Heaven Earth Hell

-

เขียนโดย LuvifrancSLawLia

วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 18.29 น.

  13 chapter
  11 วิจารณ์
  5,195 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 กันยายน พ.ศ. 2566 18.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เด็กหนุ่มผู้มาพร้อมไฟ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            ห้องเรียนกลับสู่สภาวะปกติ   ไม่มีเปลวไฟหลงเหลือ   แม้แต่ร่องรอยความเสียหายบนสิ่งของที่ถูกปกคลุมด้วยไฟเป็นเวลากว่าชั่วโมงก็ไม่มี   “ไหวไหมครับ?”   วิลเลี่ยมหันมองโทมัสและซาคาเรียสที่กำลังฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ   “ผม…ไม่ไหว...ครับ”   ซาคาเรียสกล่าวอย่างเหนื่อยหอบและสิ้นหวัง   “ฮึ่มๆ”   เสียงกระแอมจากบนเวทีเรียกความสนใจของพวกเขาให้มองตาม   “การฝึกวันนี้มีผู้ผ่านคือคุณโทมัส   คุณวิลเลี่ยมและคุณรูบี้...”   โทมัสผงกหัวขึ้นโดยพลัน   นัยน์ตาสีเงินกวาดมองโดยรอบ   วิลเลี่ยมแม้จะเห็นแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร   “....ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ”   รู้ตัวอีกทีก็พลาดการบรรยายของนิโคลัสไปแล้ว   เขาลุกขึ้นหลังเสียงประกาศทำความเคารพของหัวหน้าห้องแต่ต้องตกใจกับภาพที่เห็นเพราะมีแค่พวกเขาและเด็กสาวแถวหน้าสุดที่ทำตามคำสั่งในขณะที่ที่เหลือยังคงหน้าฟุบโต๊ะเหมือนเดิม   ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนิโคลัสออกจากห้องไปแล้วก็ยังไม่มีใครลุกออกจากห้องทันที  

 

            บนระเบียงที่ยื่นออกห้องนอน   สายลมเย็นนำพากลิ่นอายของผืนหญ้ามาให้   ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและสงบจิตใจที่ฟุ้งซ่านจนมีสมาธิกับสิ่งที่ตากำลังมองเห็น   ความมืด   ไร้แสงจากดวงดาวบนท้องฟ้ายามวิกาล   เพลิดเพลินไปกับมันจนไม่ทันได้ยินเสียงเคาะประตูและขานชื่อที่ดังอยู่   “....เข้ามาได้ครับ”   ใบหน้ายังคงมองไปข้างหน้า   หูรับฟังเสียงเยื้องย่างไปยังมุมหนึ่งตามด้วยเสียงกระทบก่อนที่เสียงฝีเท้าจะดังขึ้นอีกครั้ง   กำลังตรงมาที่ระเบียงที่เขากำลังยืนแอ่นตัวพิงกับขอบระเบียง   “นมอุ่นมาแล้วครับ”   ร่างที่หันหลังให้ไม่ได้กล่าวหรือแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ   “คิดอะไรอยู่หรือครับ?”   ยังคงไร้วี่แววของคำตอบจนเมื่อโทมัสหันกลับมาและพบเพียงความว่างเปล่าตรงหน้า   ซาคาเรียสไปแล้ว  

            โทมัสทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม   ตาปิดลงเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการฝึกหฤโหดในวันนี้   แสงจากโคมไฟระย้าอ่อนกำลังลงราวกับรับรู้ถึงความต้องการของเขา   เมื่อทุกอย่างมืดสนิท   เป็นเวลาที่โสตประสาทหูทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด   ความเงียบงันภายในห้องถูกแทนที่ด้วยเสียงปริศนา   เบาหวิวเหมือนเสียงลมแต่ไม่ใช่   โทมัสลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนดังอยู่ไม่ไกลแต่ไม่สามารถจับใจความได้   เขาไม่ได้นอนหลับอยู่บนเตียงนอนแต่กำลังยืนอยู่ที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง   โบสถ์เก่าตั้งตระหง่านตรงหน้า   ใบไม้แห้งตามพื้นและต้นไม้หัวโล้น   ทันใดนั้นหางตามองเห็นเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งเล่นกับเด็กชายอีกคนผู้มีร่างกายเป็นมนุษย์หากแต่ถูกแต่งแต้มด้วยสีขาวราวแผ่นกระดาษ   ไม่มีใบหน้าให้จ้องมอง   พวกเขาวิ่งเล่นกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่เด็กชายผมดำ   ร่างกายเปล่งสีสันราวสายรุ้งจะหยุดและหันมองโทมัสจนเขารู้สึกขนลุกซู่   “-----!!”   เด็กชายกล่าวบางอย่างพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า   วิ่งตรงเข้าหาโทมัสจนโทมัสต้องเบนตัวหลบแต่แล้วตาเผลอเหลือบเห็นเด็กอีกคน   ยืนอยู่ด้านหลังเขา   โทมัสสะดุ้งตัวตื่นจากความฝัน   พบความมืดภายในห้องที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่ด้านล่างของบานหน้าต่าง   ยกมือขึ้นทาบหน้าผาก   หูเริ่มได้ยินเสียงนกร้องเพลงและแสงไฟที่กำลังส่องสว่างอย่างช้าๆ

 

            “วันนี้เราจะมาเรียนวิชาศาสตร์การป้องกันตัวพื้นฐาน   จะเป็นภาคปฏิบัติทั้งหมดดังนั้น...”   นิโคลัสหยิบบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อและชูมันขึ้นกลางอากาศ   หลุมดำปรากฏขึ้นบนพื้นเวทีก่อนจะมีวัตถุคล้ายซุ้มประตูที่สร้างจากหินผุดขึ้นจากหลุมดำ   “เทเลพอร์เทชั่น ดอร์   ไอเทมพลังจิตระดับสูงที่มีเพียงหน่วยงานขององค์กรฮาร์ท   กลุ่มบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตและราชวงศ์ของทั้ง   4   เขตเท่านั้นที่จะครอบครองมันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย”   นิโคลัสกล่าวอย่างตื่นเต้น   เขาสัมผัสที่จับทั้งสองฝั่งของซุ้มประตู   เปลวไฟสีแดงจากมือลุกไหม้และลามไปทั่วซุ้มอย่างรวดเร็วก่อนที่เปลวไฟตรงที่จับจะค่อยๆ แบ่งส่วนและลอยมารวมตัวกันที่กึ่งกลางของช่องว่างและกระจายตัวออก   ปรากฏภาพที่กำลังขยายออกตามอาณาเขตเปลวไฟ   สีเขียวจากทุ่งหญ้า   กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

            นักเรียนถูกสั่งให้เรียงแถวและเดินก้าวผ่านประตูมิติซึ่งแต่ละคนที่ก้าวผ่านออกมาต่างแสดงอาการตกใจผ่านสีหน้าหรือน้ำเสียง   “พร้อมกันแล้วนะครับ”   นิโคลัสก้าวผ่านประตูมิติคนสุดท้าย   พานักเรียนเดินเข้าไปยังสิ่งก่อสร้างตรงหน้า   โคลอสเซียม   พื้นด้านในมีสีขาวแตกต่างจากผิวภายนอกที่เป็นสีเหลือง   มีทางเข้า   4   ทิศ   สูงขึ้นไปจากลานประลองคืออัฒจันทร์   ที่ชั้นบนสุดมีเพดานเยื้องออกเป็นกำบังสำหรับกันแสงแดดและฝน   กึ่งกลางลานประลองในวันปกติจะโล่งตาแต่ในวันนี้มีกองอาวุธทับถมอย่างไม่เป็นระเบียบซึ่งนิโคลัสเรียกนักเรียนมารวมตัวกันที่ด้านหน้าของมันโดยให้ล้อมเป็นวงกลม   

            “บทเรียนที่หนึ่งสัญชาตญาณสัตว์”   นักเรียนต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก   มีเพียงไม่กี่คนที่พอจะคาดเดาสถานการณ์ออกและเตรียมพร้อมสำหรับมัน   “หลังจากเสียงปืนพวกคุณทุกคนจะต้องหยิบอาวุธขึ้นมาคนละชิ้นครับ”   บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันที   ดวงตาแทบทุกคู่จ้องเขม็งไปที่กองอาวุธ   มือขยุกขยิกเหมือนจะเอื้อมไปคว้าอาวุธได้ทุกเวลา  

            เสียงปืนที่ดังขึ้นบังคับให้พวกเขาพากันพุ่งตัวเข้าไปหยิบอาวุธตรงหน้า   ไม่ต่างจากสัตว์ป่ายกเว้นโทมัสผู้เพียงแต่มองอย่างใจเย็นจนเป็นที่สังเกตของนิโคลัส   ที่สุดก็เหลือเพียงอาวุธชิ้นเดียวนั่นคือดาบสั้นสภาพเก่าและโทรมจนเห็นสนิม   โทมัสหยิบมีดและเดินกลับมายืนที่เดิม   ใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้เพื่อนร่วมชั้นที่กำลังมองมาที่เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก   เป็นสายตาที่ปนความสงสัย   เย้ยหยันและไม่ชอบใจ   “หลังเสียงปืนครั้งที่   2   พวกคุณต้องเข้าต่อสู้กับใครก็ได้   ผู้ที่ล้มลงจะถูกปรับแพ้และเหมือนกับบทเรียนเมื่อวาน...”   นิโคลัสดึงปลายหมวกลง   “จนกว่าจะไม่มีใครล้มจนจบชั่วโมงเรียน   ผมถึงจะขึ้นบทเรียนต่อไปครับ”   ปืนที่ถูกจ่อขึ้นฟ้า   มือแต่ละข้างจับอาวุธแน่น   ความตึงเครียดที่ไม่ต่างจากบทเรียนเมื่อวันก่อนกลืนกินบรรยากาศโดยรอบลานประลอง  

            สัญญาณปืนครั้งที่สองพร้อมเสียงปะทะของอาวุธ   ฝุ่นลอยคลุ้งทั่วบริเวณ   การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง   ท่ามกลางฝูงสิงโตที่กำลังยื้อแย่งความเป็นใหญ่ในผืนป่าเล็ก   กลุ่มหงส์ขาว   3   ตัวที่ต่างแสดงความสุขุมในการต่อสู้โดยไม่ถูกบงการด้วยสัญชาตญาณดิบ   โทมัส   ซาคาเรียส   วิลเลี่ยมและรูบี้ต่อสู้กับคู่ปรับได้อย่างชำนาญ   รูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง   ทุกท่วงท่าของวิลเลี่ยมทั้งพลิ้วไหวและสง่างาม   ทุกการเข้าปะทะของอาวุธก่อร่างความคิดสร้างสรรค์ที่แฝงอยู่ในคมดาบและปรากฏสู่โลกภายนอกด้วยการตวัดดาบ   หันไปชมอีกฝั่งจึงพบกับบรรยากาศอันหนักหน่วงแม้เพียงใช้สายตามองจากระยะไกลก็ทำให้รู้สึกอึดอัดกับเสียงปะทะอาวุธ   โทมัสตั้งรับการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม   ไม่คิดตอบโต้เมื่อมีโอกาสแต่ก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาดแม้จะมีอาวุธไร้ประสิทธิภาพในมือ   ซาคาเรียส   ดั่งเงาตามกายและอารักขาของโทมัส   ทำหน้าที่เป็นดั่งโล่คุ้มกันอันแข็งแกร่งหากแต่เพลงดาบกลับแกร่งยิ่งกว่า    รูบี้ผู้กวัดแกว่งคันธนูไร้ลูกต่อสู้กับดาบยาวของนักเรียนหญิงคู่มือได้อย่างชำนาญและไม่ดูเสียเปรียบตามศักยภาพของอาวุธ  

            ยิ่งปล่อยให้เวลาเดินผ่าน   ก็ยิ่งเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา   นักเรียนคนแล้วคนเล่าล้มลง   คนที่เริ่มน้อยเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ก็เปลี่ยนผันไปตามเช่นกัน   ดาวรุ่งทั้ง   4   ถูกนักเรียนที่เหลือพร้อมใจกันรุมปะทะ   จำนวนที่มากขึ้นทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของวิลเลี่ยมและรูบี้ลดลงอย่างชัดเจน   ยิ่งกับรูบี้ที่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถรับมือคู่ต่อสู้จำนวนมากพร้อมกันจนพ่ายแพ้ในที่สุด   ตามมาด้วยวิลเลี่ยมที่ทิ้งระยะห่างเพียงไม่นาน   เหลือก็แต่โทมัสและซาคาเรียสที่ยังคงยืนหยัดกับคู่ต่อสู้ได้อย่างหน้าตาเฉย  

            นิโคลัสที่กำลังจดจ่อกับการแสดงตรงหน้ารู้ตัวอีกทีเกือบหลบลูกบอลไฟขนาดมหึมาที่พุ่งด้วยความเร็วสูงไม่ทัน   เฉี่ยวหลังไปอย่างหวุดหวิด   “เฮ้ยๆ”   ซีสจ์   นักเรียนชายตัวเล็ก   สีควันบุหรี่ของเส้นผมที่ยุ่งเหยิง   เดินนำทัพกลุ่มนักเรียนอีกจำนวนหนึ่งมาจากอีกฟากที่ดวงตามองเห็น   “สวัสดีครับ”   นิโคลัสเดินเข้าหาอย่างใจเย็น   ซีสจ์จ้องหน้านิโคลัสเพียงชั่วครู่   นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงพักเที่ยงของวันนี้   ที่สวนพฤกษชาติในเขตโรงอาหารตะวันออก   โต๊ะอาหารมากมายรายล้อมด้วยโซนดอกไม้ที่จัดเรียงเป็นโซนตามโทนสี   กึ่งกลางคือเขตเสาไม้   4   ด้าน   มันเป็นที่ตั้งของน้ำพุมังกรจำลองและเป็นที่รู้กันดีว่าคืออาณาเขตของโลกอีกใบที่มีเพียงผู้ถูกเลือก   4   คนเท่านั้นที่จะย่างกรายเข้าไปโดยไม่ถูกอำนาจแห่งเปลวไฟทำลาย   “มีข่าวอะไรบ้าง?”   ชายผมดำเอ่ยขึ้นลอยๆ   “ไม่มี”   ซีสจ์กล่าวอย่างไม่พอใจ   “ได้ข่าวอาจารย์พิเศษที่พระราชินีฟรานซิสโก้จ้างมารึเปล่า?”   เสียงจากชายผมแดงผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา   “ได้ยินว่าสอนแค่ห้องเดียวด้วยนี่   ทำไมรึ?”   ชายคนแรกถามเสียงเรียบ   “ว่าไงซีสจ์   ถ้าแกอยากรู้ว่าเจ้าชายอยู่ไหนก็ลองหาดูสิว่าอาจารย์พิเศษคนนั้นสอนห้องอะไรเป็นพิเศษ”   ชายผมแดงแสยะยิ้ม

            “เป็นจริงอย่างที่แฟรงก์ว่ามาจริงๆ”   สิ้นเสียงจากซีสจ์   ใบหน้าขมึงตึงของเขาพลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว   มีรอยยิ้มอันน่าหวาดผวาปรากฏอยู่บนนั้น   ซีสจ์พุ่งตัวกลับอย่างรวดเร็ว   เปลวไฟประกายส้มพวยพุ่ง   คลุมทุกส่วนของร่างกาย   เส้นใยหนาที่ยืดออกจากออร่าลุกไหม้พุ่งจู่โจมนักเรียนทุกคนในเวลาเดียวกัน   หนึ่งในนั้นกำลังพุ่งเข้าใส่โทมัสผู้กำลังเบิกตากว้าง   แม้จะมีอาวุธอยู่ในมือแต่จะทำอะไรกับสิ่งไร้ตัวตนนั้นได้?   สายลมที่ซัดเข้าใส่ใบหน้าบ่งบอกถึงแรงเหวี่ยงอันมหาศาลแต่กระนั้นดาบของซาคาเรียสก็มิอาจตัดสิ่งไร้ร่างได้อยู่ดี   เมื่อเป็นแบบนั้นจึงคิดจะใช้ร่างตัวเองเป็นโล่ป้องกันให้โทมัสอย่างไม่หวาดกลัวทว่า   เสี้ยววินาทีก่อนที่ลำกล้องปืนของนิโคลัสจะยิงออกไปเพื่อยับยั้งการโจมตีของซีสจ์   ปรากฏคลื่นไฟปริศนาสีเดียวกันพุ่งผ่านหน้าซาคาเรียสและรับการโจมตีแทน

            ซีสจ์มองลำธารไฟในขณะที่มันดูดการโจมตีของเขาเข้าไปจนหมดก่อนจะเบนตามองเจ้าของพลัง   “แกเป็นใคร?!!”   ซีสจ์ตะโกนอย่างโผงผาง   หนึ่งในผู้ติดตามของเขากระซิบที่ข้างหู   สีหน้าของซีสจ์เปลี่ยนไปทันใด   “คาร์เนตโต วิลเลี่ยม....คาร์เนตโต วิลเลี่ยม   ทายาทผู้ก่อตั้งกลุ่มจัสติค....แกเองรึ?!!”   ใบหน้าของวิลเลี่ยมในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก   ไม่ใช่หน้าของคนที่ซาคาเรียสเคยเห็นมาร่วม   3   วันแต่เป็นอีกคน   จริงจังและให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด  

            “แสดงว่าเจ้าชายฟรานซิสโก้อยู่ที่นี่จริงๆ สินะ”   ซีสจ์เพ่งมองที่ซาคาเรียส   ส่วนสูงที่มากโขและสีผมนั่นมีความน่าเชื่อถือพอให้เขาหลุดความสนใจจากโทมัสที่ถูกบังจนมิด   เขาแสยะยิ้ม   “แกสินะ   เจ้าชายฟรานซิสโก้!!!”   ซีสจ์พุ่งเข้าใส่ซาคาเรียส   มือที่กำหมัดคืออาวุธที่ลุกโชติด้วยเปลวไฟสีเหลืองแต่แล้ว   ยังไม่ทันถึงตัว   กำปั้นนั้นได้ปะทะเข้ากับผิวดาบยาว   เจ้าของนัยน์ตาอำพันเหลือบมองที่เจ้าของดาบอย่างหงุดหงิด   “อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง...”   แรงที่มากขึ้นทำให้ดาบเริ่มสั่น   มันเปล่งแสงสีส้มเฉพาะส่วนที่ถูกสัมผัสราวกับกำลังถูกลนด้วยไฟร้อนของเตาหลอม   “ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณมีธุระอะไรกับเจ้าชายฟรานซิสโก้ถึงได้ลงไม้ลงมือแบบนี้และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าชายในชั้นเรียนนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า....”   ดาบหยุดสั่น   มันทำให้ซีสจ์รู้สึกประหลาดใจในพละกำลังที่ตอนแรกเป็นต่อแต่ตอนนี้คนละเรื่อง   เปลวไฟสีเหลืองสว่างพวยพุ่งจากมือที่กำด้ามดาบแน่น   ลามมาถึงผิวดาบ   บังคับให้ซีสจ์ต้องถอนมือออกก่อนจะถูกเปลวไฟนั้นกลืนกิน   วิลเลี่ยมตวัดดาบที่กำลังติดไฟ   “แต่ในฐานะของหัวหน้าห้อง   ผมต้องปกป้องนักเรียนทุกคนจากภัยอันตรายครับ”   ถ้อยคำที่แสนพระเอกของเขาทำให้ซีสจ์มีสีหน้าดุดันกว่าเดิม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา