โบท็อกใต้ตา เหมาะกับใคร ? ต่างจากการดูแลใต้ตาวิธีอื่น อย่างไรบ้าง ?

-

เขียนโดย beauty_content

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.55 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  188 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567 13.58 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า

แชร์เรื่องเล่า Share Share Share

 

1) โบท็อกใต้ตา ฉีดได้ไหม ? ช่วยอะไร ? อันตรายไหม ? ต่างจากวิธีดูแลใต้ตาวิธีอื่นอย่างไร ?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

โบท็อกใต้ตาเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการลดริ้วรอยและรอยย่นเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น แต่หลายคนอาจสงสัยว่าโบท็อกใต้ตาฉีดได้จริงไหม ? ช่วยอะไรบ้าง ? และมีอันตรายหรือไม่ ?

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโบท็อกใต้ตา เปรียบเทียบกับวิธีดูแลใต้ตาอื่น ๆ เช่น HIFU ใต้ตา และฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

สารบัญ โบท็อกใต้ตา

  • โบท็อกใต้ตา คืออะไร ?
  • โบท็อกใต้ตา ฉีดได้ไหม ? อันตรายไหม ?
  • โบท็อกใต้ตา เหมาะกับใคร ?
  • โบท็อกใต้ตา ต่างจาก การดูแลใต้ตาวิธีอื่นอย่างไร ?
  • 1. โบท็อกใต้ตา vs ครีมบำรุงใต้ตา
  • 2. โบท็อกใต้ตา vs ฟิลเลอร์ใต้ตา
  • 3. โบท็อกใต้ตา vs HIFU ใต้ตา
  • ฉีดโบท็อกใต้ตา กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ?

โบท็อกใต้ตา คืออะไร ?

โบท็อกใต้ตา คือ การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซินเอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ ส่งผลให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อจางลง ผิวจึงดูเรียบเนียนและเต่งตึงมากขึ้น

นอกจากนี้ การฉีดโบท็อกใต้ตา ยังช่วยในเรื่องป้องกันการเกิดรอยพับและริ้วรอยใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดูอ่อนเยาว์และสดใสกว่าเดิม

รีวิวผลลัพธ์ก่อน-หลังฉีดโบท็อกใต้ตา


โบท็อกใต้ตา ฉีดได้ไหม ? อันตรายไหม ?

โบท็อกใต้ตา สามารถฉีดได้และปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ประสบการณ์สูง ใช้โบท็อกแท้ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นพื้นที่ที่บอบบางและซับซ้อน การฉีดในบริเวณนี้จึงต้องอาศัยความแม่นยำและความเข้าใจในโครงสร้างของผิวอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแพทย์จะทำการเลือกยี่ห้อและคำนวณยูนิตที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อประเมินสาเหตุของปัญหาใต้ตาให้ถูกต้องและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ตาแข็ง หรือปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อรอบดวงตา


โบท็อกใต้ตา เหมาะกับใคร ?

การฉีดโบท็อกใต้ตา เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ รอยย่นใต้ตาเล็ก ๆ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยหางตา หรือรอยตีนกา ซึ่งโบท็อกจะช่วยทำให้รอยเหล่านี้ดูจางลงได้

แต่จะไม่เหมาะ สำหรับคนที่จะฉีดโบท็อกใต้ตาเพื่อลดถุงใต้ตา เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด ฉีดแล้วอาจทำให้ตาแข็ง ส่งผลกระทบกับกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ดวงตา หรือเปลือกตาได้


โบท็อกใต้ตา ต่างจาก การดูแลใต้ตาวิธีอื่นอย่างไร ?

1. โบท็อกใต้ตา vs ครีมบำรุงใต้ตา

เมื่อเทียบโบท็อกใต้ตากับครีมบำรุงใต้ตา โบท็อกให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่ามาก โดยสามารถเริ่มเห็นผลได้ภายใน 3-7 วัน ในขณะที่ครีมบำรุงอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน นอกจากนี้ โบท็อกยังทำงานโดยตรงกับกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ต่างจากครีมที่ทำงานเพียงบนผิวหนังชั้นนอก

2. โบท็อกใต้ตา vs ฟิลเลอร์ใต้ตา

โบท็อกใต้ตา และ ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีการรักษาที่ใช้กันบ่อยสำหรับปัญหาใต้ตา แต่มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ฟิลเลอร์ใช้เติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยคล้ำ รวมถึงแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและผิวหย่อนคล้อย ในขณะที่โบท็อกทำงานโดยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ผิวตึงขึ้นและริ้วรอยเล็กๆ เช่น รอยย่นใต้ตาและรอยตีนกาจางลง

ทั้งสองวิธีสามารถใช้ร่วมกันได้ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมตามลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

3. โบท็อกใต้ตา vs HIFU ใต้ตา

การฉีดโบท็อกใต้ตาและการทำ HIFU ใต้ตาเป็นวิธีที่ช่วยยกกระชับผิวใต้ตาได้ทั้งคู่ แต่ละวิธีมีจุดเด่นต่างกัน HIFU โดดเด่นในด้านการยกกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น สำหรับคนที่รู้สึกว่าโบท็อกทำให้ผิวตึงเกินไป HIFU เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ต้องกังวลเรื่องความตึงมากเกินไป

แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะของแต่ละคน สภาพผิว และความต้องการส่วนบุคคล บางครั้งการผสมผสานหลายวิธีเข้าด้วยกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ดังนั้น การปรึกษาแพทย์มากประสบการณ์ก่อนทำจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีดูแลใต้ตาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกับแต่ละบุคคล


ฉีดโบท็อกใต้ตา กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ?


หลังฉีดโบท็อกใต้ตาเพื่อลดริ้วรอยและรอยย่นเล็ก ๆ จะเริ่มเห็นผลใน 3-7 วันแรก โดยจะรู้สึกตึง ๆ และผลลัพธ์จะเต็มที่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ หรือประมาณ 14 วัน จากนั้นผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้


การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกใต้ตา

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกริ้วรอยใต้ตาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
  • เลือกฉีดโบลดริ้วรอยกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ ตรวจสอบว่าเป็นแพทย์จริง ๆ
  • ใช้โบท็อกแท้เท่านั้น ศึกษาวิธีสังเกตโบท็อกแท้ยี่ห้อต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตรวจสอบเองได้ในเบื้องต้น
  • ควรให้หมอแกะกล่องเปิดขวด ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า หลังฉีดควรขอกล่องและขวดกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าฉีดโบท็อกของแท้
  • โบท็อกแท้ทุกยี่ห้อ จะมาในรูปแบบสุญญากาศแห้ง ๆ ไม่มีน้ำ ต้องใส่น้ำเกลือลงไปละลายเพื่อดูดออกมาฉีด
  • ไม่ควรใช้จำนวนยูนิตในแต่ละครั้งเกิน 300 ยูนิต
  • งดยาในกลุ่มลดอาการแข็งตัวของเลือด และงดสครับหน้า 2-3 วัน ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการเขียว ช้ำ หลังฉีด
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่ทานประจำทุกครั้งก่อนฉีด

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกใต้ตา

  • หลังฉีดโบท็อกทันที ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตา ทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดซึมเข้าไปให้มากที่สุด
  • รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุ Zinc 50 mg ก่อนและหลังการฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น (ควรรับประทานภายใต้การดูแลของแพทย์)
  • ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่เกินไป หรือฉีดมากเกินไป (ระยะเวลาที่เหมาะสมคือ 3 เดือน)
  • หลังฉีดโบท็อก ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง งดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่หน้าเยอะ โบท็อกก็จะปลิวไปเยอะขึ้น ดูดซึมได้น้อยลง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชม.
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ อาหารที่เผ็ดมาก ๆ แสบร้อนจนหน้าแดง อาหารหมักดอง อย่างน้อย 48 ชม.
  • งดการเข้าซาวน่า และเลเซอร์ร้อน

สรุป โบท็อกใต้ตา ทางเลือกใหม่บอกลาริ้วรอยใต้ตา

การฉีดโบท็อกใต้ตา ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาและตีนกา สามารถช่วยแก้ปัญหาและรักษาความอ่อนเยาว์ของใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในจุดเล็ก ๆ อย่างใต้ตา ซึ่งมักเป็นที่สังเกตเห็นได้ชัด หากมีปัญหาถุงใต้ตาหรือใต้ตาหย่อนคล้อย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกแก้ปัญหาใต้ตาด้วยวิธีการใด อย่าลืมว่าผิวหนังบริเวณใต้ตาและรอบดวงตามีความบอบบาง จึงควรเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ใบหน้าและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องเล่าเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา