ลิขิตรักฎาริณจักรพรรดิ

-

เขียนโดย sasilanea

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 21.28 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  1,305 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) นิรมิตร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

สหราชอาณาจักร ค.ศ. 2000

 

คฤหาสน์สีขาวตั้งตระหง่านบนอาณาเขตเนื้อที่ประมาณ 20 เอเคอร์ ด้วยรูปแบบสไตล์ยุโรปที่ดูหรูหราโดดเด่นจึงเป็นการบ่งบอกถึงฐานะและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

ตัวบ้านสร้างขึ้นจากหินปูนที่นำเข้ามาจากประเทศอิตาลีทั้งหลัง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไฮเทคและสมบูรณ์แบบอยู่อย่างครบครัน ทุกห้องภายในคฤหาสน์ถูกออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิคและอินทีเรียดีไซด์ชื่อดังจากทั่วโลก ซึ่งนำทุกอย่างมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ

เบื้องหน้าคฤหาสน์มีบ่อน้ำขนาดยาวและกว้างใหญ่ตั้งอยู่ เปรียบเสมือนคฤหาสน์แห่งนี้มีแม่น้ำไหลพาดผ่านช่วยสร้างความร่มเย็นภายในแก่ผู้อาศัย ดอกไม้นานาชนิดต่างแข่งขันกันเบ่งบานชูช่อเพื่อเป็นการต้อนรับผู้มาเยือนด้วยมิตรไมตรี

เจ้าของคฤหาสน์หลังงามได้แก่มิสเตอร์อังเดรย์และมิสซิสดาวิกา เพนนิสเวลล์ คู่สามีภรรยาชื่อดังแห่งประเทศ ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นคู่ที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านดอลล่าห์และยังมีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกอย่าง

มิสเตอร์อังเดรย์ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเพนนิสเวลล์กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจด้านซอฟแวร์และมีบริษัทอื่นๆ ในเครืออีกมากมายที่มีสาขาแผ่กระจายอำนาจอยู่ทั่วทุกมุมโลก

ตระกูลเพนนิสเวลล์ แม้ไม่ได้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ใด แต่ด้วยคุณงามความดีที่ประพฤติปฏิบัติกันมาเป็นเวลาช้านานจากบรรพบุรุษผู้เป็นต้นตระกูลและยังสืบทอดความสามารถรอบรู้ในด้านต่างๆ ส่งมาจวบจนถึงรุ่นลูกหลาน ทำให้ตระกูลนี้จัดเป็นตระกูลที่มีผู้คนรู้จักและเคารพนับถือในระดับต้นๆ ของประเทศ

อีกทั้งชื่อเสียงยังแผ่ขยายไปทั้งในและต่างประเทศ ผู้คนต่างต้องการผูกสัมพันธไมตรีอันดีกับบุคคลในตระกูลนี้ด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่เชื้อพระวงศ์ทั้งหลายที่สืบเชื้อสายในราชวงศ์หลายพระองค์ก็ยังแสดงตัวเป็นสหายอย่างเปิดเผยอีกด้วย

ภาพหญิงสาวนอนแช่น้ำอยู่ในสระบริเวณด้านหลังคฤหาสน์ ทำให้ผู้พบเห็นดั่งต้องมนต์สะกด แม้ผู้คนที่มาคฤหาสน์หลังนี้หรือใครก็ตามที่รู้จักจะได้พบเห็นภาพเช่นนี้อยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจละสายตาและความคิดที่ว่าร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่เบื้องหน้านั้น ทำให้พวกเขารู้สึกดั่งว่าได้พบเจอกับเจ้าหญิงเงือกน้อยซึ่งหลุดออกจากเทพนิยายชื่อดังมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างไงอย่างงั้น

“ดาร์ลิงค์”

ดาร์ลิงค์ ฎาริณ เพนนิสเวลล์ บุตรสาวเพียงคนเดียวของมิสเตอร์อังเดรย์และคุณดาวิกา

หญิงสาวร่างบางวัย 16 ปี ลูกเสี้ยวจากสี่เชื้อชาติ ผู้มีเรือนร่างดั่งมาตรฐานนางแบบสากลและหน้าตางดงามไร้ที่ติ

ฎารินมีความสวยสง่าเฉกเช่นชาวเวเนซูเอลล่าและอังกฤษตามบิดา มีความอ่อนหวานน่ารักในแบบคนไทยและจีนตามผู้ที่เป็นมารดา เมื่อมารวมตัวกันอยู่ในหญิงสาวคนนี้แล้ว ย่อมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนมากมายถึงหลงรักและต้องการที่จะครอบครอง เธอผู้ที่มีพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ

ผมสีน้ำตาลทองเป็นลอนอ่อนๆ ยาวสยายล่องลอยอยู่กับสายน้ำใส ผิวขาวนวลเนียนประดุจน้ำนมชั้นดี เมื่อโดนแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องกระทบส่งผลให้ผิวผ่องเผยประกายระยิบระยับ ใบหน้ารูปเรียวสวยที่แต่งแต้มไปด้วยคิ้วที่โค้งเรียวตามธรรมชาติ จมูกโด่งเป็นสันงามสง่า ปากบางสีชมพูระเรื่อเป็นกระจับได้รูป ขนตายาวงอนเป็นแพ และภายใต้เปลือกตาที่หลับพริ้มอยู่ยังแอบซ่อนดวงตากลมโตคู่สวยสีน้ำเงินไว้ภายใน

“ฎาริณ”

ฎาริณสะดุ้งตัวหลุดออกจากภวังค์ ก่อนหน้านี้กำลังคิดถึงเรื่องความฝันเมื่อคืนอยู่ ภาพผู้ชายคนหนึ่งยื่นส่งมือมาให้ ในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือตอบรับไปยังมือแข็งแรงคู่นั้น ฉับพลันจากมือก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นงูที่แลดูคล้ายกับพญางูขนาดใหญ่มหึมาดูลึกลับมีอำนาจ สีทองสุกสกาว จากนั้นงูใหญ่ก็ตวัดตัวขึ้นมาพันรอบและรัดร่างบอบบางเอาไว้จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่กลับไม่ได้ทำอันตรายอะไรเลยแม้เพียงสักนิด แถมยังให้ความรู้สึกอบอุ่นส่งผ่านมายังภายในใจจนทำให้คลายความหวาดกลัวไปหมดสิ้น

“ฤทัย ตะโกนซะเสียงดังเชียว อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง นี่ถ้าฎาริณหูหนวกล่ะก็ ต้องมาคอยดูแลเราไปตลอดชีวิตเลยด้วย”

“โอ๋ๆ อย่างอนเลยน๊าเจ้าหญิงเงือกน้อย ก็เรียกตั้งนานแล้วแต่ฎาริณไม่ได้ยินนี่นา เราก็เลยต้องรีบตะโกนเรียกเสียงดังๆ ให้เจ้าหญิงรู้สึกตัว เพราะกลัวว่าเจ้าหญิงเงือกน้อยจะกลายเป็นฟองอากาศแล้วก็หายไปซะก่อน”

อาลิน่า หรือปานฤทัย หญิงสาวผู้มีนัยต์ตาสีน้ำตาลชวนฝัน ตัดกับผมสีทองอ่อนๆ ที่ถูกซอยไสลด์ยาวประบ่ารับกับใบหน้ารูปใข่ ผิวขาวอมชมพู ทำให้เธอดูเป็นสาวน้อยลูกครึ่งอังกฤษไทยที่น่ารักสดใสไม่น้อย

“พูดอะไรน่ะ งอนแล้วด้วย”

ฎาริณงอนง้ำใส่เพื่อนสาวที่เข้ามาทำให้ตกใจ แล้วตอนนี้เพื่อนก็กำลังทำหน้าตาทะเล้นใส่อยู่ ก่อนจะหันหน้าหนีปานฤทัยเรื่องที่ชอบล้อเลียนเธอแบบนี้อยู่เป็นประจำ

“แหม แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง ดีกันน๊าๆ”

ฤทัยยื่นนิ้วก้อยออกไปให้เป็นการขอคืนดีกับเพื่อนรัก

“ไม่”

“ดีกันเถอะนะ น๊า จะให้ทำอะไรก็ได้ ยอมทุกอย่างเลย”

ฤทัยยังคงพยายามง้ออย่างตั้งใจ เพราะกลัวว่าเพื่อนจะโกรธขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าฎาริณจะไม่เคยโกรธเลยสักครั้งก็ตามเถอะ

“ยอมทุกอย่างจริงเหรอ”

ฎาริณยอมหันหน้ากลับมาและเอ่ยถามด้วยแววตาเป็นประกาย พร้อมกับรอยยิ้มอันสุดแสนจะเจ้าเล่ห์ก็เริ่มปรากฎบนใบหน้าสวย

“จ้า ยอมทุกอย่างเลยจ้า เจ้าหญิง”

ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ฤทัยก็ไม่เคยสามารถสู้กับดวงตาและรอยยิ้มนี้ได้เลยสักครั้ง และยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีฎาริณจะเป็นยังไง เพราะฎาริณเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งน้อง เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนี้

ปานฤทัยคิดในใจ และยิ้มอย่างสดใสให้กับหญิงสาวหน้าตาน่ารัก

“โอเค งั้นก็”

จากนั้นฎาริณก็ดึงร่างเพื่อนสาวให้หล่นลงมาในน้ำทันทีอย่างรวดเร็ว

ฤทัยที่ไม่ทันได้ระวังตัว ร่วงลงมาสู่สระน้ำโดยฝีมือของเพื่อนรัก

“ฮ่าๆๆ”

เสียงหัวเราะอันสดใสของทั้งสองคนดังขึ้น พร้อมๆ กับสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสนุกสนานไม่ต่างกัน

“ฎาริณ”

ฎาริณยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกบังใบหน้าสวยให้ไปทางด้านหลัง และขานรับเสียงหวาน

“หืม ว่าไงจ๊ะ”

“เราเจอหนังสือที่ฎาริณอยากได้แล้วนะก็เลยเอามาให้ แต่ถ้าเธอไม่อยากได้แล้วงั้นเรากลับก่อนละกันนะ”

ปานฤทัยบอกจบก็รีบว่ายน้ำไปแตะขอบสระ พยุงตัวเองขึ้นให้พ้นจากน้ำทันที

“ห๊ะ อยากได้ๆ อยู่ไหนๆ รอก่อนสิ ฤทัยจ๋า”

ฎาริณร้องเรียก พร้อมกับรีบขึ้นจากสระน้ำอย่างรวดเร็ว

ปานฤทัยมองตามฎาริณที่กำลังวิ่งวนไปวนมารอบตัวเธอจนรู้สึกเวียนหัวไปหมด และก็หัวเราะออกมาอย่างขำขันกับภาพตรงหน้าของเพื่อนรักที่สุด

“ฎาริณเอ๋ย ตกลงว่านี่เธอเป็นเจ้าหญิง หรือว่าเป็นลิงกันแน่เนี่ย”

 

 

 

 จีน 300 ปี ก่อนคริสศักราช

 

แคว้นซีซวนอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เมืองหลวงของประเทศจีน ปกครองโดยสมเด็จพระจักรพรรดิหนุ่มรูปงามราวกับถูกเนรมิตขึ้นมาจากเหล่าทวยเทพ

องค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เฟย ผู้มีพระปรีชาสามารถเก่งฉกาจรอบรู้ในทุกๆ ด้าน แม้จะมีพระชนมายุเพียง 22 ชันษาเท่านั้น แต่ทุกผู้ทุกคนต่างพากันกล่าวสรรเสริญถึงพระเกียรติและชื่อเสียงกันด้วยความเคารพนับถือ จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศถึงความสามารถและความดีที่พระองค์มี

“คำนับฮ่องเต้ ทรงมีรับสั่งให้เกล้ากระหม่อมเข้าเฝ้า มีเหตุอันใดให้กระหม่อมรับใช้เหรอพะย่ะค่ะ”

เต้าชื่อเข้ามาถึงหลังจากมีรับสั่งเรียกหา และทูลถามองค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองคำหัวมังกรอย่างโดดเด่นเป็นสง่า

“ข้าฝัน และอยากจักให้เจ้าตรวจดูว่ามีความหมายเยี่ยงไร”

จากนั้นฮ่องเต้จึงเริ่มเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันที่ได้พบเห็นในยามค่ำคืนที่ผ่านมา

ในฝันนั้น วรองค์สูงหยัดยืนอยู่เพียงลำพังบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนอีกฟากของแม่น้ำปรากฏร่างบางของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่บริเวณเดียวกันกับพระองค์ เพียงถูกกั้นกลางไว้ด้วยแม่น้ำสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น พระองค์พยายามที่จะว่ายข้ามแม่น้ำไปยังอีกฟากฝั่งตามที่ใจคิดต้องการ แต่ก็ไม่อาจทำได้ดังหวัง เหมือนกับมีพลังบางอย่างมาขัดขวางเอาไว้

ส่วนฝั่งที่หญิงสาวยืนอยู่ ภาพวิวทิวทัศน์ก็ช่างดูแปลกตาซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน และแม้ว่าจะไม่สามารถทอดพระเนตรเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน แต่กลับมีความรู้สึกคุ้นเคยผูกพันอย่างประหลาด

เมื่อหญิงสาวหันมาเห็นพระองค์ที่ประทับยืนอยู่ ก็เริ่มแหวกว่ายตัวเองข้ามแม่น้ำที่ขวางกั้นระหว่างกันและกันเอาไว้มาเรื่อยๆ แต่เมื่อจวบจนใกล้จะถึงริมฝั่งอยู่แล้ว อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น นางกลับหยุดนิ่งค้างและมองพระพักตร์พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอย่างไม่ขาดสาย จากนั้นจึงหันหลังและว่ายน้ำกลับไปยังที่ๆ เพิ่งจากมา

และไม่ว่าพระองค์จะพยายามพร่ำตะโกนร้องเรียกสักเท่าไร หญิงสาวก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีกสักครั้ง

มิว่าเจ้าจักอยู่ที่ใด หัวใจดวงนี้จักขอติดตามเจ้าไป พี่จักรอคอยวันที่เจ้าคืนกลับมา

ฮ่องเต้รู้สึกเหมือนวรกายถูกแบ่งแยกออกเป็นสองซีก หัวใจใถูกกระชากอย่างรุนแรงจนเจ็บปวดร้าวระบมไปหมด แค่เพียงหวนนึกถึงความฝันที่ดูราวกับความจริงที่แสนโหดร้ายเหลือเกิน

เต้าชื่อได้ฟังเรื่องราวในความฝันจากสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสบอกจนจบ ก็เริ่มทำการลงมือตรวจสอบเพื่อทำนายทายทักตามวิธีการที่ได้ร่ำเรียนมา

ครู่หนึ่ง จึงทูลตอบต่อองค์จักรพรรดิ

“จากความฝันนั้น กระหม่อมขอกราบทูลว่าพระองค์จักได้พบกับหญิงสาวที่เฝ้ารอคอยอยู่ นางกำลังจักกลับมาอีกครั้ง แต่หากนางจากไปในคราวนี้ นางจักจากพระองค์ไปอย่างมิมีวันกลับมาอีกแล้วพะยะค่ะ”

เต้าชื่อกราบทูลด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจัง

“คนที่รอคอยกำลังจักกลับมา”

ฮ่องเต้ตรัสพึมพำเบาๆ ทบทวนสิ่งที่ท่านเต้าชื่อนักบวชทำนายออกมา พลางนิ่งคิดอย่างไม่เคยเข้าใจพระองค์เองเลยว่าทำไมจะต้องฝันอะไรซ้ำๆ แบบนี้อยู่เสมอๆ นับตั้งแต่เริ่มจำความได้ และยิ่งแจ่มกระจ่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงนี้ พร้อมกับความรู้สึกปวดแปลบที่เกิดขึ้นภายในหัวใจทุกครั้ง

ดวงพระเนตรทรงอำนาจหลับพริ้มลง ยกพระหัตถ์ขึ้นมากอบกุมเนินอกซ้ายเอาไว้ รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของดวงใจที่แรงระรัวอย่างไม่มีสาเหตุ รวมทั้งความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในความคิดและจิตใจ

หากมีโอกาสได้พบเจอกับนางที่เฝ้ารออีกครั้งจริงๆ

จะไม่มีวันยอมให้นางต้องพรากจากไปอีกอย่างแน่นอน

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา