สัณทิฐิโก

10.0

เขียนโดย ฮางมะ

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 18.35 น.

  1 ตอน
  3 วิจารณ์
  4,180 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 18.50 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เราสองพ่อลูกลอบสบตากันเมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะอาหาร ที่แม่พึ่งนำมาวาง ผมมองปลาเค็มในจานกระเบื้องใบนั้นอย่างหงุดหงิด ก็จะไม่ให้อารมณ์เสียได้อย่างไรในเมื่อมันยังนอนสลอนอยู่บนจานอย่างนั้นมาตั้งแต่มื้อเย็นเมื่อสองวันก่อน มาจนจวบเย็นวันนี้  น่าแปลกที่มันยังคงรูปเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พิสูจน์ได้ว่ามันไม่เป็นที่ต้อนรับของกระเพาะอาหาร ผมมองไปที่จานข้างเคียงแล้วเบ้ปาก มันก็คือเมนูขาประจำของบ้านนี่้อย่างน้ำพริกตาแดงกับผักลวก

 

     "กินๆเข้าไปเถอะ ยุคนี้อะไรๆก็แพง ค้าขายยิ่งไม่ค่อยดีอยู่" แม่ว่าหลังจากที่เห็นใบหน้าเบื่ออาหารของผม  ผมเกือบจะสวนคำพูดของแม่เหลือเกินว่า  เพราะว่าแม่เอาเงินที่ขายปลากับผักไปเล่นหวยจนหมดนั่นแหล่ะเราถึงต้องทนกลืนปลาเค็มตัวเก่า  แต่ก็เก็บเอาไว้ไม่กล้าพูดเพราะรู้ว่ายิ่งว่าให้แม่เรื่องราวจะบานปลายเพราะว่าแม่เป็นคนไม่ยอมใครและถือว่าตนเป็นใหญ่ในบ้านหลังนี้

 

     ผมมองไปที่พ่อว่าพ่อจะพูดอะไรอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า ..เงียบพ่อกินอาหารอย่างไม่อาทรอะไร เป็นแม่ ที่อิ่มแล้วก็ลุกเดินออกไปผมรู้ว่าแม่เองก็คงไม่อยากกินสักเท่าได ผมมองอาหารนั้นอย่างขมขื่นใจก่อนจะปั้นข้าวเหนียวคำโตโตจิ้ม(กระแทก)ลงไปในปลาเค็มตัวนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากจะให้มันหายไปจากจานให้เร็วที่สุด ผมกัดมันเข้าปากอย่างยากลำบาก เค็มเหมือนกลืนเกลือทั้งกำมือ

 

     มันเป็นมื้ออาหารหลังเสียหวยที่เราต้องทนให้ได้ ผมมาคิดเล่นๆว่าถ้าทั้งเดือนแม่เสียหวยสองงวดติด เราคงต้องไปตรวจไตเข้าสักวัน พ่อหัวเราะเมื่อผมบอก  กลับบอกผมว่าอย่างน้อยเราก็ไม่เป็นโรค คอพอก พ่อใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ ไม่เคยบ่นด่าหรือว่าให้แม่เรื่องนี้เลย อาจเพราะว่าพ่อเคยบวชเรียนมาก่อนเพื่อนบ้านทุกคนเรียกพ่อว่า พ่อหนาน (ทิด)เขาว่าคนที่เคยบวชเรียนมาแล้วจะเป็นคนใจเย็น ผมเห็นด้วยในข้อนี้ ผมเคยคุยเรื่องนี้กับพ่อหลายครั้งแล้ว พ่อว่าคุยกับแม่หลายครั้งแล้ว แต่แม่ไม่ฟัง อันที่จริงผมไม่เคยได้ยินเลยอาจเพราะพูดกันตอนผมไปโรงเรียน พ่อพูดประโยคหนึ่งที่ผมไม่เคยลืม

 

     ”คนเราโตแล้วรู้อะไรดีไม่ดี จะต้องให้บอกกี่ครั้งกี่หน สันทิฐิโก”พ่อว่า

 

     “อะไรครับ” ผมถาม สมกับเป็น หนานพูดอะไรจะมีคำพระแทรกมาตลอด

 

     “ผู้บรรลุจะพึงรู้เอง” พ่อบอก ผมทำท่าไม่เข้าใจ

 

     “ในเมื่อบอกหลายครั้งแล้วยังไม่ฟังเราก็ต้องปล่อยให้เขารู้ด้วยตนเอง” พ่ออธิบาย แล้วอย่างแม่นี้นะหรือจะเข้าใจ ผมคิด แม่จะรู้ได้ด้วยตนเองนะหรือ คงยากผมอยากขำจริงๆ

     

     อย่างแม่นะหรือจะมาเข้าใจหรือเรียนรู้อะไรจากความผิดผลาด ผมเห็นแม่เสียหวยมากี่ครั้งแล้วล่ะ ถูกเจ้ามือกินเป็นสิบครั้งถูกครั้งเดียวเฮลั่นบ้าน ราวกับว่าที่เสียไปทั้งหมดได้คืนกลับมา แม่เองไม่เคยคำนวณบวกลบคูณหารว่าเสียกับได้น่ะหักลบ กลบกันแล้วจะเหลือเท่าไหร่ ครั้งหนึ่งจึงถามแม่ด้วยคำถามนี้ แม่ว่าที่แล้วก็แล้วไป ขอให้ถูกใหม่เป็นพอ ผมส่ายหน้า คิดว่าความหวังของพ่อที่อยากให้แม่เรียนรู้ด้วยตนเองคงไม่มีประโยชน์

    

     พ่อเป็นชาวนาชาวสวนเต็มขั่น ปลูกผักเลี้ยงปลาให้แม่เอาไปขายที่ตลาด ส่วนเงินนั้นพ่อไม่เคยเห็น แม่บอกว่าเอาไว้ใช้จ่ายภายในบ้านเป็นค่ากับข้าว แต่ที่จริงแล้วเงินที่ขายได้ถูกละลายไปกับการแทงตัวเลข พ่อไม่สนใจหรือใส่ใจเรื่องเงินที่มาจากการค้าขายนั้น พ่อสนใจแต่เพียงข้าวในนาที่เหลืองอร่าม ที่พ่อฟุมฟักมานานพร้อมกับวาดฝันว่าเกี่ยวคราวนี้ คงจะเปลื้องหนี้ ธกส.ไปได้บ้างสักสองในสาม เรายิ้มให้กับความฝัน ที่เหลืองอร่ามเต้มท้องทุ่งนั้น

 

     นับวันอาการของแม่ไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่พ่อคาดหวัง แม่ไม่ได้บรรลุ แต่แม่บรรหลุด หลุดหายไปในโลกของตัวเลข

 

     ยิ่งใกล้วันหวยออกแม่จะไม่เป็นอันทำอะไร นั่งตีความฝันออกมาเป็นตัวเลขลายพร้อย ผมก้มมองดู งงกับตัวเลขเหล่านั้น แม่เรียงกันไปเป็นคู่ๆ ราวกับว่าจะถอดอนุกรมตัวเลขแบบคณิตศาสตร์ หรือจะหารหัสลับที่ซ่อนอยู่ และเวลาที่แม่คร่ำเคร่งกับตัวเลขเราอย่าได้เข้าไปกวนเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นจะถูกเอ็ตตะโรยกใหญ่ ในวันหวยออกนั้น พ่อค้าแม่ค้าหวยใต้ดินพลัดกันเดินเข้าออกบ้านเรากันอย่างวุ่นวายแล้วก็จากไปพร้อมกับใบโพยหวยที่เต็มไปด้วยตัวเลข

 

     พอบ่ายกว่าๆเราก็จะได้ยินเสียงวิทยุดังลั่นบ้านแม่จะหยุดงานการทุกอย่างเพื่อมานั่งหน้าเครื่องวิทยุพร้อมกับใบพวยเหล่านั้นอย่างคร่ำเคร่ง เราสองพ่อลูกไม่ได้สนใจกันนักเพราะเรามองข้าวที่ถูกรถเกี่ยวข้าวเสียงดังกระหึ่มไปทั่วท้องทุ่ง เกี่ยวจนเตียนโล่ง รถรับซื้อข้าวเปลือกมาถึงที่ พ่อนับเงินที่ขายข้าวได้แล้วก็ถอนใจดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง พรุ่งนี้เช้าเงินก้อนนี้จะนำไปชำระหนี้ที่กู้มา

 

     พ่อออกจากบ้านไปเช้าตรู่ แล้วกลับมาบ้านในตอนสาย ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปพ่อเดินมาถามแม่เสียงเข้มใจไม่เย็นเหมือนเก่า ถามแม่เสียงดังจนน่ากลัวทั้งผมทั้งแม่ต่างตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของพ่อ พ่อบอกว่าวันนี้เอาเงินไปจ่ายหนี้ ธกส มาแต่เงินกลับหายไปหลายพัน ผมตกใจ แม่ยอมรับว่าเอาไปเองเราสองพ่อลูกหันไปถามว่าเอาเงินไปทำอะไร แม่บอกเอาไปจ่ายค่าหนี้หวยและไปแทงหวยงวดใหม่ไปหมดแล้ว พ่อยืนนิ่งหายใจแรงอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ไม่แม้แต่จะด่าหรือว่าอะไรแม้ผมเองก็โกรธแทนพ่อ เพราะรู้ว่าเงินก้อนนี้พ่อหวังจะเอาไปบรรเทาหนี้ให้เบาบาง

    

     บ้านของเราเปลี่ยนแปลงไปบรรยากาศดูอึมครึมพ่อเองก็ยังโกรธแม่แต่แม่เองก็ไม่รู้สึกผิด พอคุมอารมณ์ได้แม่ก็พูดอย่างถือตนเป็นใหญ่ในบ้าน บางที ชั่วแวบของความคิดผมคิดว่าพ่อกับแม่ต่างกันเกินไปไม่น่าเชื่อว่าจะมาเป็นสามีภรรยากันได้ พ่อนั้นสมถะเรียบง่ายไม่บ่นแม่นั้นคือด้านที่ตรงกันข้ามอย่างชัดเจน..

         

     เราสองคนพ่อลูกลืมไปแล้วเรื่องเงินค่าข้าวที่หายไปพ่อบอกว่าก็หาเอาใหม่พ่อดูแลสวนลำใยที่กำลังติดดอกออกช่อหอมฟุ้งเรียกผึ้งภมรมาดูดน้ำหวานดังไปทั่วสวน..ถ้าบ่ายวันนั้นจะไม่ได้ยินเสียงของแม่ร้องเฮดังลั่นบ้านแม่วิ่งมาบอกพวกเราว่าถูกหวย ได้เงินกว่าหนึ่งแสนผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้แม่บอกกว่าจะคืนเงินให้พ่อพร้อมกับเอาเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้ที่เหลือให้หมดแม่หัวเราะอย่างมีความสุข แต่พ่อนิ่งทำหน้าบึ้งก่อนเดินออกจากบ้านไป ความสุขโลดแล่นอยู่รอบบ้าน แม่ไม่สนใจอาการของพ่อที่ไม่มีทีท่าว่าจะดีใจที่แม่ถูกหวยเลย แม่บอกว่าพ่อก็วางมาดไปงั้นแหล่ะ

 

     ใครนะที่บอกว่าความสุขจะอยู่กับเราได้ไม่นานเขาพูดได้ถูกต้องจริงๆ ความสุขของแม่ที่ถูกหวยมันเพิ่มพูนจนล้นแล้วก็กลับเหือดแห้งก่อนจะหายไปจากแม่ ทุกวันแม่นั่งรอเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าหวยใต้ดินอย่างกระสับกระส่ายเพราะเงินถูกหวยเป็นแสนบาทนั้น มันมาจากพ่อค้าหวยหลายคน หลายหนึ่ง หนึ่งหมื่นบาทบ้างสองหมื่นบาทบ้าง แต่จนป่านนี้ยังไม่มีใครโผล่หน้ามาให้เห็นสักคน แม่เริ่มกระสับกระส่ายไม่แน่ใจว่าจะถูกโกงหรือไม่ แล้วเย็นวันนั้นแม่ก็ออกจากบ้านไปเพื่อตามหาพ่อค้าหวยเหล่านั้น

 

     ค่ำมืดเราสองพ่อลูกก็เห็นแม่กลับบ้านมาด้วยอารมณ์และสีหน้าที่ผิดหวัง พ่อนั้นเมื่อเห็นแม่ถึงกับหลุดหัวเราะผมยุ่งกระเซอะกระเซิงปากก็บ่นพึมพำมาไม่ขาด มาถึงแม่ก็บ่นเรื่องพวกค้าหวยมันโกงแม่ ทุกคนบอกแม่ว่าไม่ได้จดเลขหวยของแม่เพื่องส่งให้เจ้ามือใหญ่ แม่ได้แต่ด่าเท่านั้นเพราะทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้จะแจ้งความก็ไม่ได้เพราะเป็นหวยใต้ดิน เราปล่อยให้แม่บ่นไปหลายวัน จนวันหนึ่งแม่ก็พูดว่า

 

     ”เลิกๆๆๆๆเลิกไปเลย จะไม่เล่นมันอีกแล้วหวย” ทุกคนในบ้านสนับสนุนเต็มที่ พ่อได้ทีเทศน์ใหญ่ ว่าไม่มีใครได้ดีเพราะเล่นมันหรอก บ้านเรากลับมสงบสุขกัน แม่ได้เรียนรู้จริงๆ แต่กว่าจะได้รู้เราก็เสียเงินค่าข้าวไปหลายพัน พ่อว่าคุ้มมากกับค่าเรียนที่แม่ได้รับ สันทิฐิโก ผู้บรรลุจะพึงรู้เอง แม่ได้บรรลุแล้วว่าหวยไม่ได้ให้อะไรกับแม่เลย ผมก็หวังว่าแม่จะไม่หวนไปหามันอีก

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา