23 : 09 : 13 : Zarry : โศกนาฏกรรม

7.3

เขียนโดย SorryzZ

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.55 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,209 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2558 10.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

- โศกนาฏกรรม

 

Author :   SorryzZ

Pairing :   Zarry ( Zayn x Harry From One Direction )

Category :   Yaoi / Drama / Thriller / Action

Warning :  Rape / Sex Scene

 

 

 

“วันนี้ได้มาหนึ่งคนครับ”  เสียงทุ้มต่ำของชายอายุสามสิบปีต้นๆดังขึ้นจากทางประตู  ดวงตาสีเขียวหม่นกวาดมองไปยังชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำเข้ม เขาพยักหน้าให้  ก่อนจะโบกมือไล่ให้อีกคนออกไปจากครรลองสายตา    ชายคนนั้นโค้งให้หนึ่งที  ก่อนที่จะก้าวผละไป

 

 

“เดี๋ยว”

 

 

“ครับ?”

 

 

“ประวัติล่ะ”  เจ้าของผิวขาวใสตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง  มือทั้งสองกอดอก  ผมหยิกหยักศกที่ปรกสายตาทำให้เจ้าตัวต้องสะบัดหน้าเชิดขึ้นนิดๆ

 

 

“ชื่อวาลิยาห์ครับ  อายุต่ำกว่าเกณฑ์แน่นอน  ที่สำคัญ... เธอยังบริสุทธิ์”

 

 

คนฟังนั่งนิ่งเงียบ  ประมวลข้อความทั้งหมดด้วยสีหน้าวางอำนาจเหมือนเคย  จมูกรั้นนิดๆทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่ดื้อไม่น้อย  ริมฝีปากแดงสดราวกับโลหิตและผิวขาวผ่องทำให้ชายผู้นี้ดูทรงอำนาจ  และบอบบางราวกับผู้หญิงไปในคราวเดียวกัน

 

 

การ์ดแทบทุกคนมอบฉายาให้เขาว่า  ราชิณี...

 

 

มือซีดขาวไล่ไปตามขอบแก้วที่บรรจุน้ำเปล่าอย่างบรรจง  ริมฝีปากผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อย

 

 

“ราคาดีเลยสิ”  เสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากนั้นฟังแปร่งหู  ใครจะไปเชื่อว่าชายหน้าหวานบาดจิตจะมีเสียงทุ้มและแหบต่ำได้ถึงขนาดนี้

 

 

อีกครั้งที่มือขาวโบกไล่การ์ดทุกคนออกไป

 

 

ชายในชุดสูทสี่คนโค้งศีรษะให้กับคนที่นั่งอยู่  พลางหมุนตัวเดินไปจากห้อง

 

 

แฮร์รี่  สไตล์สนั่งอยู่บนโซฟาสีดำสนิท  ขาเรียวยาวไขว่ห้างแสดงอำนาจ  ดวงตาสีหม่นทึบนั้นจ้องมองไปยังแก้วน้ำใสที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะกระจกสีเข้ม  มือลูบไล้มันอย่างเชื่องช้า

 

 

ยิ่งบริสุทธิ์... ยิ่งเป็นที่ต้องการ...

 

 

เขาเองก็เคยเป็นแบบนี้ 

 

 

เคยใส 

 

 

เคยสะอาด...

 

 

แฮร์รี่เดินไปคว้าขวดหมึกที่อยู่บนหลังตู้เก็บเอกสารริมห้องแล้วกลับมานั่งที่เดิม  ดวงตาจับจ้องทุกการเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่เขาค่อยๆเทน้ำหมึกลงไปในแก้ว

 

 

เพียงแค่ไม่กี่วินาที

 

 

ทุกสิ่งก็กลายเป็นสีดำ

 

 

เหมือนกับเขาอีกเช่นกัน...

 

 

.

 

 

.

 

 

.

 

 

“อยากกลับบ้านเหรอ”  เรียวขายาวกรีดกรายเข้าไปในห้องพักคับแคบและสกปรก  มือควงกุญแจนับสิบดอกอย่างหรรษา  ใบหน้าของชายผู้มาใหม่ผ่องขาวสะอาดแบบคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี  ผิดกับสาวอีกคนที่นั่งมอมแมมอยู่มุมห้อง  ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง  เรียวแขนมีรอยเล็บจิกลึก  และบนผนังห้องที่กลายเป็นสีส้มหม่นจากแสงโคมไฟก็มีรอยขูดขีดจากเล็บอีกเช่นกัน

 

 

“อยาก...”

 

 

“แล้วทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ”  เสียงทุ้มต่ำแฝงความเศร้าจอมปลอม  “รู้ไหม  สิ่งที่เธอทำ  มันทำให้เธอต้องมาอยู่ในนี้นะ”

 

 

‘รังหนู’  ที่ที่เอาไว้คุมขังโสเภณีที่พยายามจะหนีออกไปจากขุมนรก  ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต่างจากคุกมืดในเรือนจำที่หดหู่ที่สุด  มีเพียงผ้าหนึ่งผืนกับน้ำหนึ่งขวดเท่านั้นที่เตรียมไว้ให้ภายใน  กำแพงเย็นชืดขนาดพออยู่แค่คนเดียวล้อมรอบและปิดทึบ  โคมไฟตั้งโต๊ะถูกเสียบปลั๊กจากด้านนอก  ไฟจะถูกเปิดเฉพาะเวลาที่บอสต้องการเข้าไปหาหญิงสาวในห้องเท่านั้น

 

 

ซึ่งแปลว่า  เมื่อใดที่บอสไม่ได้อยู่ในห้อง ที่นี่จะถูกปิดตายกลายเป็นห้องมืดทันที

 

 

“หนู... อ... อยากกลับบ้าน”  เสียงของหญิงสาวสั่นเครือและหวาดกลัว  คราบน้ำตาที่เปรอะและแห้งอยู่บนใบหน้าของหล่อนช่างน่าสะอิดสะเอียนนักสำหรับเจ้าของธุรกิจค้ากามผู้สะอาดเอี่ยมอย่างเขา

 

 

“เธอเลือกมาอยู่ที่นี่เองนะ”  เสียงของแฮร์รี่ฟังเยาะเย้ยปนขยะแขยง  “ทางเลือกก็มีตั้งเยอะแยะ  คิดอะไรอยู่ถึงหนีออกจากบ้าน  หือ ?”

 

 

“หนูอยากกลับบ้าน”  วาลิยาห์พึมพำ  ใบหน้าที่เคยสะสวยบัดนี้กลายเป็นเพียงหญิงสาวลูกครึ่งปากีสถานที่แก้มซูบตอบ  ดวงตาลึกโหล  ริมฝีปากแห้งผากและแตกเป็นขรุย  “ปล่อยหนูไปเถอะ”

 

 

“เธอหนีออกมาเองแล้วจะกลับไปทำไม  อยู่กับฉันก็ดีอยู่แล้ว  มีกินมีใช้สุขสบายดีออก”  แฮร์รี่ให้เหตุผล   เขาเหวี่ยงกุญแจในมือสองสามครั้งก่อนจะหยุดยืนเท้าสะเอว

 

 

กลิ่นสาบความสกปรกในรังหนูทำให้เขาคลื่นไส้  เด็กสาวตรงหน้านี้ไม่เหลือคราบความบริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว   ช่างผิดกับวินาทีแรกที่เขาได้เห็นหล่อนจริงๆเลย  ยามนั้นเธอหน้าตาสะสวยคุ้นตาราวกับดาราในทีวีไม่ผิดเพี้ยน

 

 

“พร้อมจะออกไปทำงานหรือยัง”  เขาถามด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

 

 

“หนูอยากกลับบ้าน…”  เธอยังคงพึมพำประโยคเดิมๆราวกับคนเพ้อ  แววตาที่เคยสดใสนั้นหม่นหมองเลื่อนลอย  หยดน้ำตาหลั่งรินอาบแก้มหล่อนอีกครั้ง

 

 

โธ่เอ๊ย...  แค่นี้ก็สำออยซะแล้ว

 

 

“อยู่ในนี้ต่ออีกวันแล้วกัน  แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาถามอีกครั้ง”  แฮร์รี่สะบัดเสียงอย่างหงุดหงิด  เขาพาตัวเองออกไปจากห้องคับแคบแห่งนี้แล้วออกคำสั่งกับการ์ดใกล้ตัว  “เอาน้ำให้หล่อนอีกขวด  ถ้ากรี๊ดก็เข้าไปตบจนกว่าจะหยุด  ถ้าพยายามฆ่าตัวตายก็ตีเอาให้สลบพอ”

 

 

“ครับ”

 

 

“อำมหิต!  ไอ้คนใจทราม!  ไอ้เลือดเย็--”  เสียงกรีดร้องของหญิงสาวหยุดชะงักลงเมื่อฝ่ามือของชายที่ยืนออกคำสั่งอยู่หน้าห้องเมื่อครู่ตวัดฟาดลงบนแก้มดังฉาด  เพียงแค่สามก้าวยาวๆของชายหนุ่มเท่านั้น  เขาก็สามารถประชิดตัวเธอได้แล้ว

 

 

“อยากจะอยู่ในนี้ต่ออีกสักอาทิตย์มั้ย!”  แฮร์รี่พูดเสียงดัง  นวดฝ่ามือตัวเองเบาๆ  “น่าขยะแขยงเสียจริงเลย”

 

 

สายตาของคนที่ยืนกุมอำนาจทอดหญิงสาวผู้นอนคลานอยู่เบื้องล่างราวกับมองเศษขยะส่งกลิ่นเหม็นที่ชวนให้หลีกหนีไปไกลๆ  เหอะ  เดนคนแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาด่ากราดเขา

 

 

วาลิยาห์ใช้มือกุมแก้มตัวเองอย่างเจ็บปวด

 

 

“ปล่อยหนู!  หนูอยากกลับบ้าน”  หญิงสาวเริ่มต้นร้องไห้เสียงดัง  ในขณะที่แฮร์รี่ผละตัวออกมาจากรูหนูแคบๆนั่นอีกครั้ง

 

 

“เฝ้าเธอไว้”  เขาสั่ง  เบ้หน้าให้กับหล่อนอย่างรังเกียจ  ก่อนจะยื่นกุญแจให้กับการ์ดร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆประตู

 

 

.

 

 

.

 

 

.

 

 

“ไม่เห็นรู้เลยว่ายัยนั่นเป็นลูกประธานบริษัทที่เป็นหุ้นส่วนกับฉัน”  แฮร์รี่พูดฉุนๆ  มือเขวี้ยงรีโมททีวีลงพื้นหลังจากกดปิดช่องข่าวด้วยความโมโห  “ไปสืบประวัติมาประสาอะไรของนายวะ!”

 

 

“หล่อนใช้นามสกุลปลอมครับ”  การ์ดที่เป็นคนนำตัววาลิยาห์มาก้มหน้างุด

 

 

“ฉันปล่อยผ่านมาหลายเรื่องแล้วนะ  เห็นว่านายพาแต่คนรายได้ดีๆมาให้”  แฮร์รี่ก่นด่าเสียงดัง  “ซวยเลยมั้ยฮะ  ฉันจะไปพูดกับพวกมาลิคยังไงล่ะทีนี้”

 

 

แฮร์รี่เดินหมุนอยู่ในห้องตัวเองอย่างงุ่นง่าน  เขาทันเห็นกุญแจมือที่แขวนอยู่ข้างผนังห้องแล้ววิ่งไปฉวยมาอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะใช้มันตวัดฟาดเข้าที่การ์ดร่างสูงหลายๆทีแทนการระบายอารมณ์

 

 

“ใช้สมองอันน้อยนิดของนายคิดซิว่าฉันควรจะเอาเรื่องนี้ไปบอกบ้านมาลิคยังไงดี”  แฮร์รี่ใช้เท้าถีบร่างของชายตัวใหญ่ในชุดสูทให้ล้มลง  “รู้งี้ตอนเก็บมาฉันน่าจะส่งแกไปเรียนหนังสือสักหน่อย  จะได้ไม่โง่เหมือนหมาแบบนี้”

 

 

เท้าขาวนวลของแฮร์รี่วางอยู่บนไหล่หนา  ออกแรงกระทืบซ้ำๆหลายครั้งด้วยความโมโห

 

 

 “ลุก”  เขาออกคำสั่งอย่างหัวเสียเมื่อเห็นว่าอีกคนนอนก้มอย่างยอมจำนนอยู่บนพื้นมองดูขัดหูขัดตา  ก่อนที่จะพาตัวเองไปนั่งบนโซฟาสีดำตัวเดิมที่เคยนั่งประจำ

 

 

“ขออภัยด้วยครับ”  ชายคนนั้นนั่งก้มศีรษะจรดพื้น  รู้สึกเสียใจอย่างที่สุดที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องผิดหวัง

 

 

“นายเสียใจงั้นเหรอ”  ผู้มีอำนาจสูงสุดเอ่ยถามอย่างดูแคลน

 

 

“ครับ”

 

 

“ถ้างั้นก็คลานมาหาฉันนี่”  แฮร์รี่ออกคำสั่ง  มือข้างหนึ่งวางอยู่บนที่พักแขน  ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นกุมศีรษะอย่างเคร่งเครียด

 

 

ชายคนนั้นทำตามอย่างว่าง่าย

 

 

แฮร์รี่ตวัดมือฟาดเข้าที่ใบหน้าคมของผู้อารักขาตัวเองสุดแรงเมื่ออีกคนคลานเข้ามาใกล้

 

 

“โทษฐานที่สร้างปัญหา”  เขากล่าวเสียงเย็น

 

 

“ขออภัยครับ”  การ์ดก้มหน้า

 

 

“เอ้า”  แฮร์รี่ยื่นเท้าให้  “ทำสิ่งที่สมควรทำซะ”

 

 

หลังจากที่นั่งเงียบอยู่เป็นเวลาหลายวินาที  ในที่สุดชายในชุดสูทสีดำก็ขยับตัว  มือนั้นหยาบค่อยๆลูบไล้ฝ่าเท้าขาวนวล  ตาสีฟ้านั้นเงยขึ้นสบอย่างขออนุญาต  ก่อนจะก้มลงจุมพิตแผ่วเบา

 

 

ลิ้นอุ่นร้อนค่อยๆลากไล้ไปตามความเรียวยาว  ขบเม้มและไล่เลียอย่างรู้งาน

 

 

“ดี... ทีหลังคัดสินค้ามันดีๆเหมือนตอนไถ่โทษบ้าง” แฮร์รี่พูดอย่างวางอำนาจ  มือจิกกลุ่มผมสีเข้มของลูกน้องอย่างพึงพอใจ

 

 

“ขออภัยที่ทำให้ผิดหวังในตัวผมนะครับ”  เสียงทุ้มต่ำพยายามขอโทษ

 

 

“ถ้ายังพูดเรื่องนี้อีก  ฉันระเบิดสมองนายให้กระจุย  เข้าใจมั้ย”

 

 

“ครับ”

 

 

แฮร์รี่เอนหลังกับพนักพิง  มือกุมขมับ  ยังคงคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดีกับหุ้นส่วนคนสำคัญ  เขานี่ก็ตาบอดเสียจริง  ไม่เคยสังเกตเลยหรือไงว่ายัยเด็กดื้อด้านนั่นน่ะหน้าตาคล้ายกับมิสเตอร์มาลิคไม่มีผิด  ทำไมเขาถึงโง่เอาลูกสาวแท้ๆของหุ้นส่วนมาเป็นสินค้าแบบนี้ได้นะ

 

 

ถ้าความจริงมันแดงขึ้นมา  เขาจะทำยังไงล่ะทีนี้

 

 

“ฉันควรจะบอกความจริงกับพวกเขามั้ยว่ายัยนั่นอยู่กับเรา”  แฮร์รี่เอ่ยถาม

 

 

“ผมคิดว่าไม่ควรครับ”  การ์ดเอ่ยตอบ

 

 

“แล้วถ้าเกิดพวกมันรู้ความจริงแล้วคิดว่าฉันจงใจแทงข้างหลังล่ะ”

 

 

ครั้งนี้ชายในชุดสูทให้คำตอบไม่ได้  ซึ่งทำเอาแฮร์รี่สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย

 

 

“โอ๊ย  ไอ้โง่  ไร้ประโยชน์จริงๆเลย”

 

 

แฮร์รี่สั่งให้ชายหนุ่มหยุดปรนเปรอฝ่าเท้าของเขา  แล้วไล่ให้ออกไปจากห้องด้วยอาการหงุดหงิดสุดๆ  ในใจอยากเขวี้ยงทำลายข้าวของในห้องนี้ให้พังสิ้น  อยากจะล้มตู้เอกสารหรือไม่ก็ทุบโต๊ะกระจกนี่ให้แตกกระจายไปเสีย  แต่ไม่ได้...  เขาจะสูญเสียความเยือกเย็นไปไม่ได้

 

 

กว่าจะมาถึงจุดนี้  เขาต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน

 

 

เขาจะมาสูญเสียมันเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบไม่ได้  ถ้าหากว่าเดินเกมพลาด  เท่ากับว่าทุกอย่างก็จบ  แขกระดับผู้บริหารประเทศน่ะ  ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนๆทำได้อย่างเขาอีกแล้ว  และเขาจะไม่ยอมให้ใครได้ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงสุดแทนเขาเด็ดขาด

 

 

แฮร์รี่ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นพรมสีแดงม่วง  มือทั้งสองกุมใบหน้าตัวเองอย่างอับจนปัญญา  ถอนหายใจแรงๆหลายทีหวังให้อารมณ์เย็นลง  ภาพเด็กสาวยิ้มแย้มบนจอทีวีเมื่อครู่ยังหลอกหลอนไม่หาย  ดูแทบจะเป็นคนละคนกับหญิงสาวที่เคยประทินเครื่องสำอางลงบนใบหน้าและออกไปต้อนรับแขกลิบลับ

 

 

วาลิยาห์  ยัยเด็กโสโครก

 

 

แค่นึกก็อยากจะซ้อมให้ตายคาเท้าไปเสีย  ตัวปัญหาแบบนี้น่ะ  ไม่ควรจะมีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ  หากว่าพวกมาลิคสืบรู้ว่าวาลิยาห์อยู่กับเขา  มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...

 

 

แฮร์รี่กำหมัดทุบพื้นอย่างขัดใจ  มันช่างน่าโมโหจริงๆ

 

 

จู่ๆเสียงเอะอะจากภายนอกก็ดังขึ้น  พร้อมด้วยเสียงกระจกแตกดังสนั่น  บางอย่างที่ดังลั่นคล้ายเสียงฟ้าผ่าทำเอาเจ้าของธุรกิจค้ากามสะดุ้งเฮือก  ร่างที่เคยนอนอยู่บนพื้นพรมผุดลุกขึ้นเงี่ยหูสดับฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกห้องอย่างตกใจ

 

 

เกิดอะไรขึ้นน่ะ

 

 

ถ้าเดาไม่ผิด  เมื่อครู่นี่มันเสียงปืนชัดๆ

 

 

แต่ไม่ใช่ปืนรุ่นที่เขามอบให้การ์ดทุกคนพกติดตัวอย่างแน่นอน  ซึ่งนั่นแปลว่า

 

 

มีคนบุกรุก...

 

 

แฮร์รี่ลุกขึ้นวิ่งไปคว้าเอาปืนสั้นที่เก็บไว้ในลิ้นชักหลังโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว  กระชากลิ้นชักและคว้าเอาสิ่งที่ต้องการอย่างรวดเร็วและเยือกเย็น  เสียงเอะอะดังใกล้เข้ามาทุกที  หูได้ยินเสียงปืนดังติดๆกันหลายนัดจนน่าหวั่นใจ  ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนเจ้าของฉายาราชิณีอย่างเขาแทบจะปรับตัวไม่ทัน

 

 

มือสั่นยัดลูกกระสุนใส่แม็กอย่างร้อนรน

 

 

มีเสียงคล้ายระเบิดดังก้องไม่ไกลจากห้องนี้  ตามมาด้วยเสียงรัวกระสุนราวกับเกิดสงครามย่อมๆนับสิบนัดติดต่อกันไม่หยุด  แฮร์รี่กระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่แล้วเดินอย่างเงียบเชียบไปที่ประตูห้อง  เขาแนบหูฟังด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ  มีเสียงชายที่พูดด้วยสำเนียงแปลกๆจับใจความไม่ค่อยได้ดังอยู่ด้านนอก

 

 

“กระจายไปให้หมด  ตามหาให้เจอ  ฝั่งนี้ฉันจัดการเอง”

 

 

มีเสียงปืนดังลั่นขึ้นอีกนัด  ในขณะที่แฮร์รี่ยืนนิ่งอยู่หลังประตู  มือกระชับปืนสั้นในมือแน่น

 

 

จู่ๆประตูที่แนบหูฟังก็ถูกเคาะเสียงดังอย่างจงใจ

 

 

“เปิดประตู!”  เป็นเสียงจากเจ้าของสำเนียงแปร่งหูนั่นเอง  ซึ่งแฮร์รี่ผู้ที่อยู่ในความสงบเงียบค่อยๆเดินออกห่างจากประตูช้าๆ  ไม่ล่ะ  ใครจะเปิดให้โง่

 

 

เสียงเคาะชุดที่สองดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้”

 

 

แฮร์รี่เชิดหน้าขึ้นแล้วถอยหลังไปตั้งหลักอยู่ในระยะที่เหมาะสม  ปลายกระบอกปืนถูกยกขึ้นหันไปทางประตู  เล็งไว้ในระดับศีรษะที่พอจะประมาณความสูงได้  หวังว่าตัวเองจะคาดเดาได้ไม่ผิด  อีกฝ่ายต้องพังประตูเข้ามาแน่

 

 

“เข้ามาสิ”  แฮร์รี่กระซิบกับตัวเองเบาๆ  ยืนอยู่ในท่าที่เตรียมพร้อม  “เข้ามา...”

 

 

ขอเพียงอีกฝ่ายเปิดเข้ามา  เขาจะยิงเจาะกะโหลกให้ตายทันทีเลย  คอยดู...

 

 

เสียงปืนดังลั่งขึ้นนัดหนึ่ง  พร้อมกับแผงวงจรหน้าประตูที่ส่งเสียงช็อตดังเปรี้ยะ  เสี้ยววินาทีต่อมา  ประตูห้องที่เคยปิดสนิทก็เลื่อนครืด  แฮร์รี่หรี่ตาพร้อมกลั้นหายใจ  และในห้วงวินาทีที่ลุ้นที่สุดในชีวิต  เขาเหนี่ยวไกออกทันทีที่ประตูเผยให้เห็นถึงร่างของชายที่ยืนตระหง่าน

 

 

กระสุนพุ่งผ่านอากาศ  เกิดเสียงดังลั่นแสบหูเหมือนฟ้าผ่า  เขม่าดินปืนเปื้อนแขนเสื้อเป็นปื้นๆ  นัดที่ยิงออกไปเจาะกลางหน้าผากของชายหน้าประตูเข้าอย่างจัง  มีเสียงตุบทันทีที่ร่างของชายคนนั้นล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้น

 

 

แต่ยังไม่ทันที่คนยิงจะได้ชื่นชมผลงานตัวเอง  เขากลับต้องยื่นนิ่ง  เมื่อพบว่าคนที่เพิ่งจะถูกเป่าสมองกระจุยกลับกลายเป็นลูกน้องผู้ภักดี โดยที่คนบุกรุกผู้ซึ่งใช้ร่างการ์ดของเขามาเป็นที่กำบังกระสุนยังคงยืนหายใจอย่างรื่นรมย์อยู่หน้าประตู

 

 

แฮร์รี่ใจหายวาบ  เขายกปืนขึ้นเล็งอีกครั้ง  แต่ช้าไปหนึ่งก้าวสำหรับคนที่รอจังหวะนี้มานาน

 

 

ผู้บุกรุกดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มเหนี่ยวไกปืนของตัวเองเสียงดังเปรี้ยงด้วยมือเพียงข้างเดียว  สายตาเย็นชาคู่นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่แฮร์รี่เห็น  ก่อนจะพบว่าร่างถูกผลักด้วยแรงปะทะของกระสุน  มันผลักให้ไหล่ขวาของเขากระตุก  ทั้งร่างพร้อมใจกันทิ้งน้ำหนัก  ในขณะที่เขาล้มลงนอนอย่างบังคับไม่ได้

 

 

ได้ยินเสียงตัวเองร้องลั่น  มือซ้ายกุมหัวไหล่แน่น  เลือดไหลทะลักจากบาดแผลเปรอะเปื้อนจนทั้งฝ่ามือเป็นสีแดง  ไม่เหลือความคิดจะหยิบปืนที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมายิงอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

 

 

เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ถูกกลบด้วยเสียงปืนจากห้องต่างๆที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล  แฮร์รี่นอนหอบหายใจ  มองเห็นไฟฝังเพดานที่สว่างจ้า  ก่อนจะถูกบดบังด้วยใบหน้าคมของชายที่เขาเห็นเมื่อครู่  เจ้าของกระสุนที่จมอยู่ในไหล่ขวาของเขาตอนนี้

 

 

ปลายกระบอกปืนสีดำถูกกดลงบนกลางหน้าผาก  แฮร์รี่ใจเต้นตึกตัก  มองเห็นแววตาไร้ความรู้สึกของอีกคนแล้วก็ได้แต่ภาวนาให้รีบๆเหนี่ยวไกสักที

 

 

เลือกตายแบบฉับไว  ดีกว่าไปอยู่อย่างเจ็บปวดในอนาคตนี่นะ...

 

 

“เจอตัวแล้วครับ!”  ชายคนหนึ่งตะโกนผ่านกำแพงหนาเข้ามาในห้อง  “เธออยู่ในห้องแคบๆตรงนี้  ดูเหมือนจะถูกซ้อมด้วย”

 

 

สิ้นคำ  ชายที่กำลังนั่งค้ำหัวเขาตอนนี้ก็ดูมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันที  เขาได้ยินคำสบถด่า  ก่อนที่ปลายกระบอกปืนจะห่างออกไป

 

 

“ยิงสิ”  แฮร์รี่พูดท้าทาย

 

 

ไม่มีคำพูดใดๆจากปากคนตรงหน้า  นอกจากหมัดหนักๆที่ซัดเข้ามาอย่างเจ็บปวด  แฮร์รี่ทนได้อยู่ประมาณสามสี่ครั้ง  จนในที่สุด  เขาก็สลบไป

 

 

.

 

 

.

 

 

.

 

 

ความเจ็บที่หัวไหล่ทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่น  หลุดครางออกมาอย่างเจ็บปวดโดยไม่ได้ตั้งใจ  กลิ่นฝุ่นที่คละคลุ้งทำเอาแฮร์รี่ต้องไอโขลกๆออกมาสองสามครั้ง  ก่อนจะลืมตาขึ้นพบกับคอนกรีตสีนวลที่เขาคุ้นตา

 

 

แสงไฟจากโคมไฟที่ตั้งอยู่เหนือศีรษะสาดส่องให้ทั้งห้องกลายเป็นสีเหลืองอมส้ม  เขากระพริบตาถี่ๆแล้วหันไปสำรวจแผลที่หัวไหล่ของตัวเอง  มันมีผ้าสีขาวพันปิดเอาไว้และมีเลือดซึมขึ้นมาเป็นดวงสีจางๆ  แฮร์รี่ไออีกครั้ง  มือทั้งสองพยายามเลื่อนขึ้นมาปิดปากตัวเองโดยอัตโนมัติ

 

 

ติดก็ตรงที่ครั้งนี้มันทำไม่ได้

 

 

ดวงตาสีเขียวเงยขึ้นเห็นข้อมือทั้งสองข้างถูกกุญแจมือล็อกให้ติดอยู่กับโต๊ะตั้งโคมไฟอย่างแน่นหนา  วินาทีนั้นเอง  ทั้งร่างของเขาก็เย็นวาบ  เหตุการณ์ล่าสุดฉายชัดและตีย้อนกลับเข้ามาเป็นฉากๆราวกับเทปที่ถูกกรอ  แฮร์รี่ผงกหัวขึ้นมองปลายเท้า  ข้างหนึ่งของมันถูกโซ่ล่ามตรึงไว้กับมุมห้องที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

 

 

เขาขยับตัวขยุกขยิกอยู่บนผ้าห่มผืนบาง  กวาดสายตามองรอบๆห้องแล้วก็พบว่า

 

 

เขานอนอยู่ในรังหนู

 

 

แฮร์รี่ส่งเสียงร้องออกมาดังๆ  ไม่หวังให้ลูกน้องตัวเองหรือใครๆเข้ามาช่วยเพราะนั่นเป็นเพียงเรื่องสิ้นคิด  ที่ส่งเสียงร้องก็เพราะอยากส่งสัญญาณให้คนที่จับตัวมาขังไว้ได้รู้ว่าเขาฟื้นแล้วต่างหาก

 

 

“เฮ้!”  แฮร์รี่ตะเบ็งเสียงลั่น  ขยับขาหลายครั้ง  เสียงโซ่หนักๆที่ครูดไปกับพื้นซีเมนต์ดังก้องอยู่ในห้อง  เขาเขย่ากุญแจมือหลายๆครั้งพยายามทำให้เกิดเสียง  บริเวณหัวไหล่ปวดแปลบเสียจนต้องนิ่วหน้า

 

 

ประตูห้องถูกเปิดออก  แฮร์รี่หรี่ตามองชายที่ยืนอยู่ตรงปลายเท้า

 

 

“อ้อ  นายนี่เอง  ก็ว่าใคร”  คนที่ถูกล่ามหัวเราะมุมปาก

 

 

เซน...  ลูกชายคนโตของมิสเตอร์มาลิค  เห็นหน้าทางทีวีบ่อยเสียจนเอียนแทบจะคลื่นไส้

 

 

ที่แท้ก็มาถล่มเขาเพราะอยากได้ตัวน้องสาวคืนนี่เอง

 

 

“บอกไว้เลยนะว่านายเข้าใจผิด  น้องสาวของนายน่ะหนีออกจากบ้าน  เด็กของฉันก็แค่จับมา  ฉันไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นน้องสา--”

 

 

มีเสียงดังผัวะ  ใบหน้าซีกซ้ายชาเป็นแถบ  เซนนั่งลงข้างเขาพร้อมกำหมัดแน่นเตรียมจะซ้ำอีกครั้ง  แฮร์รี่รู้สึกถึงรสเลือดที่คั่งอยู่ในปากพร้อมกับอาการปวดจี๊ดที่แผลตรงหัวไหล่เนื่องจากการบิดตัวของเขา

 

 

“ฉันยังไม่ได้สั่งให้พูด”  สำเนียงนั้นฟังแปร่งหู  แต่เขาที่ถูกมัดพอจะสัมผัสได้ถึงความเอาจริงในน้ำเสียง

 

 

“ฉันไม่รู้จริงๆ  ฉันกำลังจะพาตัวน้องนายไปคื--”  อีกหมัดถูกชกเข้าที่ท้อง  แฮร์รี่ทำเสียงอุดอู้ในลำคอแบบจุกๆ

 

 

“บอกตอนไหนว่าให้นายพูดได้”  มือหยาบนั้นบีบเข้าที่ข้างแก้มของเขาเหมือนคีมเหล็ก  แฮร์รี่นิ่งเงียบแล้วจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

 

 

“มองแบบนี้หมายความว่ายังไง”  หนุ่มลูกครึ่งปากีสถานถาม  ในขณะที่แฮร์รี่เลิกคิ้วท้าทาย

 

 

“หมายความว่าฉันจะไม่ยอมทำตามที่แกสั่ง”  เขาพูด

 

 

เซนออกแรงบีบที่แก้มหนักขึ้นจนแฮร์รี่เผลอหลุดเสียงออกมาด้วยความเจ็บ

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

มือนั้นคลายลง

 

 

“เอาล่ะ  ต่อไปนี้จะเป็นเวลาที่ฉันจะให้แกพูด...  บอกมาซิ  ตอนที่น้องฉันอยู่ที่นี่  เขาโดนอะไรบ้าง”

 

 

“เขาก็อยู่สุขสบายดี”  แฮร์รี่โกหกเร็วปรื๋อ

 

 

“ในห้องแคบเท่ารูหนูแบบนี้เนี่ยนะ”  เซนถามเสียงเย็น

 

 

“คือ--”  คนที่ถูกมัดพยายามยันตัวขึ้นนั่ง  “น้องนาย... นี่  นายก็ต้องเข้าใจนะ เขาทำผิดกฎ  ฉันเลยก็ลงโทษ”

 

 

“ด้วยการซ้อมแล้วเอามาขังไว้ในนี้ใช่ไหม  หือ”

 

 

“ธุรกิจของฉันต้องใช้หน้าตา  ฉันไม่ซ้อมเด็กหรอกน่า”  ยกเว้นเด็กมันทำตัวไม่ดีเท่านั้นแหละ  แฮร์รี่ต่อประโยคจนจบในใจ  นัยน์ตายังคงจ้องเขม็งไปที่อีกคนราวกับต้องการให้เชื่อว่าเขาพูดความจริง

 

 

“ตอแหล”  เซนชกเขาที่ใบหน้าอีกครั้ง  แฮร์รี่อุทานด้วยความเจ็บ  สบถด่าออกมาสองสามคำ  “ถ้าโกหกอีก  แกจะโดนหนักกว่านี้”

 

 

“ฉันไม่ได้ตอแหลอะไรเลย  ไม่ได้ซ้อมก็คือไม่ได้ซ้อมสิวะ”  เขาตะโกนสู้กับอีกฝ่าย  ซึ่งมันตามมาด้วยอีกหมัดที่แสนเจ็บปวดตรงช่วงไหล่ขวา  แฮร์รี่กัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองอย่างสุดจะทน

 

 

เซนชกแผลของเขา  ให้ตายสิ

 

 

“เจ็บใช่ไหม”  เซนถามหน้านิ่งสงบ  ดวงตาไร้ความรู้สึก  “โกหกอีกก็โดนอีก  เอาสิ”

 

 

แฮร์รี่หายใจรวยริน  น้ำตาเอ่อด้วยความเจ็บแบบสุดจะทนกับบาดแผลที่หัวไหล่  ทั้งร่างกระตุกราวกับโดนไฟช็อต  เขากลั้นเสียงสะอื้นแน่น

 

 

“บอกได้หรือยัง  น้องฉันอยู่ที่นี่  เขาโดนอะไรบ้าง”

 

 

แฮร์รี่สบตาอีกคนอย่างโมโหฉุนระคนหวาดกลัว

 

 

“ฉันก็พาไปรับแขก  ส่วนเรื่องซ้อมก็มีบ้างเวลาน้องนายพยายามฆ่าตัวตาย  แค่นี้แหละ!”

 

 

สิ้นคำพูด  แฮร์รี่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของอีกฝ่าย  เขาไม่อยากเห็นว่าอีกคนมีอารมณ์โกรธมากน้อยแค่ไหน  แต่มันเป็นความรู้สึกเพียงว่าเขาอยากให้ไอ้หมอนี่ยิงๆเขาให้ตายไปเสีย  จะได้จบเรื่องสักที

 

 

“นายปล่อยให้แขกข่มขืนน้องสาวฉันเหรอ”  เซนถามน้ำเสียงแหบแห้ง

 

 

“มันเป็นธุรกิจ”  แฮร์รี่แค่นเสียงเยาะๆ  กวาดสายตามองหน้าเซนอย่างเย้ยหยัน  “พ่อนายรู้ทุกขั้นตอนแหละว่าเกิดอะไรขึ้นกับสินค้าบ้าง  มีแต่เด็กแบบนายละมั้งที่ยังไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่สักที”

 

 

คำพูดของแฮร์รี่ทำให้เซนฉุนจนฟิวส์ขาด  เขาควักปืนแล้วจ่อมันที่กลางกระหม่อมของแฮร์รี่ด้วยความโมโห  สีหน้านั้นยังคงนิ่งสนิทไม่เปลี่ยน  แต่แฮร์รี่สัมผัสได้ถึงไฟความโกรธที่ลุกเพลิงอยู่ในแววตาของอีกคน

 

 

แฮร์รี่เชิดหน้าขึ้นท้าทาย

 

 

เอาสิ  ยิงเลย  จบชีวิตเขาสักที

 

 

“อยากให้ฉันยิงเหรอ”  เซนถามเสียงเบาแทบกระซิบ

 

 

แฮร์รี่นั่งนิ่ง  มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ยืนยันคำตอบชัดเจนว่าเขาพร้อมจะตายแล้ว

 

 

“ถ้าทำแบบนั้นก็สมใจนายน่ะสิ”  เซนลดปืนลง  ความคิดอะไรใหม่ๆผุดขึ้นมาในหัว

 

 

“อยากฆ่าฉันก็ฆ่าสิ  จะรออะไรอยู่”  แฮร์รี่ตะโกนเสียงดัง  เหงื่อชื้นกายเหนอะหนะกับความร้อนจากแสงโคมไฟในห้องทำให้เขาอยากหลุดพ้นไปจากสภาวะแบบนี้เต็มที  แขนทั้งสองข้างเมื่อยล้าจากการถูกมัด

 

 

“รู้มั้ยฉันคิดอะไรอยู่”  เซนพูด  น้ำเสียงแผ่วเบาระคนสะใจกับความคิดตัวเอง

 

 

“ประสาท  ใครจะไปรู้ว่านายคิดอะไร  ไอ้โง่เอ๊ย”  แฮร์รี่ทำเสียงเยาะๆ  ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่เซนด้วยความรังเกียจ

 

 

วินาทีต่อมา  เซนตบหน้าคนที่ถูกมัดดังฉาด  ผมที่ชื้นเหงื่อสะบัดปรกใบหน้าขาวผ่องที่เต็มไปด้วยรอยแดงช้ำ  แฮร์รี่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง  และถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดลงบนพื้น

 

 

“อะไรก็ตามที่น้องสาวฉันต้องเจอ...  นายก็จะต้องเจอแบบเดียวกัน”  เซนพูดเสียงเหี้ยม  ก่อนจะรีบผละออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

 

 

แฮร์รี่ตัวชาวาบ  นั่นอีกคนกำลังหมายความว่ายังไง...

 

 

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่เซนเดินออกไป  แฮร์รี่รู้สึกตัวทันทีว่าควรรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด  เขาสะบัดข้อเท้าเล็กๆของตัวเองหลายครั้งหวังว่ามันจะหลุดออกจากพันธนาการ  เสียงโซ่ขูดไปกับพื้นดังลั่นห้อง  ในขณะเดียวกัน  เขาก็พยายามกระชากแขนตัวเองให้หลุดออกจากกุญแจมือ

 

 

เขาเลือกถัดตัวลงนอนเพื่อให้สะดวก  ก่อนจะออกแรงกระชากแขนตัวเองแรงๆ  ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากแผลขูดยาวบนข้อมือซีดขาวที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีช้ำม่วงในอนาคต

 

 

แฮร์รี่พลิกตัวนอนคว่ำ  เขายันตัวนั่งคุกเข่า  แล้วพยายามกระชากแขนตัวเองออกจากโซ่กุญแจมืองี่เง่านี่  ปากสบถคำหยาบคายทุกครั้งที่พบว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย

 

 

แฮร์รี่พยายามอย่างไม่ลดละ  จนกระทั่งสัมผัสพบว่ามือใครบางคนกับบีบเข้าที่แผลตรงหัวไหล่  นั่นทำให้เขาถึงกับแผดเสียงด้วยความเจ็บปวดแล้วทิ้งตัวลงนอนบิดอยู่บนพื้น

 

 

น้ำตาไหลรินอาบแก้ม  ด้วยความปวดแสบปวดร้อนที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต

 

 

เซนกลับเข้ามาพร้อมกับไม้สนุ๊กและเหล็กยาวๆอีกหนึ่งท่อนที่เขาพบเจอระหว่างทาง  แฮร์รี่นอนเม้มปากแน่น  พยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง

 

 

ความแสบวิ่งแล่นขึ้นมาที่หนังศีรษะ  เซนใช้มือจิกผมของเขาเพื่อนบังคับให้เงยหน้า  สายตาของชายผู้หยิ่งยโสยังคงเด็ดเดี่ยวและแข็งกร้าว เขาก็จ้องมองเซนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

“กลืน”  เซนกระแทกนิ้วเข้ามาในปาก  ผลักเม็ดยาบางอย่างแล้วออกคำสั่ง

 

 

ตลอดชีวิตของแฮร์รี่  เขาแทบไม่เคยต้องฟังคำสั่งจากใคร  แล้วกับผู้ชายคนนี้น่ะหรือ...  คนป่าเถื่อนหยาบโลนแบบนี้น่ะหรือ   ทำไมเขาจะต้องยอมด้วย

 

 

แฮร์รี่คายเม็ดยาลงกับพื้นทันทีที่เซนดึงนิ้วออก  เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ลดละราวกับว่าเขาไม่เกรงกลัวอีกคนเลยสักนิดเดียว

 

 

“อวดเก่งไม่ดูสภาพตัวเองเลยนะ”  เซนก้มลงหยิบเม็ดยานั่นขึ้นมาใส่ปากตัวเอง  เขาจิกทึ้งกลุ่มผมให้แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นสูง  ใช้มือข้างที่ว่างบีบแผลที่หัวไหล่  นั่นทำให้แฮร์รี่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างทรมาน  และฉวยจังหวะนั้นประกบปากก่อนจะใช้ลิ้นผลักยาเข้าสู่ปากของอีกคน

 

 

แฮร์รี่พยายามปฏิเสธอึกอัก  แต่ยิ่งเซนออกแรงบีบที่แผลมากเท่าไหร่  เขาก็ยิ่งทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงร้องอื้ออึงในลำคอมากเท่านั้น  และในที่สุด  ยาเม็ดนั้นก็ถูกกลืนลงไปจนได้

 

 

เซนขบกัดริมฝีปากล่างของชายอีกคนด้วยความแรงแบบเต็มเขี้ยว  เมื่อรู้รสคาวของเลือด  เขาจึงยอมผละตัวออกไป

 

 

แฮร์รี่โค้งตัวลงเช็ดน้ำตากับหัวเข่าทั้งสองข้าง  ริมฝีปากแสบและบวมแดง  รสสนิมของเลือดปะปนอยู่ในน้ำลายที่ฝืดเฝื่อนยากจะกลืนลงคอ  แต่ถึงอย่างนั้น  เขาก็จะไม่ยอมให้อีกคนเห็นความอ่อนแอของเขาเด็ดขาด  ไม่มีทางหรอก  ผู้กุมอำนาจสูงสุดอย่างเขาจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครทั้งนั้น  ถ้าจะตาย  เขาก็จะตายอย่างสมเกียรติ

 

 

“ยาปลุกเซ็กส์”  แฮร์รี่แค่นหัวเราะ  “นายจะข่มขืนฉันหรือไง”

 

 

เซนนิ่งเงียบไม่ตอบ

 

 

“มีปัญญาทำได้แค่นี้เหรอ”  เขาส่งสายตาเหยียดมองอีกคนราวกับเป็นขยะสักชิ้นหนึ่งก็ไม่ปาน  เรื่องถนัดของเขาเลยล่ะ  ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องอยู่เหนือกว่าทุกคน  ไม่ว่ายังไง  เขาก็จะต้องเป็นผู้ชนะ  ต่อให้จะถูกทารุณอย่างป่าเถื่อนแค่ไหน  เขาก็จะไม่ยอมถูกใครกดหัวเด็ดขาด

 

 

เพราะมันหมดเวลาแบบนั้นแล้ว  แฮร์รี่ที่เคยนั่งร้องไห้มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว  เอาสิ  เรื่องแค่นี้เขาก็เคยโดนมาแล้ว  และเขาก็ผ่านมันมาได้  ถึงแม้ว่าครั้งนั้นเขาจะกลายเป็นผู้แพ้ก็ตาม  แต่ในวันนี้ที่เขาได้ลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเอง  วันที่เขาเข้มแข็ง...  ไม่ว่ายังไง  ทุกคนก็จะต้องเป็นฝ่ายก้มหัวให้เขา

 

 

เซนยืนมองสายตายโสอวดเก่งของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่นึกหงุดหงิดในใจ  ทำไมชายคนนี้ถึงไม่ยอมลดละความถือตัวลงบ้าง  อย่างน้อยเขาอาจจะสงสารอีกฝ่ายขึ้นมาหน่อยก็ได้  แต่ท่าทีวางตัวประหนึ่งหงส์ชูคออวดเก่งทั้งๆที่ตัวเองกำลังจะตายแบบนี้น่ะ  มันยิ่งทำให้เขาหมั่นไส้ขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ

 

 

เมื่อครู่เขาได้เห็นสภาพของน้องสาวตัวเองแล้ว  หนึ่งในเพื่อนที่เข้ามาช่วยเขาบุกทลายซ่องไฮโซนี้ได้เป็นคนพาตัววาลิยาห์ออกมา  เธอผอมซูบและโทรมลงไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม  ซึ่งนั่นทำให้พี่ชายอย่างเขาหัวใจแทบสลาย...

 

 

และแฮร์รี่เป็นคนทำให้น้องของเขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น

 

 

เขาจะเอาคืนทุกอย่างให้สาสมกับที่มันทำไว้

 

 

“เลือกมา  จะเอาเหล็กหรือไม้สนุ๊ก”  เขาถือของทั้งสองชิ้นให้ดู  แฮร์รี่เลิกคิ้วมองราวกับผู้ดีที่กำลังเลือกซื้อเพชรราคาแพง

 

 

“ของแค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บหรอก”  คนถูกมัดพูดไว้อย่างท่า  ริมฝีปากที่ถูกกัดจนเลือดซิบเหยียดยิ้มท้าทายราวกับว่าของพวกนี้ไม่คณามือคนอย่างเขาสักนิด

 

 

“ลืมไป  นายคงชอบเล่นของใหญ่กว่านี้”  เซนพูดเรียบๆ  “ตกลงเลือกไม้สนุ๊กสินะ”

 

 

คำพูดนั้นลบรอยยิ้มไปจากใบหน้าของหงส์ผู้ถือตัวได้นิดหน่อย  ถึงแม้ว่าหน้าจะฉาบไปด้วยความอวดดี  แต่ในใจลึกๆแล้วเขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งก้าวเท้าลงไปในบึงทะเลสาบที่เต็มไปด้วยสัตว์อันตราย

 

 

หายใจลึกๆสิ  แฮร์รี่  นายต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น

 

 

แต่ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้นแล้ว  แฮร์รี่ก็กระเถิบตัวจนแทบจะชิดโต๊ะวางโคมไฟโดยอัตโนมัติ  เพียงเพราะเซนขยับเข้ามาใกล้แค่ก้าวเดียว

 

 

“หึ...  ที่แท้ก็กลัวจนตัวสั่น  แล้วยังมาทำปากดี”

 

 

แฮร์รี่ไม่ตอบ  แต่ในระยะห่างที่ลดน้อยลงในทุกฝีก้าว  เปรียบดังมีดที่ค่อยๆเฉือนลมหายใจออกจากปอดของเขาไปทีละน้อย  เซนขยับเข้ามาพร้อมกับไม้สนุ๊กในมือ  เขาหักมันเป็นท่อนเล็กๆยาวขนาดเท่าท่อนแขน  ดวงตาคู่นั้นยังคงฉายแววไร้ความรู้สึกที่แฮร์รี่หวาดหวั่นจับใจ  จนกระทั่งเซนประชิดถึงตัวและขึ้นคร่อมเขา  ในที่สุด...

 

 

“อย่า... อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”

 

 

เสียงแหบแห้งนั้นมาพร้อมกับความกลัวที่ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์

 

 

“แล้วตอนน้องฉันขอร้องแบบนี้  นายปล่อยเธอไปไหม...”

 

 

เซนถามกลับ  เป็นคำถามที่แฮร์รี่รู้ในแทบจะทันทีว่า  ไม่ว่าเขาจะให้คำตอบอีกคนหรือไม่  เซนก็ไม่มีวันปล่อยเขาไปอยู่ดี

 

 

“...”

 

 

“ตอบ!”  เซนฟาดมือเข้าที่ใบหน้าอีกคนรุนแรง  ผิวแก้มของเขาแสบร้อนและปวดชาจากการโดนทำรุนแรงหลายครั้ง  น้ำตานั้นคลอเบ้า  ก่อนจะค่อยๆร้องไห้แล้วส่ายหัวช้าๆ

 

 

“ไม่...”

 

 

“งั้นนายก็คงรู้ว่าเราต้องสนุกกันอีกนาน  จริงไหม”

 

 

แฮร์รี่สะอื้นฮัก  แผลที่ข้อมือเจ็บแสบขึ้นในทุกการเคลื่อนไหว  กุญแจมือยังคงบาดผิวของเขาจนแดงช้ำ  และแน่นอนว่าไหล่ข้างขวายังคงปวดชาราวกับถูกรถสิบล้อวิ่งทับ

 

 

เซนรูดซิบกางเกงของอีกคนลง  แล้วค่อยๆรูดมันออกจากขาขาวเรียวนั่นช้าๆ  แสงไฟที่ตกกระทบเนื้อผิวละมุนทำให้ขาของแฮร์รี่ดูราวกับเรืองแสงได้ในความมืด  ซึ่งเมื่อเซนรูดลงมากองจนถึงปลายเท้า  เขาก็ไม่สามารถถอดมันออกไปได้เนื่องจากมีโซ่ลามขาของอีกฝ่ายไว้ข้างหนึ่ง  และแฮร์รี่ฉวยจังหวะที่เซนอยู่ปลายเท้าพอดีนี้ย่อขาแล้วยันถีบผู้บุกรุกสุดแรง  ก่อนจะกระเถิบร่างตัวเองเพื่อหลีกหนีอีกคนให้ไกลที่สุด

 

 

โชคดีที่โซ่ตรงขายาวพอที่จะทำให้เขาสามารถหนีไปตั้งหลักได้ที่มุมห้องฝั่งตรงข้าม  ติดก็ตรงที่ข้อมือถูกล็อคไว้กับโต๊ะตั้งโคมไฟนี่แหละ  แฮร์รี่ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากเมื่อกางเกงยีนส์ไปกองอยู่ตรงข้อเท้าเรียบร้อยแล้ว  แต่มือทั้งสองตั้งการ์ดไว้อย่างดีเตรียมพร้อมที่จะสู้ทุกเมื่อ

 

 

เซนไม่เสียเวลาใดๆที่จะลุกขึ้นประชิดตัว  เขาหลบหมัดของแฮร์รี่ได้อย่างสบายๆ  พร้อมกับจับตัวอีกคนหมุนกระแทกผนังห้อง  กลายเป็นว่าแฮร์รี่หันหน้าเข้าผนังโดยมีเซนยืนซ้อนหลัง  มือหนาไล่จากบั้นท้ายไปยังส่วนไวสัมผัส

 

 

แฮร์รี่ที่กำลังอยู่ในภาวะก้ำกึ่งถึงกับเข่าอ่อนเพียงแค่การเสียดสีภายนอก  ฤทธิ์ยาเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ได้ง่ายๆ  เซนกำลังปลุกเร้าเขาผ่านกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วที่เขาใส่ไว้ด้านใน  แฮร์รี่พยายามจะปัดมือออก  ติดก็ตรงที่มือของเขาถูกพันธนาการไว้และไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระ

 

 

ทำอะไรไม่ได้เลย  นอกจากยืนเฉยๆ...

 

 

เซนพ่นลมหายใจร้อนๆใส่หู  แฮร์รี่ทำเสียงเครือในคอแล้วเบี่ยงหลบ  แต่ไม่วายพ่ายแพ้ให้กับคมเขี้ยวที่ตามมากัดไม่หยุด

 

 

“เจ็บ!”  แฮร์รี่พยายามประท้วงเมื่อเซนงับใบหูของเขาโดยไม่ผ่อนแรงเลยสักนิด  “หยุด! อย่ามาจับ”

 

 

เขาพยายามขัดขืน  แต่ลิ้นเปียกชื้นที่ลากผ่านลำคอขาวทำให้ลมหายใจแทบขาดเป็นห้วงๆ

 

 

“ร่างกายไม่เห็นปฏิเสธเหมือนปากเลย”

 

 

เซนล้วงมือเข้าไปในกางเกงขาสั้น  ปราการด่านสุดท้ายที่ยั้งไม่ให้แฮร์รี่เผลอส่งเสียงครางออกมาได้ถูกทำลายแล้ว  เมื่อคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังรั้งมันลงมาตามเรียวขา  แล้วใช้มือนวดคลึงและบีบเม้มส่วนปลายของแฮร์รี่  คนถูกกระทำส่งเสียงน่าอายออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  มันดังสะท้อนก้องในห้องเงียบ  และเขาได้ยินเสียงหัวเราะของเซนดังขึ้น

 

 

“ดีแต่ปาก”  เซนแขวะ

 

 

“ก็งั้นๆแหละ”  แฮร์รี่กัดฟันพูด  “น้องสาวนายยังใช้มือเก่งกว่านายเสียอีก”

 

 

คนฟังผลักผู้ชายปากดีแนบสนิทกับกำแพงแล้วประกบร่างตัวเองทับ  ก่อนจะใช้เล็บขูดท่อนเนื้อสีชมพูนั้นอย่างโกรธเคือง  เสียงหวีดร้องของแฮร์รี่เติมเต็มในความว่างเปล่า  คนถูกพันธนาการส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่องเมื่อเซนไม่ยอมผ่อนแรงที่มือเลยสักนิด

 

 

น้ำตาอีกระลอกหลั่งอาบแก้มนวลที่ช้ำจากการโดนตี  แฮร์รี่จิกเล็บกับต้นขาตัวเองลึกจนเลือดซิบหวังว่าจะลดอาการปวดที่ส่วนนั้นได้  แต่ถ้าเซนยังไม่หยุด  บางทีเขาอาจจะขาดใจตายไปตอนนี้เลย  ริมฝีปากที่เจ่อบวมและบอบช้ำถูกกัดและขบเม้มโดยเจ้าตัว  แม้จะแสบและได้รสคาวของเลือด  แต่ขอเพียงแค่มันลดอาการเจ็บที่เซนกำลังมอบให้เขาในตอนนี้ได้สักนิดก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

 

 

“อวดดีเข้าไปสิ”  เซนขู่กระซิบข้างหู  “ยิ่งปากเก่งก็ยิ่งโดนหนัก”

 

 

แฮร์รี่กลั้นเสียงสะอื้น  เมื่อร่างถูกกระชากแล้วผลักให้ล้มลงกับพื้นในจุดเดิมก่อนที่เขาจะกระเถิบตัวหนีไป  เซนคว้ากรรไกรที่พกมาด้วยตัดกางเกงยีนส์ของแฮร์รี่ให้หลุดขาดออกจากขาทั้งสองข้างด้วยความรำคาญ  ชายผู้ถูกกระทำดิ้นขัดขืนสุดแรง  มือหนาฉุกดระชากขาแล้วกดนิ่ง  ก่อนจะใช้กรรไกรตัดกางเกงแนบเนื้อตัวจิ๋วที่คาอยู่บนต้นขาด้วยท่าทีเยือกเย็น

 

 

กลายเป็นว่าเสื้อผ้าท่อนล่างถูกจัดการถอดออกไปหมดแล้ว

 

 

มีเพียงชายเสื้อเชิร์ตสีขาวสกปรกของแฮร์รี่เท่านั้นที่ปิดบังส่วนสีชมพูช้ำจากการโดนรังแกเมื่อครู่  แฮร์รี่ประกบขาทั้งสองข้างแนบสนิทแล้วพยายามนั่งเฉียงๆเพื่อไม่ให้อีกคนเห็นส่วนใดๆของเขาแม้แต่น้อย  เซนหัวเราะหึๆ

 

 

เจ้าของแขนสีแทนปลดกางเกงตัวเองออกอย่างรวดเร็ว  พลางควานหาไม้สนุ๊กที่โดนหักทิ้งไว้บนพื้น  เมื่อคว้าได้  จึงคลานขึ้นมาคร่อมแฮร์รี่ที่พยายามเบี่ยงตัวหนีอย่างรังเกียจ

 

 

“ขยะแขยง  หยุด!  ออกไปให้พ้นๆเลยนะ”  แฮร์รี่ส่งเสียงแล้วพยายามถีบ  เพียงแต่ลูกไม้เดิมๆของเขาไม่ประสบผลสำเร็จเป็นครั้งที่สอง  เมื่อเซนฉุดขาทั้งสองขึ้นสูง  กดศีรษะของอีกฝ่ายไว้ให้ราบอยู่กับพื้น  ก่อนจะย้ายขาทั้งสองมาพาดไว้บนบ่า  จากมุมนี้เขาสามารถเห็นช่องทางสีชมพูได้อย่างถนัดตา

 

 

แฮร์รี่ดิ้นสุดแรงเมื่อเซนสอดนิ้วที่หนึ่งเข้ามายังช่องทางคับแน่นด้านหลัง  ไม่มีการหล่อลื่นใดๆทั้งนั้น  มีเพียงความแสบและอึดอัดที่แฮร์รี่ต้องเผชิญ  บวกกับแรงพายุของยาที่ช่วยส่งเสริมให้รู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก

 

 

“ทำไมมันแน่นจังวะ”  เซนพึมพำเบาๆ

 

 

ในใจอยากใช้เล็บข่วนหรือชกอีกคนให้สลบไปเสีย  แต่คนถูกรังแกทำได้เพียงพยายามกระชากแขนตัวเองให้หลุดจากพันธนาการเหนือศีรษะที่ดูท่าจะไม่มีทางได้ผล  สิ่งที่เห็นชัดดูจะมีเพียงผิวข้อมือที่ถลอกและมีเลือดซึมไหลออกมาจางๆ

 

 

น้ำตาเอ่อขึ้นจนมองไม่เห็นภาพตรงหน้า

 

 

“ไม่เอา  ไม่เอา  มันเจ็บ”  เขาส่งเสียงวิงวอน  เสียงสะอื้นไม่ช่วยทำให้เซนละความพยายามสอดนิ้วที่สามแต่อย่างใด

 

 

“เดี๋ยวก็ทำปากเก่ง  เดี๋ยวก็ขอร้อง  เอาดีให้มันได้สักทางสิ”  เซนพูดน้ำเสียงไร้ความรู้สึก

 

 

แฮร์รี่รู้สึกถึงความอึดอัดในช่วงล่างได้ไม่นานนัก  จนกระทั่งบางอย่างที่มีความเย็นกว่าถูกสอดเข้ามา  ขนาดของมันเล็กและเรียว  แต่ความแข็งนั่นทำให้เขาต้องสะดุดลมหายใจตัวเอง

 

 

“อะ... ม... มัน  เดี๋ยว--”

 

 

“ไม้สนุ๊กไง  ชอบของแข็งไม่ใช่เหรอ”  เซนพูดด้วยน้ำเสียงยียวน  มือดันเอาวัตถุแข็งเรียวนั้นสอดลึกลงไปยังส่วนกล้ามเนื้อสีชมพูที่บีบรัด  แฮร์รี่หวีดร้องเมื่อมันโดนเข้ากับจุดนั้นของเขาพอดี

 

 

เป็นความเจ็บปวดมหาศาลที่มีความสุขเล็กๆผสมปนอยู่ในนั้นด้วย

 

 

มือทั้งสองกำแน่น  พยายามกลั้นเสียงแต่มันควบคุมไม่ได้  เมื่อเซนสอดลึกเข้าไปอีก

 

 

เขาแผดเสียงด้วยความเจ็บเมื่อเซนพยายามดันมันลึกเข้าไปเรื่อยๆ  อาการจุกแล่นริ้วทั่วทั้งสรรพางค์กาย  ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ  ท่อนล่างปวดชาแทบไม่มีความรู้สึกใดๆนอกเหนือไปจากความเจ็บ  น้ำตาร่วงเผาะอย่างสุดแสนจะทรมาน

 

 

“เจ็บ...  มันเจ็บ  ไม่เอาแล้ว”  เขาโอดครวญ  หลับตาแน่นเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ละความพยายามที่จะดันมันเข้ามาลึกมากขึ้นไปอีก

 

 

“อะไรอะ  ที่ใส่ไปนี่ยาวแค่หกนิ้วเองนะ”  เซนชี้แจงหน้าตาย  “สำออยหรือเปล่า”

 

 

แฮร์รี่ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะตอบ  แค่สูดอากาศหายใจเข้าปอดยังทำได้ลำบากเลย

 

 

ทำไมเซนถึงไม่ฆ่าเขาซะ  ถ้าหากว่าโกรธแค้นในสิ่งที่เขาทำกับน้องสาวตัวเองไว้มากขนาดนั้นล่ะก็  เอาปืนมายิงหัวให้ตายไปเลยดีกว่า  ทำไมก่อนตายเขาถึงต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย  ทำไมอีกคนถึงได้ใจคออำมหิตขนาดนี้  ทำไมไม่ฆ่าเขาทิ้งไปเสีย  ทำไมต้องทรมานกัน

 

 

“ฆ่าฉันเลยดีกว่า”

 

 

“ถ้าทำแบบนั้น... นายก็ไม่มีวันได้รับรู้ถึงสิ่งที่น้องสาวฉันต้องเผชิญน่ะสิ”

 

 

“ฉันขอโทษ! โอเคไหม  ฉันไม่รู้จริงๆว่านั่นเป็นน้องสา--”

 

 

เซนดึงไม้สนุ๊กออก  ความโล่งขึ้นในช่วงล่างทำให้แฮร์รี่หยุดส่งเสียง  ปอดทำงานดีขึ้นมาได้วินาทีหนึ่ง  และยังไม่ทันได้หายใจหายคอสะดวกดี  เซนก็แทรกส่วนแข็งขนาดเขื่องเข้ามาโดยไม่มีการเตือนใดๆทั้งสิ้น

 

 

แฮร์รี่กรีดร้องสุดเสียง  เริ่ดหน้าขึ้นด้วยความเจ็บแสบ  ขาทั้งสองปวดเมื่อยจากการถูกพาดไว้เหนือบ่าของอีกฝ่าย  มือถูกพันธนาการไว้เหนือศีรษะสั่นกระตุกราวกับเจ้าตัวพยายามหาที่ยึดจับ  ร่างกายเหมือนแยกออกเป็นสองเสี่ยง  ท่อนเนื้อกดจมลึกเข้าไปภายในเสียยิ่งกว่าวัตถุเมื่อครู่  เสียงหวีดร้องดังและเงียบหายไปในลำคอ  น้ำตาไหลรินลงมาทางหางตา

 

 

หนากว่า  และลึกยิ่งกว่า

 

 

ภาพเหตุการณ์วันแรกที่เขาโดนพี่ชายข่มขืนย้อนกลับมาอีกครั้ง  ความเจ็บปวดในครานั้นทับซ้อนเข้ามาแบบเดียวกับคราวนี้  สี่ปีที่ห่างหายไปจากความทรมาน  ท่อนล่างบอบช้ำไม่ต่างจากวันที่เขาถูกกระทำรุนแรงครั้งแรก

 

 

เซนขยับตัวด้วยจังหวะที่แฮร์รี่แทบสำลักความทรมาน  ไม่มีการเล้าโลม  ไม่การขยายหรือสร้างความคุ้นชิน  มีเพียงความฝืดเฝื่อนและดิบห่าม  ผิวเนื้อที่เสียดสีกันแสบร้อนจนเขาเชื่อว่าอีกไม่ช้ามันต้องเกิดบาดแผล  เสียงของความพ่ายแพ้หลุดออกจากริมฝีปากช้ำเลือดทุกครั้งที่เซนกระแทกเข้ามารุนแรง

 

 

ทั้งหมดนี้คือการเอาคืนงั้นหรือ

 

 

ทำแบบนี้...  คงพอใจแล้วใช่ไหม

 

 

ได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้ชายด้วยกัน  ได้ทำลายชีวิตของคนคนนึง  ได้เอาคืนให้กับน้องสาว

 

 

ฆ่าเขาทางอ้อมแบบนี้  สะใจแล้วใช่ไหม

 

 

ถ้าสะใจ  แล้วเมื่อไหร่จึงจะหยุด

 

 

เมื่อไหร่จึงจะพอ

 

 

เอาออกไปสักที...  มันเจ็บ

 

 

เอาออกไปสักที... มันขยะแขยง

 

 

“ไม่ได้ทำนานแล้วใช่ไหม”  เซนถาม  โน้มตัวลงกระซิบที่หูของเขาแผ่วเบา  ไม่วายขบกัดเพิ่มความเจ็บปวดให้อีกคนได้รู้สำนึก

 

 

แฮร์รี่ไม่ได้ให้คำตอบ  เขากัดริมฝีปากตัวเองแน่นลดอาการเจ็บ  หลับตาเมินใบหน้าคมคายของผู้ชายที่อยู่ด้านบน

 

 

“ตอบสิ”  เซนพูดไม่สบอารมณ์  ก้มลงงับริมฝีปากของเขาอีกครั้งเป็นการกระตุ้น  แฮร์รี่พยายามเบี่ยงหน้าหลบแต่ไม่พ้น  ในที่สุดเขาก็ต้องตอบ

 

 

“สี่ปี...”

 

 

“ไม่ได้ทำมาสี่ปีแล้วเหรอ”  คนถามเลิกคิ้ว  “นานมากนะสำหรับพ่อค้ากามแบบนายเนี่ย”

 

 

“ไม่ได้... ถูกใครข่มขืนมา ส... สี่ปีแล้ว”  แฮร์รี่เค้นเสียงตอบสวนทางกับความเจ็บ

 

 

ฤทธิ์ยาไม่ได้ช่วยให้เขามีความสุขไปกับมันเลย  มีเพียงความช้ำระบมจากท่อนล่างเท่านั้นที่สัมผัสได้  มันกลบความร้อนทุกอย่างไปหมด  เหลือเพียงความทรมานที่ทำให้นึกย้อนไปถึงวันวานที่เขายังไม่ถูกป้ายด้วยสีดำ

 

 

คนที่ฟังคำตอบถึงกับชะงักไปชั่วครู่  คำตอบของชายที่นอนบิดเร่าอยู่ตอนนี้เหมือนสื่อกลายๆว่าเคยโดนข่มขืนมาก่อนแล้วยังงั้นแหละ

 

 

อ๋อ...

 

 

เพราะโดนข่มขืนมา  นี่เลยเป็นเหตุผลที่เลือกทำอาชีพนี้ใช่มั้ย  ตั้งใจระบายความโกรธแค้นที่โดนเอาเปรียบด้วยการลากชีวิตคนอื่นเข้ามาจมอยู่ในวังวนโสโครกนี้ให้เหมือนกับที่ตัวเองเคยโดนงั้นเหรอ

 

 

เซนหัวเราะแผ่วเบา  ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อยเท่านั้น...  ไม่ล่ะ  เขารู้สึกสะใจมากที่ได้ทำร้ายอีกคนมากกว่า  ให้มันได้เผชิญแบบเดียวกับที่น้องสาวเขาต้องเผชิญ  ให้มันเจ็บแบบที่น้องสาวเขาเจ็บ  ให้มันได้รับรู้รสชาติของความสิ้นหวังแบบเดียวกับที่น้องสาวของเขาเคยสัมผัส

 

 

เพราะมันทำร้ายคนอื่น  มันจึงต้องรับผลกรรมอย่างสาสม

 

 

“เอาออกที... เอามันออกไปก่อนได้มั้ย”

 

 

คนถามพยายามเปล่งเสียงออกมาให้ฟังดูเป็นใจความมากที่สุด  ร่างกายขยับเคลื่อนตามจังหวะที่อีกฝ่ายชักนำ  เรียวขาปวดเมื่อย  ไหล่ด้านขวาปวดช้ำ  ใบหน้าระบุไม่ได้เลยว่าจุดไหนที่ปวดไปกว่ากัน

 

 

“ทำไมฉันต้องทำในสิ่งที่นายต้องการด้วย”  เซนขมวดคิ้ว  หลับตาเพลิดเพลินไปกับความแน่นที่โอบรอบแก่นกายของเขา  ความอุ่นร้อนที่รัดรึงทำให้แทบคลั่ง  ห้ามตัวเองไม่ให้กระแทกสะโพกเข้าไปอย่างรุนแรงไม่ได้เลย

 

 

รู้ทั้งรู้ว่าอีกคนเจ็บ  รู้ว่าความฝืดที่ลดน้อยลงนั่นเพราะเลือดจากบาดแผลได้กลายเป็นตัวช่วยหล่อลื่นไปเรียบร้อยแล้ว  แค่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าทรมานมากแค่ไหน

 

 

ดี...  รับรู้หรือยังว่าสิ่งที่น้องสาวเขาเจอมันเลวร้ายขนาดไหน

 

 

“อ... โอ๊ย”  แฮร์รี่ร้องออกมาเมื่อเซนพยายามเปลี่ยนท่าให้เขาพลิกตัว  มือทั้งสองของเขาจำต้องยันพื้นอย่างอ่อนแรง  เข่าตั้งชันและบั้นท้ายถูกบังคับให้ยกขึ้น  ช่างสะดวกสำหรับฝ่ายกระทำ  แต่เหนื่อยเหลือเกินสำหรับฝ่ายที่รองรับแรงอารมณ์แบบนี้

 

 

เซนไม่ผ่อนปรน  ไม่มีคำว่าลดละ  ไม่มีการปราณีใดๆ

 

 

เสื้อเชิร์ตสีขาวถูกเลิกขึ้น  และแผ่นหลังขาวผ่องที่ปรากฏชัดทำให้เซนอดใจไม่ได้  เขาโน้มตัวลงกัดและขบเม้มอย่างรุนแรง  แฮร์รี่เกาะขอบโต๊ะเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาทรุดตัวลง แผลที่ข้อมือเจ็บแสบได้ไม่ถึงเสี้ยวกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้  และเมื่อเซนจัดท่าได้เรียบร้อย  แฮร์รี่รู้สึกว่าเซนแตะโดนจุดของเขาได้ถี่มากขึ้นกว่าเดิม

 

 

และเมื่อถึงครั้งที่สามที่เซนกระแทกเข้าตรงจุดจีสปอต  แฮร์รี่ถึงกับเข่าอ่อน  เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  แข้งขาหมดแรง  ร่างกายอ่อนเปลี้ย มือที่เกาะโต๊ะโคมไฟร่วงผล็อย  เขาฟุบหน้าลงกับพื้น  แต่บั้นท้ายยังคงถูกยกขึ้นด้วยมือทั้งสองที่บีบแน่นอยู่ตรงสะโพก

 

 

น้ำตาไหลไม่หยุด  ในขณะที่หลั่งออกมาเปรอะผ้าห่มผืนสกปรกและหน้าท้องของตัวเอง

 

 

เมื่อไหร่จะพอ

 

 

หยุดได้แล้ว

 

 

เขาล้า...

 

 

เขาเหนื่อย...

 

 

เขาระบมช้ำไปหมดแล้ว...

 

 

พอสักที

 

 

เซนครางออกมาเบาๆ  ก่อนจะหลั่งออกมาภายในตัวเขา  รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แฉะคั่งอยู่ข้างใน  มันเต็มไปด้วยความเหนียวเหนอะและความน่าสะอิดสะเอียนเมื่อพบว่าตัวเองเพิ่งจะถูกข่มขืนด้วยผู้ชายคนหนึ่งที่อายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี

 

 

ถูกข่มขืนเพียงเพราะอยากแก้แค้น...

 

 

แฮร์รี่นอนน้ำตาไหลริน  ในขณะที่เขาเห็นเซนทิ้งตัวลงนอนอยู่เคียงข้าง  หายใจหอบหนักไม่ต่างกัน

 

 

และในวินาทีนั้นเอง  ที่เขาเห็นความแวววับของพวงกุญแจที่สะท้อนแสงจากโคมไฟในห้อง  มันอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเซนนั่นเอง  พวงกุญแจของเขา  พวงกุญแจที่สามารถไขกุญแจมือและโซ่ล่ามเท้านี้ได้

 

 

แฮร์รี่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  ก่อนจะยันตัวเองขึ้นด้วยแรงเฮือกสุดท้าย  แขนขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขาวและฝุ่นบนพื้นยื่นไขว่คว้า  มือข้างขวาสั่นกระตุกจากความเจ็บที่หัวไหล่  เขาคว้าตัวโคมไฟที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วกระชากสุดแรง  สายปลั๊กที่เคยเสียบอยู่ภายนอกหลุดกระเด็น

 

 

ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดทันที  มีเพียงแสงสลัวจากภายนอกประตูเท่านั้นที่ลอดเข้ามา  เขาเงื้อโคมไฟสุดแรงเท่าที่โซ่กุญแจมือจะทำให้ได้  แล้วทุ่มมันลงไปยังตำแหน่งที่คิดว่านั่นเป็นศีรษะของเซนแน่ๆ

 

 

มีเสียงวัตถุกระทบผิวดังตุ้บ แฮร์รี่ยกขึ้นฟาดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้กลายเป็นเสียงแตกเพล้งของหลอดไฟภายในที่กระแทกกับพื้น

 

 

เขาคิดว่าเซนสลบ  แต่รอดนัดที่สองไปอย่างหวุดหวิด

 

 

ในทันที  ร่างกายที่อ่อนล้าดูจะมีเรี่ยวแรงขึ้นจากความหวังอันน้อยนิด  แฮร์รี่คลำหากางเกงของอีกฝ่าย  มือล้วงไปทุกกระเป๋าที่มี  จนในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงเหล็กเย็นๆขนาดเรียวยาวหลายๆอันที่ร้อยกันเป็นพวง

 

 

เขาได้กุญแจแล้ว...

 

 

ช่างเป็นเรื่องทุลักทุเลที่ต้องทำทุกอย่างในความมืด

 

 

ไม่รู้ว่าเซนจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่  แต่เขาพยายามปลดพันธนาการทั้งสองของตัวเองด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่มือสั่นๆจะทำได้แล้ว

 

 

เมื่อรู้สึกว่าโซ่ขาถูกปลด  แฮร์รี่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนโซเซ  เขาเกือบล้มลงกับพื้นเนื่องขาทั้งสองข้างทนรับน้ำหนักไม่ไหว  มันปวดร้าวเหมือนโดนกระดูกทั้งท่อนโดนทุบตี  และเมื่อก้าวขาได้เพียงก้าวเดียว  ของเหลวบางอย่างก็หลั่งออกมาจากช่องทางที่เพิ่งถูกกระทำรุนแรง  มันไหลลงมาตามต้นขา  น้ำข่าวขุ่นที่ผสมไปด้วยสีเลือดจางๆ  แฮร์รี่ก้มลงมองแล้วได้แต่อดทนยอมรับกับสภาพของตัวเอง

 

 

ในที่สุด  มือขาวซีดก็ผลักประตูเปิด  โหยหาแสงสว่างยามเย็นที่สาดกระทบเข้าใบหน้า  เขาถึงกับต้องหรี่ตาเพื่อทำความเคยชิน  และเมื่อได้สติแล้ว  ขาทั้งสองก็รีบพยุงตัวเองขึ้นบันไดไปยังห้องด้านบนทันที

 

 

ห้องนอนของเขา...

 

 

มันมีปืนอีกหนึ่งกระบอกนอนอยู่ในนั้น

 

 

เขาข้ามศพลูกน้องที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น  ท่อนล่างล่อนจ้อนเย็นหวิว  พยายามฝืนสังขารและขาที่สั่นอย่างอ่อนล้าไปยังห้องที่คุ้นเคยที่สุด

 

 

ใช้เวลานานกว่าเขาจะเดินขึ้นไปจนถึงห้อง แฮร์รี่คว้ากางเกงขาสั้นได้หนึ่งตัวแล้วสวมมันอย่างฉับไว  ก่อนจะลากตัวเองไปยังหัวเตียง  เปิดลิ้นชักแล้วดึงปืนอีกกระบอกหนึ่งออกมา

 

 

เอาสิ

 

 

ตายกันไปข้าง  ไม่เขาก็มันนี่แหละที่จะต้องจบชีวิตกัน

 

 

มีเสียงเหมือนคนเหยียบเศษแก้วดังขึ้นมาจากด้านล่าง  แฮร์รี่สะดุ้ง  ไหวตัวทันที  เซนคงฟื้นแล้วและตามหาตัวเขาอยู่ 

 

 

เขากระโดดไปที่หน้าประตูห้องแล้วเริ่มตั้งหลัก  มือปลดลูกกระสุนออกจากแม็กมาหนึ่งลูก  ก่อนจะใส่ที่เหลือกลับเข้าไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

แฮร์รี่โยนลูกกระสุนกลิ้งเข้าไปในห้องตัวเองให้เกิดเสียงดังที่สุด  ก่อนจะวิ่งไปหลบที่มุมอับของบันได

 

 

ยังไงไอ้ชั่วนั่นก็ต้องเดินขึ้นมาแน่...  และคราวนี้เขาจะไม่พลาด

 

 

มือยื่นขึ้นเล็งในระดับที่คิดว่าจะต้องโดนศีรษะของชายคนนั้นแน่ๆ  และนั่งรออยู่ในความเงียบ  หมายปลิดชีวิตอีกคนโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

 

 

เซนกำลังเดินขึ้นบันไดมาจริงๆจากเสียงที่เขาจงใจทำให้มันดังขึ้น  หึ  โง่เหมือนหนูที่ติดกับดักไม่มีผิด 

 

 

เขาลอบมองเห็นใบหน้าคมคายของชายชั่ว  สังเกตพบว่าศีรษะนั้นมีเลือดไหลอาบจากการโดนฟาดด้วยโคมไฟ  ท่วงท่าการย่างก้าวของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

 

 

รออีกหน่อย  อีกไม่นาน...  ก็จะถึงเวลาตัดสิน

 

 

และเมื่อเซนเดินเข้ามายังจุดที่แฮร์รี่คำนวณไว้ตรงเผง  เขาง้างนกขึ้นเตรียมพร้อม  แต่นี่เป็นจุดผิดพลาดที่เขาลืมนึกไปเสียสนิท  เสียงของมันดังพอที่จะทำให้เซนหันมาระบุตำแหน่งของเขาได้ในทันที

 

 

และในวินาทีที่สับสน

 

 

เขาทันเห็นใบหน้าของเซนที่หมุนกลับมา  ดวงตาสีน้ำตาลคมคายนั้นจ้องมองเขาเขม็ง

 

 

เสียงปืนทั้งสองกระบอกก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน

 

 

พร้อมกับร่างที่ถูกแรงกระสุนผลักให้ล้มลงกับพื้น

 

 

ปืนร่วงผล็อยลงจากมือซีดขาว  หยดเลือดสาดกระจายเต็มพื้นบันได  ดวงตากลมโตเบิกค้าง

 

 

แฮร์รี่สิ้นใจในทันทีที่กระสุนฝังเข้ากลางอก

 

 

ชายอีกคนกลิ้งตลบลงไปยังบันไดขั้นสุดท้าย  เลือดไหลจากปากแผลหยดลงพื้น

 

 

มีเสียงหอบหายใจดังขึ้นราวปาฏิหาริย์

 

 

มือแข็งแรงกดศีรษะของตัวเองอย่างยากลำบาก…

 

 

เซนเหนี่ยวไกก่อนแฮร์รี่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น  ซึ่งมันทำให้วิถีกระสุนของอีกคนเฉียดจุดตายของเขาไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

 

 

ผู้บุกทลายซ่องไฮโซตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น  เงยหน้าขึ้นมองร่างที่นั่งอยู่ตรงมุมบันได  ใบหน้าของเจ้าของดวงตาสีเขียวหม่นนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ  ที่มุมปากแตกและมีเลือดออก  เลือดสาดกระเซ็นเปรอะไปทั่วบริเวณ  ร่างนั้นแน่นิ่ง  ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างยุติลงแล้วงั้นหรือ...

 

 

เซนยืนนิ่ง  มองสถานเริงรมย์ของบรรดาผู้บริหารระดับประเทศแล้วก็ได้แต่ชักสีหน้าด้วยความรังเกียจและขยะแขยง

 

 

ดี  ตายกันไปให้หมด  แผ่นดินมันจะได้สูงขึ้น

 

 

เขาอยากเดินออกไปจากที่นี่เต็มทน  และจุดหมายต่อไปของเขาก็คงหนีไม่พ้นโรงพยาบาล

 

 

เขาหันไปมองร่างไร้วิญญาณของผู้ชายที่เคยเป็นนักธุรกิจสูงสุดของที่นี่อีกครั้ง

 

 

“จบกันเพียงเท่านี้ล่ะนะ  ขอให้ไปเสวยสุขในนรกก็แล้วกัน”

 

 

เซนพูด  ก่อนจะหมุนตัวแล้วพยุงร่างของตัวเองออกไป

 

 

.

 

 

.

 

 

.

 

 

- โศกนาฏกรรม -

The End

 

 

.

 

 

.

 

 

.

 

 

Writer  Talk :

 

สวัสดีค่ะ

 

จบลงแล้วกับฟิคที่ป่าเถื่อนและรุนแรงแบบ SM สุดๆ พร้อมตอนจบแบบสมน้ำสมเนื้อ

 

ใจจริงแพลนไว้ว่าอยากฆ่าเซนให้ตายนะคะ แต่เห็นว่าปูให้แฮร์รี่เลวมาตั้งแต่ต้น ก็เออ ตายไปเหอะ (อ้าว) คือจริงๆเซนก็ควรตายด้วยนะเพราะเลวมากเหมือนกัน  ไปข่มขืนเขา  โอ๊ยช่างมัน  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์เปลี่ยวของผู้แต่งค่ะ  เอาเป็นว่าเมย์แพลนเอาไว้ว่าจะฆ่าให้ตายทั้งคู่แหละค่ะ  แต่จบแบบนี้ก็... ก็ดี (มั้ง)

 

อนุญาตให้ตบตีได้นะคะที่ทำร้ายผู้อ่านแบบนี้ ง่า... ก็มันจำต้องจบแบบนี้จริงๆอะ จะให้ไปรักกันก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอีท่าไหนดี 5555555

 

เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับคำติชมล่วงหน้าสำหรับนักเขียนฝึกหัดแบบเมย์นะคะ รักผู้อ่านทุกท่านมากจริงๆ ฝากผลงานเรื่องอื่นๆทั้ง Can’t Be และ Something We Called Love ด้วยนะค้า (ขายของ) บ๊ายบายค่า รักผู้อ่านเน้อออ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา