อาจารย์สุดที่รัก
เขียนโดย เฉินน้อย
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 01.07 น.
แก้ไขเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 03.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) เลือดหยดนั้น เป็นของข้าไม่ใช่เจ้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวิหารเทพสูงสุด
เทพแห่งโชคชะตาเดินเข้าไปอย่างเคร่งเครียดเพื่อเข้าพบกับเทพสูงสุดด้วยเรื่องบางอย่าง
”ไม่ได้พบกับเจ้ามาเสียนานเท่าไหร่แล้วนะ“
”หลายร้อยปีเห็นจะได้พะยะค่ะ“
”เจ้ามีสิ่งใดก็ว่ามาเถอะ“
”ท่านผู้นั้น เทพ…“
”เฉินยวิ้น?“
“พะยะค่ะ… เหตุใดท่านผู้นั้นถึงคลายผนึกเทียนหลัวของท่านได้“
”เฉินยวิ้นไม่ได้เป็นคนคลายผนึก“
”แล้วใครกันหรือพะยะค่ะ“
“เทพธิดาผู้นั้น…“
หลังจากเทพแห่งโชคชะตาได้ยินสิ่งที่เทพสูงสุดบอก ก็ตกตะลึงพร้อมกับความสงสัยไปชั่วขณะ แล้วหลังจากสิ้นประโยคนั้นเทพสูงสุดก็ไม่บอกอะไรเขาอีกเลย
เส้นทางหลวงที่จะทอดไปถึงประตูดินแดนหยิน เหวินเจี๋ยควบม้าอย่างรวดเร็วและนีบร้อนเพื่อที่จะไปหยุดยั้งคนที่คิาดว่าน่าจะเป็นไส้ศึก แต่เมื่อถึงก็ไม่ทันเสียแล้ว เหวินเจี๋ยอยู่หน้าหระตูเขตแดนบานยักษ์ที่ปิดอยู่
“โถ่เว้ย! คลาดไปนิดเดียว ข้าจะทําไงดี”
เหวินเจี๋ยฟิดฟัดหงุดหงิดอยู่ผู้เดียว อยู่หน้าประตูเขตแดน ด้วยความที่อยากจะเข้าไปในเขตหยินอย่างมาก เขาได้เหลียบไปเห็นทหารผูันึงกําลังจะเดินกลับเข้าดินแดนหยิน เหวินเจี๋ยไม่รอช้ารีบเข้าจู่โจมทหารยามคนนั้นอย่างเงียบๆ เหวินเจี๋ยปลอมตัวเป็นทหารนายนั้นทันทีแล้วเดินเข้าไป
“เห้ย เดี๋ยวก่อนเจ้าหนะ หน้าไม่คุ้นเลยพึ่งถูกส่งตัวมาหรือไง”
“ขอรับ… ว่าแต่ขบวนราชวงศ์จากดินแดนหยางมาทําอะไรที่นี้หรือ“
”ข้าจะไปรู้ได้ไงเล่า “
”พวกเขาเดินทางไปที่ไหนหรือขอรับ“
”ก็ต้องเมืองหลวงสิวะ ถามมากจริงๆไปทํางาน!“
”ขอรับ…“
เหวินเจี๋ยได้รับรู้ว่าราชวงศ์กําลังเดินทางไปที่ใดแล้ว สายตาของเขาก็มุ่งมั่นที่จะไปที่นั่นในทันที
ตลาดหมู่บ้านเซียมซี ทั้งสองเฉินยวิ้นและหลินหลิน ก็ต่างขายเกี๊ยวน้ำกันปกติต่อไป
“นี่เจ้า ขายมานานมากแล้วข้าหิวอีกแล้ว”
“เจ้าพึ่งกินไปเองนะ ไม่เห็นรึไงลูกค้าเยอะขนาดนี้ ทํางานต่อเร็วเข้า”
ระหว่างที่ทั้งสองทํางานกันอย่างงุ้นง้าน เถ้าแก่ร้านบะหมี่ก็มาหาทั้งสอง
“ท่านผู้มีพระคุณทั้งสอง ข้าต้องขอขอบพระคุณท่านทั้งสองจริงๆที่ช่วยลูกชายของข้าเอาไว้“
”อย่ามากพิธีเลยค่ะ ข้าต้องช่วยอยู่แล้ว“ หลินหลินยิ้มตอบอย่างสดใส
”หากวันนี้ท่านขายของจนเหนื่อย ก็มาที่ร้านของข้า ข้าจะเลี้ยงบะหมี่ให้พวกท่านกินจนจุกเลยฮ่าฮ่า“
”จริงหรอ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้…..โอ้ย“
เฉินยวิ้นตาลุกวาวขณะที่ได้ยินว่าจะได้กินบะหมี่โดยไม่เสียเงิน เค้ารีบทําท่าทีที่จะไปกินโดยทันทีแต่ก็ถูกหลินหลินยิกเข้าให้ที่เอวของเขา
”อะไรของเจ้าเนี้ย“
”ออกอาการมากเกินไปแล้วเจ้าหนะ“ หลินหลินกัดฟันกระซิบ
”ฮ่าฮ่า ตอบรับน้ำใจของเถ้าแก่ข้าจะไปทานแน่นอน“
พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ทั้งสองขายเกี๊ยวน้ำจนหมดกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ขณะที่กําลังเก็บร้านกันอยู่ เสี่ยวรุ่ยก็มาถึงหมู่บ้านเซียมซีและพบทั้งสองแล้ว
“แม่นางหลินขอรับ..”
เสียงเรียบๆที่หนักแน่นของเสี่ยวรุ่ยได้กล่าวเรียกหลินหลิน หลินหลินที่หันมาตามเสียงเรียกก็ตกใจเอาอย่างมากที่พบกับเสี่ยวรุ่นที่นี้
“คนสนิทของเหวินเจี๋ยง้้นหรอ ทําไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้”
“เรื่องนี้คงต้องเล่าให้ฟังระหว่างทางขอรับ ตอนนี้ท่านต้องรีบกลับไปเขตหยางกับข้าขอรับ”
“จู่ๆก็โผล่หัวมาจากไหนไม่รู้และก็จะมาพาคนเขากลับไป เจ้ายังคงมีสติดีอยู่ใช่หรือไม่”
เฉินยวิ้นพูดสวนออกมาจากไม่พอใจ
“เจ้าอย่าพึ่งแทรกสิ… สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นหรอ” เฉินยวิ้นหน้าเสียในทันทีที่ถูกหลินหลินดุใส่
“ผู้อยู่เบื้องหลังที่ลอบโจมตีครอบครัวของท่านเหมือนจะเดินทางมาดินแดนแห่งนี้แล้วขอรับ นายท่านสั่งให้ข้ามารับท่าน”
หลินหลินตกใจไปชั่วขณะ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นก็ผุดและฉายขึ้นมาในหัวของเธออีกคร้้ง เสียงกรีดร้องของพี่สาวและเสียงใกล้สิ้นใจของท่านพ่อ
“แต่ว่าในตอนนี้ข้า…”
ไม่ทันไรเสี่ยวรุ่ยก็รีบขว้ามือของหลินหลินมาอย่างรวดเร็วและจะรีบออกเดินทาง ทางด้านเฉินยวิ้นก็ฉุนเฉียวในทันทีรีบใช้พลังดึงตัวหลินหลินกลับมา
“เห้ยไอเด็กน้อย ไม่เห็นหัวข้าแล้วใช่หรือไม่”
“อย่ามาขวางทางไอหัวแปลกสี ถ้ายังรักชีวิตของเจ้าอยู่”
ทั้งคู่ประทะวาจากันอย่างดุเดือดต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ขวางทางกันและกัน เสี่ยวหยิบมีดคู่ คู่ใจของเขาออกมาทําท่าทีต่อสู้ เฉินยวิ้นยืนอย่างมั่นใจไม่มีท่าทีสั่นคลอน
”เห้อ..ข้าจะหลับตาพร้อมกับหลบการโจมตีเด็กๆของเจ้าให้ดูเป็นขวัญตาเอง“
”ชิ๊ โอหังนักใช่หรือไม่ เสี้ยวจันทราอาสัญ!! “
เสี่ยวรุ่ยไม่สบอารมณ์อย่างมากไม่รอช้ารีบจู่โจมเฉินยวิ้นด้วยอาคมของเขา เฉินยวิ้นหลับตาอย่างมั่นใจ
”อย่านะ!!!“
หลินหลินรีบเข้ามายืนด้านหน้าเฉินยวิ้น กางแขน เหมือนจะรับการโจมตีแทนเฉินยวิ้น
”ไม่ได้การ องค์หญิง!!!“
เสี่ยวรุ่ยที่เห็นก็ตกใจสุดขีด แต่พลังที่ปล่อยออกไปแล้วก็มาสามารถจะลบออกไปได้ เขาจึงตะโกนบอกหลินหลินอย่างสุดเสียง เฉินยวิ้นที่สงสัยกับเหตุการณ์ จึงลืมตาขึ้นมาจนพบว่าหลินหลิน ได้มายืนขวางเอาไว้ พลังของเสี่ยวรุ่ยใกล้จะมาถึงแล้ว พริบตาเดียวเฉินยวิ้นดึงหลินหลินเข้ามาหลบในอ้อมกอดของเขา แต่เขารับการโจมตีของเสี่ยวรุ่ยเข้าไปเต็มๆ
”เจ้าบ้องตื้น..เจ้าทําบ้าอะไร เจ้าบาดเจ็บมากหรือไม่“
”ข้าต่างหากที่เป็นคนถาม ว่าเจ้าทําบ้าอะไรของเจ้า…ข้าไม่เป็นอะไร”
หลินหลินเป็นห่วงเฉินยวิ้นอย่างมาก เฉินยวิ้นก็ยิ้มอ่อนๆพร้อมกับสีหน้าที่อ่อนโยนตอบอย่างสบายๆแต่เลือดของเขาไหลออกปากแล้ว เฉินยวิ้นดันหลินหลินให้ออกห่างจากตัวเอง พร้อมหันหน้ากลับมาเสี่ยวรุ่ย สีหน้าของเขาเปลี่ยนในทันที
“ต่อจากนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าดู ว่าคนที่คิดจะทําร้ายเจ้า มันจะพบจุดจบอย่างไร!”
เหมือนกับที่ผ่านมาแต่ครั้งนี้มันรุนแรงอย่างมาก พลังของเฉินยวิ้นที่ปล่อยออกมาทําเอาบ้านเรือนรอบๆเริ่มทรุดตัว ลมกรรโชกแรกชนิดที่ว่าบ้านเรือนและสิ่งของกําลังจะปลิวว่อนขึ้นไปบนฟ้า
“นี่มันพลังอะไรกัน มาจากหมอนี่งั้นหรอ” เสี่ยวรุ่ยตกตะลึงพร้อมเหงื่อตก
“เขตแดนจารึกเทพเพลิงราชัน!”
เฉินยวิ้นยกมือขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะปล่อยพลังอาคมของเขาออกมา พื้นที่รอบๆลุกเป็นไฟพร้อมเผาไหม้ท้้งหมู่บ้านให้ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน รุนแรงชนิดที่ว่ามีดที่เสี่ยวรุ่ยถืออยู่นั้นกําลังละลายหายไป
“นี่มันบ้าอะไร อาคมเขตแดนงั้นหรอ รุนแรงขนาดนี้เป็นจอมยุทธ์ระดับไหนกันแน่”
เสี่ยวรุ่ยตันทุกวิธีทางไร้ทางที่จะแก้และต่อกรกับพลังที่อยู่ตรงหน้า ได้แต่ยืนรับความร้อนที่กําลังแผดเผาเขาไปเรื่อยๆอย่างทรมาน
“เฉินยวิ้นเจ้าหยุดนะ ทําเกินไปแล้ว หยุดเดี๋ยวนี้” (เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้าบ้องตื้น) สิ้นเสียงหลินหลิน พลังของเฉินยวิ้นก็หายไปในทันที
(อีกแล้วสินะ) เฉินยวิ้นเหมือนจะเริ่มชินกับคําสั่งของหลินหลิน ที่สามารถสั่งการเขาได้อย่างกับเป็นเจ้าของตัวเขา
“ข้าขอไปคุยกับเขา ครู่เดียวเท่านั้น เจ้ารอข้าตรงนี้เข้าใจไหม”
“อื้ม เข้าใจแล้วหน่า” เฉินยวิ้นหันหน้าหลบ
หลินหลินเดินไปคุยกับเสี่ยวรุ่ยอย่างช้าๆ
“เจ้าบาดเจ็บมากหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไรขอรับ แต่ท่านต้องรีบกลับไปกับข้าจริงๆนะขอรับ”
“ข้าก็อยากกลับบ้านใจจะขาด แต่ว่าข้ายังมีเรื่องติดค้างที่นี้อยู่มากมายเลย”
“ท่านจะอยู่กับคนอันตรายแบบนั้นหรือขอรับ”
หลินหลินหันกลับมามองเฉินยวิ้นที่ยืนกอดอกหันหน้าหนีและเบะปากอยู่ พร้อมหันกลับมายิ้มอ่อนๆให้กับเสี่ยวรุ่ย
“ข้าก็พึ่งรู้ว่าเขาแข็งแกร่งพร้อมเจ้านี่แหละ แต่ว่านะ เฉินยวิ้นหนะเป็นคนดีมากๆเลย เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าฝากบอกกับองค์ชายเหวินเจี๋ยด้วยนะ”
และแล้วเสี่ยวรุ่ยก็ยอมแต่โดยดีและเดินทางกลับไป
“พักนี้ ดูเหมือนจะมีคนต้องการตัวเจ้าเยอะจริงๆ” เฉินยวิ้นประชดใส่
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
หลินหลินดูเหมือนจะถามอย่างจริงจัง เฉินยวิ้นหันมาสบตาพร้อมทําสีหน้าเศร้าๆขึ้นมา
(ข้าทํานางกลัวข้าอย่างงั้นหรอ…)
”เจ้ากลัวข้าอย่าง…“
”เรื่องนั้นชั่งมันเถอะแต่เจ้าแข็งแกร่งมากเลย สอนข้าทีสิ นะๆๆ“
เฉินยวิ้นกล่าวเบาๆไม่ทันจบ หลินหลินก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสอีกครั้งพร้อมขอให้เฉินยวิ้นสอนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เฉินยวิ้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที
ณ สถานที่แห่งนึงอันมืดมิด เหมือนกับอยู่ในถ้ำลึกสักแห่งไร้แสงส่องถึง มีผู้คนกลุ่มนึงสวมชุดคลุมปกปิดรูปลักษณ์และใบหน้า กําลังทําพิธีอะไรบางอย่าง
”พลังของเจ้านั่น ต้องใช่แน่ๆทรงพลังขนาดนี้เชียวหรือ ในเมื่อเจ้านั่นปรากฎตัวแล้วในที่สุดก็รู้วิธีที่จะนําพาท่านผู้นั้นกลับมาแล้ว….“
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ