สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting คืออะไร? หุ่นเพรียวสวยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด?
เขียนโดย GUEST1676279945
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 10.31 น.
แก้ไขเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 11.08 น. โดย เจ้าของเรื่องเล่า
1) สลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting คืออะไร ? หุ่นเพรียวสวยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
CoolSculpting สลายไขมันด้วยความเย็น
CoolSculpting เป็นนวัตกรรมการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ในจุดที่ลดยาก ลดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลง ทั้งออกกำลังกาย หรือพยายามควบคุมอาหารมาสักหนึ่งแล้ว สัดส่วนก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง วงการแพทย์จึงได้คิดค้นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting เพื่อกำจัดเซลล์ไขมันในบริเวณที่ต้องการรักษา เมื่อเซลล์ไขมันถูกแช่แข็ง ร่างกายคนเราก็จะขับออกไปตามธรรมชาติ ช่วยให้รูปร่างดูสมส่วน เพรียวกระชับมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดดูดไขมันค่ะ
เครื่องทำ CoolSculpting ของแท้
การทำ CoolSculpting คืออะไร ? ช่วยสลายไขมันได้จริงหรือ
CoolSculpting คือ เครื่องมือที่ช่วยสลายไขมัน โดยใช้ความเย็นช่วย เป็นการแช่แข็งเฉพาะส่วนที่เป็นเซลล์ในชั้นไขมัน เนื่องจากเซลล์ไขมันจะมีความพิเศษอยู่ตรงที่ไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น ๆ ค่ะ
เซลล์ไขมันยังมีปริมาณเท่าเดิม หากใช้วิธีลดน้ำหนักแบบทั่วไป เพราะทำให้เซลล์ไขมันฟีบลงเท่านั้น
เรามาลองจินตนาการกันดูว่า เมื่อนำอาหารชนิดที่มีไขมันไปแช่ตู้เย็น ผลที่เกิดขึ้นคือส่วนที่เป็นไขมันจะแข็งตัว และเกิดการแยกชั้นออกจากส่วนอื่นไวมาก ซึ่งลักษณะการทำงานของเครื่อง Coolsculpting ก็จะเป็นลักษณะที่คล้ายคลึกกัน คือ จะแช่แข็งเซลล์ที่อยู่ในชั้นไขมันเท่านั้น
ตรงหัวดูดของเครื่อง Coolsculpting จะทำหน้าที่ในการดูดผิวของคนไข้เข้าไป จะดึงชั้นไขมันเข้ามาไว้ในส่วนหัวของเครื่อง (เปรียบเทียบได้กับเวลาที่เราหยิกไขมันตรงพุงขึ้นมาทีละ 1 หยิบมือ)
เซลล์ไขมันถูกแข่แข็งได้ในการทำ CoolSculpting เพราะเป็นเซลล์ที่มีคุณสมบัติที่ไวต่อควาเย็นมากกว่าเชลล์ชนิดอื่น ๆ
หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการสลายไขมันโดยใช้ความเย็น คือ ภายในหัวดูดของเครื่อง Coolsculpting จะทำการปล่อยความเย็นที่อุณหภูมิติดลบ คือ -11°C เพื่อทำการแช่แข็งก้อนไขมัน ที่ถูกดูดขึ้นมาในแต่ละจุดที่ต้องการสลายไขมัน เป็นเวลานานประมาณ 35 นาที
รีวิว CoolSculpting สลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น
รีวิว ลดหน้าท้อง ลดพุงด้วย CoolSculpting
รีวิว ทำ CoolSculpting เพื่อลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง
รีวิว Coolsculpting ลดไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณรอบ ๆ เอว
รีวิว ทำ CoolSculpting เพื่อลดไขมันสะสมบริเวณต้นแขนให้เพรียวสวย
ขั้นตอนการสลายไขมันด้วยเครื่อง CoolSculpting
1. เข้าพบแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษาและประเมินรูปร่าง
ขั้นตอนการทำ CoolSculpting เริ่มต้นด้วยการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพูดคุย แจ้งความต้องการและความกังวลเกี่ยวกับส่วนเกินบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ในช่วงเวลานี้คุณหมอจะซักถามประวัติทางการแพทย์ ประเมินพื้นที่บริเวณที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด
2. เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มทำ CoolSculpting
การทำ CoolSculpting ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ช่วยให้เข้าถึงบริเวณที่จะทำการรักษาได้ง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงการสวมใส่เครื่องประดับตกแต่งร่างกายที่อาจไปรบกวนกระบวนการระบายความร้อนของอุปกรณ์
3. ใช้เครื่อง CoolSculpting สลายไขมัน
- ขั้นตอนการดูดและดึงชั้นไขมัน
แพทย์จะเลือกหัว CoolSculpting ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะทำ เช่น ต้นแขน ต้นขา สะโพก หน้าท้อง หรือสลายไขมันส่วนเกินบริเวณห่วงยางรอบเอว หลังจากนั้นจะดูดผิว และดึงชั้นไขมันในจุดที่ทำมาไว้ในหัวของเครื่อง CoolSculpting
- ปล่อยความเย็น
ภายในหัวดูดของเครื่องมือสลายไขมันด้วยความเย็นจะทำการปล่อยความเย็น ที่อุณหภูมิ -11°C เพื่อทำการแช่แข็งก้อนไขมัน ตรงที่ถูกดูดขึ้นมาในแต่ละจุดที่ต้องการกำจัดไขมัน เป็นเวลานานประมาณ 35 นาที โดยขั้นตอนนี้ก็คือ กระบวนการสลายไขมันโดยใช้ความเย็น เครื่องจะมีระบบตรวจจับความเย็น หรือ Freeze Detect ในกรณีที่ความเย็นมากเกินไป เครื่องจะหยุดทำงานทันที จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
- ขั้นตอนการนวด
หลังจากแช่แข็งเซลล์ไขมันจนครบระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว ขั้นต่อไปคือการนวด เป็นการนวดเพื่อกำจัดเซลล์ไขมันให้ตายลงไป เซลล์ไขมันจะลดน้อยลงได้อย่างถาวร เพราะร่างกายจะทำการกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจากการทำ CoolSculpting ให้ออกไปจากร่างกายได้เองตามธรรมชาติ ในการสลายไขมันด้วยความเย็นแต่ละครั้งจะช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้ประมาณ 25%
รูปภาพแสดงให้เห็นถึง การกำจัดเซลล์ไขมันด้วยการใช้ความเย็น และหลังจากสลายเซลล์ไขมันให้ตายลงแล้ว เซลล์ที่เหลือจะมีการจัดเรียงตัวใหม่
ลดไขมันเฉพาะจุดด้วยการทำ CoolSculpting อันตรายไหม ?
การทำ CoolSculpting อันตรายไหม คือคำถามที่คนจำนวนไม่น้อยอาจกำลังสงสัยอยู่ คำตอบก็คือ เครื่อง CoolSculpting นั้นมีระบบ Freeze detect ตรวจจับความเย็น ช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดผิวไหม้จากความเย็น คลายความกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อผิวชั้นนอก
กระบวนการทำงานคือ เมื่อเครื่องตรวจจับความเย็นที่อยู่บริเวณผิวชั้นบน หากพบว่าเย็นมากเกินไปตัวเครื่องจะหยุดทำงานทันทีค่ะ เราจึงมั่นใจได้ว่าวิธีสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นนี้จะสามารถลดสัดส่วนได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย
ข้อสำคัญที่เพื่อน ๆ ทุกคนห้ามพลาดก็คือ ต้องทำ CoolSculpting ในราคาที่ถูกกว่ามาตรฐานจนเกินไป เนื่องจากเสี่ยงที่ต้องเอาร่างกายเราไปใช้กับเครื่องเกรดต่ำ หากไปเจอเข้ากับเครื่องเลียนแบบ ทำแล้วเกิดอันตรายได้จากผิวไหม้เพราะความเย็น
หลังจากทำ CoolSculpting รอกี่วันถึงจะเห็นผล ?
หลังจากสลายไขมันด้วยความเย็นด้วยเครื่อง CoolSculpting ไปแล้ว ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังทำจะมีอาการบวมเกิดขึ้นได้ในจุดที่เซลล์ไขมันได้ตายไป แต่ยังคงตกค้างอยู่ในร่างกายเรา อันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะต้องค่อย ๆ ลำเลียงเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว และจัดการขับออกไปตามระบบเลือดกับระบบน้ำเหลือง
- ในช่วง 7-10 วัน หลังทำ CoolSculpting คือช่วงเวลาสำหรับการพักฟื้นจากอาการระบม และอาการปวดที่อาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณที่ทำ
- จากนั้น เราจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ว่า สัดส่วนตรงบริเวณที่สลายไขมันด้วยความเย็นนั้นเล็กลงกว่าเดิม ในช่วง 3-4 อาทิตย์
- สำหรับผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นได้แบบเต็มที่ จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนค่ะ
สรุป
ใครที่กำลังหนักใจกับปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง เอว และสะโพก สามารถเลือกทำ CoolSculpting เป็นตัวช่วยในการลดกระชับสัดส่วนเฉพาะจุด แม้ในจุดที่ลดยาก เพื่อให้หุ่นกลับมาดูสมส่วนได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องเจ็บตัวเยอะ ไม่ต้องผ่าตัดดูดไขมัน ไม่เสียเวลาพักฟื้นหลังทำ หลังทำ CoolSculpting แล้วเพื่อน ๆ ควรดูแลตัวเองให้มากขึ้น เช่น ดูแลเรื่องโภชนาการ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาผลลัพธ์หลังทำ ให้คงอยู่ได้นาน ๆ นะคะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องเล่า
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ