เมืองในไฟนีออนสีเขียว Daddy Issues

-

เขียนโดย Bluedoor

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 08.55 น.

  11 บท
  0 วิจารณ์
  4,744 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565 10.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               กลิ่นควันบุหรี่ยามราตรีในบาร์แห่งนี้ยังคงเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย มันเหมือนทุกดวงไฟที่สว่างวาบอยู่ที่ปลายบุหรี่เป็นแสงไฟที่จุดประกายอะไรหลายอย่าง บางคนใช้แสงไฟนั้นจุดประกายความรู้สึกผ่อนคลายให้ตัวเองยามที่เขาต้องการทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง บางคนใช้แสงไฟนั้นปลุกอารมณ์สุนทรีที่อยู่ภายในตัวของพวกเขา เช่นเดียวกับการที่จิตกรจุดจุดสีแดงเป็นจุดแรกบนผืนผ้าใบ ตามมาด้วยการที่เขานั่งมองกลุ่มควันค่อย ๆ ลอยม้วนขึ้นไปในอากาศ ซึ่งมันไม่ต่างไปจากคลื่นของทะเลที่พัดสะท้อนกับจุดสีแดงของดวงอาทิตย์ในยามลับขอบฟ้า หรือบางคนใช้แสงไฟนั้นจุดไล่เอาความเหน็บหนาวทางจิตใจของตัวเองให้ผ่านพ้นไป เช่นเดียวกับการที่หลายคนเลือกจะเข้ามานั่งในบาร์แห่งนี้เพียงเพื่อให้ผู้คนรอบตัวที่พวกเขาไม่รู้จักได้ทุลาความเหงาของพวกเขาลงไปได้บ้าง

               ฉันยกบุหรี่ที่อยู่ในมือขึ้นมาสูบจนดวงไฟที่ปลายบุหรี่สว่างวาบ กลุ่มควันถูกพ่นออกมาจากปากของฉันเหมือนท่อไอเสียที่กำลังระบายความร้อนที่มาจากการเผาไหม้ในร่างกาย แต่ถ้าถามความคิดเห็นของฉันว่าดวงไฟที่ปลายบุหรี่กำลังจุดประกายอะไรให้กับฉัน ฉันก็คงยังตอบไม่ได้เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันดันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ฉันยังไม่เคยพบเจอมาก่อน ฉันได้แต่นั่งมองชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์พลางจิบเครื่องดื่มของเขา ฉันสังเกตว่าเขาดื่มไปหลายแก้วแล้วในคืนนี้แต่สภาพของเขากลับดูปกติ ไม่มีอาการยอมแพ้กับน้ำเมาเหล่านั้นแม้แต่น้อย

               ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางอยู่ในเสื้อสีดำแขนยาว แขนขาของเขายาวรับกับความสูงได้สัดส่วน กางเกงยีนส์ขาดที่เขาใส่อยู่มันยิ่งขับเน้นความลึกลับน่าค้นหาและความไม่สมบูรณ์แบบของเขาได้พอดี ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นการรีบด่วนสรุปหรือไม่ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนประเภทเดียวกับฉัน คนประเภทที่ภายนอกทุกคนจะคิดว่าพวกเราสมบูรณ์แบบ แต่ใครจะรู้ว่าภายในพวกเราแทบเป็นเหมือนขนนกที่ลอยฟุ้งไปกับอดีตและความรู้สึกที่โหมกระหน่ำเหมือนพายุ

               น้ำหนักของแขนที่คล้องอยู่บนคอของฉันดึงฉันให้แนบชิดกับตัวเจ้าของลำแขนนั้น ฉันละสายตาจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เอาเข้าจริงฉันแทบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในอ้อมแขนของชายที่อายุมากกว่าฉันจนเกือบจะเป็นพ่อของฉันได้ แต่นั่นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ถ้ามันทำให้ฉันสามารถลืมตาอ้าปาก ท้องไม่หิวจากการอดอยากภายในโลกที่เป็นสีเทาจนเกือบเป็นสีดำใบนี้ได้

               “มองอะไรอยู่?”

               ชายชราถามฉันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในขณะที่เขากระซิบอยู่ที่ข้างหูของฉัน

               “ไม่มีอะไรค่ะ”

               ฉันไม่ได้โกหกอะไรเขาแม้แต่น้อย เพราะมันไม่มีอะไรจริง ๆ แม้แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด

               ‘พี่ธีร์’ เขาคือชายเกือบชราที่นั่งอยู่ข้างฉัน เอาเข้าจริงฉันแทบจำไม่ได้แล้วว่าอยู่กับเขามานานเท่าไร มันคงเป็นตั้งแต่ที่ฉันหนีออกจากบ้านมาสู้กับโลกนี้เพียงลำพัง ฉันทำงานอยู่ในบาร์ แต่ไม่ใช่บาร์แห่งนี้หรอก จนกระทั่งฉันมาเจอกับพี่ธีร์ ครั้งแรกที่เราเจอกันฉันรับรู้ถึงความอันตรายของเขาโดยที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ดวงตาของเขาแม้จะดูเย็นชา แต่ร่องรอยตามกาลเวลาบนใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณดวงตามันยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ปากทรงกระจับได้รูปไม่เคยถูกยกยิ้มเลยแม้แต่น้อย มีเพียงหนวดของเขาที่ถูกตัดแต่งอย่างสวยงามที่มักจะยกงุ้มอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวดำเนินต่อไปพี่ธีร์ยังคงมาที่บาร์ที่ฉันทำงาน และฉันก็มารู้ทีหลังจากเพื่อนร่วมงานว่าเขาเป็นมือปืนเก่าให้กับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในเมืองนี้

               ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาจึงเลือกที่จะมาสานสัมพันธ์กับกับเด็กผู้หญิงที่เป็นพนักงานเสิร์ฟอย่างฉัน แต่สุดท้ายเขาก็พาฉันออกจากบาร์แห่งนั้นแล้วก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี (ฉันหมายถึงเขาไม่เคยทำให้ฉันต้องหิว หรือเขาไม่เคยทำให้ฉันไม่เคยไม่ได้สิ่งของใด ๆ ) แต่ถ้าถามถึงความสุข มันค่อนข้างที่จะตอบยาก ถ้าความสุขมันคือการต้องแลกกับความเจ็บปวดอะไรบางอย่าง ฉันก็คงมีมันล่ะ ฉันคิดพลางมองรอยช้ำที่แขน

               เรื่องบางเรื่องเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับชายหนุ่มนิรนามคนนั้น ฉันคาดหวังไว้ในใจว่าเมื่อฉันหันกลับไปมองที่เคาน์เตอร์บาร์ฉันจะเห็นเขานั่งอยู่ที่เดิม แต่เปล่าเลย ไม่มีแม้เงาของชายหนุ่ม เขาหายตัวไปเหมือนความฝันชั่วพริบตาตื่น แสงไฟนีออนหลากสีในบาร์แห่งนี้ยิ่งทำให้ที่นี่เหมือนความฝันมากขึ้นไปอีก ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลยนะ? เขาเป็นใครกัน? แล้วเราจะเจอกันอีกครั้งหรือไม่?

 

               ในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่บนรถเปิดประทุนรุ่นคลาสสิคที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเฉพาะคนพิเศษเท่านั้น แต่ใจผมกลับไม่ได้อยู่บนท้องถนนหรือแม้แต่บนรถคันนี้เลย…เธอคนนั้นคือใครกัน? ผมรู้ว่าเธอกำลังแอบมองผมอยู่ ในตอนแรกผมไม่ได้สนใจ เพราะใคร ๆ ก็มองผมกันทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าผมเป็นของใคร ผมหันไปมองชายวัยเกือบ 50 ปีแต่ยังรูปงามเหมือนดาราภาพยนตร์ ใบหน้าแบบคนตะวันตกยังคงจ้องมองอยู่บนท้องถนน ดวงตาสีฟ้าของเขาไม่ต่างอะไรไปจากสีของน้ำทะเลบริเวณที่ลึกที่สุด ผมของ ‘เดวิด’ ปลิวไสวไปกับสายลม ผมชอบมองผมของเขา มันเป็นผมสีเทาด้วยอายุที่มากแต่ไม่รู้ทำไมมันช่างมีเสน่ห์กว่าคนผมดำที่อายุ 20 ต้น ๆ อย่างผมเป็นอย่างมาก

               โดยปกติแล้วเดวิดจะไม่ค่อยปล่อยให้ผมออกมาข้างนอกเพียงลำพัง เพราะเขารู้ว่ามันอาจจะเป็นอันตรายกับผม ทุกคนต่างรู้ว่าเดวิดเป็นผู้มีอิทธิพลมากแค่ไหนในเมืองนี้ เรียกได้ว่าเขาคือพ่อค้ายาลำดับต้น ๆ ที่พวกตำรวจต้องการตัว แต่พวกนั้นก็ไม่มีน้ำยามากพอที่จะทำ อาจเป็นเพราะอำนาจเงินที่คอยปิดหูปิดตาพวกนั้นอยู่ ซึ่งผมอาจจะเป็นจุดอ่อนของเดวิดและเขาก็รู้ดี ในขณะที่ผมนั่งอยู่ในบาร์แห่งนั้นมีบอดี้การ์ดสองคนนั่งแฝงอยู่ในฝูงชน จนกระทั่งเดวิดขับรถมารอรับผมอยู่ที่ประตูทางเข้า พวกบอดี้การ์ดก็พาผมออกไป

               “ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา…ชอบไหม?”

               เดวิดถามผมในขณะที่เขาละมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัยมากุมมือผมไว้ ก่อนที่เขาจะหันมาสบตากับผม

               “ชอบครับ”

               ผมโกหกคำโตออกไปทั้ง ๆ ที่ในใจผมไม่รู้สึกชอบมันแม้แต่น้อย การที่ได้มาเที่ยวแต่มีคนมานั่งเฝ้าเหมือนเด็กมันจะไปสนุกอะไร

               “งั้นคืนนี้นายต้องให้รางวัลฉันบ้างแล้ว”

               รถเปิดประทุนคลาสิควิ่งลัดเลาะเรียบชายหาดไปในความมืด เสียงของคลื่นทะเลกับกลิ่นเกลือมันทำให้ผมแทบจะฟังประโยคหลังไม่ถนัด ผมไม่ได้ตอบสิ่งใดกับเดวิดเพียงนั่งมองข้างทางอยู่อย่างนั้นจนรถคันนี้พาเรากลับมาที่คฤหาสน์หรูบนเนินเขาที่มองลงไปเห็นทะเล มันเป็นอาณาจักรของเดวิด พ่อค้ายารายใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัว ผมเคยสงสัยว่าการที่เขามีรสนิยมชอบผู้ชายเหมือนกันทำไมเขาถึงยังยิ่งใหญ่ได้ในวงการนี้ แต่พวกคุณต้องมาเห็นอำนาจบารมีของเขาด้วยตัวเองเองถึงจะได้คำตอบ

               ผมถูกผลักลงบนเตียงก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ของเดวิดจะค่อมร่างชายเอเชียอย่างผม กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยโชยมาเตะจมูกเมื่อเขาลดหน้าต่ำลงมาที่ซอกคอผม เขาจูบสลับกับกัดมันด้วยความหิวกระหาย และในตอนนี้ผมก็ทำเหมือนทุกครั้งที่เปลี่ยนตัวเองให้เป็นตุ๊กตาเป็นเพียงสิ่งที่ให้ความสนุกกับผู้เล่น ผมเฝ้ามองเดวิดถอดเสื้อผ้าของเขาออก ก่อนที่จะดึงทึ้งเสื้อผ้าของผมให้หลุดตามไปด้วย ผิวสีแทนของเขาส่องรับกับแสงสว่างจากโคมไฟได้เป็นอย่างดี รสจูบของเขามันยังคงทำงานกับต่อมรับรสของผม รสชาติขม ๆ ของเหล้าผสมกับกลิ่นบุหรี่มันแทบจะทำให้ผมสลายหายไปในอากาศจากไฟที่ร้อนรุ่มที่กำลังเผาไหม้พวกเราอยู่ในตอนนี้ เดวิดโอบรัดผมไว้อย่างนั้นก่อนที่เราจะให้ริมฝีปากของเราสร้างความสุขให้กันและกัน ความอบอุ่นจนเหมือนไฟที่กำลังลุกไหม้แผ่ซ่านไปทั่วแกนกลางจนผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาจากความรู้สึกใดกันแน่

เช่นเคย ค่ำคืนนี้จบลงด้วยการที่ผมกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ ทุกครั้งที่เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายผม มันทำให้ผมเจ็บปวดจนแทบจะขยับไม่ได้ เสียงอันแผ่วเบาที่มากับเสียงลมหายใจหอบกระหายกลับทำให้เดวิดมีความสุขมากยิ่งขึ้น แล้วเขาก็ยิ่งมอบสัมผัสอันป่าเถื่อนเป็นการตอบแทนให้กับผม จนสิ่งเดียวที่ผมทำได้คืออดทนให้พายุแห่งตัณหานั้นผ่านพ้นไปโดยเร็ว

               ดวงดาวยังคงส่องสว่างมาที่ผม แต่มันก็สว่างสู้กับไฟบนถนนไม่ได้ สายตาของผมยังคงจับจ้องมองออกไปที่ทะเลกว้างแทนที่จะมองมาที่เหล่าไฟนีออนหลากหลายสีจากเมืองที่ไม่มีวันหลับไหลแห่งนี้ ลมทะเลหอบใหญ่พัดควันบุหรี่จากบุหรี่มวนที่อยู่ในมือผมลอยม้วนขึ้นไปในอากาศ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ผมหลุดจากความกว้างใหญ่ของทะเล และคำถามที่ว่าจุดสิ้นสุดของมันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ซึ่งมันเป็นคำถามเดียวที่เกิดกับตัวผมว่าเมื่อไรชีวิตของผมมันจะสิ้นสุดลง

               ผมทิ้งบุหรี่ที่อยู่ในมือก่อนที่จะพยุงร่างที่ร้าวไปทั้งตัวจากระเบียงที่ผมยืนอยู่เข้ามาในห้องนอนที่มีเดวิดนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ผมก้าวอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เขาตื่น จนผมถึงห้องนั่งเล่น ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเต็มแรง เพราะรู้ว่าตอนนี้ผมคงอยู่ไกลเกินที่เดวิดจะได้ยิน บนโต๊ะตัวเล็กข้างหน้าเต็มไปด้วยผงสีขาวที่ผมมักจะมาปล่อยใจอยู่ตรงนี้เป็นประจำ ผมก้มตัวลงนำบัตรเครดิตที่เดวิดทิ้งให้ผมไว้กวาดให้ผงสีขาวเหล่านั้นจัดตัวเป็นแถวยาวก่อนที่ผมจะสูดมันด้วยมือที่สั่นเทา แววตาของผมว่างเปล่า ตอนนี้ผมได้หนีออกไปอีกโลกหนึ่งแล้ว

 

               เป็นอีกหนึ่งคืนที่ฉันมาที่บาร์แห่งนี้ ฉันตั้งใจที่จะใส่ชุดกระโปรงสั้นสีแดงให้ตัดกับไฟสีเขียวของที่นี่ เผื่อว่าฉันจะเจอเขาคนนั้นอีกครั้ง เขาคนที่เมื่อวานฉันเห็นนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้วก็ไม่มีแม้เงาของเขาปรากฏ ถ้าถามว่าทำไมฉันไม่กลัวว่าชายที่เกือบชราอย่างพี่ธีร์ที่มากับฉันจะจับได้หรือ? ฉันก็ตอบได้เลยว่ารอให้เขาหันมาสนใจฉันสักนิดหนึ่งก่อนเถิด เพราะทุกครั้งเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินเหล้าอยู่อย่างนั้น และทำเหมือนว่าฉันเป็นเพียงทรัพย์สินชิ้นหนึ่งของเขา

               ฉันกระซิบข้างหูพี่ธีร์เพื่อบอกว่าฉันจะเดินไปสั่งเครื่องดื่ม แต่พี่ธีร์ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ฉันเดินฝ่าผู้คนไปที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วสั่งเหล้าจินกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม แต่ระหว่างที่ฉันรอเครื่องดื่มฉันก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงชายปริศนา

               “วันนี้ผู้ชายคนั้นไม่มาเหรอ?”

               “ครับ?”

               บาร์เทนเดอร์หนุ่มทำหน้าสงสัยเพราะไม่รู้ว่าฉันกำลังพูดถึงใคร

               “ก็ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ที่นั่งตรงนี้เมื่อคืนไง”

               บาร์เทนเดอร์หนุ่มหยุดคิดไปสักพัก ก่อนที่เขาจะยิ้มมุมปากเมื่อเขานึกออกว่าฉันกำลังพูดถึงใคร

               “รู้จักกันเหรอครับ?”

               “ตอนนี้ยังหรอก”

               ฉันยิ้มอย่างมีเลห์นัยมองตรงไปที่บาร์เทนเดอร์หนุ่ม

               “ถ้าคุณรู้ว่า ‘คุณจอห์น’ คือใครคุณคงไม่อยากรู้จักเขาหรอก”

               “ฟังดูลึกลับจัง”

               ฉันแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไป แต่ดูเหมือนว่าท่าทางกระหายใคร่รู้ของฉันมันจะร้อนแรงเกินไป จนทำให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มหลุดสายตาก้มลงมามองเนินเนื้อเหนือชุดสีแดงที่ฉันใส่อยู่

               “แต่ถ้าคุณอยากได้อะไรที่เข้าใจง่ายก็บอกผมได้นะครับ”

               บริกรหนุ่มส่งสายตาอย่างที่ฉันชอบตรงมาทางฉัน สายตาที่ทำให้ฉันรู้สึกกลายเป็นผู้ควบคุมเกมแห่งราคะนี้ ฉันไม่ได้ตอบโต้สิ่งใด เพียงเท้าคางมองแล้วทำการแสดงว่าฉันกำลังสนใจในตัวเขา

               “ถ้าคุณไม่รังเกียจแก้วนี้ผมของเลี้ยงคุณเองนะครับ”

               “แต่กูรังเกลียด!”

               เสียงแหบห้าวดังมาจากข้างหลัง พี่ธีร์เดินมาตอนไหนฉันก็ไม่สามารถรู้ได้ เขาโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของในตัวฉันทันที จนฉันแทบจะล้มลงกับพื้น 

               “อย่าเสือกกับคนของกู!”

               พี่ธีร์พูดด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม จนชายหนุ่มทำได้เพียงค้อมศีรษะพร้อมกับเดินเลี่ยงไป

               ฉันถูกพาออกมายังลานจอดรถข้างนอกบาร์แห่งนั้น เรียกว่าฉันถูกพี่ธีร์ลากมาถึงจะถูก เมื่อเราสองคนมาถึงที่รถ พี่ธีร์ก็ดันตัวฉันให้ชิดกับตัวรถฝั่งด้านข้างคนขับ เขานำมือที่หยาบกระด้างคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืนบีบเข้าที่ปากของฉันจนรู้สึกเจ็บพร้อมกับขยับหน้าเข้ามาชิด ก่อนเขาจะพูดด้วยเสียงต่ำที่ทำให้ฉันแทบจะหายใจไม่ออก

               “มึงเป็นของกู”

               ฉันพยายามขัดขืน และพยายามดันตัวพี่ธีร์ออกอย่างสุดแรงจนมีครั้งหนึ่งที่เขาเซจนเกือบล้ม แต่ไม่ทันที่ฉันจะหนี เขาก็พุ่งตัวเข้าบีบคอฉันจนหายใจไม่ออก ฉันพยายามดิ้นเพื่อต้องการเอาชีวิตรอด แต่พี่ธีร์ก็ยิ่งออกแรงมากขึ้นจนเขาแทบยกตัวชั้นลอยจากพื้น น้ำตาของฉันค่อย ๆ ไหลซึมออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และในที่สุดพี่ธีร์ก็ยอมปล่อยมือออกจากคอของฉัน ฉันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ทดแทนอากาศที่ขาดห้วงไปเมื่อสักครู่ พี่ธีร์เปิดประตูรถออกและยัดฉันเข้าไปในนั้น ก่อนที่เขาจะออกรถไปอย่างรวดเร็ว

               ระหว่างทางไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นนอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกเร่งจนกลบทุกเสียงบนท้องถนน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ธีร์ใช้ความรุนแรงกับฉัน ความรักของฉันกับพี่ธีร์มันกลายเป็นสิ่งที่ทรหด ในช่วงแรกที่เขาเริ่มใช้ความรุนแรงฉันรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉันก็ยอมรับมันจนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องปกติ จนบางครั้งฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าฉันได้เสพติดมันไปแล้ว เวลาเขาทุบตีฉันมันดันเหมือนกับเขากำลังจูบฉันอย่างดูดดื่ม เหมือนยิ่งเขาทำร้ายฉันมากเท่าไรมันยิ่งเหมือนเขาโอบกอดฉันแน่นขึ้นเท่านั้น และยิ่งรู้สึกว่าฉันเป็นของเขามากขึ้นเท่านั้น ฉันรู้ว่ามันไม่ปกติ แต่เขาเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกที่เละเทะของฉัน และฉันคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ถ้าขาดเขาไป เขาเคยบอกแบบนั้นซึ่งฉันก็คิดว่ามันคือความจริง

               “รู้ใช่ไหมว่าที่กูทำเพราะกูรักมึง”

               เสียงพี่ธีร์พูดดังขึ้นจากข้างหลังเมื่อพวกเราถึงบ้าน ฉันหยุดชะงักในขณะที่กำลังจะขึ้นบันได กลิ่นเหล้าที่คุ้นเคยค่อย ๆ ใกล้เข้ามาประชิดจากทางด้านหลัง พี่ธีร์ดึงตัวฉันให้หันเข้ามาใกล้ เขาละเลงจูบลงบนริมฝีปากทำให้ลิปสติกสีแดงที่ฉันทาเลอะไปทั่วใบหน้าของเราทั้งสอง เขาอุ้มฉันขึ้นไปบนห้องนอนก่อนที่เราจะบรรเลงเพลงรักกัน มันรุนแรงจนฉันรู้สึกโดดเดี่ยว ทุกห้วงสัมผัสมันเปลี่ยวเหงาจนยากที่จะอธิบาย เมื่อเขาเสร็จกิจเขาก็ขยับตัวออกไป ทิ้งให้ฉันอยู่กับอารมณ์ที่ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ในความเงียบงันกับลมหายใจถี่เร็ว อยู่ ๆ ก็ปรากฏใบหน้าของชายหนุ่มที่ฉันเพิ่งเจอเมื่อวานที่ลอยเข้ามาในความคิดอย่างที่ฉันเองก็ประหลาดใจ ความโหยหานี่มันมาจากไหนกัน? มือของฉันค่อย ๆ ขยับไปทั่วร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกความร้อนลุ่มแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่พี่ธีร์ไม่เคยมอบให้กับฉัน มันค่อย ๆ ควบคุมร่างกายจนมันทำให้ทุกอย่างวุ่นวายและสับสนไปหมด ลมหายใจถี่เร็วถูกสลับกับภาพของชายคนนั้น ทุกการเคลื่อนไหว ทุกปริศนา ทุกความเปลี่ยวเหงา มันค่อย ๆ ส่งฉันให้ได้ขึ้นสวรรค์ สวรรค์ที่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้ไปในขณะที่อยู่บนเตียงเตียงนี้

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา