พี่จินหยุดแปลก

-

เขียนโดย Scave

วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.47 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  1,495 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 09.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ....

 

แกร๊ก......

 

ผมปิดไอ้เสียงที่น่ารำคาญไปอย่างรวดเร็วให้ตายสิชาวบ้านเขาจะหลับจะนอนกันมึงก็เสือกจะดังอีกเนาะ...

 

05.30น. 

 

ผมขยี้ตาเล็กน้อยเพื่อปรับดวงตาให้ชินกับแสงหน้าจอ...อืม...นอนอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไรผมคิดเช่นนั้นนะ...

 

แต่ทว่า...พอลืมตามาอีกทีก็ปาไปจะเจ็ดโมงเช้า...ชิบหายแล้วนี่ผมจะไปเรียนสายแต่วันแรกไม่ได้นะโว้ย....ผมรีบถอดเสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อยจึงรีบมุ่งหน้าตรงไปยังมหาวิทยาลัยแก่งหนึ่งซึ่งผมสอบเข้าได้...ความพยายามไม่เคยทำให้เราผิดหวังจริงๆผมอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วงเป็นเวลาหลายเดือนท้ายที่สุดผก็สามารถเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์  เป็นสาขาโลจิสติกส์์ครับผมชื่นชอบมากๆเลยล่ะ

 

เอ...จะว่าไปโม้มาตั้งนานผมก็ยังไม่ได้แนะนำตัวถ้าอย่างนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา...ขอแนะนำตัวเลยแล้วกันนะครับ

 

ผมชื่อ หรรษกร รัตนพิมานกุล เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 นะครับ ขอย้ำชัดๆว่าชื่อผมอ่านว่า หัน-สะ-กอน ไม่ใช่ หัด-สะ-กอนแต่อย่างใดนะครับ

 

ที่บอกไม่ใช่อะไรหรอกครับ...สมัยมัธยมครูเรียกชื่อผมผิดประจำ...หรรษกรนั้นผมก็เคยถามแม่นะครับว่ามันหมายถึงอะไรซึ่งแม่ก็เล่าว่ามันมีความหมายว่า ผู้สร้างความรื่นเริงยินดี  ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพอผมเกิดมาคนที่บ้านก็มีความสุขอย่างมากก็เลยเป็นที่มาของชื่อนี่แหละครับ

 

เอ้อ...แล้วมีอีกอย่างหนึ่งที่ผมลืมบอกไปผมมีชื่อเล่นว่า...มินนะครับ...รูปหล่อ...พ่อรวยแต่ดวงซวยบ่อยๆ

 

ผมมาถึงมหาลัยในเวลา 8.00น.พอดีเป๊ะต้องขอบคุณความไวของตัวผมเองแต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะมาภูมิใจในตอนนี้เพราะว่าผมติดวิถีชีวิตมัธยมมากไปจนลืมว่า....มหาลัยมันคนละเรื่อง..วิชาแรกเขานัดเรียน 09.00น. ฮือๆๆๆกูรีบมาทำไมเนี่ย

 

"ว่าไงเพื่อนมินมายืนทำหน้าทำตาอะไรก็ไม่ร้ใครมาเห็นก็คงขำเป็นแน่555" เสียงของเอสเอ่ยถามขึ้นมา...เอสเป็นเพื่อนที่ผมรู้จักคนแรกครับมันเป็นคนที่เฟรนลี่พอสมควรเรียกได้ว่าเดินเข้ามาถามชื่อผมก่อนเลยทีเดียว

 

"ก็กูมาเร็วเกินอ่ะดินึกว่ายังอยู่มัธยมเสียเวลานอนชิบหาย"

 

"555ไม่แปลกคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้อะไรที่มันเคยทำบ่อยจนชินน่ะมันจะเป็นแบบนี้แหละ"

 

"เออว่าแต่ว่ามึงมาทำอะไรวะ...มาเร็วชิบหาย"

 

"อยู่บ้านกูเหงาอะเลยมามหาลัยดีกว่าอาหารตาเยอะดีมีแต่สวยๆ" นั่นไงคิดไว้แล้วไม่มีผิดเปิดเทอมวักแรกเปรียบเสมือนวันหาคู่ยังไงยังงั้นเรียกได้ว่ารุ่นพี่มามหาลัยเร็วผิดปกติเลยทีเดียวเพื่อมาดูรุ่นน้องเฟรชชี...ย้ำนะครับว่าที่มหาลัยผมส่วนที่อื่นไม่รู้เป็นหรือเปล่า

 

"เออว่าแต่มึงจำได้ไหมว่าเขานัดรวมรุ่นน้องวันไหน"

 

"น่าจะพรุ่งนี้ว่ะเพราะตามตารางเห็นบอกเป็นวันต้อนรับน้องปี 1"

 

"วิศวะกูว่าคงต้องรับโหดแน่เลย"

 

"ไม่น่าว่ะมึงสาขาเราไม่ค่อยเท่าไหร่น่าจะแค่มีการขยับเขยื้อนพอเป็นพิธี"

 

"แล้วพวกรุ่นพี่เรามี...." ผมยังไม่ทันจะพูดจบดีก็มีเสียงผู้หญิงกรี๊ดกันดังสนั่น..สาบานว่าไอ้คนที่ถูกกรี๊ดใส่ไม่รู้ตัว

 

กรี๊ดดดด.....หล่อจังมึง

 

เออหล่อจริงมึงว่าที่พ่อของลูกกู

 

คนนี้ของกูจ้า

 

ผมหันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเสียงกรี๊ดก็ปรากฏว่าเป็นผู้ชายใส่ช็อปวิศวะเดินอย่างปกติแต่ด้วยใบหน้าที่หล่อราวกับไอดอลเกาหลียังไงยังงั้นมันเลยเสริมส่งให้น่ามองไปอีก

 

จากการประเมินด้วยสายตาของผม...ผมคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เป็นแน่และที่สำคัญคงต้องเป็นสาขาของผมด้วย

 

"เชี่ย...หล่อสัดเอาซะกูหมองหมด" ไอ้เอสพูดอย่างตะลึงในความหล่อ

 

"ใครวะมึงรู้จักไหม"

 

"ทำไมกูจะไม่รู้นี่อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้จัก"

 

"ก็เออสิถ้ารู้กูจะถามมึงทำไม"

 

"โห...ไอ้มินมึงมันไม่รู้จักสอดรู้สอดเห็นบ้างวะ"

 

"ใช้คำว่าเสือกจะดีกว่านะกูว่า"

 

"เออ...ช่างเถอะกูจะบอกให้มึงฟังแล้วก็จำไว้ซะคนนี้คือพี่จิน ปี2 เรียกได้ว่าเป็นดาราเกาหลีแห่งวิศวะโลจิสติกส์ของเราผู้คนกล่าวขานความหล่อพี่แกอย่างล้นหลามเรียกได้ว่าแพร่กระจายไปยังมหาลัยอื่นเลยทีเดียว...จนแกได้รับฉายาว่า...สิ่งมีค่าแห่งวิศวะโลจิสติกส์"  อะไรจะขนาดนั้นวะ..อยากเกิดมาหล่อแบบนี้บ้างคงจะฮอตน่าดู

 

"โห...ขนาดนั้นเลยแบบนี้แฟนพี่แกต้องสวยมากแน่เลย"

 

"พี่แกโสดว่ะ..มีข่าวมาว่าดาวมหาลัยมาจีบแกยังไม่สนใจ"

 

"โห..แกตายด้านหรอวะ"

 

"ไม่รู้ว่ะรู้แค่ว่าแกค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องเวลาสั่งลงโทษเป็นว่าเล่นแต่ไม่ได้ลงโทษโหดอะไรนักว่ากันว่าใครมาสายมีสิทธิ์เหงื่อออกกันเลยทีเดียว"

 

อะไรจะขนาดนั้นนี่ผมควรไปฟิตร่างกายไว้ก่อนเลยดีไหมเผื่อวันไหนมาสายจะได้ไม่เหนื่อยมาก

 

"ถ้าอย่างงั้นเราก็ต้องไม่มาสาย"

 

"ใช่...วันพรุ่งนี้มึงก็มาให้ไวแล้วกันไม่งั้นโดนทำโทษแน่กูคิดว่าพี่แกต้องมายืนรอกักตัวพวกมาสาย"

 

"เออ..ถ้าไม่มีอะไรขัดข้องกูมาเร็วแน่"

 

"เยี่ยม....แต่กูว่าเราไปเรียนกันก่อนเถอะเดี๋ยวอาจารย์จะแดกหัวเราก่อน"

 

"เออ..."  พอจบบทสนทนาผมกับเอสก็มุ่งหน้าสู่ห้องเรียนทันทีด้วยเกรงว่าจะไปสายเดี๋ยวอาจารย์จะโกรธแล้วด่าเรา

 

พอเรียนจบคาบบ่ายก็ไม่มีอะไรผมเลยคิดว่าจะกลับหอจะดีกว่าเพราะว่าอยู่ไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรซึ่งวันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วผิดคาดเรียนเก้าโมงปล่อย10.30 น.น่าจะเป็นเพราะเราเรียนวันแรกด้วยอาจารย์จึงยังไม่ค่อยจะสอนอะไรเท่าไหร่

 

ผมอำลาไอ้เอสเป็นที่เรียบร้อยจึงเดินทางตอนนี้รถประจำทางยังไม่น่าจะมาเยอะหรือจะพี่วินคิดไปคิดมาเรียกแกร๊บดีไหมวะ...ในขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นจู่ๆพี่จินก็โผล่มา...ผมจึงใช้วิชานินจาหลบซ่อนอย่างแนบเนียนตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าพี่แกจะไม่เห็นนะ....ราวกับว่าโชคชะตากลั่นแกล้งผมพี่แกเดินตรงมานั่งใกล้ๆกับจุดที่ผมแอบอยู่....ฮือๆๆๆตายแน่กูแต่งตัวก็ไม่เรียบร้อยอีกเห็นว่าจะได้กลับหอแล้วคิดว่าจะไม่เจอใครไหงมาเจอพี่แกได้เนี่ย

 

"ไอ้จินช่วงนี้เป็นอะไรวะดูเหม่อลอยผิดปกติ"

 

"เสือก"

 

"โอเคค๊าบพี่ผมไม่อยากรู้เเล้ว" โอ้โห...ขนาดเพื่อนพี่แกยังด่าขนาดนี้ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเป็นผมแกจะด่าขนาดไหน

 

ผมค่อยๆขยับเขยื้อนร่างกายออกมาทีละน้อยใจนึงก็อยากจะวิ่งไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่มันทำไม่ได้เพราะเดี๋ยวเขารู้ตัว....ผมนั่งรอได้ไม่นานเท่าไหร่พวกพี่แกก็ลุกไปโดยพี่จินเอ่ยขึ้นมาว่า...

 

"ไปกันเถอะพวกมึงเดี๋ยวมีคนไม่ได้ไปไหนกันพอดี" ใครกันวะที่พี่แกหมายถึงคงไม่ใช่ผมหรอกก็ผมนั่งหลบอย่างแนบเนียนขนาดนี้พี่แกจะเห็นได้ไง

 

ช่างเถอะ...เอาเป็นว่าวันนี้ผมปลอดภัยก็พอแล้ว

 

เช้าวันใหม่ไฉไลกว่าเดิมผมตื่นมาอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากกลัวไปไม่ทันรับน้องเดี๋ยวจะโดนทำโทษมันจะไม่คุ้ม...ให้ตายสิเวลานี้มันไม่มีรถรับส่งเลยหรอปกติมันจะมีตลอดนะทำไมวันนี้ถึงไม่มีล่ะเวลาเร่งรีบนี่อะไรที่เคยมีมันหายไปหมดเลยหรือยังไง

 

และแล้วก็เป็นไปตามคาดผมมาสายเสียจนได้เดินเข้ามาก็เห็นพี่จินกับเพื่อนๆยืนกอดอกมองมาด้วยหน้าตานิ่งๆเรียกได้ว่าเดาไม่ออกเลยทีเดียวว่าพี่แกคิดอะไร...โอย...พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย

 

"ทำไมมาช้า!" เสียงของพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นทำเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจแกตะโกนเล่นเอาพวกคนที่มาก่อนเป็นต้องหันมามอง

 

"คือมันไม่มีรถรับส่งเลยครับผมเลยมาสาย"

 

"เหตุผลไม่หนักแน่นพอต้องโดนทำโทษ"

 

"เดี๋ยว!" พี่จินเอ่ยขัดขึ้นมาทำให้พี่คนที่พูดเมื่อสักครู่นี้ถึงกับตกใจ

 

"มีไรวะมึง"

 

"ให้น้องเข้าไปได้แล้วเดี๋ยวกิจกรรมจะไม่ได้ดำเนินสักที"

 

"แต่ปกติมึงไม่เป็นแบบนี้"

 

"มันสายแล้วไง"

 

"เออไปตามนั้น"

 

ผมยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอะไรทั้งนั้นตอนนี้คือทั้งกลัว...ทั้งตื่นเต้นว่าพี่แกจะทำอะไร

 

"ยืนทำไมอยู่ล่ะยัยบื้อรีบเข้าไปได้แล้วเขารอเธอคนเดียวรู้ตัวไหม" ห๊ะ..พี่จินแกพูดอะไรของแกนี่มายัยบงยัยบื้ออะไรกัน

 

"อ๋อ...ฉันเข้าใจแล้วที่เธอยังยืนอ้ำอึ้งอยู่นี่คือเธอแอบชอบฉันสินะจึงคิดจะถ่วงเวลาเพื่อจะได้มองหน้าฉันนานๆ" เอาเข้าไป...มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดโว้ย...คือคนมันตกใจไงแล้วพี่แกเอาเซลลีบรัมส่วนไหนคิดว่าผมชอบพี่เนี่ยโอ้ย..จะบ้าตาย

 

"คือผมไม่ได้ชอบพี่นะครับ"

 

"ปฏิเสธไปก็เท่านั้นมองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเธอชอบฉัน" เดี๋ยวนะนี่หรือพี่ว๊ากสุดโหด...ทำไมพี่แกถึงได้ทำตัวเบียวอย่างนี้วะแล้วผมจะทำไงต่อดีเนี่ย

 

"น้องครับรีบเข้าไปเถอะเดี๋ยวมันจะช้า" พี่อีกคนเอ่ยขึ้นบอกผม...ขอบคุณพี่แกมากที่นำพาผมออกไปจากสถานการณ์นี้ได้

 

กิจกรรมด้านในก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับก็แค่เต้นกันสนุกสนานมีการแนะนำตัวรุ่นน้องและก็รุ่นพี่ด้วยพอถึงคิวพี่จินแนะนำตัวเท่านั้นแหละเล่นเอาผมปิดหูแทบไม่ทันเสียงกรี๊ดสาวๆนั้นมันดังสนั่นหวั่นไหวสุดๆ...เอาเข้าจริงๆมันก็มีสาขาอื่นมาดูเราด้วยนะก็เป็นสาวๆซะส่วนใหญ่เหตุผลไม่ต้องเดาให้ยากคำตอบก็คือ...พี่จินนั่นแหละ

 

กิจกรรมดำเนินไปได้จนเเล้วเสร็จก็มีการจับสายรหัสซึ่งคำใบ้ที่ผมได้รับก็คือ...มนต์รักลูกทุ่ง...คำใบ้อะไรก่อนเนี่ยพอค้นหาในเน็ตมันก็เป็นภาพยนตร์แล้วประเด็นคือปีพ.ศ. 2513 ด้วยนะใครกันวะจะรู้จักหนังเรื่องนี้..แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

 

กิจกรรมแล้วเสร็จบรรดานักศึกษาก็พากันเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะว่าช่วงบ่ายไม่มีเรียนแล้วจะมีเรียนอีกทีก็พรุ่งนี้เช้าคนจึงเห็นควรว่ากลับไปพักผ่อนจะดีกว่าซึ่งบางคนก็ไปเดินห้างผ่อนคลายตามวิถีแนวทางของบรรดานักศึกษานั่นแหละและแน่นอนว่าผมก็จะกลับเช่นกันแต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งผมดันเดินไปพบกับพี่จินซึ่งเป็นคนที่ผมพยายามจะหลบหน้ามากที่สุดเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อเช้านี้

 

พี่แกยืนกอดอกรออยู่ด้านหน้าแล้วครับซึ่งมันเป็นทางเดียวที่จะเดินออกไปหน้ามหาลัยได้คือถ้าเดินกลับหลังมันก็ออกไม่ได้จะเป็นกำแพงตอนนี้ผมมีสองตัวเลือกคือปีนกำแพงออกไปกับเดินไปเผชิญหน้ากับพี่จิน...ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องเป็นตัวเลือกที่ 2 ตัวเลือกที่1ใครจะปีนได้กำแพงสูงจะตาย

 

แต่ดูเหมือนผมจะคิดอะไรได้ผมก็แค่นั่งรออยู่แถวนี้เดี๋ยวพี่แกยืนรอนานแล้วเมื่อยขาก็คงไปที่อื่นเองแต่นั่นมันก็เป็นความคิดที่ผิดเพราะว่าผมนั่งอยู่เป็นเวลาประมาณ 30 นาทีแล้วพี่แกก็ยังไม่ไปไหนผมก็ง่วงนอนด้วยสิเอาวะเป็นไงเป็นกันต้องลองเสี่ยงดู

 

ผมเดินมุ่งหน้าไปทางที่พวกพี่จินยืนอยู่แล้วก็เดินผ่านพวกพี่แกไปซึ่งมันทำให้ผมโล่งใจไปขณะหนึ่งแต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาออกไปได้ถึง 10 ก้าวพี่แกก็ส่งเสียงเรียกผมเสียก่อน

 

"ยัยบื้อ...จะไปไหน" นั่นแหละไม่ต้องคิดหรอกว่าเขาเรียกใครเพราะว่าในตอนนี้มีแค่ผมและพี่จินกับเพื่อนๆเท่านั้นยังไงพี่แกก็ต้องเรียกผมผมทำใจดีสู้เสือหันหน้าไปหาพี่แกที่ยืนกอดอกยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่

 

"ผมชื่อมินครับไม่ใช่ยัยบื้อ"

 

"ตอบไม่ตรงคำถาม" พี่แกพูดพร้อมกับยักคิ้วไปด้วย...ฮือๆๆๆภาพพี่ว๊ากสุดโหดหายไปจากหัวผมทันทีทำไมพี่แกถึงได้แปลกขนาดนี้

 

"ผมจะกลับหอครับง่วงนอนแล้ว"

 

"คิดถึงฉันก็บอกไม่เห็นต้องกลับไปนอนฝันถึงเลยนี่" ผมว่าถ้าพี่แกไปเกิดในยุคของศิลปะในสมัยคลาสสิคหรือว่ายุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการพี่แกคงมีชื่อเสียงมากๆคนนึงเลยล่ะก็จินตนาการล้ำเลิศขนาดนี้

 

"พี่ดูปากผมนะครับคือผมไม่ได้ชอบพี่และก็ไม่คิดที่จะกลับไปฝันถึงพี่ด้วย"

 

"เห้อ...ปากแข็งนักนะฉวีวรรณ" เฮ้อ...เอาเข้าไปตกลงกูมีกี่ชื่อกันแน่เนี่ยแล้วดูแต่ละชื่อโบร๊าณโบราณ

 

"ผมไม่ได้ปากแข็งผมพูดความจริงผมไม่ได้ชอบพี่แล้วก็ไม่สนใจตัวพี่เลยพี่น่ะคิดไปเอง"

 

ผมพูดจบพี่แกก็หยิบกระดาษมาแล้วก็เอาปากกาเขียนลงในกระดาษซึ่งผมไม่รู้ว่าพี่แกเขียนอะไร

 

"อ๊ะ...เอาไป"

 

ผมมองดูข้อความในกระดาษปรากฏว่าเป็นตัวเลข 10 หลักถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นเบอร์โทรศัพท์แล้วพี่แกจะเขียนเบอร์โทรศัพท์มาทำไมเนี่ย

 

"นี่เบอร์ฉันโทรหาได้ทุกเมื่อที่เธอคิดถึงถึงแม้เราจะอยู่ห่างไกลกันแต่ใจเรายังรักมั่นผูกพันต่อกันซึ่งนั่นเป็นความรักที่ดีที่เธอมีต่อฉัน" ฮือๆๆ...ทำไมชีวิตหรรษกรต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

 

"ครับ...แต่ผมคิดว่าคงไม่ได้โทรหรอก"

 

"ทำไมถึงพูดเช่นนั้นนี่พ่อทองก้อนส่งเธอไปเรียนที่กรุงเทพฯจนเธอลืมไอ้คล้าวอย่างฉันแล้วหรือทองกวาว" เดี๋ยว...ไอ้คล้าวอะไรก่อนแล้วทองกวาวคือใคร

 

"คือตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วครับพี่"

 

"ไอ้คล้าวสงสัยว่าทองกวาวจะหมดรักเองแล้วว่ะถึงขั้นจำอะไรไม่ได้ถึงเพียงนี้" เสียงเพื่อนพี่จินเอ่ยขึ้นมา...สรุปนี่พวกพี่เป็นกันทั้งกลุ่มเลยหรือเปล่าเนี่ยหรือแค่ตามน้ำ

 

"ใช่สิพี่มันแค่คนจนๆหาเงินสิบหมื่นมาสู่ขอน้องไม่ได้ที่ผลักไสไล่ส่งพี่ลืมทุกสิ่งทุกอย่างลืมไปแล้วหรือทองกวาวว่าเราเคยนั่งหลังไอ้ฉ่ำด้วยกันเป่าขลุ่ยร้องเพลงกันตามทุ่งนา"

 

"เอ่อ...คือผมชื่อมินครับไม่ใช่ทองกวาว"

 

"หึ...ใช่สิพอเธอเข้ากรุงเทพไปคงหลงไหลคลั่งไคล่ไอ้หนุ่มกรุงเทพจนถึงขั้นเปลี่ยนชื่อแล้วกระมัง"

 

เชี่ยไรเนี่ย.....ฮือๆๆๆ...เอากูออกไปจากตรงนี้ที

 

"เธอไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้นเธอมันแม่ร้อยใจ...พวกเราดนตรี"

 

พอพี่แกพูดเสร็จเพื่อนพี่แกก็หยิบลำโพงมาแล้วก็ต่อบลูทูธเข้ากับโทรศัพท์แล้วก็ร้องเพลงกันทันทีโชคดีว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีคนจึงไม่มีใครได้ยินเสียงพวกเรานับว่าเป็นผลดีผมจะได้ไม่อายคนอื่น

 

เห็นหน้ามันแสนขมขื่น

 

แม่เอ๋ยทรามชื่นไปเริงรื่นกับใคร

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน โย้นโย้น

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน

 

แสนทรมานจริงนะแม่ร้อยใจ

 

เกลียดนักไม่อยากมองหน้า

 

ทำทีเต๊ะท่ามันหน้าหมั่นไส้

 

แต่ก่อนเคยนอนหนุนตัก

 

เดี๋ยวนี้ไสผลักยังมาหักอาลัย

 

รักของพี่ไม่มีชูรส

 

ช่า รักของพี่ไม่มีชูรส

 

ใจน้องช่างคดละเหมือนดังมดคันไฟ

 

เห็นหน้ามันแสนขมขื่น

 

แม่เอ๋ยทรามชื่นไปเริงรื่นกับใคร

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน โย้นโย้น

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน

 

แสนทรมานจริงนะแม่ร้อยใจ

 

คนเก่าเคยเคล้าประคอง

 

ไม่ทันใจน้องจึงเปลี่ยนหน้าใหม่

 

วันทองโมรากากี

 

นับว่ายังดีกว่าเจ้าไหนไหน

 

รักของพี่นั้นมันไม่ฮิต

 

รักของพี่นั้นมันไม่ฮิต

 

มันไม่แนบสนิทและเข้าไปติดตรึงใจ

 

เห็นหน้ามันแสนขมขื่น

 

แม่เอ๋ยทรามชื่นไปเริงรื่นกับใคร

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน โย้นโย้น

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน

 

แสนทรมานจริงนะแม่ร้อยใจ

 

เพราะเธอมีรักหลายแบบ

 

พี่ว่าไม่แสบไปถึงลำไส้

 

อีกหน่อยก็คงหมดเก๋

 

เข้าโรงโปเกเที่ยวเร่ร่อนไป

 

มีรักไม่รู้จักอิ่ม

 

มีรักไม่รู้จักอิ่ม

 

ชอบให้เขาชิมแล้วเธอก็ยิ้มชื่นใจ

 

เห็นหน้ามันแสนขมขื่น

 

แม่เอ๋ยทรามชื่นไปเริงรื่นกับใคร

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน โย้นโย้น

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน

 

แสนทรมานจริงนะแม่ร้อยใจ

 

ถ้าแน่จงเอาปืนยิง

 

ให้แน่จริงจริงแล้วพี่จะแอ่นอกให้

 

ยกปืนขึ้นมายิงเสียเลย

 

อย่ามัวเฉยเมยช้าอยู่ทำไม

 

ยอมตายเสียดีกว่าอยู่

 

ยอมตายเสียดีกว่าอยู่

 

เพราะเธอเจ้าชู้จริงนะแม่ร้อยใจ

 

เห็นหน้ามันแสนขมขื่น

 

แม่เอ๋ยทรามชื่นไปเริงรื่นกับใคร

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน

 

ปล่อยให้พี่ร้าวราน

 

แสนทรมานจริงนะแม่ร้อยใจ

 

 

 

 

 

 

 

โลกนี้มันมีคนแบบนี้อยู่จริงๆหรือครับเนี่ย...ประหลาดดีแท้...มินล่ะเพลียใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา