จินตนาการ
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแมรี่นั่งจ้องเขม่นไปข้างหน้า ที่มีบ้านอีกหลังอย่างใจจดใจจ่อ สองวันสิ ที่เธอไม่เคยเห็นมิสซิสบราว์ออกมานอกบ้านเลย ที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่ไม่ได้ใส่ใจนักหรอก เพียงแต่ว่า เธอเคยเห็นเท่านั้นเองว่ามิสซิสบราว์ชอบออกมาตากผ้าที่ซักหรือง่วนกับแปลงดอกไม้ ที่ระแวกนี้ช่างชอบปลูกกันจัง ...ยกเว้นเธอ
ค่ำวันนี้เธออดไม่ไหว เปรยๆกับสามีขณะร่วมโต๊ะอาหารเย็นว่า
"คุณคะ ชั๊นว่ามิสบราว์เธอป่วยล่ะ" เธอเอ่ยแบบอยากถามความเห็นไม่ใช่ชวนคุย คำๆนี้สร้างความหงุดหงิดในใจพอล อย่างเหลืออด
"นี่คุณกินยาตามที่หมอสั่งหรือเปล่า?" พอลถามไป ด้วยเบื่ออารมณ์หวาดระแวงคิดมากของภรรยาเหลือจะทน ตั้งแต่แมรี่แท้งลูกสองครั้งติดๆกันภายในสองปี แมรี่มีอาการทางจิตจนต้องเข้ารับการรักษา และแถมครอบครัวของเธอยังมีประวัติของผู้ป่วยโรคจิตอีก เรื่องนี้ทำให้พอลเริ่มเบื่อระอา ที่ต้องตอบคำถามที่ดูเหมือนจะซ้ำซากจำเจของภรรยา และเริ่มเบื่อผู้คนรอบข้าง จนต้องลงทุนทำครัวใหญ่กว้างๆเอาไว้แถมห้องแช่อย่างดี ที่สามารถเก็บอาหารสดได้คราวล่ะมากๆ นานๆ ด้วยความที่เขาจะได้หลบพ้นจากสายตาเพื่อนบ้านว่า มีเมียเป็นโรคจิต แต่เรื่องนี้ไม่เคยแพร่งพรายออกไปให้ใครรู้เลย พอลคอยดูแลแมรี่ห่างๆ และพาเธอไปหาหมอเป็นประจำ..ซึ่งตอนนี้ หมอได้แนะนำให้แมรี่ถักผ้าพันคอหรืออะไรก็ได้ เพื่อลดอาการซึมเศร้า และพอลก็ได้ทำเช่นนั้น ด้วยการให้แมรี่อยู่บ้านเฉยๆและทำงานที่จะช่วยเธอให้หายจากอาการนี้ไป...
แต่แล้ว แมรี่ก็ยังอดคิดมากไม่ได้ อย่างตอนนี้ ที่เธอโพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า
"พอลคะ..หากอีกสองวันชั๊นไม่เห็นมิสซิสบราว์ ชั้นเกรงว่าเธออาจมีอันตรายนะคะ คุณไปดูให้ชั้นนะคะ" พอลวางมือจากมื้อค่ำ ทันที หยิบผ้าเช็ดปากอย่างลวกๆ พลางลุกจากโต๊ะอาหารอย่างไม่ใยดี เชิดหน้า และแสดงสายตาที่คนมองเห็นและแสนปวดร้าวใจ พร้อมเอ่ยถ้อยคำที่แสนเจ็บลึกแม้ในคนปกติหากได้ยิน
"คุณมันบ้า.!..หากอยากรู้เรื่องเขานัก คุณก้อไปเองสิ หัดมีสติซะบ้าง คุณมันเกินเยียวยาแล้ว รู้ตัวไว้ซะ!."
เหมือนคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในใจของแมรี่ "ชั๊นไม่ได้บ้านะ ชั๊นแค่ไม่สบายใจ ชั๊นแค่อยากคุยเฉยๆ คุณไม่คุยกับชั๊นเองนี่นาชั๊นต้องลอบมองคนอื่นสิ" นั่นคือเสียงแมรี่ตอบออกไป แต่เป็นการตอบในความเงียบ
แต่แล้วในวันถัดมา เวลาอาหารเย็น ที่พอลลืมเรื่องวันวานไปแล้ว แต่แมรี่ไม่ลืม เธอส่งเสียงบอกพอลอีกหน ด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงดั่งว่ามีสซิสบราว์เป็นญาติของเธอเองด้วยซ้ำไป
"พอลคะ มิสซิสบราว์ชั๊นไม่เห็นเธอเลย พรุ่งนี้คุณไปดูให้ชั๊นนะคะ ไปถามเธอก็ได้ค่ะ บอกว่าชั๊นอยากดื่มชาด้วย" พอล เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง ตะโกนใส่หน้าเธอดังๆ
"ผมไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับเรา และไม่ต้องการให้คุณไปยุ่งวุ่นวายกับไคร...อย่าได้เอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาคุยกับผมอีก." พลางเดินไปยืนหน้าระเบียงที่มีม่านสีอ่อนบังไว้และเป็นที่เชื่อมต่อจากกำแพงบ้านสู่กำแพงอีกกำแพงที่มีเพียงม่านบางเท่านั้น พอลกวาดสายตามองไปทั่วๆบริเวณ ทั้งบ้านทางซ้าย บ้านทางขวา และบ้านที่อยู่ข้างหน้า ก่อนส่งเสียงดังๆ ดั่งว่าให้ได้ยินทั่วไปทุกครัวเรือน "ต่อไปนี้นะ ห้ามเปิดม่านเด็ดขาด หากผมไม่บอก " ... แมรี่ตัวสั่นงันงกด้วยเสียงสั่งดังสายฟ้าผ่ากลางใจเธอ คำๆนี้ มันแย่กว่าอะไรทั้งหมดที่เธอเคยเจอมา ในชีวิตของเธอไม่เคยเจออะไรที่ดังไปกว่าแมวร้อง ..นกบ่น ..และเสียงรดน้ำต้นไม้ของคนสวน ... เธอได้คิดว่า...สามีเธอเป็นอสูรกายไปแล้วในตอนนี้
ห่างจากนั้นมาสองวัน แมรี่ยังทำใจไม่ได้กับการไม่เจอมิสซิสบราว์ เธออดใจไม่ไหวขนาดโพล่งขึ้นมาในมื้อค่ำของวันนั้นกับสามีอีกครั้ง "ชั๊นขอร้องคุณนะคะ ช่วยไปดูไปถามบ้านตรงข้ามถนนให้หน่อยเถิดค่ะ ชั๊นห่วงเธอจริงๆ" พอลได้ยินเช่นนั้น ถึงกลับเดือดดาน ตระคอกเธอกลับด้วยความฉุนเฉียว "ผมบอกแล้วงัย ให้คุณกินยาระงับโรคบ้าบ้าง! อย่าให้ผมทำอะไรมากกว่านี้นะเม.!" พอลลุกออกจากโต๊ะอาหารอย่างเหลืออด แมรี่นั่งร้องไห้กระซิก พลางคิดว่า พอลใจร้ายมาก ที่ไม่ยอมช่วยคนอื่นที่กำลังตกอยู่ในอันตราย และเริ่มคิดว่า เธอนั่นล่ะควรช่วยมิสซิสบราว์เอง เธอนั่งนิ่งอยู่ราวสามชั่วโมงที่โต๊ะอาหาร จนพอลที่ดูเกมส์เบสบอลจบ มาปลอบใจเธอว่า "เอาน่า ผมจะไปถามให้นะ คุณไปนอนได้แล้ว ผมสัญญาเม" แมรี่จ้องหน้าพอลอย่างดีใจ และเข้านอนอย่างเป็นสุข
ผ่านมาหลายวันคำสัญญาที่ว่าก็ไม่เคยเกิดขึ้น...แมรี่เริ่มกังวลใจ และถามพอลอย่างยวนยั่วโทสะอีกครั้งในเวลาอาหารเช้าในวันหนึ่ง
"คุณคงไม่รู้ว่า มีคนตายตรงข้ามบ้านเราแล้วคุณทำเฉย" แมรี่พูดอย่างแค้นใจ พลางจิ้มไข่ดาวในจานจนเละ
"คุณน่าจะอยู่กับงานของคุณมากกว่านะเม ถักไปสิ ไหมพรมน่ะ เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นๆบ้าง คุณมันโง่ โง่ที่ไม่รู้จักคิดเรื่องของตัวเองแต่ไปคิดเรื่องที่คุณไม่รู้...หายบ้าแล้วไปทำหน้าที่ของคุณซะ" พอลพูดอย่างใช้อารมณ์ก่อนปิดประตูบ้านใส่หน้าเธอ. ...แล้วตะบึ่งรถออกไปราวจะหนีให้ไกล พอลขับรถไปใจก็คิดไปว่า ทำไงดีนะที่พาแมรี่คนเดิมกลับมา แมรี่ที่เขาแต่งงานด้วยเมื่อยี่สิบก่อนกับแมรี่ตอนนี้ช่างต่างกันเหลือเกิน แต่อาการของแมรี่จะดีขึ้นเสมอหากปล่อยให้เธอเงียบๆ นี่เป็นส่วนนึงที่เขาพอใจ
17.50
พอลขับรถกลับมาถึงบ้านมองเห็นว่าแมรี่นั่งถักไหมพรมอยู่แล้ว แสดงว่าเธอดีขึ้น และเขาไม่จำเป็นต้องปลอบโยนเธออีก
พอลเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวลงมา เอนตัวสบายๆกับเก้าอี้ตัวโปรด พลางอ่านหนังสือพิมพ์ที่ซื้อติดมือมาเช่นเคย พลางสั่งว่า "นี่คุณ..ขอวิสกี้แก้วสิ" พอลได้รับวิสกี้มาเช่นที่เคยได้รับ ได้ยินเสียงเปิดประตูกระจกที่เป็นทางสวนหย่อมเหนือหัว พลางเห็นแมรี่เดินเข้าครัวอีกครั้ง
"นี่ หาอะไรมาอีกแก้วสิ"
พอลรับแก้วมาถือไว้ในมือได้จากภาพที่เห็นทางหางตา ไม่ได้เงยคอขึ้นมองเพราะรู้ว่าแมรี่เอาเครื่องดื่มมาส่งให้ โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว พอลได้ยินเสียงที่กระทบหนักๆที่ท้ายทอย อะไรนะแข็งๆและเย็นๆ ...
..... แมรี่เดินถือขาแกะแช่แข็งที่เย็นเฉียบเข้าไปในครัว เปิดเตาอบ พลางนึกยิ้มในใจว่า แล้วเรียกใครมาช่วยกินดี?.
*เรื่องนี้เป็นแรงขับมาจากสุขสันต์วันเกิดค่ะ เป็นสาเหตุให้แมรี่ลงมือฆ่าสามีซึ่งคือพอล (ไม่รุคิดได้งัย? คงเพราะเรื่องก่อนหน้าลงไม่ได้(มั๊งคะ?เหอๆ) ขอบคุณค่ะที่มีผู้มาอ่าน.
JUNDEE.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ