จดหมายถึงพ่อ

8.7

เขียนโดย ฮางมะ

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.42 น.

  1 ตอน เดียวจบ
  3 วิจารณ์
  6,993 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 19.17 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) จดหมายถึงพ่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      พ่อคะมีเพื่อน ถามหนูว่าถ้าให้นึกถึงพ่อ หนูจะนึกถึงอะไร      หลายคนคงนึกถึงความอบอุ่น นึกถึงความรักที่พ่อมีให้  แต่สำหรับหนู

     

      เมื่อเอ่ยถึงพ่อหนูจำได้อยู่เพียงสามสิ่ง หนึ่งคือ เหล้า ต้องเป็นเหล้าขาว ตรารวงข้าว  พ่ออยู่ได้ถ้ามีมันโดยที่ไม่แตะต้องกับแกล้มใดๆให้เสียรสชาติ สองนั่นคือ ซึง ดนตรีประเภทเครื่องดีด ความจริงแล้วลูกน่าจะนำ ซึง เป็นสิ่งแรกแต่เมื่อทบทวนดูแล้วพักหลังมานี่ พ่ออยู่กับขวดเหล้ามากกว่าจะ ลำนำบทเพลงจากเสียงซึง และสาม ลำน้ำแม่กวง  

     

       แปลกไหมค่ะที่หนูคิดแบบนี้ แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หนูนึกถึงพ่อได้  พ่อค่ะ พ่อยังจำได้หรือเปล่า บ้านของเราที่อยู่ติดกับลำน้ำกวง พ่อปลูกบ้านหลังเล็กๆหรือที่หลายคนเรียกว่า กระต๊อบแล้วแต่ว่าใครจะเรียกแต่หนูก็ภูมิใจที่จะเรียกมันว่าบ้านอย่างเต็ม ปากเต็มคำ แม้ที่ตรงนั้นมันจะไม่ใช่ของเรามันเป็นที่สาธารณะ แต่พ่อชอบที่จะอยู่ตรงนั้นเพื่อทำตามที่พ่อฝันไว้พ่อบอกว่า ถ้าได้เล่น ซึง พร้อมกับล่องเรือไปในลำน้ำ หนูนึกภาพออกเลยค่ะว่ามันคงมีความสุขที่สุด 

     

       แต่จนแล้วจนรอดพ่อก็ไม่ได้ทำ ดูๆไปพ่อเหมือนศิลปินผู้อุทิศให้กับเสียงดนตรี เสาะแสวงหาความสุขไปกับธรรมชาติ แต่แม่ไม่เห็นด้วยกับพ่อ แม่ว่าพ่อเพ้อฝัน ความจริงแล้วหนูก็ไม่เข้าใจว่าท่านทั้งสองมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง แต่หนูรู้ว่า พ่อเจอแม่ในงานปอยหลวง พ่อเป็นนักดนตรี เล่น ซึงอยู่ในคณะ ซอ ส่วนแม่เป็นนางเอกอยู่ในคณะลิเก นึกๆแล้วหนูก็แปลกใจ ว่า  ลิเก กับ ซอ มาเจอกันได้อย่างไร แต่คำตอบนั้นก็กลายเป็นหนู 

     

        ตอนเด็กๆหนูมีความสุขมากคะ เพราะได้พ่อเล่น ซึง ให้ฟังก่อนนอนทุกคืน พ่อเคยบอกว่าหนูผงกศรีษะ ไปตามจังหวะเพลงของเสียงซึง แล้วก็หลับไปทั้งๆที่หัวยังโยกคลอนไปตามจังหวะนั้น มันคงเป็นภาพที่ตลกมากสิคะพ่อ แต่หนูจำได้ว่ามันมีความสุขมากๆค่ะ

     

        ความสุขสำหรับเรานั้นมันสั้นมากนะคะ ตั้งแต่เออ  แม่จากไป หนูไม่อยากพูดถึงหรอกค่ะ แต่มันก็คือความจริงที่เราไม่มีทางลบลืมมันได้  จนป่านนี้แล้วหนูก็ยังไม่เข้าใจ ว่าแม่ จากเราไปทำไม หนูเคยคิดน่ะคะ ว่าแม่อยู่ๆคงนึกขึ้นได้ว่าอยู่กินกับ สามีนักเล่นดนตรีพื้นเมืองต่อไปคงไม่มีอะไรดีขึ้น จึงจากไปทิ้งพวกเราให้อยู่เพียงสองคน  ตอนนั้นหนูคงเด็กเกินกว่าจะรู้ความใดๆ ก็อายุได้ห้าขวบเท่านั้น  จนโตป่านนี้หนูเองมาคิดย้อนกลับไปแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ แต่นั่นแหล่ะตั้งแต่แม่จากไป พ่อก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นจำได้ว่าพ่อออกไปตามหาแม่อยู่สามวันสามคืน จนหนูต้องอยู่กับป้าสาย เพื่อนบ้านของเรา ตอนนั้นหนูกลัวมากค่ะพ่อ กลัวว่าพ่อจะไม่กลับมา แล้ววันที่พ่อกลับมา พ่อก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย

     

        พ่อเมามายอย่างหนักเฝ้าพร่ำพรรณาถึงแม่  บางทีก็หัวเราะแล้วบางทีก็ร้องไห้ แต่พอสร่างเมา พ่อก็กลับนิ่งเฉย จนหนูคิดว่าพ่อไม่ได้กลับมาหรอก หรือกลับมาก็เพียงร่างกายเท่านั้นไม่ได้กลับมาพร้อมกับใจ    เราอยู่ด้วยกันตามประสาพ่อลูก ความเงียบ  เข้ามาครอบคลุมอยู่ทั่วบ้าน พ่อกลายเป็นคนหลายอารมณ์ เดียวดีเดียวร้าย บางวันก็เก็บตัวเงียบไม่ออกไปเล่นซึงกับคณะ ซอ  จนพ่อก็ถูกไล่ออกจากคณะ 

     

        พ่อยิ่งเคร่งขรึมไปอีก ดืมเหล้าจัด เมาหนักอยู่ทุกวัน บางคืนเหล้าของพ่อหมด พ่อก็จะบอกให้หนู ไปซื้อมาให้ ทั้งๆที่มันดึกดื่นค่อนคืนขนาดไหน หนูก็ไม่กล้าขัด แม้จะกลัวความมืดเท่าใดหนูก็จะไปบ้านป้าสายที่แกเปิดร้านชำเล็กๆ ป้าสายแกคงนอนไปแล้วแต่หนูก็ต้องปลุก แม้แกจะรำคาญ  แต่มองเห็นหน้าหนู  แกก็เปิดร้านให้  แล้วพอรุ่งเช้าแกก็มา ต่อว่าให้พ่อที่ทำไมมาใช้หนูไปซื้อเหล้ากลางดึกกลางดื่น แต่พ่อก็ไม่เคยฟัง พอป้าแกไปแล้วพ่อก็จะด่าว่าให้หนู  

     

        พ่อคะหนู ช่วงเวลานั้นหนูไม่มีความสุขที่สุด หนูอยากให้พ่อกลับมาเป็นเหมือนเดิม เล่น ซึงให้หนูฟัง แต่มันคงไม่มีทางอีกแล้ว เพราะพ่อเปลี่ยนไปแล้ว และไม่เคยแตะต้อง เครื่อง ดนตรี ชนิดนั้นอีกเลย แต่แล้ววันหนึ่ง  หนูก็ตกใจหลังจากกลับจากโรงเรียน หนูได้ยินเสียง ซึง ดังมาจาก หลังบ้าน หนูแอบดู เห็นพ่อกำลังนั่งเล่นมันที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นล้มแล้ง(คูน) ที่ออกดอกสีเหลืองเรืองรองเต็มต้นเสียงเพลงจากเสียง ซึง ดูเศร้าสร้อยผสมกับดอกลมแล้งที่ร่วงหล่นเป็นสาย ตามแรงลม ขณะที่พ่อเล่น หนูเห็นน้ำตาของพ่อไหลอาบแก้ม แล้วพ่อก็เห็นหนูที่ยืนแอบดูนั้น ฉับพลันทันใดพ่อก็หยุดเล่นแล้วทำในสิ่งที่หนูต้องจดจำไปตลอกกาลคือ พ่อฟาด ซึง เข้ากับต้นลมแล้งเสียงดังสนั่น เศษซากของเครื่องดนตรีชนิดนั้นแตกกระจาย แล้วพ่อก็จากไป หนูรีบวิ่งไปหาซากเครื่องดนตรีที่คล้ายกีต้าร์นั้น ตระกองกอดเอาไว้น้ำตาไหล อาบ.....หนูพยายามจะซ่อมมันแต่มันก็เป็นเศษที่ไม่สามารถต่อติดได้อีกแล้ว เหมือนพ่อกับเครื่องดนตรีชิ้นนี้ได้พรากจากกันไปจนตาย

      

        หนูพร่ำแต่โทษตัวเองว่าไม่น่ามาแอบฟังพ่อเล่นเลยทำให้พ่อต้องโกรธและทำลาย เครื่องดนตรีที่เป็นทั้งชีวิตของตัวเอง........สิ่งที่หนูทำได้อย่างเดียว คือเรื่องเรียน ที่หนูไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง หนู สอบได้เป็นที่ หนึ่งของห้อง จนจบประถมหก ตอนนั้นเองพ่อบอกหนูว่า ไม่สามารถส่งหนูเรียนได้อีกแล้ว..แต่ครูแก้วบอกว่าจะหาทางช่วยให้หนูได้ เรียนต่อ ครูพาหนูไปสอบโรงเรียนประจำของจังหวัดแล้วหนูก็ได้เข้าเรียน เรื่องค่าใช้จ่ายไม่มีปัญหา เพราะหนูจะได้ทุนเรียนฟรีแต่เพียงอย่างเดียวที่หนูไม่ชอบคือ หนู หนู ต้องจากพ่อ เพื่อไปเรียน โรงเรียนแห่งนั้น เพราะต้องนอนประจำที่นั่น หนูไม่อยากจากพ่อไปเลย หนูจำได้ว่าครูพยายามอ้อนวอนขอให้หนูไป ป้าสายก็ช่วยพูดแต่หนูไม่อยากไป จนพ่อที่เมามายเข้ามา พ่อด่าหนูอย่างรุนแรงและตบหน้าหนู ขับไล่ไสส่ง บอกหนูว่าไม่ต้องเรียกพ่อว่าพ่อ ถ้ายังไม่ไปเรียน หนูร้องให้อย่างหนักหนูรู้ที่พ่อทำไมเพราะรักหนู  วันนั้นหนูกอดขาพ่อเอาไว้แน่นพ่อทำตัวแข็งไม่สนใจใยดีหนูเลย จนครูบอกว่าต้องไปแล้ว ทุกคนยกเว้นพ่อ  บอกหนูว่าปิดเทอมหนูจะได้กลับมาหาพ่อ หนูจึงยอมไป

    

        พ่อคะไม่รู้ทำไมหนูถึงนึกถึงเรื่องนี้อีก ทั้งที่มันก็นานแล้วแต่ว่ามันจะนานแค่ไหนหนูก็ไม่เคยลืม แม้เราจะห่างกันไปในระยะหลัง เราห่างกันไปเพราะหนูต้องไปเรียนโรงเรียนประจำ หนูเรียนอย่างพะวงเป็นห่วงพ่อและคิดถึงพ่อว่าใครจะดูแล พอปิดเทอมแรกหนูก็กลับบ้านทันที หนูกลับไปแล้วไม่พบพ่อหนูตามหาทุกที่ ถามหาทุกคนแต่ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าพ่ออยู่ไหนจนหนูไปพบจดหมายของพ่อ พ่อเขียนถึงหนูด้วยตัวอักษรที่อ่านยาก ใจความของพ่อบอกกว่า พ่อขอไปเที่ยว พ่อบอกว่า อยากจะรอบอกหนูแต่ว่ากลัวหนูจะห้ามพ่อแบบที่แม่เคยห้าม พ่อจึงไปก่อนที่หนูจะกลับมา พ่อว่าพ่อสบายใจแล้วที่หนูได้เรียนสูงๆมีอนาคตที่สดใสรอคอย พ่อหมดห่วง พ่อจึงขอทำตามความฝันของตัวเอง..... อ่านมาถึงตอนนี้น้ำตาเริ่มหยดตกลงไปในจดหมายแล้วก็รีบวิ่งออกไปที่แม่น้ำกวง ที่ไหลเชียวยามต้นฤดูฝน   แล้วความรู้สึกของหนูก็แทบจะดับวูบเพียงเห็นรองเท้าแตะสีหม่นวางอยู่ริม ตลิ่ง

       

        ...ความฝันของพ่อคือการได้ล่องลอยไปกับน้ำกวงเล่น ซึงไปมันคงมีความสุขที่สุด...

 

        หนูร้องให้อย่างหนักไม่เข้าใจทำไมพ่อ ถึงทำแบบนั้น จนป้าสายและครู แก้ว บอกว่า พ่อป่วยเป็นมะเร็งตับ

 

        “ แกคงไม่อยากให้ทิพย์เป็นห่วงจนเรียนไม่ได้จึงห้ามป้าห้ามครูไม่ให้บอกหนู" 

 

        ...ไม่มีใครพบศพของพ่อ ไม่ว่าจะลงน้ำไปงม หากี่คนต่อกี่คน และก็ยังไม่ได้ข่าวคราวว่าศพของพ่อไปโพล่ที่คุ้งน้ำไหนพ่อได้จากไปแล้ว ไม่แน่พ่ออาจได้ล่องไปกลับลำน้ำแม่กวงแต่น่าเสียดายอย่างเดียวที่ ซึง ของพ่อ ได้แตกสลายไปแล้ว แต่ หนูก็คิดว่า พ่อคงเล่น ซึงอยู่ที่ไหนสักที่ อย่างมีความสุข.... พ่อคะมี่เป็นจดหมายที่หนูเขียนส่งให้พ่อไปตามลำน้ำนี้ ที่เขียนมาก็เพื่อบอกว่า ตอนนี้หนูรับปริญญาแล้วค่ะและก็ได้ทำงานแล้ว  หนูกลับมาที่นี่อีกครั้งแม้ว่าบ้านเราจะไม่มีอีกแล้ว เพราะทางน้ำได้กัดเซาะจนดินยุบถล่มไปพร้อมกับบ้านหลังนั้นของเรา แต่หนูมาเพราะอยากได้ยินเสียงเพลงจากเสียง ซึงของพ่ออีกครั้ง...

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา