แด่ชีวิตสุดชิลของต้นหลิวจอมเฉื่อย
บทนำ
บทนำ
"อย่าให้แม่ได้รับสายจากอาจารย์ตั้งแต่วันแรกนะต้นหลิว"
"ค้าบบบ"
"แล้วก็หาเพื่อนให้ได้สักคน"
"..."
"มีเพื่อนมันดีนะพี่หลิว ได้เล่นสนุกกันทุกวัน มะตูมมีเพื่อนเยอะแยะมากมาย"
"นั่นสิ มีเพื่อนแล้วเย็นนี้พาไปกินขนมที่ร้านนะ บ๊วยก็จะพาเพื่อนบ๊วยไปด้วยเหมือนกัน"
"พี่บ๊วยชอบพาเพื่อนมาตลอด ๆ มะตูมพาไปด้วยดีกว่า ได้ไหมคะแม่"
"หืม? ได้สิ พามานะต้นหลิวแม่จะเตรียมของอร่อย ๆ ไว้รอ"
"..."
เฮ้อ! ชีวิตต้นหลิวช่างวุ่นวาย อยากอยู่สงบ ๆ สบาย ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ไม่ได้หรือไง ทำไม่ต้องให้มีสังคม ทำไมต้องหาเพื่อน แค่อยากอยู่คนเดียวทำไมมันยากอย่างนี้
"ไปนะครับ"
"ขอให้สนุกกับการเรียนวันแรกนะลูก"
ร่างเจ้าเนื้อลงจากรถโดยไม่หันกลับไปมอง ส่วนแม่กับพวกน้อง ๆ ก็ขับรถออกไปโดยไม่เซ้าซี้
เดินเอื่อย ๆ ดูบรรยากาศโดยรอบเพื่อที่จะได้คุ้นชิน เอ่อ..สวัสดีโรงเรียนใหม่ในฐานะนักเรียนมอปลายหน้าตาย
ต้นหลิวได้ฉายาว่าเป็นจอมเฉื่อย ชอบทำอะไรช้า ๆ แถมหน้ายังตายเกือบเข้าขั้นไร้ความรู้สึก แต่จริง ๆ แล้วต้นหลิวแค่มีความสุขกับการใช้ชีวิตเอื่อยเฉื่อยไม่เร่งรีบ รักการกิน เล่นเกม ดูการ์ตูน ดูหนัง ดูซีรีส์ แล้วก็ฟังเพลง
เหมือนไม่ฉลาดแต่ผลการเรียนเป็นที่น่าตกใจ เก่งแบบไม่แสดงออก ชอบอยู่กลาง ๆ ไม่ชอบเด่นดัง เป็นที่สนใจของผู้คนยิ่งแล้วใหญ่เข้าขั้นกลัว และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเลยคือชอบอยู่คนเดียว
ส่วนเรื่องนิสัยใจคอ...เห็นเป็นคนเย็นชาแบบนี้แต่จริง ๆ แล้วใจดีมากนะ รักความสงบสุดใจ ถ้าขอให้ช่วยก็พร้อมช่วย ชอบแบ่งปัน คิดก่อนพูดและเลือกที่จะพูดตรง ๆ เสมอ เห็นอ่อนปวกเปียกแต่สู้คน ทำมาทำกลับไปโกง แม้จะสู้ไม่ได้ทางสรีระก็ตาม
โรงเรียนที่ต้นหลิวเข้าเรียนเป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ สอนตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมปลาย ซึ่งน้อง ๆ ของต้นหลิวเรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่งแต่ในอนาคตก็จะมาต่อที่นี่กันหมด เพราะโรงเรียนเดิมสอนตั้งแต่อนุบาลจนถึงแค่ชั้นมัธยมต้นเท่านั้น ต้นหลิวเองก็เรียนที่นั่นจนถึงมอสามเหมือนกันแล้วจึงค่อยมาต่อมอสี่ที่นี่
พ่อกับแม่บอกว่าที่นี่เขาดีนะ มีทั้งเน้นวิชาการ เน้นกีฬา เน้นกิจกรรม มีหมดตามแต่ที่นักเรียนจะเลือกสรร ฉะนั้นนอกจากเรียนให้ผ่านไปวัน ๆ แล้วต้นหลิวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อ เพราะหลากหลายจนเลือกไม่ถูก
แวะร้านค้าเพื่อซื้อน้ำกับขนม แต่คนเยอะจนถอดใจ ต้นหลิวหมุนตัวกลับหมายจะไปหาที่นั่งรอเข้าแถวแทน แต่แล้วก็...
ปึก!
"โอ๊ะ!"
ทำให้ปะทะเข้ากับหน้าอกของใครคนหนึ่งพอดิบพอดี อีกฝ่ายตัวสูงกว่ามาก ต้นหลิวสูงแค่อกเขาเท่านั้นเอง
"ขอโทษที" เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนเดินสวนเข้าไปด้านในโดยที่ต้นหลิวยังไม่ทันเห็นหน้าด้วยซ้ำ
"นี่ นายชื่ออะไรเหรอ"
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังสะกิดไหล่ขณะที่กำลังนั่งฟังผู้อำนวยการกล่าวอยู่บนเวที จะทำเป็นไม่รับรู้ก็ไม่ได้ จึงหันไปบอกให้มันจบ ๆ
"ต้นหลิว"
"เราชื่อสุรนะ" (สุ-ระ)
"อ่า... อือ"
"เป็นเพื่อนกันไหม"
"มะ.."
ถ้าปฏิเสธอีกคนจะเสียใจหรือเปล่า อุตส่าห์ชวนเป็นเพื่อนกันแท้ ๆ พอเป็นแบบนี้ต้นหลิวเลยกลืนคำปฏิเสธลงคอ
"ได้สิ"
เป็นก็เป็น
มีเพื่อนไว้สักคนคงไม่เป็นไร
"เยี่ยมเลย งั้นตอนขึ้นไปบนห้องเรานั่งด้วยกันเนาะ"
"อือ"
ใช้เวลาอยู่หน้าเสาธงนานพอสมควร ดีแค่ไหนที่มีโดมบังแดดไม่อย่างนั้นนักเรียนแต่ละคนคงมีเหงื่อไหลเต็มแผ่นหลัง
ชั้นมอสี่ทุกปีก็จะมีทั้งเด็กใหม่แล้วก็เด็กเก่า พวกเด็กเก่าก็จะสบายหน่อยเพราะคุ้นเคยกับสถานที่ ขณะที่เด็กใหม่ก็จะตื่นตาตื่นใจ ไม่รู้ทางบ้าง หลงบ้างก็สนุกดี
"นั่งตรงไหนดี" สุรถามพลางมองเพื่อนร่วมห้องหลายคนเข้าไปจับจ้องโต๊ะเรียนกันเรียบร้อยแล้ว
ต้นหลิวไม่ได้ตอบแต่เดินตรงไปยังด้านหลังสุด โต๊ะริมหน้าต่าง สุรไม่ค่อยเข้าใจนิสัยของเพื่อนใหม่เท่าไรนัก แต่ก็ตามไปนั่งข้างกัน
วันทั้งวันนอกจากแนะนำตัวทำความรู้จักเพื่อนร่วมห้องกับอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก บางวิชาสอนนิดหน่อยแล้วก็ปล่อยพัก
จวบจนได้เวลากลับบ้าน ต้นหลิวมองเพื่อนใหม่กำลังเก็บของใส่กระเป๋า พลางนึกไปเรื่องเมื่อเช้าที่แม่กับพวกน้อง ๆ บอก
จะชวนไม่ชวนดี
เผื่อบ้านสุรอยู่ไกล
หรืออยู่คนละทางล่ะ
"อ่า..."
"หืม? มีอะไรหรือเปล่า"
เกิดจะขี้อายขึ้นมา ต้นหลิวมองหน้าสุรนิ่งแต่ในใจเต้นรัวเป็นกลองชุด
ด้วยพฤติกรรมคล้ายจะเย่อหยิ่งทำให้ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าเข้าหา ต้นหลิวเองก็อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว พอมีเพื่อนคนแรกอย่างสุรเลยทำตัวไม่ถูก
"หน้าเรามีติดอยู่เหรอ" นั่งกอดกระเป๋ามองเพื่อนที่วันทั้งวันพูดกับเขานับคำได้
"ไม่มี แต่..."
"อือฮึ แต่?"
ปกติก็ไม่เคยทำตามคำพูดใคร ทำไมคราวนี้ถึงได้ใส่ใจคำพูดของแม่นักนะ
เอาก็เอาวะ
"บ้านนายอยู่แถวไหนเหรอ" เอ่ยถามเสียงเบา
"แถวตลาดเจ๊สดศรีน่ะ นายล่ะ"
"หมู่บ้านสุขใจ"
"เฮ้ย! ทางเดียวกัน แล้วนี่กลับยังไง สองแถวแดงเหมือนกันไหม"
"อือ"
"ดีว่ะ"
"นายอยากแวะกินขนมร้านแม่เราก่อนไหมล่ะ ...ฟรีนะ"
"อ่อ..."
แล้วอยู่ ๆ สุรก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยท่าทางชอบอกชอบใจในอะไรบางอย่าง ทำเอาเพื่อนคนอื่น ๆ หันมามองกันทั้งห้อง
"เราเข้าใจละ นายเป็นพวกคุยไม่เก่งนี่เอง ฮ่า ๆ ๆ คือจะพาเราไปแนะนำให้แม่รู้จักใช่ป่ะ" สุรกุมท้องหัวเราะจนน้ำตาไหล
ความมั่นใจของต้นหลิวหดเหลือนิดเดียว ทำไมต้องหัวเราะขนาดนั้นล่ะสุร มันแปลกมากเลยสินะ
"น่ารัก! ทำไมน่ารักขนาดนี้ฮะต้นหลิว" สุรยื่นมือทั้งสองข้างไปบีบแก้มเพื่อนใหม่ แสนเอ็นดูอะไรอย่างนี้
สรุปสุดท้ายก็ตกลงที่จะไปกินขนมที่ร้านของแม่ต้นหลิว เช่นเดียวกับที่ชวนต้นหลิวไปกินหมูกะทะที่ร้านของแม่ตัวเอง
.
.
.
"สุรเขาช่างคุยดีนะ"
"ใช่ ๆ พี่สุรตลกดี"
"หล่อมากด้วย"
ดูเหมือนแม่กับพวกน้อง ๆจะถูกใจเพื่อนใหม่ของต้นหลิวมาก ถึงขนาดพูดถึงกันไม่หยุด
"ไว้ชวนมากินข้าวที่บ้านสิ พ่อจะได้รู้จักด้วย"
การมีเพื่อนสักคนของต้นหลิวดูจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ บนโต๊ะอาหารเย็นทุกคนยิ้มแย้มดีใจที่เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยสนใจอะไร เริ่มที่จะทำตัวเหมือนคนทั่วไปบ้างแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ