รหัสคดี เมื่อผู้ชายมักมาก...และมักง่าย
เขียนโดย จอมยุทธ์หญิงนักแปล
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 03.39 น.
2) เมื่อพ่อมักมาก.....ลูกจึงเป็นเด็กมีปัญหา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อพ่อมักมาก.....ลูกจึงเป็นเด็กมีปัญหา
เด็กหญิง รุ้งตะวัน หรือ น้องแพร หนูน้อยวัย 7 ขวบ เป็นเด็กที่ได้รับความอบอุ่นอย่างเหลือล้น หรือจะว่าไปร้อนเกินไปด้วยซ้ำ เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะว่า น้องแพร มีแม่ 2 ป๋า 1 พ่ออีก1 คนเราปกติ ก็มีแค่ แม่ 1 คน พ่อ 1 คนเท่านั้นแหละค่ะ แต่ว่า แม่อีก 1 กับ ป๋า อีก 1 มาอย่างไร ต่อจากตอน เมื่อผู้ชายมักมาก...ผู้หญิงจึงผูกหลอก ค่ะ น้องแพรเป็นผลผลิตของประเวศน์กับพิมพ์เดือน เมื่อตอนคลอดน้องแพร ตอนแจ้งเกิด พ่อแท้ ๆ ไมู่รู้ไปมุดหัวอยู่ซะทีไหน อ่อ อยู่กับเมียอีกคนที่ท้อง เช่นกัน พ่อแท้ ๆ ไม่อยู่ จึงต้องรบกวน สามีของ เจี๊ยบ น้องสาวของ ประเวศน์มา ลงชื่อเป็นพ่อของเด็กไปแทน และเมื่อ สามีของเจี๊ยบรับเป็นลูกด้วยความจำใจ แน่ละคะ เจี๊ยบก็เลย ต้องรับเป็นแม่ไปอีกคน เจี๊ยบจะเรียกสามีว่า ป๋า นั่นคือที่มา ของ แม่ 2 ป๋า 1 ชื่อพ่อของน้องแพร ในใบเกิดคือสามีของเจี๊ยบ ส่วนแม่คือ พิมพ์เดือน และเมื่อน้องแพรเข้าโรงเรียน คนที่จัดการธุระให้ก็คือ แม่เจี๊ยบ (เพราะว่าแม่พิพม์เป็นครูไม่ว่างพาไป)
แล้ววันหนึ่ง ในขณะที่ผู้เขียน กำลังนั่นรอเจี๊ยบ (เจี๊ยบหรือ รุ่งนภาน้องสาวของประเวศน์ เจี๊ยบแก่กว่า ผู้เขียน 4 ปี และมีนิสัย รักญาติพี่น้องมาก จึงไม่แปลกที่ เจี๊ยบจะรักน้องแพรเหมือนลูกแท้ ๆ ) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอยู่ที่โต๊ะประจำหน้าคณะ ที่มหาวิทยาลัย เจี๊ยบก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเด็กน้อยคนหนึ่ง (ในตอนนี้ผู้เขียนพึ่งพบน้องแพรครั้งแรก)
"ใครอะ" ผู้เขียนมองเด็กน้อย ด้วยความแีปลกใจแล้วเอ่ยถามเจี๊ยบ
"ยุ่ง" นี่คือเสียงพูด ที่ผู้เขียนพยายามมองหาที่มา แล้วในที่สุด ไม่อยากจะหลอกตัวเองอีกต่อไป มันคือเสียงของน้องแพง ที่ส่งมาถึงผู้เขียนนี่เอง
"แพร ไม่เอา แม่เจี๊ยบบอกแล้วว่าไง ถ้าแพรพูดไม่เพราะแม่เจี๊ยบจะตีนะ หวัดดีน้า...." เมื่อเจี๊ยบเห็นผู้เขียนกำลังอึ้งกิมกี่กับสิ่งที่พึ่งได้ยิน จึงพูดปรามน้องแพร
"โอ้ ๆๆๆ พี่ จ๊ะ พี่ ไม่ใช่น้า" ในขณะที่ผู้เขียนกำลังอึ้งกิมกี่อยู่แต่สติก็ไวต่อความกลัวแก่มาก จึงเรียบห้ามให้น้องแพรเรียกว่าน้า ทุกวันนี้ น้องแพรก็เรียกผู้เขียนว่าพี่
"สวัสดีค่ะ พี่" ไหว้ซะ ย่อติดดินเลย
"จ้า ชื่ออะไร เนี่ย" ผู้เขียนถาม
"แพรค่ะ" เด็กน้อยตอบแล้วก็หันไปสนใจกับ จานลูกชิ้นปิ้ง และ ขนมของข้าพเจ้าแทน
"แพรกินได้มั้ยอะ" เด็กน้อยถามแล้วมอง อย่างอยากกิน
"เอาสิ กินได้เลย จะเอาอะไรอีกมั้ย เดี๋ยวพี่สั่งให้ หรือจะไปดู" เท่านั้นแหละค่ะ ผู้เขียนกลายเป็นเพื่อนซี้กับน้องแพรไปเรียบร้อยแล้ว
"แม่เจี๊ยบขา แพรหิวน้ำแพรซื้อน้ำได้มั้ย" เด็กน้อยหันไปถามแม่เจี๊ยบ
"แพรซื้อได้แค่แก้วเล็กนะคะ แล้วซื้อครั้งนี้แล้วตอนกลางวัน จะไม่ได้กินอีกนะ เพราะว่าแม่เจี๊ยบไม่มีเงินแล้ว เปิดกระเป๋าตังค์ใบเก่า นับเศษเหรียญออกมาให้น้องแพร
น่าสงสารเหลือเกิน ผู้เขียนคิดในใจ จริง ๆ แล้ว ผู้เขียนรู้อยู่แล้วว่า เจี๊ยบนั้นไม่ค่อยมีเงิน บางครั้งเวลามามหาวิทยาลัยก็ติดตัวมาแค่ 20 บาท
"ไป เดี๋ยวเค้าพาไปซื้อเอง เอาอะไรอีกป่าวเจี๊ยบ" ผู้เขียนได้ที ใช้สรรพนามว่า เค้าก้บเด็กน้อย ไปด้วยเลย
"เอาอะไรก็ได้ กินได้หมด"
แล้วผู้เขียนก็พาน้องแพรไปซื้อน้ำปั่น ในระหว่างที่เลือกน้ำนั้นน้องแพรก็ถามคนขาย ว่าราคาแก้ว เล็ก กับแก้วใหญ่ เท่าไหร่ แก้วเล็ก 10 บาท แก้วใหญ่ 18 บาท ส่วนตัวผู้เขียนนั้นไม่ถามค่ะ สั่งแก้วใหญ่ตลอด เพราะว่าแก้วเล็ก มันก็เล็กจริง ๆ ดูด 2 ทีหมด ยังเดินไม่ถึงโต๊ะเลย
"แพรเอาน้ำส้ม แก้วเล็ก 1 แก้ว ค่ะ" เด็กน้อยสั่งแล้ว หยิบเศษเหรียญขึ้นมานับ
"แล้วของแม่เจี๊ยบละ เอาน้ำอะไรละแพร" ผู้เขียนถาม
"แม่เจี๊ยบก็กินแก้วเดียวกับแพรไง" เด็กน้อยตอบ
"แพรเดินดูดไปยังไม่ถึงโต๊ะก็หมดแล้ว แก้วเล็กอะ ไม่เอาแก้วใหญ่ละ" ผู้เขียบถามด้วยความหวังดี
"ไม่ได้ แพรมีตังแค่ 20 บาท ซื้อน้ำหมดแล้วแพรจะขนมได้ไง พี่นี่ไม่รู้เรื่องเลย" เอากะเค้าสิ มีย้อนเรา
ตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกสงสาร จึงซื้อน้ำแก้วใหญ่ให้ 2 แก้ว แล้วจึงพากลับมาที่โต๊ะ ระหว่างที่ผู้เขียนซักประวัติ ของเด็กน้อยคนนี้ น้องแพรก็นั่งวาดรูประบายสี ของตัวเองไปเรื่อย จนผู้เขียนได้รู้ว่า เจี๊ยบกับสามีรับน้องแพรหลานของตัวเองเป็นลูก ตั้งแต่นั้นมาเจี๊ยบก็พาน้องแพรมาหาผู้เขียนแทบจะทุกอาทิตย์ และน้องแพรก็ชอบมาหาผู้เขียนมา อิอิ เพราะว่าผู้เขียนใจดี นั่นเอง
ต่อมาหลังจากที่ผู้เขียนรู้จักและสนิทสนมกับน้องแพรราวกับเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว ที่โต๊ะเดิมหน้าคณะ ขณะที่ ผู้เขียนกับเจี๊ยบกำลังปั่นงาน ส่งอาจารย์อยู่นั้น น้องแพรก็ เรียกผู้เขียนขึ้น
"พี่ พาแพรไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิ" เด็กน้อยชวนผู้เขียน
"โอ้ย ไปเองสิ เค้าทำงานอยู่ ไม่ว่าง" ผู้เขียนบอกไปโดยไม่เงยหน้าจากจอโน๊ตบุค
"น่าแปปเดียวเอง" ยังรบเร้าต่อ
"อะไร ปกติก็ไปเองได้" ผู้เขียนยังไม่พาไป
"น่า พี่ แปปเดียวเอง เร็ว ๆ สิ" รบเร้าต่อ
"โอ้ย ๆ ก็ได้ งานเค้าไม่เสร็จโดนจารย์ด่า เค้าจะมาด่าแพรต่อนะ" ผู้เขียนจำใจพาไป
หากแต่ว่าเมื่อพามาถึงหน้าห้องน้ำแล้ว น้องแพรไม่ได้ตรงไปเข้าห้องน้ำ แต่ตรงไปที่ตู้โทรศัพท์
"พี่ ยกหูโทรศัพท์ลงมาให้แพรหน่อยสิ แพรเอาไม่ถึง" พยายามเขย่งเอื้อมก็ไม่ถึง
"อ่าว จะโทรหาใครเนี่ย เอาโทรศัพท์เค้าก็ได้" หยิบมือถือขึ้นมาส่งให้
"ไม่เอา แพรจะใช้ตู้"
เมื่อได้หูโทรศัพท์แล้วน้องแพรจึงหยอดเหรียญ แล้วกดเบอร์โทรศัพท์ เมื่อต่อสายได้สักพักผู้เขียนเห็น น้องแพรมีสีหน้าตกใจแล้วรีบวางโทรศัพท์ น้องแพรออกจากตู้นี้แล้ว ไปอีกตู้หนึ่ง ผู้เขียนจึงตามไป เอาหูโทรศัพท์ให้ แล้วน้องแพรก็มีอาการเหมือนเดิม คือต่อสาย แล้วรีบวาง ด้วยท่าทางตกใจ น้องแพรทำอย่างงี้จนครบ 3 ตู้ ผู้เขียนก็เข้าใจว่า เล่น หรือว่าแกล้งใครสักคน จึงพูดกับน้องแพรว่า
"แพร พอแล้ว เค้าต้องไปทำงานต่อ เล่นอะไรเนี่ย" ผู้เขียนเริ่มบ่น
"แพรเปล่าเล่น พี่ แพรมีอะไรจะบอก"
"อะไร" ตอนนี้อารมณ์ผู้เขียนเริ่มรำคาญเด็กนี่มากแล้ว
"พี่ ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่บอก แม่เจี๊ยบ แม่พิมพ์ก็ห้ามบอกนะ"
"อืม ๆ" รับส่ง ๆ ไม่คิดว่า เด็ก 7 ขวบจะมีความลับอะไรให้ปิดบัง
"เมื่อกี้ แพร โทรหาพ่อ แต่ทำไมมีเสียงผู้ชายรับไม่รู้อะ พี่ ก็แม่พิมพ์บอกว่าพ่อตายไปแล้ว แล้วใครมารับโทรศัทพ์อะ " น้องแพรถามด้วยความสงสัย แต่ผู้เขียนอึ้งอ้าปากค้างตอบไม่ถูกเลย
"ฮ้า ใช่เบอร์่พ่อหรอ แพรไปเอามาจากไหน" ไม่รู้จะตอบอย่างไร
"ใช่สิ แพรเอามาจากปู่"
น้องแพร เด็ก ที่เกิดมา 7 ปีแล้วแต่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อสักครั้ง การที่มี แม่ 2 ป๋า 1 และพ่อ 1 ไม่ใช่จะทำให้น้องแพรเป็นเด็กที่ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างแท้จริงเลย น้องแพรเป็นเด็กที่ ออกจะพูดจาก้าวร้าวเสียด้วยซ้ำ ผู้เขียนและแม่ทั้ง 2 ก็ต้องคอยปราม ๆ กันไป เิงินทองประเวศน์ก็ไม่เคยส่งมาให้สักกะบาท ภาพที่น้องแพรโทรศัพท์ไปหาพ่อ คำถามที่น้องแพรถามผู้เขียน ยังจำฝังจิตฝังใจผู้เขียนจนทุกวันนี้ เด็กน้อยที่คิดว่า พ่อตัวเองตายแล้ว แท้ที่จริงแล้ว เป็นพ่อของเด็กอีกคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าน้องแพร 2 เดือน ยังอยู่ดีมีสุขค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ