ถ้ารักฉัน แล้วจะฆ่าฉันทำไม?
เขียนโดย tianyouxiaomei
วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 23.31 น.
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2565 17.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3
เมื่อคืนวานเขาฆ่าเธออีกครั้ง บนหน้าฝา เขาผลักเธอลงไป ความรู้สึกทุกอย่างสมจริงเสียจนหัวใจของเธอเต้นรัว ปลายนิ้วมือเสียววาบ ในช่องท้องโหวงวูบ ความรู้สึกในดวงตาสีนิลดำสนิทนั้นสงบเยือกเย็นและเหินห่างจนน่ากลัวเมื่อเขาลากเธอไปที่หน้าฝาสูงชัน แขนของเขาแข็งแรงเหมือนเหล็กกล้าในขณะที่มินตราตะเกียดตะกายอย่างตื่นกลัวเพื่อต่อต้านพลังแขนคู่นั้น จนกระทั่งถึงปลายยอดหน้าฝา ตัวของเธอลอยละริ่วคล้ายผ้าขนหนูเก่าๆ ในมือของเขา เขาผลักเธอลงไปในหลุมดำที่มองไม่เห็นเบื้องล่าง ความตายอยู่แค่เบื้องหน้าเธอนี่เอง
มินตราสะดุ้งตื่นขึ้น เหงื่อแตกพลั่กและเนื้อตัวสั่นสะท้าน เธอรู้ตัวว่าคงแบกรับความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่ผุดขึ้นในใจราวกับจะทำให้เธอเสียสติได้อีก เขาฆ่าเธออีกแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบนสะพาน บนตึก ยอดเขา ทุกครั้งเธอตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างเสมออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หญิงสาวรวบรวมสติ ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้ตนเอง พยายามเติมเต็มช่องท้องวูบโหวงนั้นและใช้เวลาวางแผนจัดการตารางชีวิตนับจากนี้ไปอีก 3 เดือน
ทั้งที่ช่วงนี้ควรเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเธอ แต่เธอกลับต้องมาติดแหงกอยู่กับที่ ไม่อาจก้าวผ่านความกลัวไปได้ บางทีเธออาจจะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อเอาชนะความกลัวนี้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉุดหญิงสาวออกจากความคิด มือเรียวสวยเลื่อนไปแตะโทรศัพท์ ปรากฎชื่อคนโทรมาคือผู้จัดการส่วนตัวของเธอนั่นเอง
“หนูมินตรา พี่ขอโทษนะที่ต้องโทรมาในวันหยุดของหนู พอดีมีเรื่องด่วนเข้ามา” ผู้จัดการสาวใหญ่ร่างชายใจหญิงเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะพี่น้ำ มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ” มินตราเลื่อนจานอาหารเช้าแบบฝรั่งออกไป เธอผุดลุกขึ้นเดินที่หน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปยังสวนด้านนอก
“ก็เครือวินแชสเตอร์กรุ๊ปที่อยากได้เราเป็นแอมบาสเดอร์โรงเรียนเปิดใหม่ในเครือของเขาที่ประเทศนี้ เขาบอกว่าอยากจะนัดพูดคุยรายละเอียดงานกับหนูซักหน่อย พี่เห็นว่าเป็นงานใหญ่เลยว่าจะโทรมาสอบถามหนูก่อน เพราะช่วงนี้หนูเองก็หยุดพักด้วย”
“โรงแรมติดชายทะเลนั้นเหรอคะ” มินตรานึกย้อน เธอจำได้ว่าเกือบห้าปีที่แล้ว ที่ดินผืนนั้นเป็นของบ้านเธอ ชายหาดขาว เนินเขาที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่เกือบรอบ 180 องศา ตรงนั้นเคยมีบ้านพักตากอากาศของครอบครัวเธออยู่ เธอเคยชอบมาก ต้องไปทุกปีเพื่อซึมซับบรรยากาศ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เธอกลับเริ่มกลัวที่สูงโดยไม่มีเค้าลางอะไรจนไม่อยากไปที่นั่นอีก พ่อและแม่จึงตัดสินใจขายที่ดินผืนนั้นให้กลุ่มบริษัทนำมาทำโรงแรม
ต่อมาภายหลัง เธอถึงเข้าใจว่าเหจุใดตนจึงกลัวที่สูงนัก ผ่านความฝันตลอด 1 ปีนี้เอง
“ใช่ ที่นั่นแหละ จะมีกำหนดเปิดอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ พวกเขาอยากเชิญให้หนูไปพูดคุยรายละเอียด และไปชมโรงแรมเขาก่อน ถ้าหนูยังไม่มีแพลนจะลองไปพักที่โรงแรมเขาดูไหม เขาออฟเฟอร์ที่พักให้ด้วยนะ”
“รบกวนพี่น้ำส่งรายละเอียดมาได้ไหมคะ”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดให้ในไลน์นะ” ผู้จัดการสาวเอ่ยอย่างกระตือรือร้น มินตราตอบรับและเอ่ยขอบคุณก่อนจะวางสายไป
จะว่าไปเธอเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าที่ดินผืนนั้นตอนนี้จะมีโรงแรมแบบไหนตั้งอยู่ แม้เธอจะได้ข่าวมาบ้างแล้วก็ตาม ตอนที่ทำการซื้อขาย มินตราไปกับพ่อและแม่ เธอได้พบชายที่เข้ามาทำสัญญา เขาเป็นชายสูงวัย ท่าทางภูมิฐาน ทะมัดทะแมง เขาแนะนำตัวว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มวินแชสเตอร์ เมื่อครั้งนั้นเขาเคยได้เปรยว่าอยากให้เธอเป็นแอมบาสเดอร์ของโรงแรมเมื่อสร้างเสร็จ วันนี้เมื่อเขาสร้างเสร็จแล้วจึงได้เอ่ยชวนเธอไปจริงๆ
น้ำหวานผู้จัดการส่วนตัวของเธอส่งรายละเอียดงานเข้ามา เขาต้องการพบปะพูดคุยเรื่องรายละเอียดงาน และให้ออฟเฟอร์ที่พักของเธอเป็นบังกะโลเดี่ยวส่วนตัวที่หนึ่งในส่วนของโรงแรมเขา ซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก เธอตัดสินใจได้ในทันที แจ้งนัดวันเวลาที่จะเข้าไปยังโรงแรมนั้น
บางทีเธอไปพักผ่อนบ้างก็คงจะดี ในโรงแรมส่วนตัวที่ยังไม่เป็นอย่างเป็นทางการ ไม่แน่เธออาจจะหาทางทำอะไรซักอย่างกับความฝันนั้นได้
มินตราเดินทางมายังโรงแรมในเครือวินแชสเตอร์กรุ๊ปล่วงหน้าจากวันที่นัดเข้าคุยงาน 1 วัน เธอได้แจ้งกับทางโรงแรมก่อนเข้าพัก หญิงสาวสวมแว่นกันแดด แต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าสบายๆ ปล่อยผมสีดำสนิทราวกับม่านราตรีไว้ลวกๆ แต่ทุกท่วงท่าของเธอเรียกสายตาจากคนที่ผ่านไปมา ภายในโรงแรมไม่ได้มีคนมากนัก มีเพียงพนักงานที่เข้ามาจัดการความเรียบร้อย และจำลองการเปิดโรงแรมให้แขกวีไอพีที่ได้รับเชิญมา
หญิงสาวเดินเข้ามาในลอบบี้ รู้สึกประทับใจความสวยงามของสถานที่และการบริการ พนักงานสาวและหนุ่มที่คอยดูแลงานอยู่บริเวณลอบบี้หลุบสายตาลง ไม่ทำให้เธออึดอัด พวกเขารับการเช็คอินของเธอ พาเธอขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปส่งยังบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งในบริเวณโรงแรม สองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้ คล้ายเธอกำลังหลงเข้ามาในป่าอเมซอนแห่งหนึ่ง
กระทั่งรถมาจอดที่บ้านไหม้สองชั้นขนาดกระทัดรัดหลังหนึ่ง พนักงานชายและหญิงช่วยกันนำข้าวของของเธอเข้าไปเก็บในบ้าน มินตราเดินตามเข้าไปด้านในแจ้งว่าให้วางสัมภาระของเธอไว้ที่ห้องนั่งเล่นก็พอ เท้าเล็กๆ ของเธอเหยียบอยู่บนพรมลายวิจิตร ทุกอย่างรอบด้านสวยงาม หรูหรา ดูผ่อนคลาย มินตราเดินออกไปที่ระเบียงชั้นล่าง ตรงนั้นเป็นสระว่ายน้ำที่มองเห็นวิวชายทะเล เธอไม่รู้ตัวเลยว่าบ้านหลังนี้อยู่สูงมากจากพื้นดินเบื้องล่าง ขาของเธอสั่น มินตราคว้าผ้าม่านดึงปิดวิวด้านนอก
“คุณมินตราเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงพนักงานสาวดึงขึ้นอย่างเป็นกังวล มินตราพยายามควบคุมใจไม่ให้สั่น เธอเก็บอารมณ์ไว้ด้านในแล้วเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไรคะ ขอบคุณมากนะคะ”
เธอจะให้คนนอกรู้อาการของตนไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ หากคุณมินตรามีอะไรให้รับใช้ คุณมินตราสามารถกดปุ่มนี้เพื่อเรียกพนักงานได้ตลอดเวลาเลยค่ะ”
เธอกล่าวขอบคุณ มองส่งพนักงานจนละสายตา
เธอบังคับตัวเองให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติระงับความกลัว เอาละ ในเมื่อหล่อนมองวิวด้านนอกไม่ได้ หล่อนก็จะควบคุมสายตาเอาไว้ให้ดีระหว่างที่หิ้วกระเป๋าขึ้นไปด้านบน
ไม่สิ นี่อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้ ที่เธอจะได้พักผ่อนอยู่ที่นี่แล้วทำตัวเองให้ชินกับความสูง นั่นก็เป็นแค่ฝัน ที่นี่โลกแห่งความจริง ไม่มีทางที่เธอจะตกลงไปได้ เธอไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น ไม่มีเหตุใดที่เธอจะโดนเขาทำเหมือนในความฝัน เธอจะไม่ยอมให้ฝันร้ายบ้าๆ บอๆ มาคว้าเอาความเบิกบานในชีวิตของเธอได้อีกต่อไป
เมื่อหญิงสาวเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของตัวบ้าน ก็พบกับห้องนอนขนาดใหญ่ กลิ่นน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วบริเวณ จนไหล่ที่แข็งเกร็งโดยไม่รู้ตัวค่อยๆ คลายลง สายลมโชยอ่อนๆ พัดเข้ามาในบ้านก่อให้เกิดกลิ่นหอมหวานอวบอยู่ทั่วไปในบรรยากาศ มินตราพยายามทำใจแข็ง มองหน้าต่างที่เปิดโล่งเห็นวิวทิวทัศน์ท้องฟ้าเต็มๆ ตา
ด้วยความเคยชิน มิตราเริ่มรื้อเสื้อผ้าเพื่อนำไปเก็บในตู้เสื้อผ้า เธอเป็นคนพิถีพิถันเรื่องการแต่งกายมากๆ แม้จะอยู่ในลุคที่สบายเพียงใด แต่เสื้อผ้าของเธอต้องเนี้ยบทุกตัว เมื่อจัดการเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วความอ่อนล้าก็ค่อยๆ ถาโถมเข้ามา มินตรานั่งมองอย่างชั่งใจ เธอมองออกไปที่นอกระเบียงรู้สึกว่าตนเองยังจิตใจไม่เข้มแข็งพอ จึงเลือกที่จะเดินลงไปด้านล่าง ล้มตัวลงนอนทอดกายบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ผ้าม่านปิดสนิท ความสลัวครึ้มทำให้จิตใจของเธอสงบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นานมากแล้วที่เธอไม่ได้นอนหลับสนิทไม่ฝันสิ่งใด รอบด้านของเธอมืดสนิท ไม่มีไฟแม้แต่ดวงเดียว แอร์ที่ยังคงทำงานทำให้ร่างกายของเธอเย็นเฉียบ ตอนนี้คงเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แสงอาทิตย์หมดไปจากท้องฟ้า ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ดังมาจากนอกประตู แล้วตามด้วยเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน มินตราสะดุ้งใจหาย กระเด้งตัวยืนตัวแข็ง ความกลัวจนตัวเย็นเฉียบเขม็งเกลียวขึ้นในท้อง นึกไม่ออกว่าผู้ที่อยู่ตรงประตูจะเป็นใครได้
แม้ที่นี่จะเป็นโรงแรม แต่ก็ไม่ควรจะมีใครมาเคาะประตูหน้าเรียกเธอแบบนี้ พนักงานควรโทรเข้ามาแจ้ง ไม่ใช่เคาะประตูอย่างอุจอาจ แถมบังกะโลหลังนี้ยังตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างจากที่พักหลังอื่น เธอจะแน่ใจในการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ได้ยังไง เธอพลาดไปแล้ว เธอมาที่นี่โดยไม่ได้บอกใครนอกจากผู้จัดการส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดว่าจะได้รับข่าวคราวจากเธออีก อย่างน้อยก็หนึ่งสัปดาห์ เธออาจถูกฆ่าหรือถูกลักพาตัว แล้วต้องนานถึงสองสัปดาห์หรือมากกว่านั้นกว่าใครซักคนจะรู้ตัวว่าเธอหายไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ