บ้านของฉัน

7.0

เขียนโดย Canopus

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.14 น.

  1 ตอน
  9 วิจารณ์
  39.31K อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

            ทุกวันนี้ฉันมีความสุขเป็นอย่างมาก ความสุขของคนอื่นอยู่ที่ตรงไหนฉันมิอาจทราบได้ เพราะคนเราต่างไขว่คว้ามาซึ่งวิธีที่แตกต่างกัน จะมากหรือน้อยอยู่ที่ความต้องการ

        

          สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติทำให้ฉันอารมณ์ดี มองไปเบื้องหน้า ฉันเห็นเวิ้งฟ้าอันกว้างใหญ่ ใจพลันนึก สุดขอบฟ้านั้นไกลแค่ไหนกันหนอ ริ้วเมฆนวลขาวให้คำตอบฉันได้ไหม ทอดอารมณ์ไปกับคลื่นทะเล เห็นเกลียวคลื่นค่อยๆหมุนวนซัดเข้าฝั่งดังซ่า.. ­ทำให้ฉันล้มกลิ้งอย่างสนุกสนาน ครั้นพอเท้าของฉันสัมผัสไปบนพื้นทราย ฉันรู้สึกถึงความอ่อนนุ่ม เรียบเนียน ไร้ระคายเคือง มวลอากาศรอบกายของฉันพัดผ่านให้ฉันหายใจได้อย่างปลอดโปล่งโล่งสบาย หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกแผ่วเบา ช่างสดชื่นเสียเหลือเกิน          

          

           แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบใจเลย นั่นคือฉันเป็นคนตกใจง่าย เมื่อฉันเยาว์วัย ฉันจะกลัวผู้ใหญ่มาก เวลาที่พวกเขาเดินมาเพื่อจะทำความรู้จักฉัน เป็นประจำทุกครั้งฉันจะรีบวิ่งหลบเข้าบ้านทันที นึกเสียดายที่ฉันกำลังจะออกไปเล่นน้ำทะเล ความปรารถนาของฉันพลันหายเพียงไม่กี่วินาที ฉันฉุกคิดขึ้นได้ หากฉันเติบโตขึ้น ฉันจะสร้างบ้านให้อยู่ติดกับทะเล

     

            จนกระทั่งฝันที่ฉันวาดไว้ก็เป็นจริง ฉันมีบ้านที่สวยงามอยู่ติดคลื่นทะเล ขาของฉันสามารถลงไปสัมผัสกับพื้นผิวน้ำได้ วินาทีนั้นฉันรู้สึกตื่นเต้นระคนสุขใจ น่าแปลกที่เท้าของฉันไม่เคยซีดเซียวเลยสักครั้ง ฉันยิ้มอย่างสบายอารมณ์ ฉันจะแช่เท้าไว้เช่นนั้นเนิ่นนาน จนบางครั้งเผลอหลับใหลในบ้านอย่างไม่รู้ตัว

      

             บ้านของฉันมีลักษณะไม่ใหญ่โตมาก ทุกคนละแวกนี้จะมีบ้านเป็นของตัวเองโดยไม่ฟู่ฟ่า ที่สำคัญพวกเขาหวงแหนบ้านเป็นที่สุด ถึงจะเล็กไปบ้างแต่ก็พออาศัยอยู่ได้ ส่วนเพื่อนบ้านของฉันมักจะรักสันโดษ ไม่มีใครเยือนบ้านใคร จึงไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

         

             วันเวลาผ่านไป ฉันใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติจนมีความรู้สึกผูกพัน ฉันรักน้ำทะเลสีฟ้าสดใสที่มิเคยแปรเปลี่ยน ฉันรักพื้นทรายที่สร้างความอบอุ่นให้แก่ฉัน ฉันรักสายลม ที่เวลาพัดผ่านมาถึงนั้น ใจฉันพลันเบิกบานขึ้นมาทันใด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายหล่อหลอมจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งฉันเรียกพวกเขาว่า “ธรรมชาติ” ฉันรู้สึกโชคดีที่ฉันมีบ้านอยู่ท่ามกลางความสุขเหล่านี้ บ้านของฉันได้รับความดูแลโดยอ้อมกอดของธรรมชาติ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่อยากจากบ้านไปไหน ฉันรักบ้าน และบ้านก็รักฉัน เพราะเราอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมานาน

      

            ฉันจะกินอาหารภายในบ้านทุกครั้งไม่เคยห่างบ้านไปไหน เหมือนเราเป็นคนๆเดียวกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน จนเวลาล่วงเลยผ่านไป วันแล้ววันเล่า ฉันก็ยังกินข้าวในบ้านแสนอบอุ่นเช่นเคยมิเบื่อสักครา

       

            บางครั้งฉันมองออกไป เห็นนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนถิ่นอาศัยของพวกเรา การแต่งกายของพวกเขานั้นมีเครื่องประดับที่หลากหลาย ผู้หญิงบางคนสวมหมวกกันแดดสีขาวปีกหมวกนั้นกว้างออกบังแดดได้ดีทีเดียว ฉันเห็นพวกเขาทิ้งขยะไว้เกลื่อนหน้าบ้านฉันเต็มไปหมด อ้าปากหัวเราะกันอย่างครื้นเครง ครั้นตะวันเริ่มตกดินพวกเขาก็เริ่มทยอยกลับ ทิ้งไว้เพียงภาพไม่น่าชื่นชม ฉันไม่รู้จะทำเช่นไรได้แต่ถอดถอนใจกับนิสัยคนต่างถิ่น

       

           มีอยู่วันหนึ่ง ฉันเก็บตัวอยู่ในบ้านแสนรัก แช่ขาไว้ที่น้ำทะเลด้วยใจเพลินอารมณ์ ทอดสายตามองทัศนียภาพรอบนอกอย่างคุ้นชิน ฉันจดจ้องอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงกุกกักๆบริเวณหน้าบ้าน ฉันเลยชะเง้อหน้าออกไปดู สิ่งที่ฉันประสบ มีคนพยายามกระชากตัวฉันเสียเต็มแรง จนฉันรู้สึกเจ็บร่างกายไปหมด เขาทั้งดึงทั้งจิกฉัน ฉันหวาดกลัว ตัวสั่นงันงก ฉันใช้ขาเกาะบ้านไว้อย่างเหนียวแน่น พลันน้ำตาไหลพรากเป็นสายอาบตามร่าง มีคนกำลังขโมยบ้านของฉัน ฉันพยายามตะเบ็งเสียงแต่ไร้คำพูดเล็ดลอด ฉันพูดไม่ได้ ฉันอ้อนวอนเขาอยู่ในใจ ได้โปรดเถิด อย่าพรากบ้านของฉันไป ฉันรักบ้านของฉันมาก ฉันรำพันทั้งที่ขาของฉันหมดเรี่ยวแรงยึดเหนี่ยว เขาดึงร่างอันบางเบาของฉันออกมา แล้วสะบัดฉันไว้ข้างผิวทราย

       

          ฉันได้ยินเขาพูดว่า เขาจะเอาบ้านของฉันไปใส่ไว้ตู้ปลา ตอนนี้หัวใจฉันแหลกสลาย ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ร่างกายฉันถูกทำร้าย บ้านของฉันต้องไปอยู่ในมือมนุษย์ที่มีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีคำว่าพอเพียง พวกเขาทำลายความสุขปูลมอย่างฉันให้จมอยู่ในความทุกข์ทรมาน ฉันอยากพูดกับบ้านอันเป็นที่รักครั้งสุดท้ายว่า

          ฉันรักบ้านน่ะ..

 

                                     น้ำตานองรดรินเป็นสายเจ้าเพื่อนบ้าน

                                     

                                       ร่ำร้องไร้เสียงเล็ดลอดผ่านม่านฟ้า

                                      

                                         ความทรงจำมิอาจพร่างพรายจาก

                                         

                                              กลิ่นอายสำนึกอันแจ่มจรัส

                                             

                                                  ตราตรึงห้วงชอกช้ำ

                                        

                                             มลายสลายความผูกพันคั่งค้าง

                                                

                                                      ลมหายใจปูลม

                                                    

                                                         รวยระริน….

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา