แด่เธอ...สุดที่รัก
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) ความสุขสีเทา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทำไมทุกคนเงียบและเครียดกันขนาดนี้นะ ฉันมองหน้าทุกคนและสบตาไปที่เจมส์ประหนึ่งว่ากำลังร้องขอความช่วยเหลือให้พูดอะไรสักอย่างอย่าให้บรรยากาศมันเครียดแบบนี้ ฉันอยากให้กายได้รับแต่ความรู้สึกดีๆ เพราะที่ผ่านมากายคงบอบช้ำกับสภาพครอบครัวที่เป็นอยู่มามากเกินพอแล้ว ต่อแต่นี้ถึงเวลาของกายจะเหลือน้อยแค่ไหนฉันก็อยากทำให้เวลาที่น้อยที่สุดตรงนี้มีความหมายกับกายเพื่อให้กายได้มีความสุขที่สุด
"มึง...อึก..." เจมส์ที่เอ่ยปากพูดก่อนแต่ก็ต้องสะดุดเพราะตัวเจมส์เองก็รู้สึกสงสารคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ต่างกับทุกคนที่ยืนอยู่ภายในห้องนี้ แต่ละคนกำลังกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้แสดงอาการเศร้าออกมาทั้งที่สภาพแวดล้อมตอนนี้ถ้าบอกว่าทุกคนร้องไห้ได้คงน้ำตาท่วมห้องแน่
"เป็นอะไรกัน" กลายเป็นกายซะเองที่เป็นคนเริ่มพูดก่อน ช่วงเวลาระยะสั้นๆ ที่อาการของกายทรุดลงอย่างรวดเร็ว ฉันได้เห็นคนช่างพูดช่างกวนคนนี้กลายเป็นคนอีกคนที่เข้าใจโลกแบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน "มึง...ไม่ต้องเก็บอาการกัน...หรอก สภาพกู กูรู้ว่ามันเป็นยังไง" กายพูดด้วยเสียงที่เหนื่อยหอบ
ทีนี้ทุกคนเลยได้แต่ยืนนิ่งๆ บางคนก็เบือนหน้าไปทางอื่น บ้างก็เงยหน้ามองเพดานเพื่อพยายามเลี้ยงน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นให้ไหลกลับที่เดิมของมัน เจมส์ที่ยืนอยู่ริมกำแพงห้องก็หันหน้าเข้าหากำแพง ส่วนฟ้ารายนี้ไม่เคยเก็บอาการอะไรได้อยู่แล้วนางก็ปล่อยโฮออกมาซะอย่างนั้น
"กาย...ฮือ...ฮือ.ฮือ....." ฟ้ายังคงสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น จนฉันเองต้องเข้าไปกอดปลอบพร้อมกระซิบว่า "พอแล้วมึง เดี๋ยวคนป่วยก็ได้หมดกำลังใจอยากตายมันซ่ะวันนี้พรุ่งนี้หรอก" ฉันพูดจบก็เช็ดน้ำตาให้ฟ้าก่อนกลับมานั่งข้างกายตามเดิม
"ฟ้า...เวลากูไม่อยู่จริงๆ มึง...ก็ไม่ต้องร้องแล้วนะ" ฟ้าได้แต่สะอึกสะอื้นแล้วยืนปาดน้ำตาตัวเอง
กายมองไปที่แก๊งของตัวเอง "ไง พวกมึง ใจ...นักเลงอย่างพวกมึงร้องไห้เป็นด้วยเหรอ" กายพูดด้วยเสียงเหนื่อย
"มึง...พวกกูรักมึงนะ"
"เออ...กูรู้ ขอโทษที่ไม่บอกแต่เนิ่นๆ กูเคยคิดว่ามันจะหาย แต่ตอนนี้มันไม่หาย"
"..." ทุกคนในห้องเงียบสนิทรวมถึงฉันที่พยายามกลั้นน้ำตาให้ไม่ไหลออกมา แต่มือก็ยังจับมือกายเอาไว้อย่างนั้น
"ตอนแรกกูกลัวนะ...แต่ตอนนี้ไม่แล้ว กูมีความสุข" กายหันมามองฉันด้วยใบหน้าที่มีความสุข
"มึงดูสิ...ที่ผ่านมากูไม่เคยรู้สึกถูกรักเท่าตอนนี้เลย" กายส่งยิ้มให้ฉัน "แต่ตอนนี้...กูได้รับความรัก...เต็มที่เลยว่ะ"
ฉันมองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็นึกโทษสวรรค์ ทำไมใจร้ายกับคนคนหนึ่งได้ขนาดนี้ให้เขาได้อยู่รับความสุขให้มากกว่านี้อีกนิดได้ไหมเขาพึ่งจะ 17 เอง มีคนมากมายที่ไม่อยากอยู่บนโลกนี้ช่วยยกชีวิตคนพวกนั้นให้กายได้อยู่นานเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยไม่ได้หรือ
"ตอนนี้มึงเจ็บไหม" ฟ้าที่พึ่งจะรวบรวมสติได้เอ่ยปากถามกาย กายส่ายหัวและยิ้มให้ฟ้า ช่วงหลังๆ เหมือนกายไม่อยากให้คนรอบตัวต้องเศร้าที่ตัวเองจะต้องจากไปในอีกไม่ช้าดังนั้นกายจะยิ้มแบบอบอุ่นให้กับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมเสมอ
"กูกอดมึงได้ไหม" กายพยักหน้าและรับกอดจากฟ้า ภาพตรงหน้าทำให้ฉันเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน "กูรักมึงนะ" กายได้แต่พยักหน้าตอบรับ ส่วนเพื่อนผู้ชายคนอื่นเดินเข้ามาจับไหล่กายแล้วบีบเบาๆ "พวกกูก็รักมึง" แต่ละคนเดินมาพูดกับกายด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตาผิดกับคนที่อยู่บนเตียงกลับมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลังจากนั้นพอทุกคนได้คลายความเศร้าและพอจะนั่งคุยกันได้บ้างแต่ละคนก็งัดเรื่องนั้นเรื่องนี้ออกมาคุย ล้วนเป็นวีรกรรมเก่าๆ ของกายที่ได้ทำกับแก๊งเด็กแสบของเค้า ไม่ว่าจะไปยกพวกตีกับโรงเรียนอื่น สร้างทางลับในโรงเรียน แกล้งครูฝ่ายปกครอง
"มึงจำตอนนั้นได้ปะ ตอนที่มึงกับกูแกล้งครูฝ่ายปกครองที่เอาแก้วน้ำมาวางไว้กลางโรงอาหาร" กายนั่งฟังแบบตั้งใจ
"เออ จำได้อย่างฮา พวกกูไปเกณฑ์คนทั้งโรงอาหารมายืนล้อมวงแล้วก็โวยวายชี้ไปที่แก้วน้ำ" สีหน้าที่กายนั่งฟังเพื่อนๆ ดูมีเลือดฝาดเล็กน้อย
"อ้อ เออๆ นึกออกละ กูเห็นฝ่ายปกครองรีบวิ่งมาแต่ไกล พอแหวกวงล้อมเข้ามาได้ ทุกคนก็เดินออกจากวงกลมนั้นกันหมดปล่อยให้ฝ่ายปกครองยืนงงกับแก้วน้ำหนึ่งใบ"
เฮ้อ~ นึกว่าจะมีสาระกับเขาบ้าง ฉันฟังเรื่องเล่าของพวกชาวแก๊งของกาย ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสภาพนี้จะไปตีกับชาวบ้านแล้วชนะได้เลย ถ้าบอกว่าไปตีกับแมวข้างบ้านแล้วชนะยังน่าเชื่อซะกว่า ระหว่างที่หนักใจกับเรื่องเล่าของหนุ่มๆ ที่ตอนนี้กำลังหัวเราะกันสนุกสนาน ฉันหันไปดูเจมส์ที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้แต่นั่งนิ่งฟังพวกเขาคุยกันและมองมาที่ฉันเหมือนที่เคยทำอยู่เป็นประจำแต่เดียวนี้ฉันกลับไม่รู้สึกอะไรการจ้องแบบนี้อาจจะเป็นเพราะชินแล้ว เพราะทุกครั้งที่เจมส์มาเยี่ยมกายฉันก็เห็นสายตาคู่นั้นจ้องมาที่ฉันตลอดเวลา
กายฝืนนั่งฟังอยู่เป็นเพื่อนทุกคนที่มาเยี่ยม ฉันที่นั่งมองอยู่พอจะเดาได้ว่ากายเริ่มเพลียมากแล้วกลัวว่ากายจะฝืนกำลังตัวเองมากจนเกินไปจึงเดินไปกระซิบใกล้ๆ "อยากนอนพักไหม จะได้นอนฟังเพื่อนๆ คุยกันดีไหม" กายหันมาพยักหน้า ฉันเลยขยับหมอนให้กายหนุนนอนแบบสบายพร้อมปรับเตียงให้เอนลงนอน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเพลินกับการฟังเรื่องเล่าของเพื่อนๆ เสียจนไม่ได้สนใจการจัดที่นอนของฉันเลยแม้แต่น้อย ยังไงนายก็ยังน่าเอ็นดูในสายตาของฉันอยู่ดีกายไม่ว่าจะอยู่ในร่างกายแบบไหน จะมีอายุเท่าไหร่ ฉันน่าจะแสดงความรักแบบนุ่มนวลกับนายให้บ่อยกว่านี้นายจะได้ชัดเจนว่าชีวิตของนายมีฉันเสมอมา
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง เหมือนทุกคนจะสังเกตเห็นว่ากายเผลอหลับไปแล้วเลยทยอยขอตัวกลับและบอกว่าจะมาเยี่ยมกันอีกวันหลัง โดยมีฉันเดินออกไปส่งทุกคน
ณ บริเวณหน้าห้องผู้ป่วย
"ถ้าจะมาเยี่ยมวันหลังต้องไปที่บ้านกายแล้วนะ"
"ทำไมล่ะ" ฟ้าเอ่ยปากถามทันที
"พ่อของกายจะพากายไปรักษาที่บ้าน ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็อยากให้กายได้อยู่บ้านที่กายโตมา น่าจะอุ่นใจกว่ากายก็จะได้สบายเนื้อสบายตัวกว่านี้ด้วย"
"มึงเก่งจังวะ" ฟ้าเดินเข้ามาบีบมือฉันเอาไว้ "กูเห็นมันในสภาพนี้กูยังใจจะขาดเลย"
ฉันได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น "สู้ๆ นะมึง" ฟ้าพาฉันเดินแอบชิดกำแพงเหมือนอยากจะคุยอะไรสักอย่าง "มึงมานี่กับกูหน่อยได้ไหมกูอยากคุยแบบส่วนตัว"
"มีเรื่องอะไรวะ ไม่นานใช่ไหมกูกลัวกายตื่นมาไม่เจอกู"
"แป๊บเดียวมึง" แต่ยังไงฉันก็ยังอยากเข้าไปหากายตอนนี้อยู่ดีไม่อยากคุยกับใครเลย
"ไปเถอะครับ ผมเข้าไปอยู่กับกายให้เอง" ฉันหันไปที่ต้นเสียงเจมส์อีกแล้วที่เข้ามาช่วยฉันในเวลาที่ฉันตัดสินใจอะไรลำบาก "ขอบคุณค่ะ"
ฉันกับฟ้ามาหยุดกันอยู่ที่ร้านกาแฟร้านเดียวกับวันที่ฉันได้นั่งคุยกับพ่อของกาย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ