สะ-กด-รัก

-

เขียนโดย LaVieRosy

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.23 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,291 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Serendipity

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            การประชุมเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาสามชั่วโมง ชานัทและผู้ช่วยของเขาซักถามความต้องการของปริมาโดยละเอียด พร้อมๆกับดูภาพที่หญิงสาวถ่ายมาประกอบ สิ่งหลักที่เธอต้องการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดในเชิงโครงสร้างคือระบบความปลอดภัย ระบบไฟ ทางหนีไฟ จุดรวมพลในกรณีฉุกเฉินเพราะความปลอดภัยของเด็กๆที่มาเรียนสำคัญที่สุดสำหรับเธอ รองลงมาจึงเป็นพื้นที่ใช้งานเพื่อรองรับงานที่เปลี่ยนไปและสุดท้ายคือความสะดวกของการรับส่งเด็กนักเรียนรวมถึงการจอดรถและความสวยงาม

 

            ชานัท ลอบมองใบหน้ารูปไข่ไร้เครื่องสำอางเกลี้ยงเกลาที่เห็นรอยเลือดฝาดบริเวณข้างแก้มและลักยิ้มบุ๋มนั้นหลายครั้ง หญิงสาวไม่ได้สวยโดดเด่นเฉิดฉายแต่เป็นคนน่ารักและมีเสน่ห์ เป็นที่พูดถึงมากในหมู่หนุ่มนักเรียนไทยด้วยกันหรือแม้กระทั่งเพื่อนต่างชาติสมัยที่เรียนปริญญาโทที่อังกฤษแต่เขาไม่เคยเห็นเธอให้ใครได้ใกล้ชิดเป็นพิเศษในระหว่างที่เรียนเลย

 

            หลังจากคุยกันเรียบร้อย ชานัทจึงขอนัดหมายเข้าไปดูสถานที่ในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ปริมาอยู่ในช่วงหยุดก่อนเปิดสอนช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน หญิงสาวตกลงทันทีและแอดไลน์เขาเพื่อที่จะส่งโลเคชั่นให้ ก่อนเขาจะเดินออกมาส่งเธอถึงรถ

 

            “รถในฝันพี่เลยนะเนี่ย ซิ่งนะเรา นี่มันตระกูลรถแข่งเลยนะ”

 

            เขาเอ่ยเมื่อเห็นรถเอสยูวีสำน้ำเงินสัญชาติญี่ปุ่นของเธอที่ไม่ใช่ยี่ห้อยอดนิยมในประเทศไทยแต่มีชื่อเสียงมากในด้านความปลอดภัยและเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ

 

            “ไม่ซิ่งหรอกค่ะ ชอบสีน่ะค่ะก็เลยซื้อ สีเดียวกับโลโก้ เห็นแล้วตกหลุมรักเลย”

 

            เธอส่งยิ้มตาหยีให้เขา ชานัท รู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่กระตุกขึ้นมา

 

            “งั้นปรางไปก่อนนะคะ แล้วจะส่งโลเคชั่นมาให้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ พี่นัทให้เกียรติมาทำให้แบบนี้ อุ่นใจละค่ะ”

 

            ปริมาพนมมือยกไหว้ลาเขาก่อนจะขับรถไป ทิ้งให้ใครบางคนมองจนสุดสายตาโดยยังมีภาพรอยยิ้มกับใบหน้านวลติดในใจไปทั้งวัน

 

            ระหว่างทางกลับบ้านที่หญิงสาวจะแวะเข้าไปดูสถานที่เพื่อทำโรงเรียนอีกครั้ง หน้าจอกลางคอนโซลรถก็ปรากฏสายเข้าที่ไม่คุ้ยเคย

 

            “สวัสดีค่ะ”

 

            “สวัสดีค่ะ อาจารย์ปริมา โทรจากโรงเรียน...นะคะ”

 

            ปลายสายเอ่ยชื่อโรงเรียนสตรีล้วนใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง

 

            “พอดี อาจารย์อุ้มท่านให้เบอร์ติดต่อมาค่ะ”

 

            อุ้มหรืออรดี เป็นรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์สอนประจำในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งที่เธอทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ในตอนนี้

 

            “ทางโรงเรียนเรามีจัดการติวช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเพิ่มเติมให้เด็กๆที่กำลังจะขึ้น ม.6 เทอมหน้า วิชาหลัก วิชาละสองชั่วโมง ไม่ทราบว่าอาจารย์พอจะว่างมาสอนให้กับเราได้ไหมคะ เรื่องค่าตอบแทนให้ตามเรทที่อาจารย์ได้รับที่มหาวิทยาลัยค่ะ”

 

            น่าสนุก ปริมาคิดในใจ เธอเองก็ยังไม่มีแผนการจะเปิดคอร์สใดช่วงซัมเมอร์นี้เพราะบอกยกเลิกสัญญาเช่ากับเจ้าของอาคารไปแล้ว ด้วยความปวดหัวกับปัญหาเรื่องที่จอดรถและอยากพักบ้าง หลังจากที่สอนติดต่อกันมาตลอดปีการศึกษา

 

            “เข้าไปสอนสัปดาห์ละกี่วันคะ อาจารย์”

 

            “สองวันค่ะ พุธกับศุกร์ช่วงเช้าค่ะ”

 

            นิ้วมือเรียวขาวนวลเคาะที่พวงมาลัยขณะประมวลผลในใจ

 

            “ยินดีค่ะ เริ่มเมื่อไหร่ดีคะ”

            ฟ้ามืดพอดีตอนปริมากลับมาที่อดีตคาเฟ่อีกครั้ง หญิงสาวคล้องกุญแจประตูแล้วเข้าไปเปิดไฟเดินสำรวจภายในโดยละเอียดอีกครั้ง จดและถ่ายรูปสิ่งที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น ห้องน้ำ ระบบน้ำ ระบบกรองอากาศ

 

ระหว่างนั้นมีรถตู้สีดำสนิทมาจอดด้านหน้า ปริยาภัทรอยากกินไก่ทอดเกาหลีที่ร้านประจำตั้งอยู่ตรงถนนเข้าบ้าน ปฐวีจึงสั่งให้เดี่ยวหาที่จอดรถลงไปซื้อให้

 

“คุณพ่อคะ คอฟฟี่แล็ปเปิดไฟแหละค่ะ เขาคงกลับมาเปิดแล้ว เราไปซื้อคัพเค้กกันนะคะ แพทอยากกินนนน”

 

ปฐวีจำได้ว่านี่เป็นอีกร้านขนมที่ลูกสาวโปรดปรานนัก เขาเองถึงไม่ถนัดของหวานแต่ยังติดใจคัพเค้กดาร์กช็อคโกแลตที่ทำได้รสชาติดีมากทีเดียว เมื่อลูกสาวขอเข้าจึงไม่ปฏิเสธ โทรบอกเดี่ยวแล้วพากันลงจากรถไป

 

ชายหนุ่มดึงเหล็กที่คล้องประตูออก แสงไฟสว่างนวลในร้านทำให้เห็นรถเอสยูวียี่ห้อที่เขามีอยู่คันหนึ่งเช่นกันแต่เป็นคนละรุ่นในสีเดียวกัน สีดาร์กบลูเพิร์ล เมื่อผ่านประตูเข้าไปไม่พบใครเลย ปริยาภัทรวิ่งไปที่ตู้ขนมที่ว่างเปล่า สาวน้อยคอตกด้วยความผิดหวัง ปริมากำลังถ่ายรูปภายในห้องน้ำและได้ยินเสียงฝีเท้าและผู้ชายผู้หญิง จึงคิดว่าคู่รักน่ารักที่พบเมื่อเช้าเธอโผล่หน้ามาส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม

 

“สวัสดีค่ะ...เอ...อ้าว”

 

ทั้งสองฝ่ายต่างนิ่งไปชั่วครู่ด้วยความประหลาดใจ ไม่นานหญิงสาวก็มองเด็กสาวผมเปียตัวเล็ก เธอเริ่มเข้าใจว่าน่าจะเป็นลูกค้าของคอฟฟี่แล็ป จึงยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเป็นมิตร

 

“ท่าทางจะเป็นลูกค้าของคอฟฟี่แล็บใช่ไหมคะ ร้านปิดแล้วค่ะ เจ้าของเลิกกิจการจะกลับไปทำโฮมสเตย์กันที่เชียงรายกันค่ะ”

 

เธอเอ็นดูท่าทีผิดหวังของสาวน้อยผมเปียเป็นพิเศษ คงเพราะทำงานกับเด็กๆมาตลอด เธอเลยเดินไปใกล้หยิบช็อกโกแลตรูปสี่เหลี่ยมเล็กสามอันมาจากกระเป๋าที่คล้องมือออกมาแบให้ตรงหน้าเด็กสาว

 

“เอาอันนี้ไปปลอบใจก่อนนะ พี่ก็ชอบขนมของที่นี่มากเหมือนกันจ้ะ”

 

“พี่ชอบกินรสนี้เหมือนหนูเลยค่ะ”

 

ท่าทีเป็นมิตร การแต่งกายที่สะอาดดูดีและประกอบกับมีปฐวีอยู่ทำให้ปริยาภัทรกล้าหยิบช็อคโกแลตมาจากมือคนที่เพิ่งพบกัน

 

“ใช่ พี่ชอบมากเลย เอาไปหมดเลยได้จ้ะ พี่มีอีกหลายอันเลย”

 

ปริมายิ้มให้สาวน้อยหน้าตาน่ารัก

“แต่หนูกลัวอ้วนค่ะ”

 

ไม่รู้อะไรเหมือนกันทีทำให้ปริยาภัทรรู้สึกถึงความอบอุ่นใจและคุ้นเคยเมื่อพบหญิงสาวตรงหน้า

 

“หนูตัวเล็กนิดเดียวเอง อีกอย่างกำลังเรียนจะสอบเข้ามหาลัยแบบนี้แป๊บเดียวก็เผาผลาญหมดแล้ว”

 

สาวน้อยตาโตหันมาทางพ่อที ทางหญิงสาวใจดีที

 

“พี่...พี่รู้เหรอคะว่าหนูกำลังจะสอบเข้ามหาลัย”

 

ปริมาพยักหน้ายิ้ม ทำให้เห็นรอยบุ๋มข้างแก้มลึกลงไป ปฐวี รู้สึกเหมือนมีอะไรสะกิดในหัวใจกับภาพนั้น

 

“พี่ปรางจ้ะ เรียกพี่ปรางได้เลย พี่สอนเพื่อนๆพี่ๆโรงเรียนหนูหลายคน ช่วงปิดเทอมนี้จะไปสอนที่โรงเรียนหนูด้วย”

 

คราวนี้ทั้งพ่อและลูกมองเธอตาโตขึ้นเล็กน้อย

 

“พี่ปรางสอนวิชาไหนเหรอคะ”

 

“ภาษาอังกฤษจ้ะ”

 

ปริยาภัทรยิ้มกว้าง เธอหันมามองบิดาที่มองหญิงสาวอยู่

 

“พี่ซื้อที่นี่ กำลังจะปรับปรุงเป็นโรงเรียนของพี่เอง”

 

เด็กสาวผมเปียยิ่งตาโต ถามทันที

 

“พี่ปรางเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ?”

 

ปริมาพยักหน้ายิ้มรับกับท่าทางตื่นเต้นของเด็กสาว

 

หลังจากนั้นหญิงสาวสองวัยก็นั่งคุยกันหลังจากปริยาภัทรขออนุญาตถามว่าปริมาเรียนจบมาด้านไหน โดยมีชายรูปร่างสูงสองคนนั่งฟังอยู่ที่โต๊ะและเก้าอี้ที่ยังพอมีอยู่ในร้านที่เปรมายกมาให้ เธอหยิบไอแพดออกมาพร้อมดินสอ

 

“มันดีมากเลยที่แพทมีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบนี้แล้วก็เตรียมตัวจนอ่านจบเนื้อหาจนหมดแล้ว คณะที่หนูอยากได้สอบหลายตัว เราควรจะต้องมีแผนฝึกทำข้อสอบนะคะ ปีนี้ลุยทำข้อสอบ 15 พ.ศ. ย้อนหลังไปเลยแล้วใช้ข้อสอบนี่แหละบอกเราว่าเรายังต้องทบทวนตรงไหนเพิ่ม ยังไม่แม่นยำตรงไหนบ้าง ที่สำคัญต้องจับเวลาเสมือนจริงนะ จะได้รู้จังหวะว่าเรายังช้าไปหรือเร็วไปจนลน คือพี่คิดว่าทำทันแต่ผิดยังน่าเสียดายน้อยกว่าทำไม่ทันแล้วเราเสียคะแนนตรงนั้นไปเลยเพราะตรงที่ไม่ทันเราอาจจะตอบได้ถูกหมดก็ได้ คะแนนเดียวก็มีความหมาย”

 

ปริยาภัทรพยักหน้าเห็นด้วยแบบสุดๆ

 

“พี่ปรางพูดจริงมากๆๆๆ เลยค่ะ”

 

“โดยเฉพาะเก้าวิชาสามัญใช่ไหม”

 

“โอ้ยย ใช่เลยค่ะ สุดๆแล้วทั้งยาก ทั้งยาว เวลาก็น้อยมาก”

 

“*เสี้ยวนาทีก็มีความหมาย เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ เนอะ”

 

“ใช่เลยค่ะ พี่ปรางพูดถูกเป๊ะเลย”

 

หัวใจของปฐวีกระตุกอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคจากเพลงที่แสนโด่งดัง ลอบมองใบหน้ารูปไข่นวลเนียนนั้นขณะที่เสียงเพลงดังต่อเนื่องในหัว

 

*เสี้ยวนาทีก็มีความหมาย เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ

ฉันเพิ่งรู้ในวันนี้ รักไม่ต้องการเวลา

ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงเวลานี้

เช่นหัวใจ ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา

 

           

 

*เพลง รักไม่ต้องการเวลา

คำร้องโดย เกี้ยวเกล้า พูนชัย/ดนัย ธงสินธุศักดิ์/KLEAR, Dano

ปริยาภัทรถามคำถามอีกหลายคำถามกับหญิงสาวโดยที่ปริมาก็สนุกที่จะตอบไม่เบื่อ พักใหญ่ทีเดียวที่สาวสองคนคุยกันอย่างถูกคอจนได้แลกเปลี่ยนกันทั้งไลน์ทั้งเบอร์โทรศัพท์

 

“มีอะไรไลน์มาหรือโทรมาได้เลยจ้ะ ถ้าพี่ไม่อ่านหรือไม่รับแปลว่าทำงานอยู่ แต่จะมาตอบแน่นอน”

 

ปริมายิ้มให้เด็กสาวอย่างใจดี จากที่คุยกันเธอรู้สึกถูกคอกับเด็กสาวอย่างประหลาด ประทับใจที่สาวน้อยเป็นเด็กขยันตั้งใจ มีความมุ่งมั่นและยังสุภาพ น่ารักมีน้ำใจด้วย

 

“หนูขอเอาคำแนะนำของพี่ปรางไปบอกเพื่อนๆด้วยได้ไหมคะ”

 

“ยินดีมากเลยจ้า”

 

เวลาล่วงเลยมาพอสมควร ปฐวีที่เกรงใจหญิงสาวบอกลูกสาวว่าควรกลับบ้านเสียที ปริมาจึงดับไฟปิดร้านและเดินออกมาพร้อมกับทุกคนด้วย

 

“แล้วหนูจะเขียนตารางอ่านหนังสือส่งไปหาพี่ปรางนะคะ”

 

“ได้จ้ะ สู้ๆนะ”

 

ปริมาแตะที่หัวไหล่เด็กสาวเบาๆก่อนจะโบกมือลากันไป ปฐวีที่ให้เดี่ยวเดินไปกับลูกสาวก่อนกล่าวขอบคุณหญิงสาว

 

“ขอโทษด้วยนะครับ แพทเป็นลูกคนเดียว ไม่มีเพื่อนมากด้วยเลยรบกวนคุณนานเลย”

 

ติวเตอร์สาวยิ้มส่ายหน้า

 

“ไม่เลยค่ะ ไม่รบกวนเลย ฉันเข้าใจมากๆค่ะ สำหรับเด็กๆวัยนี้ ความฝันของพวกเขามันเหมือนโลกทั้งใบของเขา ยิ่งน้องแพทฝันอยากเป็นหมอมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วก็ตั้งใจมากๆแบบนี้ ฉันว่าน่านับถือใจมาก เด็กวัยรุ่น เราเป็นผู้ใหญ่บางทีอาจจะมองเขามุมเดียวแต่จริงๆพวกเขาคือแอสเส็ทสำคัญของโลกเราเลยนะคะ เราที่เป็นผู้ใหญ่อาจจะลืมไปว่าเราแก่ลงทุกวัน ทุกวัน อนาคตของเราจะเป็นพวกเขาที่กำหนด อีกอย่างเด็กวัยนี้ ถ้ามุ่งมั่นลงมือทำอะไรสักอย่าง ไฟในตัวติดแล้ว เขาจะพบว่าตัวเขาเองทำอะไรได้มากกว่าที่เขาเชื่อ เห็นน้องแล้วก็นึกถึงตัวเองเมื่อยี่สิบปีก่อนค่ะ”

 

ปริมายิ้มให้เขาอย่างจริงใจ น้ำเสียงนุ่มนวลออกอักขระภาษาไทยชัดเจนของเธอ แม้จะเป็นการคุยกันทั่วๆไปทำให้ปฐวีนึกชื่นชมว่าสมกับที่เธอเป็นอาจารย์

 

“ขอบคุณมากครับ ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้เรื่องโรงเรียนก็บอกได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

ปริมายกมือพนมไหว้เขา

 

“ขอบคุณค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”

 

เมื่อหญิงสาวขึ้นก้าวขึ้นรถเขาก็เดินออกมาขึ้นรถตัวเองที่เดี่ยวยืนรออยู่ ปริยาภัทรจัดการไก่เกาหลีอย่างหิวโหย จึงไม่เห็นว่าบิดานั้นมองตามรถเอสยูสีคันงามเลี้ยวหายไปจนสุดสายตา

 

ในคืนนั้นขณะที่นั่งเช็ครายงานการประชุมหลังส่งลูกสาวเข้านอนหลับปุ๋ยไปแล้ว ปฐวีพบว่า ภาพรอยยิ้มและลักยิ้มข้างแก้มบนใบหน้านวลเนียนนั้นลอยมาในหัวเป็นระยะ จนต้องหยุดฟังเพลงที่เธอพูดถึง

 

*ฉันคิดว่ารักมันคือความผูกพัน
คิดว่ารักแท้ต้องเดินผ่านวันและเวลา

ยิ่งเนิ่นนาน นานไปเท่าไหร่ความรักยิ่งมีค่า

ที่ฉันรู้ที่เคยฝัน รักที่ฉันเคยเข้าใจ

ไม่คิดไม่ฝันเมื่อเธอผ่านเข้ามา
เหมือนว่าสายตาฉันเองมองไม่เห็นใครไป

หยุดที่เธอแค่เพียงสบตา และวินาทีนั้น

โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว ท้องฟ้ากลับสดใส

 

 

*เพลง รักไม่ต้องการเวลา
คำร้องโดย เกี้ยวเกล้า พูนชัย/ดนัย ธงสินธุศักดิ์/KLEAR, Dano

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา