ระบบโซลาร์เซลล์ EV Charger อุปกรณ์ไฟฟ้า

-

เขียนโดย bangkhamroo

วันที่ เมื่อวาน เวลา 17.24 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  14 อ่าน

แก้ไขเมื่อ เมื่อวาน 18.45 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า

แชร์เรื่องเล่า Share Share Share

 

1) Beyond the Panels โรงงานพร้อมแค่ไหน? เมื่อ Solar Roof และ EV Charger ท้าทายระบบไฟฟ้าเดิม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Beyond the Panels โรงงานพร้อมแค่ไหน? เมื่อ Solar Roof และ EV Charger ท้าทายระบบไฟฟ้าเดิม

 

 

เมื่อการลดต้นทุน สร้างภาระให้ระบบไฟฟ้าโดยไม่รู้ตัว

ในยุคที่ค่าไฟพุ่งสูงและกระแส ESG (Environmental, Social, and Governance) กำลังมาแรง ภาคอุตสาหกรรมและโรงงานต่างมุ่งหน้าสู่ "พลังงานสะอาด" อย่างเต็มกำลัง สองเทรนด์หลักที่เราเห็นได้ชัดคือการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อลดค่าไฟช่วงกลางวัน และการติดตั้งสถานี EV Charger เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าในองค์กร

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นการลงทุนที่ "Win-Win" ทั้งในแง่การลดต้นทุน (OPEX) และการสร้างภาพลักษณ์องค์กร แต่ในโลกของวิศวกรรมไฟฟ้า มี "กับดัก" ที่หลายคนมองข้ามซ่อนอยู่ นั่นคือ ระบบไฟฟ้าเดิม (Legacy Electrical System) ของโรงงาน ที่ถูกออกแบบมาเมื่อ 10-20 ปีก่อน ไม่ได้เตรียมพร้อมรับการมาถึงของเทคโนโลยีเหล่านี้เลย

 

ความท้าทายที่ 1: Solar Roof "ดาบสองคม" ของหม้อแปลงและสายไฟ

การติดตั้ง Solar Roof ขนาดใหญ่บนหลังคาโรงงาน คือการเปลี่ยนสถานะจาก "ผู้บริโภค" ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เป็น "ผู้ผลิตและผู้บริโภค" (Prosumer) ในเวลาเดียวกัน และนี่คือจุดเริ่มต้นของความท้าทาย

 

1. ปรากฏการณ์ไฟไหลย้อน (Backfeed) และภาระที่หม้อแปลงไม่เคยเจอ

โดยปกติ ระบบไฟฟ้าโรงงานถูกออกแบบมาให้ไฟ "ไหลเข้า" (In-flow) จากการไฟฟ้าทางเดียว แต่เมื่อ Solar Roof ผลิตไฟได้มากกว่าที่โรงงานใช้ในขณะนั้น (เช่น ช่วงพักเที่ยง หรือวันหยุด) ไฟฟ้าส่วนเกินจะ "ไหลย้อน" (Backfeed) กลับออกไปที่หม้อแปลง หม้อแปลงเดิมที่เคยทำงานหนักแค่ตอนกลางวันเพื่อรับไฟเข้า กลับต้องทำงานตลอดเวลาเพื่อรับไฟย้อนกลับ ซึ่งอาจนำไปสู่ความร้อนสะสมและอายุการใช้งานที่สั้นลงอย่างน่าใจหาย

 

2. สายไฟเดิม...รับ "โหลดสองต่อ" ไหวหรือ?

สายไฟเมนที่เชื่อมระหว่างตู้ MDB กับหม้อแปลง ก็เป็นอีกจุดที่น่ากังวล สายไฟเหล่านี้ถูกเลือกขนาดมาให้ "รับ" โหลดสูงสุดจากภายนอก แต่เมื่อมี Solar Roof เข้ามา มันต้องทำหน้าที่ "ส่ง" ไฟจากแผงโซลาร์ไปพร้อมๆ กัน การเลือกใช้ชนิดและขนาดสายไฟที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก อาจทำให้สายไฟทนกระแสที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว เกิดความร้อนสะสม และเป็นสาเหตุของอัคคีภัยได้

 

ความท้าทายที่ 2: EV Charger "นักฆ่า" ของค่า Peak Demand

หาก Solar Roof คือความท้าทายเรื่องการ "ผลิต" EV Charger ก็คือความท้าทายด้านการ "บริโภค" ที่รุนแรงและคาดเดาได้ยาก

 

 

1. ภาระการใช้ไฟที่ไม่สม่ำเสมอ (Intermittent Load)

เครื่องจักรในโรงงานส่วนใหญ่มีรูปแบบการทำงานที่คาดเดาได้ แต่ EV Charger (โดยเฉพาะรุ่น DC Fast Charge) จะดึงพลังงานมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ หากรถผู้บริหาร 5 คัน กลับมาเสียบชาร์จพร้อมกันตอนบ่ายสามโมง ระบบไฟฟ้าของโรงงานอาจเจอกับ "Peak" ที่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ค่าไฟส่วน Peak พุ่งทะลุเพดาน แต่ยังอาจกระตุ้นให้ระบบป้องกัน (Breaker) ทำงาน และทำให้สายการผลิตหยุดชะงักได้  

 

2. อันตรายจาก "Harmonics" ที่มากับที่ชาร์จ

ที่ชาร์จ EV เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังสูง ซึ่งมักจะสร้าง "สัญญาณรบกวน" หรือ Harmonics กลับเข้าไปในระบบไฟฟ้า สัญญาณรบกวนนี้สามารถสร้างปัญหาให้กับเครื่องจักรที่อ่อนไหว (Sensitive Loads) เช่น ระบบ PLC หรือหุ่นยนต์ในสายการผลิต ทำให้ทำงานผิดเพี้ยนหรือเสียหายได้

 

3 จุด "คอขวด" ที่วิศวกรโรงงานต้องตรวจสอบ ก่อนติดตั้งพลังงานใหม่

ก่อนที่จะสั่งซื้อแผงโซลาร์หรือ EV Charger การทำ "Health Check" ให้กับระบบไฟฟ้าเดิมคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด โดยมี 3 จุดคอขวดที่ต้องตรวจสอบดังนี้:

 

1. หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer)

หม้อแปลงของคุณมีอายุเท่าไหร่? พิกัดกำลัง (kVA) เพียงพอต่อโหลดใหม่หรือไม่? และที่สำคัญ มันถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อปรากฏการณ์ Backfeed และ Harmonics ได้ดีเพียงใด การตรวจสอบสภาพน้ำมันหม้อแปลงและการทำ Preventive Maintenance (PM) จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

 

2. สายไฟแรงสูง/แรงต่ำ (Cables)

ตรวจสอบสภาพฉนวนสายไฟว่ายังสมบูรณ์หรือไม่ ขนาดสายเมนที่เดินไว้เพียงพอหรือไม่ และเป็นสายไฟประเภทที่ทนความร้อนและสภาวะแวดล้อมในโรงงานได้จริงหรือไม่ (เช่น สาย CV) การลงทุนในสายไฟคุณภาพต่ำในอดีต อาจกลายเป็นต้นทุนมหาศาลในวันนี้

 

3. อุปกรณ์ป้องกันและลูกถ้วย (Protection & Insulators)

เมื่อระบบไฟฟ้ามีความซับซ้อนขึ้น มีการไหลเข้า-ออกของไฟหลายทิศทาง อุปกรณ์ป้องกันเดิมอาจทำงานผิดพลาดได้ และรวมถึงส่วนประกอบพื้นฐานอย่าง "ลูกถ้วยไฟฟ้า" ที่ทำหน้าที่เป็นฉนวนในระบบไฟฟ้าแรงสูง หากลูกถ้วยเสื่อมสภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการลัดวงจรและสร้างความเสียหายให้ระบบทั้งหมด

 

การเปลี่ยนผ่านที่ "ดี" คือการเปลี่ยนผ่านที่ "ปลอดภัย"

การมุ่งสู่พลังงานสะอาดเป็นทิศทางที่ถูกต้องและจำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรม แต่การเปลี่ยนผ่านที่ "ดี" ไม่ได้หมายถึงการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใหม่ที่สุด แต่หมายถึงการสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีใหม่และความมั่นคงของระบบเดิมที่มีอยู่

การลงทุนในพลังงานใหม่จึงเป็นมากกว่าโปรเจกต์จัดซื้อ แต่เป็น "โปรเจกต์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า" ที่ต้องการความเข้าใจในโครงสร้างพื้นฐานอย่างถ่องแท้ การลงทุนกับ การตรวจสอบและเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน ตั้งแต่หม้อแปลง, สายไฟ, ไปจนถึงลูกถ้วยคุณภาพสูง จึงไม่ใช่ "ต้นทุน" แต่คือ "การซื้อประกัน" ที่ดีที่สุด เพื่อให้โรงงานของคุณสามารถก้าวสู่ยุคพลังงานใหม่อย่างมั่นคงและปลอดภัย

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา