Paulson พอลสัน : รักให้จำ เล่ม 1
เขียนโดย GUEST1664523924
วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 15.56 น.
แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Chapter 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
C h a p t e r 1
"นายครับ ผมวางเอกสารไว้ตรงนี้นะครับ" เควินเลขาส่วนตัวหรือเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของพอลสันกำลังจ้องมองเบาะหลังของเก้าอี้ที่เจ้านายกำลังนั่งอยู่ เพียงแต่ทำไมเจ้านายไม่หันมาแต่กลับนั่งหันหลังแทน
เมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหว เขาจึงคิดจะเดินไปดูใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง แต่เพิ่งขยับเท้าได้สองก้าวก็มีเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าทักขึ้นมา
"ไม่ต้องเข้ามา ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ"
"ครับ" เควินชะงักเท้า ตอบรับคำและยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่เบาะหลังของเก้าอี้
ผ่านไปประมาณสามนาทีเก้าอี้ตัวใหญ่ก็ถูกหมุนกลับมา ทำให้เห็นสภาพของเจ้านายที่ดูอิดโรย จมูกแดงจากการตากลมหนาวข้างนอก แถมที่ใบหน้าและเนื้อตัวยังมีรอยตุ่ม ยุงกัดให้เห็นประปราย
แค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เควินก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เมื่อคืน ตอนที่เขาเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาอีกทีก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงรีบมาเตือนเวลากับเจ้านาย แต่เคาะประตูห้องอยู่หลายนาที ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทำให้ตัดสินใจ ถือวิสาสะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง เพื่อหาเจ้านาย…
แต่ก็ต้องแปลกใจ ที่ในห้องไม่มีเงาของใครอยู่เลย เขารีบให้ลูกน้องค้นหาจนทั่ว โทรศัพท์ก็ถูกทิ้งไว้บนโซฟา คนทั้งคนจะหายไปได้ยังไง เควินกระจายคนค้นหาทั่วโรงแรมเพราะกลัวว่าจะมีคนลอบทำร้ายเจ้านาย
จนท้ายที่สุด สามชั่วโมงผ่านไป เขากลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เพื่อครุ่นคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นสายลับที่ถูกใครจ้างมาก็ได้ ถ้าตามหาเจอเมื่อไหร่ จะยิงหัวให้พรุนเลย
ขณะที่ลูกน้องกำลังค้นหาอยู่นั้น เขาก็เดินไปรูดผ้าม่านที่ริมระเบียงออกเพื่อเปิดประตูให้อากาศถ่ายเท ก็แทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ เมื่อเจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟียที่แสนน่ากลัวกำลังนั่งกอดเข่าอยู่มุมหนึ่ง มีเพียงผ้าขนหนูคลุมท่อนล่างเท่านั้น
ดวงตาคมกริบแฝงไปด้วยไอสังหารของเจ้านาย ที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าคิดเจ้าแค้นที่หนึ่ง ไม่มีทางที่สาวน้อยคนนั้นจะหนีรอดแน่
"หาได้หรือยัง"
"ครับ? " เควินเอียงคอ งุนงงกับคำถาม จนกระทั่งเจอสายตาของเจ้านายที่จ้องมองมาอย่างดุดัน ก็เข้าใจความหมายอย่างรวดเร็ว "อ่อ...เธอชื่ออิงกาญจน์ ภัทรนิธิโภคิน เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณริว เจ้าของโรงแรมห้าดาว 100 กว่าแห่งทั่วโลกครับ"
"อิงกาญจน์...คนที่...ฮัดชิ่ว!! ...ที่เคยมาคุยเรื่องขอเงินทุนนั่นนะเหรอ"
"ครับ ครั้งนั้นเธอมากับคุณริวด้วย"
"ตอนนั้นก็ดูเรียบร้อยดี...ฮัดชิ่ว!! ...แต่เมื่อคืนกลับแสบ..ฮัดชิ่ว!! ...ใช่ย่อย" พอลสันขมวดคิ้วหงุดหงิดกับอาการคัดจมูกพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว เสียดายที่เขาดันพลาดท่าเสียก่อน แถมยังโดนขังไว้หน้าระเบียงตั้งสามชั่วโมง ทำให้เป็นไข้หวัดใหญ่แล้วยังมีร่องรอยการถูกทารุณโดยยุงอีกหลายสิบตัว
ยัยตัวแสบ!! ครั้งหน้าจะเอาคืนให้เป็นร้อยเท่าเลยคอยดู
"ฮัดชิ่ว!!”
"คุณเรียว เป็นหวัดเหรอคะ"
"เปล่าค่ะ...ฮัดชิ่ว!! "
"หรือว่า มีคนกำลังคิดถึงคุณเรียวอยู่” เรียวใช้มือถูจมูกไปมาด้วยความคัน ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ใส่เลขาที่กำลังนั่งดูเอกสารการเงินของโรงแรมอยู่ในห้องทำงานของเธอ
“ถ้ามีคนด่า ก็ไม่แน่นะคะ”
“ใครจะกล้าด่าคุณเรียวกัน” เรียวหัวเราะในลำคอ
"วันนี้ในตาราง มีนัดกับคุณสมรใช่ไหมคะ"
"ค่ะ นัดไว้ตอนเที่ยงค่ะ"
"หวังว่าแผนการบริหารจะเข้าตาคุณสมรให้ร่วมลงทุนด้วยนะ…" เรียวพึมพำ
"แล้วคุณพอลสันล่ะคะ คุณเรียวจะไม่นัดแล้วเหรอ"
พอได้ยินเลขาพูดถึงคุณพอลสัน รอยยิ้มบางก็ชะงักค้างทันที ก็เมื่อคืนเธอดันไปสร้างเรื่องไว้กับเขาขนาดนั้น แล้วจะให้ไปคุยเรื่องธุรกิจอีกครั้ง คงไม่ได้แล้วแหละ อีกอย่าง ป่านนี้คงจะโดนไข้เลือดออกกินไปแล้วมั้ง
คิดไปพลางหัวเราะไปจนเลขาสาวข้างกายได้แต่มองยิ้มๆ อย่างสงสัย
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่มีๆ กับรายนั้นแบล๊กลิสต์ไปเลยแล้วกันค่ะ"
"อ้าว ทำไมล่ะคะ"
"เรียวว่าคงจะยาก" ยากขึ้นแน่ๆ ถ้ายิ่งสิ่งที่เธอทำลงไปอาจทำให้เขาแค้นฝังหุ่นก็ได้ คิดถึงภาพสุดท้ายที่เขาโมโหจนเส้นเลือดปูดบริเวณหน้าผากและลำคอแล้วละก็…ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่
ถ้าตอนนั้นเขาเปิดประตูเข้ามาได้ เธอคงกลายเป็นเหยื่อที่เจอกับราชสีห์ตัวใหญ่และโดนขย้ำจนตายแน่ๆ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบแล้ว
ย้อนกลับไปไม่นาน เรียวกับพอลสันเคยเจอกันเมื่อสัปดาห์ก่อน พ่อของเธอสามารถนัดเจอเขาได้ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว เพราะเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง ไม่มีใครสามารถนัดเจอได้นอกจากจะถูกใจเขาจริงๆ และพ่อของเธอก็ดันเป็นคนที่เขาถูกใจ เธอจึงได้มีโอกาสมาคุยงานด้วย
ตอนที่เจอกันครั้งแรก ถึงกับต้องตกตะลึงกับความหล่อเหลาที่แทบจะสะท้อนแสงออกมา กลายเป็นจุดเด่นที่ไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ เขาแทบจะไม่ได้ชายตามองเธอด้วยซ้ำ สายตาคมเข้มจับจ้องมองแต่แผนงานอย่างจริงจัง ทำให้เธออดนับถือเขาไม่ได้
ข่าวลือที่บอกว่าเขาอันตราย น่ากลัว โหดร้าย เจ้าชู้ สงสัยจะเป็นแค่ข่าวลือล่ะมั้ง...
จนกระทั่ง มีผู้หญิงร่างเล็ก หน้าอกบึกบึ้มเดินเข้ามาในห้องวีไอพี ผู้หญิงคนนั้นเดินยิ้มระริกระรี้เข้ามาเทน้ำชาและนั่งข้างๆ พอลสัน เธอมารู้ทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พ่อของเธอพามาให้เขา แถมเขายังยกยิ้มอย่างพึงพอใจอีกต่างหาก ตอนที่เธอจ้องมองริมฝีปากบาง กำลังยิ้มอยู่นั้น เขาก็เหลือบตาขึ้นมาปะทะกับเธอพอดี ทำให้หญิงสาวหลุบสายตาลงแทบไม่ทัน จากนั้นก็ได้แต่ดื่มน้ำชาแก้เก้อเขิน
การพูดคุยถึงเรื่องเงินลงทุน ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่พอลสันเตรียมตัวจะกลับ ซึ่งเขาขอเวลาในการตัดสินใจอีกสักสองสามวัน พ่อเธอก็ยินดีรอ เพราะการที่เขาไม่ได้ปฏิเสธแสดงว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จไปแล้ว 80% เป็นเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องที่พ่อเธอสามารถทำให้นักลงทุนรายใหญ่ยอมรับในโรงแรมที่กำลังจะปิดตัวลงได้
ขณะที่เรียวเดินปลีกตัวออกมา หลังจากคุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคุยกัน มันจะไม่มีอะไร ถ้าเรื่องที่คุยไม่ใช่เรื่องของเธอ
'ผู้หญิงที่มากับคุณริวคือใคร'
'ลูกสาวของคุณริวครับ ชื่ออิงกาญจน์ครับ'
'อะไรกัน ลูกสาวเฉิ่มกว่าผู้หญิงที่หามาให้ฉันซะอีก ถึงจะสวย ก้นงอน นมใหญ่ก็เถอะ เสียดายของจริงๆ’ ว่าพลางส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
อะไรคือเฉิ่ม?
เธอยืนฟังด้วยความโมโหจนหน้าแดง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครว่าเธอเฉิ่มเลยสักคน แค่เธอแต่งตัวเรียบร้อยเพราะต้องมาคุยงาน ก็ตัดสินว่าเธอเฉิ่มแล้วงั้นเหรอ แถมยังมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกายเธออีก
ให้ตายสิ!!
'แล้วเรื่องลงทุน…'
'ดูไปก่อนว่าคุ้มจะเสี่ยงหรือเปล่า'
'ครับ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่คุณริวให้มา…'
'คิดว่าไงล่ะ'
'ครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ'
เรียวแทบไม่ได้ฟังบทสนทนาที่เหลืออยู่ เพราะสมองกำลังประมวลผลว่าเธอจะจัดการเขายังไงดี
ด้วยความที่อารมณ์มาก่อนความคิดเสมอ เธอเลยจัดการจ้างคนเจาะยางรถของเขาให้แตกทั้งสี่ล้อมันเสียเลย
นั่นคือครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน
เธอหวังว่าหลังจากนี้คงจะไม่ต้องเจอกันอีกตลอดไป…
สามวันผ่านไป
โรงแรมอีเจ้น
หญิงสาวกำลังนั่งอมยิ้มด้วยความสบายใจอยู่ในห้องทำงาน เพราะเมื่อสามวันก่อนระหว่างพูดคุยแผนงานกับคุณสมร ทุกอย่างเต็มไปด้วยความราบรื่นและดูเหมือนคุณสมรจะชื่นชอบแผนงานครั้งนี้ของเธอมาก
เพราะอย่างนั้น วันนี้ก็คือวันที่เลขาของคุณสมร จะโทรศัพท์มาคอนเฟิร์มเรื่องการร่วมลงทุนกับโรงแรมอีเจ้น
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์โต๊ะเลขาดังขึ้น เรียวจ้องมองเลขาผ่านกระจกม่านบานเกล็ดอย่างรอคอย เมื่อเรียวพยักหน้าให้ เลขาก็ต่อสายเข้ามาในห้องทันที
"สวัสดีค่ะ สรุปคุณสมรว่ายังไงบ้างคะ…ว่าไงนะ!! ...ทำไมล่ะคะ!! วันนั้นดูเหมือนคุณสมรจะสนใจแผนงานด้วยซ้ำ หรือว่าเรียวทำอะไรให้คุณสมรไม่พอใจ...อะไรนะ...เดี๋ยวสิคะ…"
เรียวได้แต่นั่งอึ้งอยู่กับที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้เลขาของคุณสมรเพิ่งบอกว่าแผนงานของเธอดีมาก แต่ไม่สามารถร่วมลงทุนได้จริงๆ เหตุผลอะไรก็ไม่ยอมบอก
หมดกัน นักลงทุนรายล่าสุดของฉัน
แกร๊ก
"คุณเรียว คุณสมรว่ายังไงบ้างคะ"
"พัง พังหมดแล้วค่ะ" เรียวเบ้ปากก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้า ส่งเสียงพึมพำในลำคอออกมา พลางพยายามคิดหาความเสียหายที่เธออาจทำลงไปโดยไม่ทันรู้ตัว แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก…
เมื่อวานเธอทำตัวเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรที่ไม่เหมาะสมเลยสักนิด แล้วมันเพราะอะไรกัน
พอลสันนั่งยิ้มเยาะอยู่ที่เก้าอี้ทำงาน มือขวาลูบคางอย่างครุ่นคิด พลางฟังเควินรายงานเรื่องราวของหญิงสาวที่ทำให้เขาไม่สบายไปหลายวัน
"ผมโทรบอกให้บริษัทในเครือ แคนเซิลการร่วมลงทุนกับโรงแรมอีเจ้นแล้วครับ"
"ดี"
"อีกไม่นานเธอน่าจะมาหาเราครับ"
"กระตุ้นเธอสักหน่อยสิ" พอลสันยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
สองสามวันมานี้ เขาสั่งให้เควินไปขัดขวางการร่วมลงทุนของยัยตัวแสบ เพื่อให้เธอหมดตัวเลือกกับนักลงทุนทั้งหลายแล้วก็จะเหลือทางเลือกสุดท้าย นั่นก็คือเขานั่นเอง
เขาหัวเราะในลำคอพลางนึกถึงตอนที่หญิงสาวมาคุกเข่าต่อหน้าเพื่อขอโทษและขอร้องอ้อนวอน วันนั้น เขาจะทำให้เธอต้องชดใช้เลือดในร่างกายที่เสียไปให้ได้
เรียวขับรถสปอร์ตสีดำเข้าลานจอดรถ ก้าวเท้าเดินลงจากรถก่อนจะถอดแว่นกันแดดสีดำออก ยกมือเสยผมที่ปกคลุมใบหน้าขึ้นและเดินเข้าบ้านหลังใหญ่
"กลับเร็วจัง"
“…” เสียงทักไม่ได้ทำให้เรียวหยุดเดิน กลับกัน ยิ่งทำให้เธอเดินเร็วขึ้น นั่นยิ่งทำให้สาวน้อยที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านรู้สึกแย่ที่ถูกเมิน
"สงสัยยังหานักลงทุนไม่ได้สินะ ก็แค่ปล่อยทิ้งไป จะดันทุรังไปทำไม"
“…” ประโยคนี้ทำให้เรียวหยุดเดิน ถอนหายใจยาวๆ หันไปเผชิญหน้ากับน้องสาวต่างพ่อต่างแม่ที่กำลังยืนกอดอกพิงขอบประตูบ้านอยู่
"ทำไม? สงสัยจะพูดถูกสินะ"
“…” เรียวมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเอือมระอา ใบหน้าแสดงอารมณ์ไม่ดีอย่างที่สุด ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ทำให้สาวน้อยตกใจหน้าถอดสีและเริ่มเดินถอยหลังด้วยความหวาดระแวง
“จะ…จะทำอะไร…ฉันจะฟ้อง…”
"ดีจริงๆ ที่เธอไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของฉัน"
"อะ...อะไร"
"มันน่าอายนะ ที่มีน้องแบบสมองไม่ค่อยได้ใช้งานน่ะ วันๆ คอยแต่หาเรื่องคนอื่น ทำตัวเหมือนไม่มีคนเล่นด้วย ถ้าเหงามากนักก็ไปเล่นกับพุดดิ้งสิ ฉันว่าน่าจะเข้ากับเธอได้" พูดจบเรียวแค่นเสียงขึ้นจมูกก่อนจะเดินขึ้นห้องไป ทิ้งสาวน้อยให้ยืนงงงวยกับประโยคที่เพิ่งถูกพูดใส่
เมื่อสมองได้ทำงานอย่างหนักหน่วงแล้ว เธอถึงได้เบิกตาโตกว้าง เมื่อรู้ว่าประโยคที่เรียวพูดเมื่อกี้กำลังด่าเธออยู่
แต่กว่าจะรู้ตัว เรียวก็ขึ้นบันไดไปข้างบนแล้ว ทำให้สาวน้อยได้แต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดๆ กระทืบเท้าอยู่หน้าประตูบ้านด้วยความโกรธ
เรียวนั่งมองอีเมลที่ถูกส่งเข้ามา เป็นรายชื่อของนักลงทุนทั้งหมดที่สามารถช่วยเธอได้ด้วยอาการเหม่อลอย ที่ต้องพยายามขนาดนี้เพราะสาขาที่ขาดทุนคือสาขาที่แม่ของเธอเป็นคนสร้างขึ้นก่อนที่ท่านจะเสีย ถ้าไม่มีสาขานี้ครอบครัวของเธอก็จะมาไม่ถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ปัจจุบันจะขาดทุนจนแทบจะปิดตัวลง แต่เธอก็จะทำให้โรงแรมอีเจ้นกลับมาผงาดอีกครั้งในชื่อของเธอ
ว่าแล้วก็ไปให้พ่อช่วยดีกว่า
_________________
"หนูว่าอะไรนะ! "
"พ่อช่วยนัดคุณนิรันดร์ให้เรียวหน่อยได้ไหมคะ"
"แล้วคุณพอลสันยังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ"
"คงไม่แล้วล่ะค่ะ เขาคงไม่สนใจแล้วล่ะ"
"ทำไมคิดแบบนั้น พ่อว่าวันนั้นเขาดูสนใจนะ อาจจะต้องให้เวลาเขาคิดอีกสักอาทิตย์"
“ตอนแรกเขาบอกสักสองสามวันไม่ใช่เหรอคะ”
“ความเสี่ยงมันเยอะ เป็นธรรมดาที่นักลงทุนอย่างเขาต้องคิดถึงเรื่องอะไรหลายๆ อย่าง”
"เชื่อเรียวเถอะค่ะ เขาคงไม่สนใจแล้วแหละ"
"งั้น คุณสมรล่ะ"
"คุณสมรบอกว่าแผนงานน่าสนใจ แต่ลงทุนให้ไม่ได้ เหตุผลก็ไม่ยอมบอก"
"อะไรกัน คุณสมรคือรายใหญ่รองจากคุณพอลสันแล้วนะ แล้วรายอื่นๆ ล่ะ"
"ไม่มีใครแล้วค่ะ เพราะเงินมันสูงด้วย เขาเลยกลัวว่าจะไม่คุ้ม"
ชายวัยกลางคนจ้องมองลูกสาวที่กำลังก้มหน้างุดด้วยความผิดหวัง ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
"หนูไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยนะ พ่อส่งหนูไปบริหารสาขาอื่นก็ได้"
"แต่เรียวอยากทำด้วยตัวเอง เรียวอยากทำให้พ่อเห็นว่าเรียวก็ทำได้ ไม่ใช่คอยแต่ใช้เงินพ่ออย่างเดียว อีกอย่าง พ่อจะได้ไม่ต้องเอาจัสมินมาเปรียบเทียบกับเรียวอีก"
"ที่พ่อเคยพูดแบบนั้น ไม่ได้ต้องการให้ลูกกดดันอะไรสักหน่อย แค่จะบอกว่าถึงหนูไม่ทำอะไรเลยพ่อก็เลี้ยงหนูได้ ไม่ต้องไปลำบากแบบจัสมินหรอก"
"ก็เพราะแบบนี้ไง เรียวถึงอยากจะทำให้เห็น พ่อคะ พ่อช่วยนัดคุณนิรันดร์ให้เรียวหน่อยนะ"
"เห้อ” ริวส่ายหน้าไปมา ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากต้องตามใจลูกสาวสุดที่รักคนนี้ “ก็ได้ ไว้พ่อจะลองติดต่อให้นะ"
เรียวเดินไปจับมือของริวแล้วมองด้วยดวงตาที่บ่งบอกถึงความจริงจัง
“พ่อคะ เรียวจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่ายังไงโรงแรมอีเจ้นก็จะต้องอยู่ต่อไปในชื่อของเรียว นั่นคือสิ่งเดียวที่แม่ทิ้งไว้ให้ พ่อไว้ใจเรียวนะคะ”
“…เราพูดขนาดนี้ จะให้พ่อปฏิเสธความตั้งใจของเราหรือไง”
“ใครก็ไม่น่ารักเท่าพ่อของเรียวแล้ว รู้ไหมคะ”
“ไม่ต้องมาปากหวาน…”
“งั้น เรื่องคุณนิรันดร์ พ่อส่งเบอร์ติดต่อมาให้เรียวทางอีเมลก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเรียวจัดการเอง”
“มั่นใจว่าไหวนะ”
“อื้อ เชื่อมือลูกสาวคนเก่งคนนี้ได้เลย!!”
"พ่อนัดให้หนูไม่ง่ายกว่าเหรอ…คุณนิรันดร์เขา…"
"นัดแค่คุณพอลสันคนเดียวก็พอแล้วค่ะ พ่อต้องไว้ใจให้เรียวลองทำด้วยตัวเองบ้าง วางใจนะคะ คนอื่นเดี๋ยวเรียวดีลเอง"
"เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้พ่อจะให้เลขาส่งเบอร์เข้าอีเมลให้"
"ขอบคุณค่ะ" เรียวยิ้มเห็นฟันอย่างมีความสุขก่อนจะเดินเข้าไปหอมแก้มผู้เป็นพ่อ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันที่มือจะถึงลูกบิดประตู…
"เดี๋ยว"
"คะ" เรียวหันไปมองตามเสียง ก็เห็นสีหน้าของริวที่แสดงออกถึงความตกใจ ก็อดสงสัยไม่ได้ "พ่อเป็นอะไรไปคะ"
มือสั่นเทาของริวยื่นโทรศัพท์ออกไปให้ลูกสาวดู
เรียวรับโทรศัพท์มาดูหน้าจอก่อนที่คิ้วจะขมวดเป็นปมใหญ่
นี่มันอะไรกัน ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ
"ลูกไปทำอะไรไว้หรือเปล่า" คำถามของพ่อทำให้เธอหลุบสายตาลงด้วยความหวาดกลัว
หรือนี่ คือการแก้แค้นของเขา
เรียวมองข้อความในโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ว่าไม่ได้อ่านผิดเพี้ยนไป…
คงไม่…
'บริษัทในเครือ Red Blood ขอปฏิเสธการเข้าร่วมลงทุนโรงแรมอีเจ้นทุกกรณี'
ชัดเจน บริษัทในเครือที่ว่า ก็คงเกือบทั่วโลกเลยมั้ง เพราะเขาคือนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีอำนาจมากที่สุด แล้วเธอจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้
ไอ้บ้าเอ๊ย!!!!
.
.
.
เล่ม 1 จำนวน 737 หน้า ราคา 279 บาท
เล่ม 2 จำนวน 878 หน้า ราคา 395 บาท
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ