"บางส่วนที่หล่นหาย"

7.7

เขียนโดย candle

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.42 น.

  1
  6 วิจารณ์
  4,343 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556 13.06 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) "บางส่วนที่หล่นหาย"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

หล่อนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ห้าปีเข้าไปแล้ว  มันเท่ากับอายุของชมดาวนั่นแหละ  นับแต่หล่อนผละหนีจากความห่วงใย  รวมทั้งความรักที่หล่อนมีให้ด้วยก็เช่นกัน  ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการตัดสินใจในช่วงเวลานั้น  หล่อนไม่มีทางเลือก  ไม่มีทางเลือกไหนเหลือไว้ให้อีกแล้ว

 

ยามใดที่หล่อนมองดูแววตาของบุตรสาว  ดวงตาที่ละม้ายกันอีกคู่หนึ่งปรากฏเข้ามาแทนที่  ดวงตาที่มองหล่อนด้วยความชิงชังรังเกียจ  มองอย่างดูถูกเหยียดหยาม  และหล่อนก็แสนจะหวาดกลัว

 

“คิดอะไรอยู่คะ”  หญิงสูงวัยเอ่ยถาม  เมื่อเห็นใบลานนั่งเหม่ออยู่กับโต๊ะทำงานริมหน้าต่าง

 

หล่อนถอนหายใจ

 

“เรื่องในอดีตค่ะป้า”

“หนูไม่ควรเก็บเอามาคิด”

 

หล่อนมองดูหญิงสูงวัยซึ่งเดินเข้ามาโอบไหล่

 

“ลมหายใจของหนูยังอยู่  และชีวิตก็ยังเป็นของหนู  มันไม่ได้สูญหายไปไหน  ในชีวิตของคนเราไม่ได้สุขสมหวังไปเสียทุกอย่าง  คนที่เขาโชคร้ายกว่าก็ยังมี  เชื่อป้านะคะ  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นชีวิตยังคงเป็นรูปร่างอยู่”

 

หญิงสูงวัยบีบมือหล่อนให้กำลังใจ

 

“ขอบคุณค่ะป้า”  ใบลานโอบกอดแก  น้ำตารื้นกับมิตรไมตรีที่ได้รับ

 

ป้าเอื้องกับลุงคำเป็นเพื่อนบ้านของหล่อน  จะว่าไปแล้วสองสามีภรรยาผู้สูงวัยเป็นมากกว่านั้นสำหรับหล่อน  สองคนเป็นญาติผู้ใหญ่รับรู้ความสุขความทุกข์ของหล่อนในอดีต  และปัจจุบันที่เป็นอยู่

 

“ชมดาวเข้าเมืองกับลุงคำแล้วเหรอคะ”  หล่อนถามถึงลูกสาว

“จ๊ะ  ออกไปกันแต่เช้า  เห็นว่าจะไปหาซื้อพันธุ์ดอกไม้สวย ๆ มาปลูกที่หน้าบ้าน”

“ถ้าไม่มีลุงกับป้าคอยเป็นเพื่อน  ลานจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”  หล่อนอดที่จะพูดเช่นนั้นออกมาไม่ได้  หากเวลาในช่วงที่ผ่านมาต้องอยู่ตามลำพัง

“ป้าไม่มีลูก  หนูเหมือนลูกเรานะคะ”

 

ใช่  มันไม่เลวร้ายไปเสียทั้งหมด  อย่างน้อยที่สุดยังมีคนที่รักและห่วงใยหล่อนอย่างจริงใจอยู่

 

“วันนี้ไปโรงละครหรือเปล่าคะ”

“ค่ะ  งานกำลังยุ่ง  งานใหญ่ด้วยสิคะ  ต้องรีบหน่อยเพราะใกล้เวลาแล้ว  ดีว่าเป็นช่วงปิดเทรอมมีนักศึกษามาฝึกงานกันบ้าง  ลานเลยมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้น  สนุกดีเหมือนกันค่ะ  พวกเด็ก ๆ กระตือรือร้นกันน่าดู  ทำให้คิดถึงตัวเองเมื่อสมัยก่อน”

 

หล่อนยิ้มรู้สึกมีความสุขเมื่อได้พูดถึงงานที่ทำ  งานที่หล่อนถนัดและทำมันด้วยความสุข

 

ใบลานเก็บรวบรวมกระดาษซึ่งสเก็ตภาพไว้บนโต๊ะทำงาน  ม้วนใส่ไว้ในกระบอกเอกสาร

 

“ฝากชมดาวด้วยนะคะ”

“จ๊ะ  ไม่ต้องห่วง”

 

 

***************

 

ให้ช่วยมั๊ยคะ”  ภีมถามเด็กหญิงตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนหยิกฟู  เขาเห็นแม่หนูน้อยยืนอยู่ตรงประตู  มองเข้ามาในห้องเหมือนกำลังมองหาใครอยู่  เด็กหญิงเหมือนตุ๊กตาฝรั่ง  แก้มป่องนั้นเป็นสีชมพูจาง ๆ

 

“ขอโทษนะคะ  ไม่ทราบว่าเห็นคุณป้าแม่บ้านหรือเปล่า”  เด็กหญิงกล่าวชัดถ้อยชัดคำกับเขา

“ออกไปทำธุระแหนะค่ะ  หนูมีอะไรให้ช่วยมั๊ย”

 

ชมดาวมองหน้าเขาตรง ๆ เด็กหญิงไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน

 

“หนูจะมาขอกาแฟให้คุณแม่สักถ้วยค่ะ”

“รอสักครู่นะผมจัดการให้  ว่าแต่หนูชื่ออะไรคะ”  พูดไปแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้  ที่เรียกตัวเองว่าผมกับเด็กหญิงตัวน้อย  ก็แม่หนูนี่ท่าทางแกใช่เล่นเสียที่ไหน  คำพูดคำจาออกจะเป็นผู้ใหญ่เสียขนาดนั้น

“ชมดาวค่ะ”  เด็กหญิงบอกเขา  ก่อนจะย้อนถามในประโยคเดียวกัน

“ผมภีม”

“คุณภีม  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  หนูเคยได้ยินคนที่โรงละครพูดถึงคุณ”

 

ภีมยิ้ม

 

“ของคุณแม่สูตรไหนคะ”  เขาไม่อยากหัวเราะออกมา  จึงเสถามเรื่องกาแฟ

“หนูจัดการเองก็ได้ค่ะ  หนูชงให้แม่บ่อย ๆ”

“ไม่เป็นไรยังไงผมก็ต้องชงให้ตัวเองอยู่แล้วด้วย”

“ขอบคุณค่ะ  ของคุณแม่  121”

“โอเคครับ  เรียบร้อย”  เขาส่งถ้วยกาแฟให้เด็กหญิง

“ให้ผมไปส่งดีกว่า”

“ขอบคุณค่ะ  ไม่รบกวนคุณภีม  หนูถือได้”

 

ภีมได้ยินเสียงทักทายกันแว่ว ๆ กับแม่บ้านที่เดินสวนเข้ามา  เมื่อเด็กหญิงเดินออกไป

 

“เด็กชมดาวน่ารักนะครับ  พูดจายังกับผู้ใหญ่”  เขาเปรยขึ้นกับแม่บ้านของโรงละคร

“แกอยู่กับผู้ใหญ่มากน่ะค่ะเลยติดมา  คุ้นเคยกับพวกที่โรงละครนี้ทุกคน  คุณแม่ของแกเป็นคนออกแบบฉากอยู่ที่นี่ค่ะ”

 

 

***************                                                 

 

เสียงหัวเราะสดใสของเด็กที่แว่วอยู่ข้างนอกนั้น  เรียกให้ภีมเดินออกไปยังโรงละครกลางแจ้ง  เขาเห็นเด็กหนุ่มจับคู่เต้นรำอยู่บนเวทีกับเด็กหญิง  ท่ามกลางคนกลุ่มหนึ่งที่ละจากงานที่ทำอยู่มองดู  ทุกคนยิ้มกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้น  เขาเองก็เช่นกัน

 

“หมุน ๆ”  เด็กหนุ่มร้องบอก  พร้อมส่งเสียงหัวเราะเมื่อแม่หนูน้อยหมุนเป็นลูกข่าง

“พี่นีลรับด้วย”  เด็กหญิงบอกคู่เต้น  แกล้งล้มลงในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มซึ่งรอรับอยู่

 

ใครคนหนึ่งไปปิดเครื่องเล่น  การแสดงจบลงแล้ว

 

“ขอบคุณค่ะ  ขอบคุณครับ”  นักเต้นรำทั้งสองจับมือกันโค้งให้ผู้ชมนับครั้งไม่ถ้วน  ท่ามกลางเสียงปรบมือ  แก้มสีชมพูของเด็กหญิงบัดนี้กลายเป็นสีแดงจัด  เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เกาะพราวเต็มใบหน้า

“แกจะหาคู่เต้นรำที่น่ารักขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้ว”  คนที่ไปปิดเครื่องเล่นร้องบอกกับนักเต้นรำหนุ่ม

“นั่นสิ”  เจ้าตัวยอมรับ  ยกแม่หนูน้อยขึ้นอุ้มหอมแก้มเสียหนึ่งฟอดก่อนจะวางลง

“เด็ก ๆ ทำงานต่อได้แล้วจ๊ะ”

 

เสียงตบมือที่ดังมาจากที่นั่งด้านหน้าเวที  เรียกให้ทุกคนบนนั้นหันไปสนใจกับงานซึ่งคั่งค้างอยู่  ใบลานลุกเดินมาหน้าเวที

 

“วันนี้แม่ไม่น่าเอาหนูมาด้วยเลย”  หล่อนยกเด็กหญิงลงจากเวที  ขยี้ผมชุ่มเหงื่อด้วยรักใคร่

 

รอยยิ้มของภีมจางหายไปนับตั้งแต่เขาหันไปตามเสียงตบมือ  ที่เรียกให้ทุกคนทำงาน  ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าแม่กับเด็กหญิงตัวน้อยนั่น  ภีมรู้จักหล่อน  หล่อนเป็น...เขาไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอย่างไร  ระหว่างเขากับหล่อน  นี่เขาเจอใบลานโดยไม่คาดคิดมาก่อน  หล่อนหายไปเหมือนไม่เคยปรากฏว่าหล่อนมีตัวตนอยู่  ห้าปีแล้วที่เขาแทบคลั่งเพราะสำนึกผิดในใจ

 

“นั่นคุณภีมนี่คะ”  เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น  เหมือนเป็นการช่วยย้ำกับใบลานว่าใช่แน่แล้วเป็นเขานั่นเอง  เด็กพวกนี้รู้จักเขา  ใคร ๆ ก็รู้จักเขาทั้งนั้นผู้กำกับละครเวทีคนดัง  ยิ่งเป็นพวกที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงนี้ด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ทุกคนปลื้มเขา  ซึ่งหล่อนก็เป็นแบบนั้นเมื่อเยาว์วัย

“เขามาจัดละครที่ที่เหรอฮะ”  นีลถามหล่อน

 

ใบลานยืนนิ่งขึง  หล่อนไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นเขาที่มาจัดละครที่นี่

 

 

***************                                                  

 

ฉากขนาดใหญ่ที่ยังจัดวางไม่เรียบร้อย  ล้มครืนลงมาทับร่างของหญิงสาวด้านหน้า  โครงสร้างซึ่งทำด้วยไม้ทับร่างของเธออย่างหมดทางหลีกเลี่ยง  ใบลานคือคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งข้างหลังฉากนั่น  ไม่มีใครอีกแล้ว

 

สายตาทุกคู่จ้องมาที่หล่อนโดยเฉพาะเขา  หล่อนเห็นความสงสัยในแววตาของเขา  นั่นเป็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นก่อนพิธีแต่งงานเพียงสองวันของเขากับเธอ  เจ้าสาวของเขาหมดสติไปเกือบอาทิตย์  และเป็นช่วงเวลาที่ใบลานเหมือนตกนรกทั้งเป็น

 

เป็นเพราะความปากพร่อยของหล่อนมิใช่หรือ  ที่ครั้งหนึ่งเคยออกปากบอกเขาไปว่าชื่นชมเขานักหนา  ดั้นด้นเพื่อที่จะได้ทำงานออกแบบฉากให้เขา  ได้ทำงานกับเขา  มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายหล่อนด้วยความเข้าใจผิดของเขา  ภีมเข้าใจว่าหล่อนหลงรักเขา  เขาชิงชังและมองหล่อนเป็นสิ่งน่ารังเกียจ  เขาทำร้ายหล่อน  ผู้หญิงของเพื่อน  ผู้หญิงที่เพื่อนเขารัก

 

“แม่ขา  หนูเจ็บ”  ชมดาวโอดครวญขึ้น  มองมือแม่ที่จับแขนตัวเองไว้

“ขอโทษจ๊ะ  ขอโทษนะคนดี  เจ็บมากมั๊ย”  หล่อนละล่ำละลักถามลูกสาว  มองดูแขนแม่หนูน้อย

 

ชมดาวส่ายหน้า  แต่หล่อนกลับมีน้ำตากอดเด็กหญิงไว้แนบแน่น

 

“หนูไม่เจ็บค่ะแม่”  เด็กหญิงบอกออกจะตกใจที่เห็นแม่ร้องไห้  หนูน้อยคิดว่าเป็นความผิดของเธอที่ทำให้แม่ร้องไห้  เด็กหญิงโอบคอมารดาจูบแก้มแม่ปลอบโยน

 

หล่อนไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี  อยากวิ่งหนีให้พ้นไปจากที่ตรงนั้น  หล่อนกำลังกลัวไม่รู้ว่าจะตัดสินใจทำอะไร  เหมือนมดที่ก้มหน้าก้มตาเดินมาชนสิ่งกีดขวาง  ไม่รู้ว่าควรเดินไปทางไหนดี

 

ภีมเป็นฝันร้ายของหล่อน  ฝันร้ายที่หล่อนพับเก็บไว้ในลิ้นชักที่มิดชิด  แล้วจู่ ๆ มันกลับเล็ดลอดออกมา  สร้างความตื่นตระหนกให้หล่อนได้อีก  โดยไม่ทันได้เตรียมใจมาก่อน

 

เขากำลังเดินมา  ใบลานกอดเด็กหญิงไว้แนบกับอก  หล่อนเหมือนจะขาดใจในวินาทีนั้น

 

“ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่”

 

ใบลานลุกขึ้นประจันหน้ากับเขา  หล่อนต้องควบคุมตัวเองให้ได้สิ  เข้มแข็งเข้าไว้ใบลานเอ๋ย  อย่าให้เขารู้ว่าหล่อนอ่อนแอเพียงใดในเวลานี้

 

“-----o-----”

“ลูกสาวเหรอ”  เขาถาม  มองชมดาวที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ มองคนนั้นที่คนนี้ที

 

หล่อนเฉย

 

“ชมดาว  ผมขอคุยธุระกับคุณแม่สักครู่นะคะ  คุณแม่เป็นเพื่อนของผม”  เขาก้มลงพูดกับเด็กหญิง

“ค่ะ”  เด็กหญิงวิ่งขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง  ส่งเสียงเจื้อยแจ้วกับพวกพี่ ๆ ที่กำลังทำงานกันอยู่

 

ใบลานนั่งลง  หล่อนรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะรั้งเด็กหญิงไว้เป็นเพื่อนได้

 

“เธอแต่งงานมีครอบครัวแล้วงั้นเหรอ”

“ค่ะ”  หล่อนโกหก

“ปอล่ะ  เธอเอาเขาไปทิ้งไว้ที่ไหน”  อะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาอ้างชื่อปอขึ้นมา  ทั้งที่เขาไม่ควรพูดเลย

“สิ่งที่พี่ปอควรจะเสียใจ  ไม่น่าจะใช่เรื่องนี้ถูกมั๊ยคะ”  หล่อนย้อนถาม  มองเขาด้วยสายตาที่ไม่ส่อเค้าใด ๆ

“-----o-----”  ภีมอับจนถ้อยคำ

 

ใบลานไม่ใช่เด็กสาวคนเก่าที่เขาเคยรู้จัก  หล่อนที่เคยนั่งมองเขาแย้มยิ้มยามที่เขามองกลับไป  ใบลานที่เคยเรียกเขาว่าพี่ภีม  แทนตัวเองว่าลาน  คนที่เคยเอาอกเอาใจเขาสารพัดในยามที่ต้องทำงานด้วยกันดึกดื่นค่อนคืน  ต่อให้เหนื่อยแสนเหนื่อยใบหน้านั้นก็ยังแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจ  ภีมเองยังพลอยหายเหนื่อยไปด้วยทุกครั้งที่มอง

 

แต่เขาเองนั่นแล้วที่ทำให้มันหายไป  ความรู้สึกผิดบีบรัดใจเขาทุกวัน  สิ่งที่เขาทำกับหล่อน  ไม่เคยคิดว่าเขาจะทำไปได้เช่นนั้น  หรือว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะเขาแอบพึงใจในหล่อนโดยไม่รู้ตัว

 

“ใบลาน  พี่ขอโทษ”  เขาเอ่ยออกมาในที่สุด

 

หล่อนหัวเราะ  หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง  หัวเราะให้กับคำว่าขอโทษ  ใครหนอเป็นคนคิดคำนี้ขึ้นมา  ช่างง่ายดายเสียเหลือเกินกับการพูดออกมา  หลังจากได้กระทำบางสิ่งลงไปแม้โดยตั้งใจ

 

ใบลานยิ้มให้เขาเจือแววเย้ยหยัน

 

ภีมอึ้ง  บางอย่างจากดวงตาคู่นั้นเขายังไม่เข้าใจ  มีอะไรที่เขายังไม่อาจล่วงรู้

 

 

***************                                                 

 

“พี่ปอ”  หล่อนปล่อยโฮเมื่อเขาโอบกอด

 

อ้อมแขนที่โหยหามานานเนิ่น  ความรักที่ผู้ชายคนนี้มีให้หล่อน  ในเวลาที่ผ่านมาแม้ว่าหล่อนเคยยืนหยัดมาด้วยความเข้มแข็ง  มาบัดนี้เมื่อพบอ้อมแขนที่อบอุ่นปลอดภัย  หล่อนถึงกับสิ้นแรง  ยินยอมปล่อยให้ความอ่อนแอที่อำนาจเหนือหล่อน

 

ชายหนุ่มไม่เอ่ยคำใดกับหล่อน  แม้เป็นวาจาปลอบโยน  หากแต่ว่าโอบกระชับร่างนั้นไว้แนบแน่นและปล่อยให้สายธารแห่งน้ำตาไหลบ่า  เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาบาดแผลให้หล่อน

 

บาดแผลที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน  และหล่อนต่อสู้มาโดยลำพัง  ภีมทำให้มันเกิดขึ้นเขาเองเพิ่งจะรู้  เมื่อเพื่อนรักพาเอาใบหน้าเศร้าสร้อยไปหาเขาถึงที่ทำงานและสารภาพในทุกสิ่งที่ได้ทำลงไป  ปอแทบช็อคเมื่อได้ทราบเรื่อง  ใครเลยจะคาดคิดถึงสิ่งที่ภีมทำลงไปกับคนรักของเพื่อนอย่างเขา

 

“คิดถึงจังค่ะ”  หล่อนว่าหลังจากร้องไห้จนหนำใจ  เลี่ยงจากอ้อมแขนของเขา  ออกจะเคอะเขินเมื่อคิดว่าหล่อนเป็นแม่คนแล้ว  แต่ยังร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ได้อีก

 

ปอพยักหน้าพูดอะไรไม่ออก  มันอัดแน่นไปด้วยความรักและสงสาร

 

“ชมดาวน่ารักนะ”

“พี่ปอเจอแกแล้วเหรอคะ”

 

เขาพยักหน้าคลอนหัวหล่อนเบา ๆ นั่นกลับทำให้น้ำตาหล่อนรื้นขึ้นมาอีกอย่างช่วยไม่ได้  หล่อนมันประเภทพ่ายแพ้แก่ความอ่อนโยนนี่นะ

 

“เธอไม่ได้บอกลาพี่”

“ลานกำลังสับสน  แล้วก็กลัว  กลัวมาก ๆ จนแทบบ้า  แม้แต่เสียงของหัวใจตัวเองที่เต้นอยู่  รู้แต่ว่าหนีไปให้พ้นจากเขา  ลานกลัวที่จะเจอใคร  ทุกคนคิดเหมือนเขา  ไม่มีใครสักคนเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ชมดาว  ลูกของภีมใช่มั๊ย”

“ค่ะ”  หล่อนยอมรับ  สำหรับผู้ชายคนนี้หล่อนไม่มีอะไรจะปิดบังเขาอีกแล้ว  เวลาล่วงเลยมาจนถึงขนาดนี้

 

“ลูกผม !!!”  คนที่ยืนหลบอยู่ตรงประตูโพล่งออกมา  อย่างหลงลืมว่าตัวเองทำเสียมารยาทโดยการแอบฟังผู้อื่นสนทนากัน

 

.ใบลานหน้าซีดเผือดเมื่อมองเห็นเขา

 

“ทำไมเธอไม่บอกพี่”

“บอกคุณ”  หล่อนถามแล้วก็หัวเราะ

“เพื่ออะไร  ให้คุณได้เยาะเย้ยเหยียดหยามฉันอย่างนั้นเหรอ  สิ่งที่คุณทำกับฉันมันน่าสมเพช  ฉันสมเพชตัวเองที่สุด”

“ลานถูกข่มขืน  ผู้ชายคนนี้ข่มขืนลาน”  หล่อนชี้หน้าเขา  กรีดร้องอย่างคุมสติไว้ไม่อยู่

“ลาน  ใจเย็นหน่อย  ไม่มีอะไรนะพี่อยู่นี่”  ปอจับหล่อนเขย่า

“ช่วยด้วย  ลานกลัว”  ความทรงจำที่หล่อนพยามลืมกลับผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ

“ช่วยด้วย ๆๆๆ”  หล่อนพร่ำบอกประโยคนี้กับปอนับครั้งไม่ถ้วน  ก่อนจะหมดสติไป

 

 

***************                                                 

 

“ฉันเสียใจ”

“ความเสียใจของนายเทียบไม่ได้กับของใบลาน  นายก็เห็นแล้วว่าเธอเป็นยังไงที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ต้องถือว่าเข้มแข็งมาก  สิ่งที่นายทำไปโดยไม่คิดกับคนที่ฉันรัก  นายยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่หรือเปล่า”  ปอถามน้ำเสียงเจ็บปวด

 

“ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรักนายแม้สักนิด  เธอชื่นชมแล้วก็ศรัทธานายมาก  มันมากกว่าคนใจแคบอย่างนายจะมองเห็นค่าของมัน  แล้วนายก็ตอบแทนเธอสาสมนัก”

“ฉันขอโทษ”

 

ปอมองเพื่อน  เขาเองก็ไม่อยากจะซ้ำเติม  ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว

 

“ฉันต้องทำยังไง”  ภีมถามอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะคิดทำอะไรได้อีกแล้ว  นอกจากจะมีใครสักคนจำเป็นต้องบอกเขา

“กลับไปซะ”

“-----o-----”

“ลืมเรื่องของใบลานกับชมดาว  นายมีครอบครัวรออยู่  พวกเขาไม่รู้เรื่องราวด้วย”

“แต่”

“นายกลับไปเถอะ  คิดเสียว่าไม่เคยเจอใบลาน  ทางนี้ฉันจะดูแลเอง”

 

ปอรู้ว่าถึงวันนี้ภีมก็เจ็บปวดไม่น้อยกว่าใบลาน  และรวมถึงตัวเขาด้วยแม้มันจะเทียบไม่ได้กับสองคนนั้น  แต่มันจะได้อะไรจากการซ้ำเติมเพิ่มความเจ็บปวดให้เกิดขึ้น

 

ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต  ภีมไม่สามารถเรียกมันให้หวนกลับมาได้  เขาหมดหนทางที่จะแก้ไข  ทั้งใบลานและลูกกลายเป็นสิ่งที่เขาแตะต้องไม่ได้  ปกป้องคุ้มครองก็ไม่ได้  เท่าที่ทำได้คือถอยออกมาและหายไปจากชีวิตของพวกเขาเสีย  นานแค่ไหนก็ไม่รู้  หรือว่าเวลาไม่อาจกำหนดได้ตลอดไป

 

 

***************                                              

 

“ผมไปก่อนนะ”  ภีมกล่าวลาเด็กหญิงไปเช่นนั้น

“คุณจะกลับมาเยี่ยมเราอีกมั๊ยคะ”

 

ภีมลูบผมเด็กหญิง  ไม่ได้ตอบคำถามของแม่หนูน้อย  ถ้าเป็นความต้องการในส่วนลึกแล้วเขาต้องการเช่นนั้น  แต่ความเป็นจริงภีมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  ไม่อาจกล่าวโทษสิ่งใดหรือใครได้  นอกจากตัวเอง  ความชื่นชมศรัทธาที่หล่อนมีให้อย่างบริสุทธิ์ใจหล่นหายไป  จนแม้ตลอดชีวิตนี้เขาก็หามันไม่เจออีก

 

เป็นเพียงความเผอเรอชั่วขณะหนึ่งของชีวิต  ย่อมสร้างบาดแผลให้แก่คนผู้นั้นมากมายเหลือคณานับ  จนเขาไม่อาจคาดคิด.

 

 ฝากแนะนำด้วยนะคะ 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา