หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,809 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) ชายผู้เป็นมือขวาทั้งสอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มายากำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ในห้องทำงานของตน สีหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากันเหมือนอย่างเคย ดวงตาคมกร้าวกวาดมองแผนผังที่วาดขึ้นพลางโยงเส้นไปมาบนกระดาษ คล้ายพยายามหาคำตอบอะไรบางอย่าง

 

เสียงโหวกเหวกโวยวายของลูกน้องชั้นล่างดึงสติของหญิงสาวให้ออกจากห้วงความคิด เธอพับกระดาษที่กำลังเขียนเก็บใส่ไว้ในลิ้นชัก เป็นเวลาเดียวกันกับที่มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

 

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

 

“เข้ามา”

 

“หัวหน้า อัคนีและนทีกลับมาแล้วค่ะ” ปราณคือคนที่โผล่หน้าเข้ามารายงานเธอในห้อง

 

มายาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินตามลงไปที่ชั้นล่าง

 

 

 

“โอ้โห!! ทรงผมเจ๋งไม่หยอกเลยนะ ไปตัดมาจากที่ไหน” เสียงเจื้อยแจ้วของคนที่พูดมากที่สุดในหน่วยรีบเอ่ยแซวทรงผมใหม่ของหนุ่มหล่อผมตั้งที่เพิ่งมาถึง

 

“หายไปหลายเดือน ดูท่าภารกิจที่หัวหน้ามอบให้จะหนักสินะครับ” ลุครีบเดินเข้ามาร่วมวง สีหน้าชายหนุ่มชื่นชมรุ่นพี่สองคนนี้ไม่น้อย

 

“ยะ…ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านกลับนะคะ” มีนาส่งยิ้มประหม่าให้กับทั้งคู่ ด้วยตอนที่สาวน้อยมาถึงก็เป็นเวลาพอดีกับที่ทั้งสองคนออกไปทำภารกิจ จึงเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวเท่านั้น ยังไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุย

 

“พวกเจ้าพลาดเรื่องสนุกไปเยอะเลยนะ” เลโอเดินเข้ามาหา พลางตบบ่าอย่างคุ้นเคย

 

“หัวหน้าของเราไปดวลกับหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์มาด้วยนะ กลายเป็นประเด็นใหญ่อยู่ตอนนี้เลยล่ะ” มิกกี้พูดด้วยความตื่นเต้นระคนเสียดายที่ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง

 

“หอพักเราโดนคนบุกด้วยนะครับ แถมจับไม่ได้ด้วย” อลินเสริมให้พลางยิ้มแย้ม เล่าประหนึ่งเป็นเพียงเรื่องธรรมดา

 

“งั้นเหรอ มีแต่เรื่องน่าสนุกทั้งนั้นเลยนะ” ผู้มาใหม่ที่มีผมตั้งรับกับใบหน้าตอบสั้นๆ พลางอมยิ้ม

 

ผู้อาวุโสของหน่วยอีกสองคนอย่างเบตตี้และศิลาต่างก็ยืนมองเด็กรุ่นใหม่ที่ถูกฝึกมาเพื่อแทนที่พวกเขาอย่างภาคภูมิใจระคนเอ็นดู โดยเฉพาะสองพี่น้องปีศาจที่มายาตั้งให้เป็นมือขวาทั้งคู่ ด้วยไม่อาจแยกได้ว่าฝีมือของใครโดดเด่นกว่ากัน

 

ชายผู้เป็นพี่นามว่าอัคนี ผมสั้นเซตเป็นทรงให้ตั้งแลดูทันสมัย รูปร่างสูงโปร่งปราดเปรียว มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ครั้งหนึ่งมายาเคยเอ่ยปากออกมาด้วยตนเองว่า หากจะมีใครสักคนที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับหน่วยมังกรทมิฬที่สุดคงเป็นเขาผู้นี้

 

ชายอีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันมีนามว่านที ผู้เป็นน้องชายสุดรักสุดห่วงของอัคนี ชายหนุ่มไว้ผมทรงรากไทร ใบหน้าหล่อคมเข้มไม่แพ้พี่ชายต่างกันก็เพียงที่เขายิ้มน้อยเสียจนนับครั้งได้ แชนถึงกับเคยตั้งฉายาให้เขาเมื่อนานมาแล้วว่า ‘หากมายาเปรียบดั่งก้อนน้ำแข็ง นทีก็เปรียบดั่งก้อนหิน ที่ต่อให้เอาน้ำร้อนมาราดก็ยังคงเป็นหิน’ ภายหลังไม่กล้าเอ่ยปากล้อเลียนด้วยกลัวหัวหน้าจะทำโทษ

 

 

 

“กลับมาแล้วเหรอ” มายาเอ่ยทักสองพี่น้องที่เพิ่งกลับจากการไปทำภารกิจให้กับเธอที่รัฐฟลาวเวอร์

 

สองคนที่เพิ่งกลับมาโค้งคำนับทำความเคารพ อัคนีผู้เป็นพี่ยื่นรายงานส่งให้หญิงสาว

 

“ท่านคาดการณ์แม่นยำเหมือนมีตาทิพย์ ตัวการใหญ่คือเจ้าเมืองพริมโรสจริงๆ พวกมือปราบธรรมดาเลยทำอะไรไม่ได้” เขากล่าว “พืชเสพติดแถบนั้นระบาดหนัก เพราะผืนดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูก จึงมีการลักลอบปลูกขายเป็นจำนวนมาก”

 

“ไม่ได้ลักลอบ ปลูกโจ่งแจ้งเลยต่างหากแต่มีคนแกล้งหลับหูหลับตา” นทีกล่าวเสริมพี่ชาย

 

“ส่งต่อคดีให้มือปราบหรือยัง แล้วจัดการกับเจ้าเมืองยังไง” มายาถามทั้งคู่

 

“ไหนๆ ก็ชอบหลับหูหลับตา ข้าเลยสนองให้หลับสมใจ” อัคนีกระตุกยิ้ม

 

“บ้าน่า! พวกนั้นไม่ใช่กบฏนะ ฆ่าเจ้าเมืองโดยไม่สอบสวนก่อนจะไม่ทำให้หัวหน้าเดือดร้อนหรือไง” แชนเอามือกุมศีรษะ ท่าทางของชายหนุ่มคล้ายคนคลั่งที่กำลังกลัวความผิด

 

แต่มายากับสองพี่น้องกับอมยิ้มให้กัน เล่นเอาบรรดาลูกน้องงงกับท่าทีของทั้งสามคน

 

“ข้าควักลูกตามันออกมาข้างหนึ่ง โทษฐานทำให้เยาวชนมัวเมา เลยเอามาฝากเจ้าด้วยนี่ไง!” ไม่ว่าเปล่า อัคนียังกระตุกถุงผ้าใบเล็กที่เหน็บไว้ข้างเอวโยนให้แชนรับ

 

ตุบ!

 

“เย้ย!!!” คนที่ได้ของฝากร้องเสียงหลงรีบสลัดถุงไปให้ห่างตัว

 

“แกไอ้บ้า!!! อย่าโยนมาทางนี้นะโว้ย!” เลโอตะโกนทันทีเมื่อได้รับไม้ต่อ

 

“ม่าย!!!!!กรี๊ด!!!!!!!” มีนาร้องลั่นห้องโถงเมื่อเลโอนำถุงผ้านั่นมายัดใส่มือเธอต่ออีกที เล่นเอาห้องโถงเริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

 

ตอนนี้ดูเหมือนแต่ละคนจะมัววุ่นวายกับการหนีของฝากที่ไม่น่าพิสมัยของอัคนี ทั้งที่พวกเขาต่างก็เคยเห็นศพสุดสยองกว่านี้มาแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกขยะแขยงที่ต้องมาจับชิ้นส่วนมนุษย์โดยตรง

 

“พวกเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับงานของหน่วยเราในช่วงนี้ เดี๋ยวตามไปที่ห้องทำงานด้วย” มายาอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังโหวกเหวกรีบสั่งงานมือขวาทั้งสอง

 

“รับทราบ!” นทีและอัคนีรับคำสั่ง

 

 

 

ห้องทำงานของหัวหน้าหน่วย

 

“ของที่ท่านมอบหมายให้ข้าไปนำมา อยู่นี่แล้ว” ชายผู้พี่ยื่นกุญแจโบราณสีทองแดงดอกหนึ่งส่งให้มายา “ว่าแต่ท่านให้ข้าไปขุดสุสานคนตาย จะไม่เป็นอะไรเหรอ”

 

“ถ้าพวกเจ้าไม่ได้บอกใครก็ไม่มีปัญหา”

 

สองพี่น้องหันมองหน้ากันต่างก็เลิกคิ้วให้กันเป็นเชิงบอกอีกฝ่ายว่าตนเองก็ไม่รู้ว่าหัวหน้าคิดอะไรอยู่

 

“พวกข้าไม่ได้บอกใครแน่นอน” อัคนีกล่าวหนักแน่น

 

“พวกเราทั้งคู่ต่างก็เป็นมือขวาของท่าน ร่วมฝึกและต่อสู้กับท่านมานานกว่าใครทั้งหมด โปรดไว้ใจพวกเราเถอะ” นทีจ้องเข้าไปในดวงตาของผู้เป็นหัวหน้า แสดงออกถึงความซื่อสัตย์อย่างหมดใจ

 

“ข้าไว้ใจพวกเจ้าอยู่แล้วถึงได้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้ตลอด” เธอยิ้มน้อยๆ ตอบกลับเมื่อเห็นท่าทีของสองพี่น้อง “อันที่จริงข้ายังมีเรื่องอื่นจะปรึกษาพวกเจ้าด้วย”

 

“เรื่องอะไรเหรอ” ทั้งคู่ถามแทบจะพร้อมกัน

 

มายาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เธอเจอในช่วงหลายเดือนที่มือขวาทั้งสองไม่อยู่ให้ฟัง ทั้งเรื่องของมูมุน คนบุกรุกหอพัก การเปลี่ยนแปลงภารกิจของหน่วยและเรื่องที่ผู้บัญชาการใหญ่สั่งภารกิจสองหน่วยซ้ำกันอย่างละเอียด

 

 

 

“เรื่องชายกบฏที่ชื่อมูมุนกับคนที่มาบุกหอ ข้ายังไม่มีความเห็น แต่เรื่องผู้บัญชาการข้าอยากจะขอตั้งข้อสังเกตสักหน่อยถ้าท่านไม่ว่า” อัคนีพูดขึ้น หลังฟังเรื่องทั้งหมดจนจบและได้วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน

 

มายาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

 

“จริงอยู่ที่ท่านออตโต้เป็นอาจารย์ที่ฝึกสอนท่านมาตั้งแต่เด็กและมักจะคอยเป็นห่วงท่านเสมอ แต่การที่อยู่ๆ จะมากันท่านออกจากการกำจัดพวกกบฏด้วยเหตุผลว่าเป็นห่วงดูจะแปลกไปหน่อย ทั้งที่ก่อนหน้าก็มอบหน้าที่กวาดล้างให้หน่วยเราดูแลมาตลอด ไม่อย่างนั้นให้สองหน่วยร่วมมือกันทำงานอีกสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร”

 

หญิงสาวมีสีหน้าพึงพอใจ ขณะที่ตั้งใจฟังความคิดเห็นของลูกน้องคนสนิท

 

“เรื่องจดหมายสั่งงานผิดข้าก็ว่าแปลกเช่นกัน” เป็นนทีที่ออกความเห็นบ้าง “ข้าไม่เคยเห็นเขาผิดพลาดอะไรเลยสักครั้ง เป็นไปได้ไหมว่าจดหมายนั่นถูกใครบางคนปลอมขึ้นมาจริงๆ เพื่อยืมมือท่านชิงตัวนักโทษ ท่านออตโต้ก็คงรู้เรื่องนี้แต่แกล้งยอมรับผิดเอง เพื่อจะกันท่านออกจากเรื่องนี้ไม่ให้ยุ่งเกี่ยว”

 

ข้อสังเกตของทั้งคู่น่าสนใจไม่น้อย สองพี่น้องคิดตรงกับมายา เพียงแต่เธอต้องการคนมาช่วยสนับสนุนไม่ให้รู้สึกว่าคิดไปเองคนเดียว

 

“งั้นคนที่ปลอมลายมือได้เนียนขนาดข้ายังแยกไม่ออก ก็คงไม่พ้นคนที่ทำงานคลุกคลีกับท่านผู้บัญชาการมานาน ต้องเป็นคนในหน่วยลับทั้งสี่นี้แน่นอน” มายาสรุปแล้วครุ่นคิดต่อในใจ

 

สองพี่น้องที่ได้ฟังก็พยักหน้ารับเห็นด้วย

 

“ท่านอยากให้เราทำอย่างไรต่อไป” มือขวาผู้พี่ถาม

 

“ข้าอยากให้พวกเจ้าไปสืบมา ว่านักโทษห้องสามสามแปดที่ติดคุกหลวง เป็นใครและโดนคดีอะไร ให้ทำอย่างเงียบๆ”

 

“รับทราบ” ทั้งคู่รับคำพร้อมกันโดยไม่มีคำถามใด ก่อนจะทำความเคารพแล้วเดินออกจากห้องทำงาน

 

 

 

สองพี่น้องมือขวานี้เป็นคนที่มายาไว้ใจและทำงานดีที่สุดในหน่วย พวกเขารู้จักกันมานานกว่าใครตั้งแต่วันแรกที่ได้ก้าวเท้าเข้ามาเป็นเด็กฝึกในสังกัดหน่วยลับจนถึงวันนี้ นับเวลารวมก็ประมาณยี่สิบปีแล้ว

 

ทั้งสามคนฝึกมาด้วยกัน จนมายาในวัยสิบขวบฝึกพื้นฐานครบทุกรูปแบบและมีความสามารถโดดเด่นกว่าใครจึงถูกย้ายไปหน่วยเต่าแห่งปราชญ์ก่อน แต่หลังฝึกได้เพียงปีเดียวก็ถูกย้ายต่อไปที่หน่วยพยัคฆ์กร้าว เนื่องจากความสามารถของเธอตรงกับที่พวกเขาต้องการมากกว่า

 

เรื่องราวความบาดหมางของสาวน้อยดาวรุ่งกับอาเธอร์ได้เริ่มต้นขึ้นที่นั่น เมื่อครั้งที่ชายร่างยักษ์ยังเป็นเพียงมือขวาของหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์กร้าวคนก่อน แต่ก่อนที่เรื่องราวทะเลาะวิวาทขอบทั้งคู่จะบานปลายไปกว่านี้ โลกิก็ได้เขียนจดหมายไปขอตัวเธอจากออตโต้ ให้มาช่วยงานที่หน่วยอินทรีเงาต่อ ทำให้เธออยู่ที่หน่วยพยัคฆ์กร้าวได้เพียงสามปี

 

เมื่อมาอยู่กับโลกิ งานของเธอก็ต้องออกภาคสนามบ่อยครั้งเพื่อไปสืบข่าวตามที่หัวหน้าสั่ง จนมีวันหนึ่งที่ทั้งคู่ได้สืบร่วมกันเป็นครั้งแรก แม้งานจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โลกิตัดสินใจส่งเธอที่มาอยู่ได้เพียงปีเดียวย้ายไปหน่วยมังกรทมิฬแทน

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมา สาวน้อยนามว่ามายาก็ได้ฉายแววความเป็นผู้นำเต็มที่ เมื่อมีอัคนีและนทีที่เคยฝึกด้วยกันมาเป็นผู้ช่วยและคอยติดสอยห้อยตามไปทำงานด้วยกันทุกครั้ง จนถึงวันที่เธอได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยคนปัจจุบัน ชายหนุ่มสองพี่น้องนี้ก็ได้กลายมาเป็นมือขวาคนสำคัญของเธอด้วย

 

 

 

“มายาอยู่ไหม!?” เมซ่าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในตึกถามหาตัวมายาทันทีที่มาถึง

 

“มีอะไรเหรอ เมซ่า” ปราณที่ยืนอยู่ตรงนั้นถามขึ้น

 

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง ไปบอกให้ที!!”

 

น้ำเสียงที่ตื่นเต้นระคนตกใจของสาวแว่นหนาทำให้คนฟังรู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องสำคัญ

 

“รอเดี๋ยวนะ!”

 

 

 

ปราณรีบขึ้นไปตามหัวหน้าของเธอที่ห้องและเดินสวนกับสองพี่น้องที่กำลังเดินลงมา

 

“รีบอะไรขนาดนั้น” อัคนีพูดพลางมายืนขวางหญิงสาวเอาไว้

 

“เจ้าบ้า! หลบไปนะ!!” เธอถลึงตาใส่แล้วผลักเขาให้หลีกทาง

 

ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยผ่าน เขาคว้าแขนหญิงสาวเอาไว้ นทีที่เห็นดังนั้นจึงรีบเดินหนีลงบันไดไป แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ตีฝีปากกัน มายาก็เปิดประตูตามออกมา

 

“มีเรื่องอะไรกัน” ผู้เป็นหัวหน้าถามเสียงเรียบ

 

ปราณสะบัดมือของอัคนีออกแล้วรีบวิ่งขึ้นไปหาหัวหน้าของตน

 

“เมซ่ามาหาท่านค่ะ ดูท่าจะมีเรื่องสำคัญ”

 

มายาพยักหน้ารับรู้ เธอเดินแหวกลูกน้องลงบันไดไป ปล่อยให้ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันต่อ

 

 

 

“ได้ข่าวว่าเจ้าไปแพ้ให้กับคนของหน่วยพยัคฆ์” ชายผมสั้นส่งสายตาเข้มมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า

 

“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย” ปราณพูดอย่างไม่สบอารมณ์พลางหันหน้ามองไปทางอื่น

 

“ข้าเคยบอกเจ้าหลายครั้ง ให้ฝึกเชิงดาบและการหลบหลีกให้คล่องอย่ามัวไปเสียเวลากับมีดสั้น เจ้าช้าเป็นหอยทากเช่นนี้มีแต่จะทำให้เสียเปรียบ” เขากล่าวเสียงดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย

 

“มันเรื่องของข้า!” หญิงสาวยังเถียงต่อ

 

ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น เพื่อพูดกับอีกฝ่ายให้ชัดเจน คล้ายอาจารย์กำลังสอนศิษย์

 

“ที่ข้าเคยสอนไป เจ้าจำได้สักเรื่องไหม การใช้อาวุธของเจ้ามันไร้รูปแบบ เพราะเจ้าไม่ยอมฝึกจริงจังสักที”

 

“ทำไมเจ้าชอบพูดจาดูถูก ทำร้ายจิตใจข้าอยู่เรื่อย!”

 

“ข้าไม่ได้ดูถูก ข้าแค่อยากให้เจ้าเก่งขึ้นถึงได้บอกให้เจ้าติดตามหัวหน้าไปทำงานด้วยบ่อยๆ แล้วเรียนรู้จากนางให้มาก” อัคนีพยายามใจเย็นกับคนตรงหน้า เพื่อให้เธอเข้าใจถึงความหวังดี

 

“แต่ข้าไม่เหมือนหัวหน้า! นางฝึกอาวุธมาทุกรูปแบบตั้งแต่เด็ก ต่อให้เป็นมือเปล่านางก็ยังชนะได้!” หญิงสาวตัดพ้อพร้อมกับสะบัดหน้าหนีเตรียมออกวิ่ง แต่ชายหนุ่มคว้าแขนเธอเอาไว้ได้ทัน

 

“เจ้าทำได้ดีแล้วปราณ ไม่อย่างนั้นหัวหน้าคงไม่วางใจคอยให้เจ้าอยู่ใกล้ๆ บ่อยเช่นนี้”

 

อัคนีกล่าวพลางเอื้อมมือไปจะลูบศีรษะของหญิงสาว แต่เธอรีบผละออกแล้วปัดมือชายหนุ่มทิ้ง

 

“ขอบใจเจ้าที่คอยสั่งสอนข้านะรุ่นพี่” หญิงร่างบางกล่าวประชดประชัน พร้อมโค้งคำนับให้เขาหนึ่งทีแล้วเดินจากไป

 

อัคนีมองตามหลังของหญิงสาวผู้ดื้อรั้นอย่างเหนื่อยอ่อน แต่เดิมปราณและเมซ่าเคยอยู่หน่วยเต่าแห่งปราชญ์ แต่ทั้งคู่ขอย้ายตามมายาหลังจากที่หญิงสาวได้มาประจำการที่นี่ถาวร

 

แม้คะแนนการต่อสู้ของปราณจะผ่านเกณฑ์สามารถย้ายได้ แต่เมื่อไม่ได้ฝึกมาเพื่ออยู่หน่วยมังกรทมิฬตั้งแต่แรก ทำให้ทักษะของเธอด้อยกว่าผู้อื่นไปมาก ถึงกระนั้นอัคนีก็ยังคอยช่วยสอนการต่อสู้ให้เธอมาตลอด เพื่อไม่ให้คะแนนประเมินทักษะการต่อสู้ของเธอตกต่ำ จนต้องกลับไปอยู่หน่วยเต่าแห่งปราชญ์เช่นเดิม

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา