สะ-กด-รัก
3) Serendipity
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความการประชุมเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาสามชั่วโมง ชานัทและผู้ช่วยของเขาซักถามความต้องการของปริมาโดยละเอียด พร้อมๆกับดูภาพที่หญิงสาวถ่ายมาประกอบ สิ่งหลักที่เธอต้องการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดในเชิงโครงสร้างคือระบบความปลอดภัย ระบบไฟ ทางหนีไฟ จุดรวมพลในกรณีฉุกเฉินเพราะความปลอดภัยของเด็กๆที่มาเรียนสำคัญที่สุดสำหรับเธอ รองลงมาจึงเป็นพื้นที่ใช้งานเพื่อรองรับงานที่เปลี่ยนไปและสุดท้ายคือความสะดวกของการรับส่งเด็กนักเรียนรวมถึงการจอดรถและความสวยงาม
ชานัท ลอบมองใบหน้ารูปไข่ไร้เครื่องสำอางเกลี้ยงเกลาที่เห็นรอยเลือดฝาดบริเวณข้างแก้มและลักยิ้มบุ๋มนั้นหลายครั้ง หญิงสาวไม่ได้สวยโดดเด่นเฉิดฉายแต่เป็นคนน่ารักและมีเสน่ห์ เป็นที่พูดถึงมากในหมู่หนุ่มนักเรียนไทยด้วยกันหรือแม้กระทั่งเพื่อนต่างชาติสมัยที่เรียนปริญญาโทที่อังกฤษแต่เขาไม่เคยเห็นเธอให้ใครได้ใกล้ชิดเป็นพิเศษในระหว่างที่เรียนเลย
หลังจากคุยกันเรียบร้อย ชานัทจึงขอนัดหมายเข้าไปดูสถานที่ในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ปริมาอยู่ในช่วงหยุดก่อนเปิดสอนช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน หญิงสาวตกลงทันทีและแอดไลน์เขาเพื่อที่จะส่งโลเคชั่นให้ ก่อนเขาจะเดินออกมาส่งเธอถึงรถ
“รถในฝันพี่เลยนะเนี่ย ซิ่งนะเรา นี่มันตระกูลรถแข่งเลยนะ”
เขาเอ่ยเมื่อเห็นรถเอสยูวีสำน้ำเงินสัญชาติญี่ปุ่นของเธอที่ไม่ใช่ยี่ห้อยอดนิยมในประเทศไทยแต่มีชื่อเสียงมากในด้านความปลอดภัยและเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ
“ไม่ซิ่งหรอกค่ะ ชอบสีน่ะค่ะก็เลยซื้อ สีเดียวกับโลโก้ เห็นแล้วตกหลุมรักเลย”
เธอส่งยิ้มตาหยีให้เขา ชานัท รู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่กระตุกขึ้นมา
“งั้นปรางไปก่อนนะคะ แล้วจะส่งโลเคชั่นมาให้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ พี่นัทให้เกียรติมาทำให้แบบนี้ อุ่นใจละค่ะ”
ปริมาพนมมือยกไหว้ลาเขาก่อนจะขับรถไป ทิ้งให้ใครบางคนมองจนสุดสายตาโดยยังมีภาพรอยยิ้มกับใบหน้านวลติดในใจไปทั้งวัน
ระหว่างทางกลับบ้านที่หญิงสาวจะแวะเข้าไปดูสถานที่เพื่อทำโรงเรียนอีกครั้ง หน้าจอกลางคอนโซลรถก็ปรากฏสายเข้าที่ไม่คุ้ยเคย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ อาจารย์ปริมา โทรจากโรงเรียน...นะคะ”
ปลายสายเอ่ยชื่อโรงเรียนสตรีล้วนใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
“พอดี อาจารย์อุ้มท่านให้เบอร์ติดต่อมาค่ะ”
อุ้มหรืออรดี เป็นรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์สอนประจำในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งที่เธอทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ในตอนนี้
“ทางโรงเรียนเรามีจัดการติวช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเพิ่มเติมให้เด็กๆที่กำลังจะขึ้น ม.6 เทอมหน้า วิชาหลัก วิชาละสองชั่วโมง ไม่ทราบว่าอาจารย์พอจะว่างมาสอนให้กับเราได้ไหมคะ เรื่องค่าตอบแทนให้ตามเรทที่อาจารย์ได้รับที่มหาวิทยาลัยค่ะ”
น่าสนุก ปริมาคิดในใจ เธอเองก็ยังไม่มีแผนการจะเปิดคอร์สใดช่วงซัมเมอร์นี้เพราะบอกยกเลิกสัญญาเช่ากับเจ้าของอาคารไปแล้ว ด้วยความปวดหัวกับปัญหาเรื่องที่จอดรถและอยากพักบ้าง หลังจากที่สอนติดต่อกันมาตลอดปีการศึกษา
“เข้าไปสอนสัปดาห์ละกี่วันคะ อาจารย์”
“สองวันค่ะ พุธกับศุกร์ช่วงเช้าค่ะ”
นิ้วมือเรียวขาวนวลเคาะที่พวงมาลัยขณะประมวลผลในใจ
“ยินดีค่ะ เริ่มเมื่อไหร่ดีคะ”
ฟ้ามืดพอดีตอนปริมากลับมาที่อดีตคาเฟ่อีกครั้ง หญิงสาวคล้องกุญแจประตูแล้วเข้าไปเปิดไฟเดินสำรวจภายในโดยละเอียดอีกครั้ง จดและถ่ายรูปสิ่งที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น ห้องน้ำ ระบบน้ำ ระบบกรองอากาศ
ระหว่างนั้นมีรถตู้สีดำสนิทมาจอดด้านหน้า ปริยาภัทรอยากกินไก่ทอดเกาหลีที่ร้านประจำตั้งอยู่ตรงถนนเข้าบ้าน ปฐวีจึงสั่งให้เดี่ยวหาที่จอดรถลงไปซื้อให้
“คุณพ่อคะ คอฟฟี่แล็ปเปิดไฟแหละค่ะ เขาคงกลับมาเปิดแล้ว เราไปซื้อคัพเค้กกันนะคะ แพทอยากกินนนน”
ปฐวีจำได้ว่านี่เป็นอีกร้านขนมที่ลูกสาวโปรดปรานนัก เขาเองถึงไม่ถนัดของหวานแต่ยังติดใจคัพเค้กดาร์กช็อคโกแลตที่ทำได้รสชาติดีมากทีเดียว เมื่อลูกสาวขอเข้าจึงไม่ปฏิเสธ โทรบอกเดี่ยวแล้วพากันลงจากรถไป
ชายหนุ่มดึงเหล็กที่คล้องประตูออก แสงไฟสว่างนวลในร้านทำให้เห็นรถเอสยูวียี่ห้อที่เขามีอยู่คันหนึ่งเช่นกันแต่เป็นคนละรุ่นในสีเดียวกัน สีดาร์กบลูเพิร์ล เมื่อผ่านประตูเข้าไปไม่พบใครเลย ปริยาภัทรวิ่งไปที่ตู้ขนมที่ว่างเปล่า สาวน้อยคอตกด้วยความผิดหวัง ปริมากำลังถ่ายรูปภายในห้องน้ำและได้ยินเสียงฝีเท้าและผู้ชายผู้หญิง จึงคิดว่าคู่รักน่ารักที่พบเมื่อเช้าเธอโผล่หน้ามาส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ...เอ...อ้าว”
ทั้งสองฝ่ายต่างนิ่งไปชั่วครู่ด้วยความประหลาดใจ ไม่นานหญิงสาวก็มองเด็กสาวผมเปียตัวเล็ก เธอเริ่มเข้าใจว่าน่าจะเป็นลูกค้าของคอฟฟี่แล็ป จึงยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ท่าทางจะเป็นลูกค้าของคอฟฟี่แล็บใช่ไหมคะ ร้านปิดแล้วค่ะ เจ้าของเลิกกิจการจะกลับไปทำโฮมสเตย์กันที่เชียงรายกันค่ะ”
เธอเอ็นดูท่าทีผิดหวังของสาวน้อยผมเปียเป็นพิเศษ คงเพราะทำงานกับเด็กๆมาตลอด เธอเลยเดินไปใกล้หยิบช็อกโกแลตรูปสี่เหลี่ยมเล็กสามอันมาจากกระเป๋าที่คล้องมือออกมาแบให้ตรงหน้าเด็กสาว
“เอาอันนี้ไปปลอบใจก่อนนะ พี่ก็ชอบขนมของที่นี่มากเหมือนกันจ้ะ”
“พี่ชอบกินรสนี้เหมือนหนูเลยค่ะ”
ท่าทีเป็นมิตร การแต่งกายที่สะอาดดูดีและประกอบกับมีปฐวีอยู่ทำให้ปริยาภัทรกล้าหยิบช็อคโกแลตมาจากมือคนที่เพิ่งพบกัน
“ใช่ พี่ชอบมากเลย เอาไปหมดเลยได้จ้ะ พี่มีอีกหลายอันเลย”
ปริมายิ้มให้สาวน้อยหน้าตาน่ารัก
“แต่หนูกลัวอ้วนค่ะ”
ไม่รู้อะไรเหมือนกันทีทำให้ปริยาภัทรรู้สึกถึงความอบอุ่นใจและคุ้นเคยเมื่อพบหญิงสาวตรงหน้า
“หนูตัวเล็กนิดเดียวเอง อีกอย่างกำลังเรียนจะสอบเข้ามหาลัยแบบนี้แป๊บเดียวก็เผาผลาญหมดแล้ว”
สาวน้อยตาโตหันมาทางพ่อที ทางหญิงสาวใจดีที
“พี่...พี่รู้เหรอคะว่าหนูกำลังจะสอบเข้ามหาลัย”
ปริมาพยักหน้ายิ้ม ทำให้เห็นรอยบุ๋มข้างแก้มลึกลงไป ปฐวี รู้สึกเหมือนมีอะไรสะกิดในหัวใจกับภาพนั้น
“พี่ปรางจ้ะ เรียกพี่ปรางได้เลย พี่สอนเพื่อนๆพี่ๆโรงเรียนหนูหลายคน ช่วงปิดเทอมนี้จะไปสอนที่โรงเรียนหนูด้วย”
คราวนี้ทั้งพ่อและลูกมองเธอตาโตขึ้นเล็กน้อย
“พี่ปรางสอนวิชาไหนเหรอคะ”
“ภาษาอังกฤษจ้ะ”
ปริยาภัทรยิ้มกว้าง เธอหันมามองบิดาที่มองหญิงสาวอยู่
“พี่ซื้อที่นี่ กำลังจะปรับปรุงเป็นโรงเรียนของพี่เอง”
เด็กสาวผมเปียยิ่งตาโต ถามทันที
“พี่ปรางเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ?”
ปริมาพยักหน้ายิ้มรับกับท่าทางตื่นเต้นของเด็กสาว
หลังจากนั้นหญิงสาวสองวัยก็นั่งคุยกันหลังจากปริยาภัทรขออนุญาตถามว่าปริมาเรียนจบมาด้านไหน โดยมีชายรูปร่างสูงสองคนนั่งฟังอยู่ที่โต๊ะและเก้าอี้ที่ยังพอมีอยู่ในร้านที่เปรมายกมาให้ เธอหยิบไอแพดออกมาพร้อมดินสอ
“มันดีมากเลยที่แพทมีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบนี้แล้วก็เตรียมตัวจนอ่านจบเนื้อหาจนหมดแล้ว คณะที่หนูอยากได้สอบหลายตัว เราควรจะต้องมีแผนฝึกทำข้อสอบนะคะ ปีนี้ลุยทำข้อสอบ 15 พ.ศ. ย้อนหลังไปเลยแล้วใช้ข้อสอบนี่แหละบอกเราว่าเรายังต้องทบทวนตรงไหนเพิ่ม ยังไม่แม่นยำตรงไหนบ้าง ที่สำคัญต้องจับเวลาเสมือนจริงนะ จะได้รู้จังหวะว่าเรายังช้าไปหรือเร็วไปจนลน คือพี่คิดว่าทำทันแต่ผิดยังน่าเสียดายน้อยกว่าทำไม่ทันแล้วเราเสียคะแนนตรงนั้นไปเลยเพราะตรงที่ไม่ทันเราอาจจะตอบได้ถูกหมดก็ได้ คะแนนเดียวก็มีความหมาย”
ปริยาภัทรพยักหน้าเห็นด้วยแบบสุดๆ
“พี่ปรางพูดจริงมากๆๆๆ เลยค่ะ”
“โดยเฉพาะเก้าวิชาสามัญใช่ไหม”
“โอ้ยย ใช่เลยค่ะ สุดๆแล้วทั้งยาก ทั้งยาว เวลาก็น้อยมาก”
“*เสี้ยวนาทีก็มีความหมาย เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ เนอะ”
“ใช่เลยค่ะ พี่ปรางพูดถูกเป๊ะเลย”
หัวใจของปฐวีกระตุกอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคจากเพลงที่แสนโด่งดัง ลอบมองใบหน้ารูปไข่นวลเนียนนั้นขณะที่เสียงเพลงดังต่อเนื่องในหัว
*เสี้ยวนาทีก็มีความหมาย เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ
ฉันเพิ่งรู้ในวันนี้ รักไม่ต้องการเวลา
ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงเวลานี้
เช่นหัวใจ ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา
*เพลง รักไม่ต้องการเวลา
คำร้องโดย เกี้ยวเกล้า พูนชัย/ดนัย ธงสินธุศักดิ์/KLEAR, Dano
ปริยาภัทรถามคำถามอีกหลายคำถามกับหญิงสาวโดยที่ปริมาก็สนุกที่จะตอบไม่เบื่อ พักใหญ่ทีเดียวที่สาวสองคนคุยกันอย่างถูกคอจนได้แลกเปลี่ยนกันทั้งไลน์ทั้งเบอร์โทรศัพท์
“มีอะไรไลน์มาหรือโทรมาได้เลยจ้ะ ถ้าพี่ไม่อ่านหรือไม่รับแปลว่าทำงานอยู่ แต่จะมาตอบแน่นอน”
ปริมายิ้มให้เด็กสาวอย่างใจดี จากที่คุยกันเธอรู้สึกถูกคอกับเด็กสาวอย่างประหลาด ประทับใจที่สาวน้อยเป็นเด็กขยันตั้งใจ มีความมุ่งมั่นและยังสุภาพ น่ารักมีน้ำใจด้วย
“หนูขอเอาคำแนะนำของพี่ปรางไปบอกเพื่อนๆด้วยได้ไหมคะ”
“ยินดีมากเลยจ้า”
เวลาล่วงเลยมาพอสมควร ปฐวีที่เกรงใจหญิงสาวบอกลูกสาวว่าควรกลับบ้านเสียที ปริมาจึงดับไฟปิดร้านและเดินออกมาพร้อมกับทุกคนด้วย
“แล้วหนูจะเขียนตารางอ่านหนังสือส่งไปหาพี่ปรางนะคะ”
“ได้จ้ะ สู้ๆนะ”
ปริมาแตะที่หัวไหล่เด็กสาวเบาๆก่อนจะโบกมือลากันไป ปฐวีที่ให้เดี่ยวเดินไปกับลูกสาวก่อนกล่าวขอบคุณหญิงสาว
“ขอโทษด้วยนะครับ แพทเป็นลูกคนเดียว ไม่มีเพื่อนมากด้วยเลยรบกวนคุณนานเลย”
ติวเตอร์สาวยิ้มส่ายหน้า
“ไม่เลยค่ะ ไม่รบกวนเลย ฉันเข้าใจมากๆค่ะ สำหรับเด็กๆวัยนี้ ความฝันของพวกเขามันเหมือนโลกทั้งใบของเขา ยิ่งน้องแพทฝันอยากเป็นหมอมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วก็ตั้งใจมากๆแบบนี้ ฉันว่าน่านับถือใจมาก เด็กวัยรุ่น เราเป็นผู้ใหญ่บางทีอาจจะมองเขามุมเดียวแต่จริงๆพวกเขาคือแอสเส็ทสำคัญของโลกเราเลยนะคะ เราที่เป็นผู้ใหญ่อาจจะลืมไปว่าเราแก่ลงทุกวัน ทุกวัน อนาคตของเราจะเป็นพวกเขาที่กำหนด อีกอย่างเด็กวัยนี้ ถ้ามุ่งมั่นลงมือทำอะไรสักอย่าง ไฟในตัวติดแล้ว เขาจะพบว่าตัวเขาเองทำอะไรได้มากกว่าที่เขาเชื่อ เห็นน้องแล้วก็นึกถึงตัวเองเมื่อยี่สิบปีก่อนค่ะ”
ปริมายิ้มให้เขาอย่างจริงใจ น้ำเสียงนุ่มนวลออกอักขระภาษาไทยชัดเจนของเธอ แม้จะเป็นการคุยกันทั่วๆไปทำให้ปฐวีนึกชื่นชมว่าสมกับที่เธอเป็นอาจารย์
“ขอบคุณมากครับ ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้เรื่องโรงเรียนก็บอกได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
ปริมายกมือพนมไหว้เขา
“ขอบคุณค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อหญิงสาวขึ้นก้าวขึ้นรถเขาก็เดินออกมาขึ้นรถตัวเองที่เดี่ยวยืนรออยู่ ปริยาภัทรจัดการไก่เกาหลีอย่างหิวโหย จึงไม่เห็นว่าบิดานั้นมองตามรถเอสยูสีคันงามเลี้ยวหายไปจนสุดสายตา
ในคืนนั้นขณะที่นั่งเช็ครายงานการประชุมหลังส่งลูกสาวเข้านอนหลับปุ๋ยไปแล้ว ปฐวีพบว่า ภาพรอยยิ้มและลักยิ้มข้างแก้มบนใบหน้านวลเนียนนั้นลอยมาในหัวเป็นระยะ จนต้องหยุดฟังเพลงที่เธอพูดถึง
*ฉันคิดว่ารักมันคือความผูกพัน
คิดว่ารักแท้ต้องเดินผ่านวันและเวลา
ยิ่งเนิ่นนาน นานไปเท่าไหร่ความรักยิ่งมีค่า
ที่ฉันรู้ที่เคยฝัน รักที่ฉันเคยเข้าใจ
ไม่คิดไม่ฝันเมื่อเธอผ่านเข้ามา
เหมือนว่าสายตาฉันเองมองไม่เห็นใครไป
หยุดที่เธอแค่เพียงสบตา และวินาทีนั้น
โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว ท้องฟ้ากลับสดใส
*เพลง รักไม่ต้องการเวลา
คำร้องโดย เกี้ยวเกล้า พูนชัย/ดนัย ธงสินธุศักดิ์/KLEAR, Dano
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ