ถ้ารักฉัน แล้วจะฆ่าฉันทำไม?
เขียนโดย tianyouxiaomei
วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 23.31 น.
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2565 17.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ความเจ็บปวดที่อ่อนหวานที่สุด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมินตราตัวสั่นตลอดเวลาที่ลงมือเก็บข้าวของทั้งหมดของตัวเองเพื่อจะเดินทางออกไปจากที่นี่ เธอต้องเผ่นกลับบ้าน ไปซ่อนอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ที่ที่ไกลจากเขา แต่สุดท้ายแล้ว แม้มือของเธอจะสั่นระริก แต่หญิงสาวกลับวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงที่เดิม แล้วเยียวยาความรู้สึกอันพลุกพล่านของตัวเองด้วยไวน์ที่อยู่ในแพนทรี
ไม่สิ เธอจะหนีไปทำไมล่ะ ปัญหาของเธอก็คือความฝันบ้าบอพวกนั้น นี่เธอตกใจขวัญหนีจนกระทั่งกลัวกระทั่งผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านมา แล้วสรุปทึกทักเอาเองว่าดวงตาของเขาคล้ายกับคนในฝัน บางทีเธออาจจะตกใจแล้วคิดไปเองก็ได้
ไม่หรอก มันเหมือนมาก เหมือนจนเธอแยกความฝันและความจริงไม่ออกแล้ว
ถึงเวลาที่เธอควรจะทำอะไรซักอย่าง อย่าลืมสิว่าเธอขอเวลาตัวเอง จากช่วงเวลาที่กำลังรุ่งเรืองที่สุดในชีวิต 3 เดือนเพื่อมาจัดการเรื่องบ้าๆ นี่
หากเขาโผล่มาจริง เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้า
บ้าน่า เธอมีชื่อเสียง มีพ่อ มีแม่ มีคนรู้จัก ด้วยยุคสมัยนี้ใครจะกล้าฆ่าคนง่ายๆ
อีกอย่างเขาดูเหมือนจะเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมที่นี่ หากเขาเป็นคนของตระกูลวินแชสเตอร์ มันก็น่าจะเป็นแบบนี้
เขาคงไม่ฆ่าเธอง่ายๆ ภายในโรงแรมของตัวเองหรอก กล้องวงจรปิดก็มี ผู้จัดการของเธอและพนักงานทั้งหลายล้วนรับรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เขาคงปิดปากทุกคนพร้อมกันไม่ได้
มินตราไม่เคยเห็นใบหน้าของผู้ชายในฝันคนนั้นเลย เพราะหมอกบ้าๆ ที่ชอบเข้ามาขวางกั้นระหว่างเราเสมอ ทั้งหมดที่บอกได้ ไม่ใช่เส้นผมที่หลอกหลายตามเชื้อชาติ หรือดวงตาต่างสี แม้กระทั่งตาสีนิลที่เธอเห็นบ่อยที่สุด แต่เป็นแววตา บรรยากาศ และสัญชาตญาณที่บ่งบอกว่า นั่นคือเขา เธอจำกลิ่นกาย ทุกตารางนิ้วบนเรือนกายของเขา หลังอำนาจยามที่เราร่วมรักกันด้วย
แต่กับติณณ์ วินแชสเตอร์ เธอเพียงเห็นหน้าเขาเท่านั้น หรือเธอจะขอให้เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกเพื่อที่จะได้มองเห็นผิวกายเขา เขาต้องด่าว่าเธอบ้าแน่ๆ
มีผู้คนมากมายในโลก ที่มีดวงตาสีนิล อันที่จริงคนเอเชียแทบจะครึ่งโลกก็มีดวงตาสีนิลทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะเธอบังเอิญเจอติณณ์ในช่วงที่กำลังทำตัวไร้เหตุผล หญิงสาวคิดพลางจิบไวน์แก้วที่ 3 เข้าไป
แต่เขาเหมือนจะจำเธอได้…บรรยากาศและแววตาของเขาบอกแบบนั้น เธอแน่ใจ
เธอมาที่นี่ เพราะต้องการพักผ่อน และหาทางจัดการตัวเอง เจ้าฝันนั่นมันจะรบกวนจิตใจเธอ มันทำลายชีวิตที่ควรเต็มไปด้วยความสดใสของหญิงสาววัย 22 ไปจนเกือบหมดสิ้น เธอหวาดกลัวที่สูง ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความฝันอันแสนสุขในช่วงที่ชีวิตกำลังพุ่งถึงจุดที่ดีที่สุดทำมันสลายหายไปเพราะความฝันพวกนั้น ให้ตายสิ เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะกลับมาใช้ชีวิตปกติให้ได้ อย่างน้อยจะต้องไม่กลัวความสูง ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลต่อการทำงานของเธอเป็นอย่างมาก
มีบางสิ่งแฝงอยู่ในนำเสียงที่เขาใช้เรียกขานชื่อเธอ แต่มันเกี่ยวข้องกับพลังเร้าทางเพศของเขามากกว่าที่จะเกี่ยวพันกับความฝันของเธอ มินตรารู้ว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เธอมีเสน่ห์ ตามที่นิตยสารต่างๆ เคยเอ่ยชม เธอดึงดูดเพศชายอยู่ไม่น้อย เส้นผมของเธอเป็นสีดำสนิท ยาวสลวย และตรงจนใครต่างก็อิจฉา ดวงตาของเธอกลมโต ขนตางอนงาม ผิวขาวจัดเพราะเชื้อสายฝั่งมารดา รูปร่างเพรียวอ้อนแอ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะสายงานของเธอนั้นไม่สามารถปล่อยให้เธอมีพุงหรือเผละได้ เธอต้องอยู่หน้ากล้องแทบจะตลอดเวลา การรักษารูปร่างเป็นส่วนหน่ึงที่สำคัญมากในชีวิตของเธอ
ตอนนี้เมื่ออาการประสาทเสียของเธอเริ่มสงบลงแล้ว มินตราจึงนึกออกว่าประกายที่เห็นในดวงตาคมกล้าคู่นั้นคือความสนอกสนใจ มิใช่การคุกคาม
เธอมาที่นี่เพื่อจัดการกับอาการทางจิตของตนเอง และหาเวลาพักผ่อน ตอนนี้เธอไม่สามารถมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ใดๆ กับใครได้ ทั้งด้วยอาการของเธอเอง ความฝันบ้าบอ และเรื่องอาชีพการงาน เธอเป็นคนของประชาชน การจะมีความรักไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอจะต้องเยือกเย็นเข้าไว้ และไม่นำพากับท่าทีเชิญชวนใดๆ ที่เขาอาจจะทอดสะพานมาให้ แล้วเขาก็จะรับรู้ได้เอง ว่าเธอไม่สนใจเขา ก็เท่านั้น
“มานี่”
มินตราหันไปตามเสียงเรียก และได้ยินชายร่างสูงยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นหลิว เป็นเขา เขายื่นมือมาให้ด้วยท่าที่เชื้อชวน เธอไม่อยากไป สัญชาตญาณทุกชนิดร้องตะโกนว่าอย่าไป วิ่งหนีไปซะมินตรา ทว่าในใจหล่อนกลับกรีดร้อง ตะโกนกลับ มันขัดแย้งกับความโหยหาและหิวกระหายที่แฝงลึกอยู่ในกายของเธอเหลือเกิน
“มาสิ” เขาเรียกอีกครั้ง ทันใดนั้นเท้าอันไม่เต็มใจของเธอก็เหยียบย่างผ่านผืนหญ้าชุ่มชื้นหยาดน้ำค้าง ชุดนอนสีขาวโปร่งบาง ที่ไม่ใช่ชุดเดียวกับที่เธอสวมก่อนเข้านอน แนบลู่กับสัดส่วนอันสวยงามของเธอ ราวกับเปลือยเปล่า ไม่ว่าจะมีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่ซักกี่ชั้น เขาก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนเนื้อตัวไร้สิ่งใดปกปิดอยู่เสมอ เธออ่อนไหว เปราะบาง
มินตรารู้ตัวว่าไม่ควรอยู่ตามลำพังกับเขา ไม่ควรเข้าไปใกล้เขาแม้แต่นิดเดียว เธอรู้ว่าเขาอันตราย แต่นั่นไม่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอได้อยู่กับเขา เธอรังเกียจตัวเองที่รู้ตัวว่าตนเองต้องการเขามากแค่ไหน จู่ๆ ความถูกต้องเหมาะสมทุกอย่างก็หายไป ไม่มีอะไรมีความหมายมากไปกว่าหญ้าเปียกๆ ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเธออีกแล้ว
เมื่อเธอเดินมาถึงตัวเขา สองหนุ่มสาวยืนประจัญหน้ากันราวกับเป็นปรปักษ์ เนิ่นนานที่ทั้งคู่ไม่เคลื่อนไหวหรือพูดจาใดๆ ต่อกัน กระทั่งมินตราคิดว่าตนอาจเป็นฝ่ายกรีดร้องออกมาก่อนเพราะความเคร่งเครียด เขาทำตัวเหมือนนักล่า เฝ้าสะกดติดตามเธอมาตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา และตอนนี้เขาก็ได้เธอมาอยู่ในมือแล้ว
ชายหนุ่มวางมือลงบนแขนเธอ สัมผัสของเขาร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลวก รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากเรียวสวยของเขา เขาสัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียดสั่นสะท้านของคนตัวเล็กกว่าเบื้องหน้า
“เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้าหรือ” เขาเอ่ยถาม สุ่มเสียงติดความขบขัน
คนถูกถามสั่นสะท้านอีกหน “ใช่” เธอตอบ ขณะพยายามเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณบุกรุกเข้ามาในความฝันของฉัน…ร่วมรักกับฉัน แล้วคุณก็…” เธอกลืนคำต่อจากนั้นลงไป นัยน์ตาไหวระริก
เขาดึงเธอเข้าไปใกล้ชิดยิ่งขึ้น จนกระทั่งเนื้อผ้าบางเบาของเธอเสียดสีอยู่กับกายเขา และความร้อนจากผิวสัมผัสของเขานั้นราวกับช่วยปัดเป่าความเย็นของยามราตรีให้หมดไป เธอยกมือขึ้นยันแผงอกเขาโดยอัตโนมัติ รู้สึกเหมือนสัมผัสแผ่นหินใต้กล้ามเนื้อแกร่ง ลมหายใจของมินตราติดขัดอย่างห้ามไม่อยู่ เธอไม่เคยสัมผัสชายใดที่แข็งแกร่ง และเร้ารอนเหมือนเขามากก่อน ราวกับเขามีชีวิตอยู่บนพื้นฐานแห่งความตายและการทำลายล้าง เธออยากจะปฎิเสธเขา อยากจะหันกายหนีไป แต่กลับอดรู้สึกราวกับตนเองเป็นลูกกวางน้อยที่อยู่ในมือของราชสิงห์
เขาปัดไล้ริมฝีปากกับเรือนผมนุ่มของเธออย่างแผ่วเบา เธอไม่เคยคาดหมายว่าจะได้รับความอ่อนโยนจากชายผู้ดุดันเบื้องหน้า “มอบกายให้ข้า” เขากระซิบ “แล้วข้าจะให้เจ้าได้รู้จักกับความเจ็บปวดที่อ่อนหวานที่สุด”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ