ความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้ 'รักษาสิว' ไม่หายขาด 3 ข้อนี้ต้องเลิกทำด่วน!

เวลาเป็นสิว เรามักจะพยายามหาทางออกมากมาย และบางครั้งก็เผลอทำตามความเชื่อผิด ๆ ที่บอกต่อกันมา ซึ่งความเชื่อเหล่านี้แหละที่ทำให้สิวไม่หายสักที แถมยังอาจทำให้ผิวแย่ลงกว่าเดิม วันนี้เราจะมาเปิดโปงความเชื่อผิด ๆ 3 ข้อ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการรักษาสิวของคุณ

1. คิดว่าสิวจะหายเอง เลยไม่สนใจดูแลอย่างจริงจัง: ความเชื่อที่ว่า "ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หาย" เป็นอันตรายต่อผิวมากที่สุด! เพราะการปล่อยให้สิวอักเสบรุนแรงโดยไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด รอยดำ รอยแดง และแผลเป็นหลุมสิว ซึ่งรักษายากและใช้เวลานานกว่าการรักษาสิวหลายเท่าตัว การดูแลผิวอย่างถูกวิธีและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยลดความเสียหายต่อผิวและป้องกันปัญหาผิวระยะยาวได้ดีกว่ามาก
2. ยิ่งเป็นสิว ยิ่งต้องขัดหน้าให้เกลี้ยง (เข้าใจผิดเรื่องความสะอาด): หลายคนเชื่อว่าสิวเกิดจากหน้าสกปรก จึงพยายามสครับผิว หรือใช้แปรงล้างหน้า/ผ้าขนหนูขัดถูผิวหน้าแรง ๆ เพื่อให้รู้สึกว่า "เกลี้ยง" แต่พฤติกรรมนี้เป็นการทำร้ายผิวที่กำลังอักเสบ ทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำซ้อน ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำ และไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกมากขึ้น วิธีที่ถูกคือการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน (Gentle Cleansing) และถ้าต้องการผลัดเซลล์ผิว ควรใช้สารเคมีผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อน ๆ (Chemical Exfoliants) เช่น BHA หรือ AHA แทนการขัดถูทางกายภาพ (Physical Scrubbing)
3. ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวเยอะแยะ หรือเปลี่ยนสกินแคร์บ่อยเกินไป: ด้วยความใจร้อน อยากหายเร็ว หลายคนจึงนำผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายชนิดมาทาทับกัน หรือเปลี่ยนแบรนด์ เปลี่ยนสูตรบ่อย ๆ ทุก 2-3 วัน ซึ่งอาจทำให้ผิวรับภาระของสารออกฤทธิ์ที่มากเกินไป จนเกิดอาการผิวแพ้ ระคายเคือง แสบแดง และสิวเห่อตามมาได้ การดูแลผิวที่ถูกต้องคือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหลัก ๆ ที่จำเป็น และให้เวลาผิวได้ปรับตัวและฟื้นฟูตัวเองอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ ก่อนจะตัดสินว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เหมาะกับเราหรือไม่ ความสม่ำเสมอและความอดทน คือหัวใจสำคัญ

การตระหนักถึงความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้ และเปลี่ยนมาดูแลผิวอย่างถูกวิธีตามหลักการ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณรักษาได้อย่างเห็นผล และมีผิวหน้าที่แข็งแรงในระยะยาว