Hifu ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนทำ มีอะไรบ้าง ? เทียบกับข้อดีแล้วยังน่าทำไหม ?

การทำ Hifu (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นทางเลือกยอดนิยมในการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำ Hifu ก็ควรทราบถึงข้อเสียที่อาจพบได้ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจข้อเสียของ Hifu และประเมินว่า Hifu นั้นคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่คาดหวังหรือไม่ ?

Hifu ข้อเสีย: ความจริงที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

Hifu เป็นเทคนิคที่ใช้ในการยกกระชับผิวหน้าและลำตัว โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (High-Intensity Focused Ultrasound) แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นการยกกระชับผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็มีข้อเสียที่ควรรู้ไว้

ข้อเสียของ Hifu: ทำความเข้าใจก่อนทำ

โดยทั่วไปแล้ว HIFU ถือว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงบางประการที่ควรพิจารณาก่อนทำ ได้แก่ 

• อาการระคายเคืองผิว: หลังทำ Hifu อาจมีอาการระคายเคืองผิว เช่น แดง บวม หรือรู้สึกตึง ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1-2 อาทิตย์ 
• อาการหน้าชา: อาการหน้าชาหลังทำ Hifu เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก มักเกิดจากความผิดพลาดของแพทย์ผู้ทำหัตถการหรือการใช้เครื่อง Hifu ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
• ปัญหาผิวรุนแรง: ผู้ที่มีปัญหาผิวรุนแรง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน หรือแผลเปิด ไม่ควรทำ HIFU เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลง
• ผลลัพธ์ไม่ชัดเจน: ผลลัพธ์ของการทำ Hifu อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาจเห็นผลทันทีหลังทำเพียงประมาณ 20% แต่จะค่อย ๆ เห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ Hifu 

HIFU เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัส ยิงพลังงานลงไปใต้ผิวหนังชั้นลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ลึกกว่าชั้นไขมัน ทำให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวยกกระชับ เรียบเนียน และลดริ้วรอย

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ Hifu ได้แก่

• ผู้ที่มีอาการผิวอักเสบ มีแผลถลอก ฝังโลหะในบริเวณที่ต้องการทำ รวมถึงการทำในบริเวณที่มีแผลผ่าตัดซึ่งยังไม่หายสนิทหรือยังไม่เกิน 6 เดือน
• สตรีมีครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลทางอ้อมต่อทารกในครรภ์ได้
• ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคเลือด โรคมะเร็ง

นอกจากนี้ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี โดยทั่วไปยังไม่เหมาะกับการทำ Hifu เนื่องจากผิวยังไม่หย่อนคล้อยมากนัก ทำแล้วอาจยังไม่เห็นผลอย่างชัดเจน และหากท่านมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Hifu เพื่อความปลอดภัย

ข้อดีของ Hifu

แม้ว่า Hifu จะมีข้อเสียบางประการ แต่ข้อดีของการใช้เทคนิคนี้ก็มีมาก ได้แก่

✔ ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา และองค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย

✔ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัด

✔ ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว ลดไขมันแก้ม ลดเหนียงได้

✔ ไม่เจ็บตัว ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

✔ เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ 20 % 

✔ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน

✔ สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น ฉีดฟิลเลอร์, โบท็อก, เมโสแฟต, เมโสหน้าใส 

✔ มีหัวยิงหลายระดับความลึกให้เลือกใช้ ในการช่วยแก้ปัญหาผิวได้ในทุกชั้นผิว 

✔ ราคาย่อมเยา มีความคุ้มค่า

✔ ยิ่งทำบ่อย ยิ่งดี ช่วยให้ผิวยกกระชับเห็นผลต่อเนื่อง

Hifu ยังคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ?

หากต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัด และมีเงินลงทุนเพียงพอ Hifu ก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า เนื่องจากได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเห็นผลได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและเลือกสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

หากใครที่กำลังพิจารณาการทำ Hifu ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ โดยอาจสอบถามจากเพื่อน ๆ หรือคนที่มีประสบการณ์การทำ Hifu หรืออ่านรีวิวจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบราคาและผลลัพธ์ที่ได้

การเตรียมตัวก่อนการทำ Hifu

การเตรียมตัวก่อนการทำ Hifu เหล่านี้สามารถทำได้ไม่ยาก และจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการทำ Hifu ได้ โดยมีข้อแนะนำดังนี้

1. ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจสภาพผิว เพื่อประเมินว่าผู้เข้ารับบริการเหมาะสมกับการทำ Hifu หรือไม่ และควรใช้พลังงานในระดับใด กี่ช็อต กี่ไลน์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2. งดการทาครีมหรือเครื่องสำอางบริเวณที่จะทำ Hifu เพื่อป้องกันไม่ให้ครีมหรือเครื่องสำอางอุดตันรูขุมขน และอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
3. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ Hifu เนื่องจากแอลกอฮอล์และบุหรี่อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี และอาจทำให้ผลลัพธ์หลังทำ Hifu ไม่ชัดเจน

ตัดสินใจอย่างมีสติ: ความสำคัญของการเลือกสถานที่ทำ Hifu

ความสำคัญของการเลือกสถานที่ทำ Hifu นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ เนื่องจาก Hifu เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่และต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ดังนั้นจึงควรเลือกสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

1. ความน่าเชื่อถือ ควรเลือกสถานเสริมความงามที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) 
2. ประสบการณ์ ควรเลือกสถานเสริมความงามที่ใช้แพทย์มีประสบการณ์ในการทำ Hifu มานาน มีผลงานและรีวิวที่ดี
3. เทคโนโลยี Hifu ควรเลือกสถานเสริมความงามที่ใช้เครื่อง Hifu ของแท้ที่ได้มาตรฐานและทันสมัย มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 
4. ราคา ควรเปรียบเทียบราคาจากสถานเสริมความงามหลาย ๆ แห่ง เพื่อเลือกราคาที่เหมาะสม และไม่ควรเลือก Hifu ราคาถูกมาก หรือ Hifu ไม่จำกัดช็อต เพราะไม่มีอยู่จริง ทำแล้วไม่เห็นผล

นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกสถานที่ทำ Hifu ดังนี้

• ควรนัดปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจสภาพผิว เพื่อประเมินว่าผู้เข้ารับบริการเหมาะสมกับการทำ HIFU หรือไม่ และควรใช้พลังงานในระดับใด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• ควรสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการทำ Hifu เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ ราคาเริ่มต้น 3,xxx.-/100 line โดยอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ทำ ยี่ห้อเครื่อง Hifu และจำนวนไลน์ที่ใช้ 
• ควรสอบถามเกี่ยวกับผลลัพธ์ ผลลัพธ์ของการทำ Hifu อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยอาจเห็นผลทันทีหลังทำเพียง 20% แต่จะค่อย ๆ เห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน
• ควรสอบถามเกี่ยวกับการดูแลหลังทำ การดูแลตัวเองหลังทำ Hifu จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น

หากใครกำลังพิจารณาทำ Hifu ควรศึกษาข้อมูลและเลือกสถานที่ทำ Hifu อย่างรอบคอบตามข้อมูลข้างต้น เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีจากการทำ Hifu

แนวทางการดูแลตัวเองหลังการทำ Hifu

หลังจากการทำ Hifu การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์จากการทำอยู่ได้นานขึ้น ควรทาครีมบำรุงผิว หรือครีมกันแดดที่มี SPF 50+++ เพื่อป้องกันแสงแดด หลีกเลี่ยงการออกแดด 1-2 สัปดาห์ งดการนวดหรือถูหน้าแรง ๆ งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮออล์ ดื่มน้ำมาก ๆ และสามารถทานยาแก้ปวด หากมีอาการเมื่อยหรือตึงผิวมาก 

นอกจากนี้ หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น บวม แดง แสบร้อน นานกว่า 1-2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Hifu

• Hifu ปลอดภัยหรือไม่ ? - Hifu ถือเป็นวิธีการที่ปลอดภัยหากทำโดยแพทย์มากประสบการณ์ และ ใช้เครื่อง Hifu ของแท้จากผู้นำเข้าโดยตรง
• การทำ Hifu ต้องทำกี่ครั้ง ? - ทำอย่างน้อย 2 ครั้ง/ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล
• ผลลัพธ์ของ Hifu อยู่ได้นานเท่าไร ? - โดยปกติผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน

การทำ Hifu เหมาะสมกับใคร ?

การทำ Hifu เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีสุขภาพแข็งแรงดี และมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีร่องแก้ม ร่องใต้ตา มีเหนียง นอกจากนี้ การทำ Hifu ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ ได้อีกด้วย

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการทำ Hifu

ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ, สภาพผิว, บริเวณที่ทำ, จำนวนไลน์, พลังงานที่ใช้, ประสบการณ์ของแพทย์, ระดับความเสียหายของผิว และการดูแลตัวเองหลังทำ Hifu มีผลต่อผลลัพธ์หลังทำ Hifu 

การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้มีการวางแผนการทำและการดูแลตัวเองหลังทำได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยยิ่งขึ้น ตามความคาดหวัง 

ข้อพิจารณาสำคัญก่อนการทำ Hifu

ก่อนการตัดสินใจทำ Hifu เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวปัจจุบัน, ความคาดหวังของผลลัพธ์, ความสามารถและประสบการณ์ของแพทย์และคลินิก การทำความเข้าใจอย่างละเอียดและการปรึกษากับแพทย์มืออาชีพจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการทำ Hifu และรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น

สรุป

เทคโนโลยี Hifu ข้อเสียอาจมีบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับข้อดี Hifu ถือว่ายังคงเป็นวิธีที่น่าสนใจในการยกกระชับผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด แม้จะมีข้อเสียบางประการ แต่ก็สามารถลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้ ด้วยการเตรียมตัวที่ดี โดยศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนทำและดูแลหลังทำ Hifu อย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลใจกับข้อเสียของ Hifu แล้วค่ะ