บันทึกเรื่องราวของเด็กไม่มีแม่
เขียนโดย snowred
วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.44 น.
แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 18.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) แม่เลี้ยง (ที่ผมเกลียด)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความช่วงเย็น ผมเดินอยู่แถวๆ ริมข้างนาข้าว กำลังจะกลับบ้าน หลังจากที่ต้องทนทรมานกับการเรียนหกวิชาเป็นอย่างตำ่ ...แน่นอน บุคคล (ธรรมดา) อย่างเราก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย อะไรพิเศษๆ ที่อยากจำในช่วงที่ทำกิจกรรมทีมันสนุกๆ แต่สำหรับผมไม่มีหรอก ไม่รู้จะจำมันไปทำไม ยิ่งความทรงจำที่เศร้าด้วยแล้ว จิตใจไม่อยากนึกคิดอะไรทั้งสิ้น คุณคิดดูสิ สิ่งที่มักจะขัดขวางเราเวลาเราจะทำเรื่องไม่ดีก็คือความทรงจำอันแสนสวยงามนี่แหละที่คอยสกัดเราไว้ และความคระหนักถึงผู้เป็น แม่ ก็คอยวนเวียนในหัวเรา ไม่ให้เราทำผิด
ผมเดินกระทั่งมาจนถึงบ้าน มันเป็นบ้านแบบเรือนไทยของภาคอีสาน ทำมาจากไม้ทั้งเรือน ผมมองด้วยสายตานิ่งๆ ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย (ซึ่งตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม) ก่อนจะเดินขึ้นบ้าน ด้วยอารมณ์ที่เหนื่อยจากการทำกิจกรรมมาททั้งวันที่รร.
...ก่อนที่ผมจะหยุดชะงัก เมื่อเจอร่างบางสูงของหญิงสาวผมยาวสีดำซอยในชุดเสื้อยืดกับผ้าถุงลายไทย วัยประมาณไม่เกินยี่สิบปี เธอค่อยๆ หันหน้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ...เธอผู้ที่ผมเกลียดที่สุด!
"กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ แม่เตรียมขนมไว้ให้แล้วนะ"
...แม่เลี้ยงของผม ผู้หญิงที่ผมบอกอธิบายมาเมื่อตะกี้ก็คือแม่คนที่สองของผม สองเดือนหลังจากที่แม่แท้ๆ ของผมเสียชีวิตไป พ่อผมก็ได้มีภรรยาใหม่ แม่เลี้ยงเป็นคนไทยแต่มาจากภาคกลางต่างจากตัวผมที่เป็นอีสาน ...เฮอะ คุณคงคิดว่าผมดีใจใช่หรือเปล่าที่มีแม่ที่ดูยังไงก็อยู่ช่วงวัยกึ่งวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่สวยๆ มาลำบากเลี้ยงลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองด้วยความซาบซึ้ง แต่ผมต้องขอโทษด้วยที่คำตอบคุณผิดอย่างมหันต์ ผมไม่ดีใจและโครตจะหงุดหงิดสุดๆ ที่มีแม่ที่แกล้งทำตัวเป็นแม่พระแม่ธรรมมาเห็นใจเลี้ยงดูผม
"อืม กลับมาแล้ว" ไม่ลงท้ายด้วยหางเสียงว่า ครับ แต่ผมพูดด้วยนำ้เสียงที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ผมหลุบตาลงก่อนจะเดินผ่านไปเสียเฉยๆ
ตุบ
กระเป๋าแบบถือถูกผมโยนลงบนที่นอน ผมเดินไปในห้องอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี จะทำการบ้านก็ขี้เกียจอีก (ฟังดูแย่ แต่ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนน่ะ น้อยคนนักที่จะขยันทำการบ้านไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ใหญ่ที่ขี้เกียจทำงานทำการเช่นกัน) คิดอะไรไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ความเบื่อก็ถึงขีดสุด ผมจึงเดินออกมานอกห้อง แต่ก่อนจะออกมาผมต้องแง้มประตูแอบดูก่อนว่าคุณพระแม่เลี้ยงไปยัง
เมื่อดูจนแน่ใจว่าไปแล้วผมจึงค่อยๆ ย่องออกมา เอ่อ ไม่ใช่โจรนะ แค่เบื่อขี้หน้าแม่เลี้ยง (คนมันเกลียดต้องเข้าใจ) ก็เท่านั้นเอง นี่คุณ อย่าผมแบบนั้นสิ คุณก็เหมือนกันนั่นแหละยามงอนแม่เมื่อแม่ดุ (ใช่ไหมล่ะ รู้น่ะ)
ผมมีแค่พ่อ ผมก็อุ่นใจแล้ว
คนนอก (สายเลือด) มายุ่งอะไรด้วย!!
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ