การฉีดเมโสหน้าใส ตัวช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าให้แข็งแรง กระจ่างใส ปรับหน้าพังให้ปังขึ้น

ฉีดเมโสหน้าใส

ปัญหาผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยเล็ก ๆ เป็นสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในยุคที่ต้องเผชิญกับมลภาวะ ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมโสหน้าใส (Mesotherapy) จึงกลายเป็นตัวช่วยยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใสอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ด้วยการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเมโสหน้าใสตั้งแต่หลักการทำงาน ประโยชน์ที่ได้รับ และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าหัตถการนี้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคุณหรือไม่

เมโสหน้าใส คืออะไร ?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นเทคนิคการบำรุงผิวหน้าด้วยการฉีดส่วนผสมของวิตามินและสารสกัดเข้มข้นเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง (Mesoderm) ซึ่งคำว่า "Meso" นั้นมาจากภาษากรีก แปลว่า "กลาง" ซึ่งในทางการแพทย์หมายถึงชั้นผิวหนังกลาง หรือชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และเหนือชั้นไขมัน (Subcutis)

สำหรับการฉีดเมโสหน้าใสนั้นช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ เพิ่มความชุ่มชื้น ลดความหมองคล้ำ บรรเทาการอักเสบ และขับสารพิษออกจากผิวหน้า นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวหน้ากระชับ เรียบเนียน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

การฉีดเมโสหน้าใสช่วยเรื่องใดบ้าง ?

• ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความเรียบเนียนให้กับผิวหนัง
• มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนในผิวหนัง
• ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ปรับสีผิวให้กระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ
• ลดโอกาสการในการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำบนผิวหน้า
• ฟื้นฟูเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และกระชับรูขุมขน
• กระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง
• ลดการอักเสบของผิว เช่น รอยแดง และรอยสิว
• ฟื้นฟูผิวจากสารพิษ แก้ไขปัญหาผื่นแพ้และสิว
• เสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว

ฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ ?

การฉีดเมโสหน้าใสมีเทคนิคหลัก ๆ ที่เป็นที่นิยมด้วยกัน 2 รูปแบบ ซึ่งแต่รูปแบบก็จะมีข้อดีและคุณสมบัติในการใช้งานที่แตกต่างกัน

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด เป็นเทคนิคที่แพทย์ใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็กค่อย ๆ สะกิดบนผิวหน้า เพื่อฉีดสารเมโสเข้าสู่ผิวหนังทีละน้อยจนทั่วใบหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและทำให้วิตามินและสารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน แต่อาจก่อให้เกิดรอยแดงหรือรอยช้ำบนใบหน้าได้ แต่คุณไม่ต้องกังวล เพราะรอยแดงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะหายไปภายใน 2-3 วัน แต่ข้อควรระวังการทำหัตถการเมโสหน้าใสแบบสะกิดคือต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้อุปกรณ์ที่สะอาดเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด

การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุดเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นิยมไม่แพ้กัน สำหรับการฉีดเมโสหน้าใสรูปแบบนี้แพทย์จะฉีดสารเมโสตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง โดยเลือกฉีดเฉพาะ 16 จุดสำคัญบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยให้วิตามินและสารบำรุงเข้าถึงชั้นผิวหนังได้ลึกและกระจายตัวได้ดี

สำหรับเทคนิคนี้มีข้อดีคือทำให้เกิดบาดแผลน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า และตัวยามีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่าการฉีดแบบสะกิด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย และต้องการผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปแต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน

เมโสหน้าใสมีวิตามิน สารสกัดจากอะไรบ้าง

เมโสหน้าใสประกอบด้วยวิตามินและสารสกัดเข้มข้นที่มีคุณสมบัติในการบำรุงและฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส และมีสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมของเมโสหน้าใสจะแตกต่างกันไปตามสูตรและแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ แต่โดยทั่วไปมักมีส่วนประกอบสำคัญ ๆ ดังนี้

• วิตามิน C : ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
• วิตามิน E : มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
• วิตามิน B complex : ช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ผิว ช่วยให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ
• กลูต้าไธโอน : สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
• คอลลาเจน : โปรตีนที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้ผิว ทำให้ผิวเต่งตึง
• ไฮยาลูรอนิก แอซิด : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย
• สารสกัดจากพืช : แต่ละแบรนด์อาจมีสารสกัดจากพืชที่ต่างกันออกไป เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโสม ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ
• กรดอะมิโน : ช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว
• แร่ธาตุ : แร่ธาตุที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของเมโสหน้าใสนั้นมีทั้งสังกะสี ทองแดง หรือแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุจำเป็นสำหรับการบำรุงสุขภาพผิวหนัง
• เปปไทด์ : เปปไทด์เป็นโมเลกุลโปรตีนขนาดเล็กที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ผิวหนังมีความเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยได้ง่าย

การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าอย่างเร่งด่วน ต้องการให้ผิวหน้าดูสดใสและสุขภาพดีในระยะเวลาอันสั้น
• ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส
• ผู้ที่มีจุดด่างดำ รอยสิว หรือปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอ
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูสดใส สุขภาพดีในเวลาอันสั้น
• ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยจากความแห้งของผิว
• ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

ข้อควรระวังในการฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย แต่ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การฉีดเมโสหน้าใสมีข้อควรระวังเล็กน้อยที่คุณควรให้ความสำคัญคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ หลีกเลี่ยงการฉีดด้วยตนเองหรือในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน และควรแจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาหรือมีโรคประจำตัว

นอกจากนี้ ควรระมัดระวังในกรณีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และหลีกเลี่ยงการทำหัตถการนี้หากมีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือมีแผลเปิด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงตามมาได้

การดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใส

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง
• งดการออกกำลังกายหนัก ๆ เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
• หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือแช่น้ำในวันที่ทำการฉีด
• ใช้ครีมกันแดดเมื่อต้องออกแดด และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
• งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารที่ทำให้ผิวลอกเป็นเวลา 1 สัปดาห์
• ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
• หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันที่ทำการฉีด
• สังเกตอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง คัน หรือเจ็บมากผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าวรุนแรงควรแจ้งแพทย์ทันที

สรุป

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเมโสหน้าใสนั้นมีส่วนผสมของวิตามินและสารสกัดที่เข้มข้น ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังได้หลายประการ ตั้งแต่ความหมองคล้ำ ริ้วรอย ไปจนถึงการอักเสบและการเกิดสิว

อย่างไรก็ตาม การเลือกทำเมโสหน้าใสควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้บริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด