร้ายผู้เป็นพ่อของตนต่อไป..
ตกเย็น..
"อ้าว?ลูก กลับมาเหนื่อยๆไปอาบน้ำก่อนไป พ่อจะทำกับข้าวให้กิน" เด็กสาวหยุดยืนมองสภาพพ่อของตนเองแล้วทำสายตาเหยียดหยามผู้เป็นพ่อ เธอเดินกระแทกส้นเสียงดังขึ้นบันไดเข้าห้องตัวเองทันที
ผู้เป็นพ่อตักข้าวรอลูกให้ลงมากินด้วยกัน จะนานเท่าไหร่จะหิวเพียงไหน พ่อก็ยังรอ และเมื่อเด็กสาวเดินลงมาผู้เป็นพ่อก็เรียกให้เธอมากินข้าว เธอมองอาหารบนโต๊ะแล้วตักกินทีละหน่อย
"อ่ะลูก กินนี้ด้วย อันนี้พ่อทำสุดฝีมือเลย รับรองอร่อยชัวร์ๆ" พ่อของเธอยิ้มแย้มร่าเริงพร้อมกับตักต่อนปลาตัวโตให้กับลูกสาว เด็กสาวเขี่ยปลาทิ้งแล้วเอื้อมไปหยิบไก่กินแทน พ่อสลับจานให้ ลูกจะได้หยิบง่ายๆ ผู้เป็นพ่อนั่งมองลูกสาวด้วยความเอ็นดูถึงแม้ลูกสาวของเขาจะไม่ยิ้มให้เลยก็ตาม..
วันรุ่งขึ้น..
เหตุการณ์เหมือนกับทุกๆวันไม่มีผิดเพี้ยน เด็กสาวยังคงตะคอกด่าผู้เป็นพ่อด้วยเสียงที่ดังไปถึงข้างบ้านเหมือนเดิม และผลสุดท้าย.. เธอก็เดินเฉียดไหล่ผู้เป็นพ่อไปเข้าห้องน้ำเหมือนเดิม ..
ตั๊กๆๆๆ ..แกร๊กๆๆ ..ตุ้บ!
เสียงเครื่องจักรทำงานกันอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย ซึ่งมันต่างจากมนุษย์ทั่วไปต้องมีช่วงพักและมีบางเวลาที่เหนื่อยจนทำไม่ไหว แต่พ่อของเด็กสาวยังคงทำงานอย่างไม่ย้อท้อเพื่อเงินจำนวนน้อยๆสำหรับคนอื่น แต่เงินที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์เขาเห็นว่ามันสำคัญหมด และทุกบาททุกสตางค์นั่นเขาเก็บไว้ให้ลูกใช้ สำหรับลูกคนเดียวเท่านั้น..
"พี่ครับ! ระวังหิน!!!!" สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ก้อนหินขนาดใหญ่ก็หล่นมาทับพนักงานข้างล่างจนร่างกายแหลกละเอียด ซึ่งหนึ่งในนั้น ...
มีพ่อของเด็กสาวที่นอนจมกองเลือดแขนขาหัก ...อยู่ด้วย
พักเที่ยง..
"เฮ้ย!! ทำไมพ่อไม่รับสายว่ะ! เดี๋ยวนี้ร้ายพอไม่ว่างก็ไม่รับสาย เหอะ" เด็กสาวถือโทรศัพท์แกว่งไปมาด้วยท่าทีหงุดหงิด เพื่อนๆของเธอชวนไปกินข้าวกลางวัน แต่เธอกลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับพ่อ สักพักใหญ่ ...เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ..
"ฮัลโหล" เด็กสาวพูดด้วยเสียงห้วนๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนโทรมานอกจากพ่อ
'ฮัลโหลครับคุณใช่ลูกของนาย....ไหมครับ ..' เสียงจากปลายสายเป็นผู้ชาย นอกจากจะมีเสียงคนในสายแล้ว ยังมีเสียงหวอของรพ.และเสียงคนดังสนั่นไปหมด
"ใช่ค่ะ ..แล้วนี้ใคร.." ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ทางปลายสายก็พูดขัดขึ้นด้วยความรีบร้อน
'ทางรพ.ได้เบอร์ของคุณมาจากเพื่อนของพ่อคุณ หมอมีทั้งข่าวร้ายและข่าวดีจะบอก'
'ข่าว..ข่าวดีก่อนก็ได้ค่ะ..' เด็กสาวรอฟังคำตอบ ใบหน้าของเธอเริ่มมีเหงื่อซึมไหล ตัวสั่นระริกและกลัวที่จะฟังคำตอบจากหมอ
'ข่าวดี ..จากที่หมอได้ข้อมูลมาจากที่ทำงานของพ่อคุณ พ่อคุณมีทนายความ หมอได้นัดมาพูดคุยเรียบร้อย ทางทนายได้บอกไว้ว่า พ่อของคุณทำพินัยกรรมเอาไว้ และทำประกันชีวิตสำหรับตัวเองและสำหรับคุณ คุณจะได้เงินเป็นจำนวนหนึ่งแสนพร้อมกับมรดกทั้งหมดของพ่อคุณ..' ประโยคที่หมอบอกกับเด็กสาว อาจจะมีใครหลายๆคนดีใจกับการได้รับมรดกเพียงผู้เดียว แต่สถานการณ์ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่าพ่อของเธอต้องเป็นอะไรแน่ๆ มือที่ถือโทรศัพท์อยู่เริ่มสั่นระรัว และเด็กสาวก็รวบรวมความกล้าถามหมอออกไป
"พ่อของหนู ...เป็นอะไรหรอค่ะ.." เสียงปลายสายมีการถอนหายใจดังขึ้น เด็กสาวเริ่มน้ำตาคลอเบ้า และคำตอบที่ได้คือ..
'ข่าวร้าย..พ่อของคุณประสบอุบัติเหตุขณะกำลังทำงาน ทางรพ.ขอแสดงความเสียใจกับคุณด้วย แต่ทางเราได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการช่วยพ่อของคุณแล้ว กรุณามารับศพ...'
ตุ้บ! .....ติ๊ด ...ติ๊ด ...ติ๊ด
"ไม่ ...ไม่จริง ....ไม่...พ่อน่ะหรอ..ไม่จริงหรอก" เด็กสาวพูดกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา เธอเข่าอ่อนล้มลงไปกองกับพื้น เสียงเพื่อนๆของเธอที่ถามกลับมาด้วยความเป็นห่วงไม่อาจส่งตรงมาที่เธอได้ในขนาดนี้ ..น้ำตาของเธอไหลพรากลงมาโดยไม่รู้ตัว ..อาการสะอื้นครอบคลุมเธอให้ไม่มีสติ เธอเริ่มโว้ยว้ายและทำร้ายสิ่งของ ดวงตากลมใสยังคงมีน้ำตาไหลรินอยู่ตลอดเวลา วินาทีนั่นของเธอ ...มันช่างรวดเร็วจนไม่อาจคาดคิดได้ ..
ผ่านไป3วัน
เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กสาว เธอกอดร่างที่เย็นเฉียบของพ่อเธอเอาไว้ เวลาที่เธอตื่นขึ้นมา ..เธอจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของพ่ออีกแล้ว ..เวลาที่เธอลืมของไว้ที่บ้าน..จะไม่มีอีกแล้ว ..คนที่จะกลับบ้านเพื่อไปเอาของให้เธอ ตอนกลับมาถึงบ้าน ..คนที่ยิ้มรับแล้วถามว่า เหนื่อยมั้ย ..เด็กสาวจะไม่เห็นเขาคนนั้น ...อีกต่อไปแล้ว..
"พ่อ..ไนซ์น่ะ..ไนซ์น่ะนะ..ไนซ์..รักพ่อ.." คำว่ารักของเธอช่างแหบพร่า เธอร้องไห้แล้วพรรณนาหาพ่อของเธอมาหลายชั่วโมง ...ดวงตาที่แดงก่ำและปูดโปน ไม่อาจทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้.. เธอตระหนักถึงคำว่าพ่อ ..เขาสามารถทำให้เราได้ทุกอย่าง.. แต่เรากลับคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ.. พระคุณของพ่อ..แม้ในชาตินี้ เธอก็ไม่อาจทดแทนได้หมด สิ่งที่เธอทำกับพ่อไป
..เมื่อนึกย้อนดูแล้ว น้ำตาและความสำนึกผิดมันก็ถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัว ...คำว่าพ่อ เกินกว่าจะนิยามออกมาได้ ..เพราะมัน
มากมายเกินไป ..กว่าที่จะพูดออกมา ...ได้หมด
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ