ความรักที่แท้
เขียนโดย ฮางมะ
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.00 น.
แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 16.28 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“แม่ไม่ต้องมาสอนหนูหนูไม่อยากฟัง!” เด็กสาววัยสิบห้าพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยเสียงตวาดดัง แล้วเดินออกจากบ้าน
“นิด ลูก อย่าไปเลยลูก นิด!” แต่เด็กสาวที่แต่งตัวเกินวัยก็เดินออกไปจากบ้านแล้วไม่ได้ยินหรือสนใจเสียง ร้องห้ามจากผู้เป็นแม่
หญิงสาววัยกลางคนนั่งทรุดลงร้องไห้ เธอร้องให้กับความโง่ของตัวเอง และนี่แหละคือกรรม คือผลของการกระทำของเธอ ประโยคที่ลูกของเธอพูดออกมานั้นมั่นช่างคล้ายคลึงกับประโยคที่เธอเองก็พูด ให้กับแม่ของเธอ….เมื่อสิบหกปีที่แล้ว
ตอนนั้นเธอยังเด็กแม้จะเรียนอยู่มัธยมปลายแล้วก็ตาม แต่ก็เยาว์ในความคิดนัก ยิ่งในความรักด้วยแล้ว เธอไม่เคยรู้จักมัน
แล้วก็ก็ได้รู้จัก แต่นั่นจะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า กว่าจะรู้ว่า รักเป็นเช่นไรก็ก็สูญเสีย จนเสียสูญ
มีรุ่นพี่ ม.6หลายคนที่มาจีบเธอ ด้วยความที่เป็นเด็กสาวหัวอ่อน เธอจึงไม่ได้ปฎิเสธหรือ แสดงออก ไปอย่างไร แต่ใจของสาวรุ่นแรกแย้มนั้น ก็เหมือน หญ้าอ่อนที่ไหวลู่ตามแรงคารม ของผู้ชาย ไม่มีแรงสามารถผลัก อารมณ์รักนั้นได้
คิดไปถึงตอนนั้นทีไร ใจของแม่นิด ก็อดที่จะโกรธตัวเองไม่ได้ อดีตที่ผ่านมาแล้วเธอควรจะลืม เธอเคยพูดบอกตัวเองเสมอ
แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะผลพวงจากครั้งนั้นมันยัง ตามกลับมาทุกทีที่เห็นหน้าลูกเธอยังเด็กนัก ขนาดเธอเมื่อสิบหกปีทีแล้วยังแก่กว่าลูกของเธอตอนนี้ ยังพลาด เธอไม่อยากให้ลูกต้องเดินตามรอยทางของแม่อย่างเธอ
วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักหรือวันเสียตัว จะวันอะไรก็ช่างเธอก็ไม่อยากจดจำ
แต่ก็ต้องจำ … เพราะมันไม่เคยเลือน
วันนั้นเมื่อสิบหกปีก่อน วันวาเลนไทน์ที่ทั้งโรงเรียนจะสว่างไสวไปด้วยสีชมพูใคร รักใครชอบใครจะเผยความในใจให้แก่กัน เด็กม.4 อย่างฉันยิ้มให้กับดอกกุหลาบสีแดงสดที่ได้มาจากพิชัย รุ่นพี่ม.6 มันเป็นช่อดอกกุหลาบที่สวย ฉันไม่เคยได้เลยตลอดชีวิต เราแลกเปลี่ยนกันติดสติกเกอร์รูปหัวใจให้แก่กัน
'พรุ่งนี้ ดาวว่างหรือเปล่า พี่กับเพื่อนๆจะไปเที่ยวกันอยากจะพาดาวไปเที่ยวด้วยกัน' เด็กหนุ่มเอ่ยชวนอย่างยิ้มแย้ม
'คือ ดาวต้องถามคุณแม่ก่อน'
'ไปเถอะนะดาว เราไปไม่นานหรอก'
'แต่คุณแม่ เขา…'
“ก็ไม่ต้องบอกท่านสิ หรือว่าอ้างว่าไปบ้านเพื่อนก็ได้ น่า นะ เราไม่เคยเที่ยวด้วยกันสักครั้งเลย หรือดาวไม่อยากไปกับพี่ ” สายตาของชายหนุ่มมองเธออย่างอ้อนวอน หญิงสาวหน้าแดง ในที่สุดเธอก็ใจอ่อน
'ดาวเอ่อ…ค่ะ ไปก็ไป' หญิงสาวก้มหน้าตอบ แต่ประกายแววตาเจ้าเลห์ของพิชัย วาววับ ราวกับพรานที่วางบ่วงแร้ว ได้สำเร็จ เขาแค่รอคอยเวลาจะได้เชือดสมัน สาวๆ ตัวนี้
ตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจคำว่ารัก เธอยังแยกไม่ออกเลยว่ารักกับหลงที่แท้นั้นเป็นยังไง เธอแอบไปเที่ยวกับรุ่นพี่คนนั้น แม้แม่ของเธอจะห้ามแล้วห้ามอีกเรื่องผู้ชายและการรักนวลสงวนตัว แต่เธอตามืดมัวเกินไป ชีวิตวัยสาวของเธอก็จบเหมือนกับละครน้ำเน่าทีหาดูได้ทุกวัน
บทสรุปของสาวใจแตกคือท้องโย้ เรียนไม่จบ ไม่มีใครรับผิดชอบ แม้ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองจะจับให้เธอกับพิชัยแต่งงานกัน แต่ทั้งเธอและพิชัย ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่เธอต้องท้องโตอยู่บ้านสามี ที่ยังขอเงินแม่เพื่อไปเรียนหนังสือ
ที่บ้านสามีเธอถูกต้อนรับ ด้วยคำด่าทอถูกใช้ทำงานบ้านทั้งที่ใกล้คลอด เธอรู้แล้วรสชาติชีวิตที่ไม่เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่เป็นอย่างไร แล้วชีวิตคู่อันไร้เดียงสาของเธอนั้นก็จบไม่เป็นท่า เธอคลอดลูกมา ไม่นานเธอต้องทำงานเพื่อส่งสามีเรียนต่อปริญญาตรี แต่แล้วพิชัยกลับตอบแทนเธอด้วยพาแฟนใหม่เข้ามาในบ้าน
นึกถึงตอนนี้เธอก็น้ำตาไหลมากขึ้นไปอีก เธอเฝ้าแต่ถามตัวเอง ว่า ทำไม ชีวิตของเธอ ถึงต้องเป็น แบบนี้
ผ่านสิบหกปีแล้วแต่ความเจ็บช้ำยังไม่จางหาย เธอก็เคยคิดว่าเธอได้ชดใช้หนี้ให้กับแม่ ที่เธอด่าทอและไม่เชื่อฟัง ด้วยการมีชีวิตที่ทุกข์ทรมานพอแล้ว แต่ไม่ใช่อย่างนั้น วงจรชีวิตนี้ก็กลับมาที่เธอความทุกข์อันแสนสาหัสนั้นยังตอบแทนเธอไม่พอ เมื่อลูกสาวคนเดียวของเธอ ก็เติบโตมาราวกับลอกแบบชีวิตในวัยสาวของเธอ แต่ยิ่งกว่านั้นคือ นิดพึ่งอายุสิบห้าปีเท่านั้น ยังอ่อนต่อโลกที่เต็มไปด้วยผู้ชายที่พร้อมจะทำลายความซื่อบริสุทธิ์ของสาว วัยแรกแย้ม
นิด เกิดมาราวกับกระจกที่ส่องสะท้อนความเป็นตัวเธอในวัยเด็ก นิดมีความดื้อมากกว่าเธอ ไม่เคยฟังคำเตือนหรือคำสอนจากเธอสักครั้ง แล้วเธอจะทำอย่างไร เตรียมใจยอมรับกับความเจ็บช้ำ ถ้าชีวิตลูกสาวจะมีีบทสรุปจุดจบ อย่างเธอ อย่างนั้นเหรอ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้….. ทั้งๆที่เธอเองก็ได้สอนลูกสาวคนเดียวอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ นิดเป็นเด็กน้อยๆ แต่ดูสิ โตมาแล้ว เด็กสาวก็ยิ่งไ่ม่เชื่อฟัง
อย่างวันนี้ วันวาเลนไทน์ นิดแต่งตัวตั้งแต่เช้าจะออกบ้านไปเที่ยวกับ เพื่อนผู้ชาย เธอห้ามลูกสาวยังไงลูกก็ไม่ยอมเชื่อเธอ เธอจะทำอย่างไรดีๆ
*******************************************************************************************************
เสียงร้องเพลงดังเบาๆเพราะคนร้องทั้งหกคนสามคู่นั้นอยู่ในห้องร้องเพลงคารา โอเกะในห้างดัง หนุ่มสาวทั้งสามคู่ยังอยู่ในวัยเรียนเด็กหนุ่มคนหนึ่งวัยสิบเจ็ดนั่งมองเด็ก สาววที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ นิดเพลงไม่สนุก หรอ”
“ไม่มีไรค่ะพี่แม็ก แค่มีเรื่องกับแม่นิดหน่อยน่ะ” เด็กสาวตอบ
“อย่าสนใจเลยเรื่องผู้ใหญ่ น่ะมาๆร้องเพลงกันต่อดีกว่า”
“ใช่ๆๆ”ทุกคนในห้องสนับสนุน
“เอาเพลงไรดี ? ”แม็กถามเด็กสาว
“เออนี่ทุกคนเดี๋ยวไปไหนต่อดี” เด็กหนุ่มอีกคนถามขึ้น
“ใช่ๆเริ่มเบื่อล่ะเพลงเนี่ยอยากทำอย่างอื่นมากกว่าว่าไงวะแม็กไอ่ป็อป”เด็ก หนุ่มคนที่สามว่าพลางส่งสายตาให้กับเพื่อนชายทั้งสองแล้วยิ้มพราย
“ทำอะไรว่ะที่ไม่เบื่อ หาไอ้โจ” ป็อปถามเพื่อนอย่างยิ้มแย้ม
“ก็…เออ”โจหันมามองเด็กสาวทั้งสามที่นั่งอยู่นั้นด้วยแววตาเจ้าเลห์
“อะไรพี่โจ”เด็กสาวคนหนึ่งถาม
“ก็อย่างไปกินข้าวไปดูหนังไงจ๊ะน้อง มิลค์”ทั้งสามชายหัวเราะ
“พูดถึงข้าวก็อยากกินแล้ว เห้ย ไปเถอะวะเดี๋ยวน้องๆเขาจะหิวกัน ”แม็กบอกก่อนหนุ่มสาวทั้งหกจะออกไป
โรงหนังในวันหยุดมีผู้คนแน่นขนัดเต็มแทบทุกที่นั่ง ทั้งหกคนนั่งกันเป็นคู่ๆ ภาพยนตร์ในจอจะฉายอย่างไรแม็กก็ไม่มีสมาธิจะสนใจ ได้แต่มองเด็กสาวที่นั่งติดกัน
นิดเป็นเด็กสาวที่สวยแม้หน้าอกจะยังไม่ใหญ่มาก แต่ผิวนวลเนียนของเธอก็ทำให้ เด็กหนุ่มหลงไหล เขาค่อยเอื้อมมือเข้ามาจับมือเด็กสาว นิดไม่อิดออดยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ้มในความมืด ในหัว คิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับเพื่อนเมื่อวานนี้...
'วาเลนไทน์ปีนี้เราไปเที่ยวไหนดีว่ะ' ป็อปถาม
'ฉันชวนน้อง มิลค์แล้วว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน พวกนายล่ะ' โจบอกขณะนั่งมองสาวๆในโรงเรียนที่เดินไปมา
'ฉันก็ชวนน้อง นิดแล้วเหมือนกัน' แม็กบอกอยางยิ้มแย้ม
'แน่ะ ไอ่พวกนี้ มีแฟนแล้วลืมเพื่อน งั้นฉันพา น้องหญิงไปด้วยดีกว่า' ป็อปบอก
'งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันนั่นแหล่ะ ว่าแต่ ไอ้แม็ก มึงกับน้อง นิดไปถึงไหนกันแล้วว่ะ' โจถาม
'ยัง' แม็กตอบอ้อมแอ้ม
'งั้นพรุ่งนี้ก็…' โจพูดค้างไว้
'เอ่อ กูจะมอบความรักของกูให้น้องเขาไปเต็มๆเลย' แม็กบอกทั้งสามหัวเราะ
'อิจฉามึงว่ะ เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น กูนี่สิ ยัยมิลค์ติดแจเลยไปไหนไม่ได้' โจพูดเซ็งๆ
'ว่าแต่โปรแกรมมีไรบ้างว่ะพรุ่งนี้' ป็อปถาม
'มันจะไปมีอะไร้ ‘ร้องเกะ’ กินข้าวดูหนัง แล้วก็…' โจพูดค้าง
'ฟิตเจอร์ริ่ง!' ป็อปต่อให้จบประโยค ทั้งสามคนหัวเราะพร้อมกัน
....................................................................................................................................
หนังจบแล้วเป็นหนังรักที่เด็กหนุ่มไม่ได้ดูเลยสักนิด สาวๆสามคนคุยแต่เรื่องหนังแม้จะออกมาแล้ว
“ไปไหนต่อกันดี” ป็อปถาม
“ไปคอนโด กูดีกว่า ” โจบอกพลางขยิบตาให้เด็กหนุ่มทั้งสาม “ไปนะสาวๆห้องพี่ไม่ไกลจากนี่หรอก”
“ไปก็ไป”ทั้งมิลค์และหญิงรับปากอย่างว่าง่ายทั้งสองสาวรู้ความนัยของการไปดีอยู่แล้ว
“ไปด้วยกันนะนิด”แม็กว่า หญิงสาวทำท่าคิด
“นิดว่านิดกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง”เด็กสาวบอก แต่เด็กหนุ่มจับมือเธอไว้
“น่านะไปไม่นานหรอก พี่แค่จะไปเอาของที่ห้องของไอ้โจหน่อย ไปด้วยกันเถอะนะน้องนิดเดี๋ยวพี่จะไปส่งกลับบ้านเอง” เด็กสาวลังเล โจรีบสะกิดป็อปและเด็กสาวคนอื่นๆให้ช่วยชวน ให้เด็กสาวไป
“ใช่ๆไปไม่นานหรอก นะไปด้วยกัน”ทุกคนว่า เด็กสาวจึงพยักหน้า แม็ก อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ใช้เวลาไม่นานนักทั้งหกคนสามคู่ก็มาถึงคอนโดของ โจ ห้องของเด็กหนุ่มอยู่ชั้นสิบห้า เป็นห้องที่ พ่อผู้มีอันจะกินของเด็กหนุ่มซื้อให้
ห้องพักนั้นกว้างมีชุดรับแขก และห้องนอนขนาดใหญ่ เป็นสัดส่วน ป็อปทิ้งตัวนั่งลงบน โซฟา
“ชอบตรงไหนก็ตามสบายเลยนะ”เจ้าของห้องกว้างว่าอย่างยิ้มแย้มก่อนประคองแฟน สาวไปที่ห้อง นิดยืน มองทั้งสองเดินเข้าไปที่ห้อง เธอก็ยัง ไม่เข้าใจ แต่พอหันมาเห็นป็อปกับหญิง จูบกันบนโซฟาหญิงสาวก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่
“พานิดกลับเถอะพี่แม็ก” เด็กสาวบอกเสียงสั่นหน้าแดงมองไปที่คู่นั้น
แม็กบอกให้ทั้งป็อปและหญิงเข้าไปในห้องตามคู่ของโจกับมิลค์ไป ทั้งสองที่อารมณ์กระเจิดกระเจิง พยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วหายเข้าไปในห้อง
เด็กหนุ่มเมื่อมองทั้งคู่เข้าห้องไปแล้ว จึงเดินไปหาเด็กสาวจูงมานั่งบนโซฟา
“นิดพี่รักนิดนะ นิดไม่รักพี่เหรอ”เด็กหนุ่มบอก
“แต่นิด กลัว เราไม่ควรทำอะไรแบบนี้” เด็กสาวว่า แต่เด็กหนุ่มไม่ฟังเสียงใช้มือลูบไล้ร่างบางช้าๆเด็กสาวพยายามขัดขืน แต่เธอก็เหมือนกับ ดอกหญ้าที่ลู่เอนไปตามอารมณ์และคารมของเด็กหนุ่ม เธอจะขัดขืนไว้ได้อย่างไร
“พี่รักนิดนะ” เด็กหนุ่มยังพูดไม่ขาดปาก
รัก ? เด็กสาวทวนคำในความคิด ขณะที่มือของหนุ่มรุ่นพี่ยังลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอ นี่น่ะหรือคือ รัก? อารมณ์เธอเริ่มไหวอ่อน ตามถ้อยคำนั้น จนยอมให้เด็กหนุ่มจูบ...
.................................................................................................................................
แม่ของนิดทำอาหารอยู่ที่ครัว ตอนที่เธอไปหา เด็กสาวเห็นแม่แล้ววิ่งเข้าไปกอด …ร้องไห้...
“แม่…หนูขอโทษ” เด็กสาวพูดทั้งๆที่น้ำตานองหน้า “ดูผิดเองที่ไม่เชื่อแม่” ประโยคนั้นทำเอาผู้เป็นแม่เข้าใจว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอคงบอบช้ำทั้งร่างกาย และจิตใจ ดาวสำนึกรู้ว่าอดีตของเธอก็คงทำให้แม่ของเธอเสียใจมากเพียงใด ดาววางตะหลิวก่อนจะหันมากอดลูกสาว เธอรับรู้ถึงความรู้สึกของลูกสาว ความสูญเสีย น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหล ทั้งสองแม่ลูกร้องไห้ให้แก่กัน
“ไม่เป็นไรลูก ร้องไห้ออกมาเถอะ แม่รักลูกนะ ทีนี้ลูกรู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมแม่ถึงห้ามไม่ให้ลูกมีรักในวัยเรียน” เด็กสาวพยักหน้า
“แม่ไม่โกรธหนู?”
“ไม่ ไม่เลย แม่พูดไปทั้งหมดเพราะรักลูกมาก”
“หนูผิดเองที่ไม่เชื่อฟังแม่ หนูผิดเอง หนูเกือบจะเสียตัวเพราะพวกผู้ชายเลวๆ ที่อ้างว่ารักหนู แต่เดี๋ยวนี้หนูรู้แล้วว่าแม่รักหนูที่สุด”
“นี่ลูก…ยัง ?” น้ำตาผู้เป็นแม่ไหลอีกครั้งแต่ครั้งนี้เกิดเพราะความโล่งอก เธอคิดไปเอง เธอเอาชีวิตตนเองไปตัดสินชีวิตของลูกสาว เธอคิดว่าลูกสาวจะเป็นเด็กใจแตกเหมือนกับเธอ แต่ลูกได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแล้ว
นิดพยักหน้าให้กับผู้เป็นแม่ก่อนนึกถึงตอนที่เกือบจะสูญเสียพรมจรรย์เพราะวันแห่งความรักบ้าๆ กับคำว่ารักทีไม่จริงจังของแม็ก
............................................................................................................
ตอนนั้น ท่ามกลางอารมณ์ที่คุ่กรุ่น กระเจิดกระเจิงของเด็กหนุ่มและเด็กสาวบนโซฟา เสียงหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมองของเด็กสาว มันเป็นเสียงที่คุ้นหู เสียงของคนที่เธอเคยเรียกว่าน่าเบื่อ เสียงนั้นที่เธอผละออกมาจากบ้าน เสียงที่พร่ำเตือนเธอในเรื่องของผู้ชายอยู่ทุกวี่ทุกวัน นิดผละออกจากร่างของแม็กก่อนที่ ทุกอย่างจะถลำลึกไปกว่านี้
“ทำไม ? นิดไม่รักพี่แล้วหรือ”เด็กหนุ่มถามพยายามทำเสียงให้ออดอ้อน แต่ในใจโกรธทั้งที่เมื่อกี้นี้เด็กสาวก็โอนอ่อนผ่อนตัวไปตามอารมณ์ของเขา อยู่แล้ว แต่ทำไมจึง….
“นี่ไม่ใช่รัก รักไม่ใช่แบบนี้” เด็กสาวว่าแล้ว
“แต่ใครๆเขาก็แสดงความรักกันแบบนี้ทั้งนั้น” แม็กยังพูดอ้อนวอน “พี่รักนิดนะ คนรักกันเขาก็ทำแบบนี้ ทั้งนั้น นิดอย่าไปเลยนะ”
เด็กสาวส่ายหน้า วิ่งออกมาจากห้อง วิ่งกลับมาหารักที่รอเธออยู่ที่บ้าน..
..............................................................................................
สองแม่ลูกกอดกันกลมอยู่ในห้องครัว
“แม่คะ หนูได้กลิ่นอะไรไหม้ๆ” เด็กสาวว่าขณะใช้จมูกดมหากลิ่น ผู้เป็นแม่ผละจากอ้อมกอดนั้นก่อน
“อุ้ยตาย แม่ผัดไทยให้ลูกอยู่ ตายล่ะ แม่ไปดูก่อนนะ” ว่าแล้วก็วิ่งไปที่กระทะ
เด็กสาวยืนยิ้มให้กับหญิงวัยกลางคนที่ง่วนอยู่ในครัวนั้น เธอเช็คราบน้ำตาช้าๆ เพื่อ มองแม่ของตัวเองชัดๆ นี่ไง รักที่แท้ รักที่เธอไม่ต้องใช้วันไหนบอกว่าเป็นวันแห่งความรัก รักที่ไม่มีวันทำร้ายเธอ
หนูรักแม่ค่ะ….
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ