Who am i? (ฉันเป็นใคร?) ภาค change myself (พล็อตเรื่องนี้ผ่านการประกวดบทละครของโครงการ BEC ของช่อง 3
เขียนโดย Gawee
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.23 น.
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2567 12.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตอนที่ 7 "นักเรียนใหม่ ผู้กุมความลับทุกอย่าง"
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ....ความเดิมตอนที่แล้ว....
ฉัน คือ ฟ้าใส เด็กสาว ม.ปลาย ผู้สูญเสียความทรงจำไป แต่ทว่า ตอนนี้ฉันได้ความทรงจำส่วนใหญ่กลับคืนมาแล้ว ฮิฮิ ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้น รวมถึงไดอารี่ของเรโกะ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉันด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างคาใจฉันอยู่มากเลยทีเดียว ทั้งเรื่องผู้ชายแต่งตัวประหลาดในห้องน้ำสาธารณะ รวมถึงชายผู้เป็นที่รักของฉันที่เขาพูดถึงในความทรงจำของฉัน และหญิงวัยกลางคนที่สะท้อนในกระจกในห้องน้ำนั้น ยังมีเด็กนักเรียนชายผมขาวที่เข้ามาช่วยฉันไว้ตอนคุยความลับกับเกศอีก และเรื่องใครเป็นคนขับรถชนฉันในวันนั้น!?
แต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ มินตรา เธอจะทำอย่างไรต่อไป? ฉันอยากให้เธอไปให้ปากคำกับตำรวจ เพราะมันแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของเธอเอง มารอลุ้นกันว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!?
ณ ศาลเจ้าโคโนเอะ บ้านของเรโกะ บริเวณชิงช้าหลังเรือนหลัก
ขอบคุณเธอมากจริงๆ เรโกะ ทุกตัวอักษรในไดอารี่ของเธอมันแฝงไปด้วยความทรงจำที่เรามีร่วมกันมาโดยตลอด ฉันเข้าใจดีเลยว่า เธอเขียนไดอารี่นี้เพื่อฉัน ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น แต่ฉันจะขอเอาไปให้ต้นกล้าอ่านด้วยได้ใช่ไหม? เพราะเขาก็จำเป็นต้องใช้มันไม่น้อยไปกว่าฉันเลย ฉันนึกในใจพลาดปาดน้ำตาที่ไหลรินเปอะเปื้อนสมุดไดอารี่เล่นนี้ ขณะที่ฉันนั่งแกว่งชิงช้าไปมาอย่างเบาๆ แล้วนึกถึงครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเรโกะในวัยเด็กก็อดยิ้มออกมาทั้งน้ำตาไม่ได้จริงๆ
"เรโกะ ฉันจะไม่มีวันลืมเธอเลย" ฉันพึมพำกับตัวเองพลางกอดไดอารี่เล่มนี้ไว้แน่น
"เธอรู้จักกับเรโกะด้วยหรอ?" เสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นมาจากข้างหลังของฉัน
"ว้าย! ตกใจหมดเลย" ฉันร้องอุทานขึ้น ที่อยู่ๆ ก็มีคนที่ทักฉันจากด้านหลัง
"จะตกใจอะไรขนาดนั้น? ฉันเดินมายืนอยู่หลังเธอนานแล้วนะ" ผู้ชายคนนั้นเอียงคอถามฉัน แต่สายตาจับจ้องไปที่ไดอารี่ของเรโกะ
"หรือว่า....เธอจะเป็นเพื่อนของเรโกะหรอ?" ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นอีกครั้ง
"อะ...อ่อ ค่ะ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเรโกะจัง ชื่อ ฟ้าใส ค่ะ" ฉันตอบกลับ ก่อนจะแนะนำตัวพลางก้มให้นิดหน่อย เพราะคิดว่าน่าจะอายุมากกว่าฉัน
"งั้นหรอ? ฉันเป็นพี่ชายของเรโกะ ชื่อ พล" เขาแนะนำตัวบ้าง
"เอ๋--- พี่ชาย? แต่ทำไมในไดอารี่นี้ไม่เห็นเขียนถึงพี่ชายเลยละค่ะ?" ฉันถามขึ้นอย่างแปลกใจ
"คะ....คงเพราะฉันเป็นแค่พี่ชายห่างๆ ละมั่ง เป็นพี่ชายคนละพ่อคนละแม่กันน่ะ" พี่พลอธิบายเสริมขึ้นมา ด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
ทำไมพี่เขาทำหน้าแบบนี้ล่ะ? ดูก็รู้เลยว่าผิดหวังที่น้องสาวไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเองในไดอารี่ส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ฉันนึกในใจพลางมองหน้าพี่ชายของเรโกะ
และจังหวะนั้นเอง ในขณะที่ฉันกำลังมองใบหน้าที่เรียกได้ว่า หล่อแบบโอปป้า ผมสีน้ำตาลแดงเข้ากันได้อย่างลงตัวกับผิวสีขาวเนียนนั้น ก็ได้มีใบไม้ใบใหญ่ตกลงมาบดบังวิสัยทัศน์ของฉัน และเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ จนมันบดบังใบหน้าท่อนล่างตั้งแต่ช่วงจมูกไปถึงค้าง ณ วินาทีนั้น ฉันตัวชาและแข็งทื่อไม่ต่างอะไรจากท่อนไม้เลย ภาพคนๆ หนึ่งลอยเข้ามาในหัวของฉัน
"อะ...เออ นะ...หนูขอตัวก่อนนะค่ะ พอดีแม่รออยู่" ฉันก้มหัวขอลาทันทีที่ได้สติกลับมา ก่อนจะวิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างไวที่สุด เท่าที่จะทำได้
ฉันวิ่งไปทางเรือนหลักที่แม่กับคุณป้าเอมิอยู่ ด้วยตัวที่ยังคงสั่นเทาไม่หาย หัวใจฉันเต้นแรงราวจะระเบิดออกมา ลมหายใจของฉันออกมาแรงมากไม่รู้เพราะเหนื่อยจากการวิ่งหรือเพราะอะไรกันแน่?
พี่คนนั้นเหมือนมาก!? เขาเหมือนกันคนในความทรงจำของฉันมากเลย ทำอย่างไรดี!? ฉันนึกในใจพลางวิ่งเข้าเรือนหลักทันที
"อะ...อ้าว! ทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้นล่ะลูก? เกิดอะไรขึ้นหรือป่าว?" แม่ถามขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าฉันไม่สู้ดีนัก
"คะ...คือ หนูไม่ค่อยสบาย ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทจะขอกลับก่อนได้ไหมค่ะ?" ฉันพูดด้วย น้ำเสียงอันสั่นเทา
"จะรีบกลับไปไหนล่ะ หืม!? เราพึ่งได้คุยกันเองนะ ฟ้าใส" เสียงพี่พลดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน
"อะ...เออ คือว่า ฉันปวดหัวนะค่ะ ขอตัวนะค่ะทุกคน" ฉันพูดพลางก้มหัวขอลา ก่อนจะรีบเดินออกจากเรือนหลักไป
"อะ...อ้าว! ยัยลูกคนนี้!? รอแม่ด้วยซื" แม่ฉันพูดขึ้นตามหลังฉันมา แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากการหนีไปให้พ้นๆ จากที่นี้ซะ
ณ บ้านของฟ้าใส
ในที่สุด ฉันก็มาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ฉันรีบตรงไปหยิบสมุดบันทึกความทรงจำที่หายไปของฟ้าใส ขึ้นมากางบนโต๊ะหนังสือ แล้วทำการบันทึกสิ่งที่ฉันพบเจอมาจนถึงตอนนี้
'บันทึกความทรงจำที่หายไปของฉัน'
1. ฉันเป็นยัยเกี๊ยวขี้แพ้ที่ถูกเพื่อนในห้องรังแกและเมินเฉยต่อฉัน
2. ฉันเคยรู้จักกับต้นกล้ามาก่อน (ฉันเป็นแฟนต้นกล้า หลังจากที่เรโกะจากไป)
3. ต้นกล้าเคยคิดฆ่าตัวตายที่ดาดฟ้าอาคารเรียน แต่ฉันห้ามไว้ได้ทัน (คาดว่าอาจเกี่ยวกับการจากไปของเรโกะ)
4. เรโกะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน และเป็นแฟนต้นกล้า รวมถึงเป็นผู้มิโกะผู้มีพลังญาณทิพย์หยั่งรู้อนาคตด้วย
5. ผู้ชายแต่งตัวประหลาดในห้องน้ำสาธารณะตนนั้นเป็นใคร? มีความสัมพันธ์กับฉันอย่างไร? (ยังไม่รู้)
6. และที่เขาบอกว่า 'คนรักที่ป่วยหนัก' คนๆ นั้นคือใคร? (ยังไม่รู้)
7. มินตราอยู่ในที่เกิดเหตุรถชน แต่ไม่ช่วยฉัน (คาดว่าเธอจะเป็นคนผลักฉัน!)
8. เกศสินีอยู่ในที่เกิดเหตุเหมือนกัน แต่ไม่ช่วยฉัน (มี 2 กรณี คือ เป็นคนผลักเอง กับ ไม่เห็นฉันเป็นเพื่อน)
9. พี่ชายของเรโกะ ใช่คนในความทรงจำตอนนั้นของฉันไหม!? (อันนี้สำคัญ)
10. เด็กนักเรียนชายผมขาวที่หน้าคล้ายชายในข้อ 5 เป็นใครกันแน่!?
ถึงแม้บางเรื่องจะคลี่คลายแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสงสัย ฉันจะต้องรู้ความจริงทุกอย่างให้ได้ เพื่อยืนยันว่า ฉันคือฟ้าใสจริงๆ ฉันนึกในใจพลางปิดบันทึกแล้วเก็บใส่ลิ้นชักตามเดิม
จากนั้น ฉันก็ลงมากินข้าวเย็นกับแม่ ซึ่งแม่ก็ดุฉันที่เสียมารยาทออกมาก่อน แต่ฉันก็บอกไปแล้วว่า ปวดหัวมากจริงๆ แม่ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรต่อ
ฉันนอนอยุ่บนเตียงได้ห้องนอนของฉัน ด้วยใจที่สับสน เพราะวันนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดี!? ในเรื่องของพี่ชายเรโกะคนนั้น! ฉันนอนคิดจนเผลอหลับไปในที่สุด ZzZz
วันรุ่งขึ้น (วันอาทิตย์)
ณ บ้านของฉัน เวลาเช้า 8 โมงครึ่ง
ฉันกำลังแต่งตัวอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ ในห้องนอนของฉัน ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นเด็กสาวหน้าตาสสวยคนหนึ่ง (ชมตัวเองซะอย่างนั้น) ที่มัดผมรวบตึงเป็นทรงหางม้า และแต่งตัวด้วยชุดไปรเวท เสื้อยืดแขนยาวคอวีสีดำ และเกงกางยีนต์ขวสั้นสีซีด ปิดท้ายด้วยกระเป๋าสะพายใบกลางๆ
"แม่ค่าาา วันนี้หนูขอออกไปข้างนอกนะค่ะ แล้วเดียวตอนเย็นหนูจะแวะไปที่ศาลเจ้าโคโนเอะด้วย" ฉันบอกกับผู้เป็นแม่ที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่
"แล้วจะกลับมากินข้าวเย็นไหมจ๊ะ?" แม่หันมาถามฉัน
"ไม่แน่ใจค่ะ เดียวหนูโทรบอกอีกทีนะค่ะแม่" ฉันตอบกลับพลางใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ
"โอเคจ้า เดินทางปลอดภัยน่ะ ฝากสวัสดี คุณป้าเอมิด้วยล่ะ ฮิฮิ" แม่พูด ก่อนจะหันไปทำอาหารต่อ
ใช่แล้วค่ะ วันนี้ฉันมีนัดกับเจ้าของร้านอาหารตามสั่งและนายต้นกล้า เพื่อจะทำถังหมักปุ๋ยชีวภาพจากเศษอาหารของร้านอาหารตามสั่งนั้น
เรโกะจัง เธอมองดูฉันอยู่หรือเปล่า? ฉันชอบเหลือคนอื่นเพราะได้เธอเป็นตัวอย่างเลยนะ ฮิฮิ เธอทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า การได้ช่วยเหลือคน เท่าที่ฉันจะสามารถทำได้นั้น มันมีความสุขขนาดนั้น เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ เรโกะ
แล้วก็ที่ฉันให้สัญญาไว้ เมื่อวาน วันนี้ฉันจะต้องพาคนรักของเธอไปหาเธอให้ได้เลย ฉันเชื่อว่าหากต้นกล้าได้อ่านไดอารี่เล่นนี้เขาจะต้องจำทุกอย่างได้เหมือนฉันแน่นอน ฉันนึกในใจ พลางจับไปที่ไดอารี่ในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะก้าวเท้าออกจากบ้านไป
1 นาทีก่อน ณ หน้าบ้านของฟ้าใส
ทำไมนานจังเลยล่ะเนี้ยยยย!? ผมรอมาตั้ง 30 นาที แล้วนะ แดดก็ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน โอ๊ยยย! จะละลายแล้ว ผมนึกในใจพลางถลกเสื้อบอลมาเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า
"แกร๊ง! ครื้นนนน" เสียงประตูหน้าถูกเปิดออก
"กรี๊ดดดดด! ตาฉันๆ นายยืนทำบ้าอะไรอยู่เนี้ย!?" ฟ้าใสเปิดประตูหน้าพรวดออกมา ก่อนจะร้องกรี๊ด พลางทำมือปิดตา แต่ก็ยังแอบมองอยู่ ผมเห็นนะ หึหึ
"อ้าววว! ก็อากาศมันร้อน ฉันก็แค่เช็ดเหงื่อที่หน้าเอง" ผมพูดพลางเอาชายเสื้อลงตามเดิม
"จะบ้าหรอ!? นายโรคจิตชอบโชว์ของดีหรอ!? นี้มันที่สาธารณะนะย่ะ แถมยังหน้าบ้านฉันอีกต่างหาก โอ๊ยยย! จะบ้าตาย ตาฉันจะบอดไหมเนี้ย!? >_<" ฟ้าใสพูดพลาง เอามือขยี่ตาตัวเองไปมา
"ฮ่าฮ่าฮ่า ของดีเลยหรอ!?" ผมพูดพลางเลิกคิ้วถาม
"ยังจะกวนประสาทอีก ไปกันได้แล้ว" ฟ้าใสพูดตัดบทพลางหน้าแดง ก่อนจะเดินนำไป
ฮิฮิ คนอะไร!? ปากไม่ตรงกับการกระทำขนาดนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า น่ารักจริงๆ เลย ยัยนี้ ผมนึกในใจพลางเดินตามไป
ขณะเดียวกัน มุมฟ้าใส
อ๊ากกกก!! ใจร่มๆ ไว้ ฟ้าใส อีตานี้แค่เป็นคนไม่แคร์สายตาใคร เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ฉันเห็นสักหน่อย ยัยบ้า ว่าแต่เขาโรคจิต ฉันเองล่ะมั่ง ที่โรคจิตซะเอง >,,< ฉันนึกในใจพลางสะบัดหัวไปมา ไล่ความคิดชั่วร้ายออกไป!?
"ว่าแต่ เราจะไปร้านอาหารตามสั่งนั้นเลยหรอ?" ต้นกล้าถามขึ้น หลังจากเงียบไปสักพัก
"ใช่แล้วล่ะ หลังจากเสร็จแล้ว เราไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะกันไหม?" ฉันตอบ ก่อนจะเอ่ยปากชวน เพราะอยากจะคุยเรื่องเรโกะกับเขาด้วย
"เอาสิ ฉันว่างอยู่แล้ว กลับบ้านไม่ก็อยู่คนเดียวเบื่อๆ อยู่ดี" ต้นกล้าหันมาตอบ
"อ้าว! แล้วพ่อนายล่ะ ไม่อยู่บ้านหรอ?" ฉันถามกลับ
"พ่อไปดูงานที่ต่างประเทศ น่าจะสักสัปดาห์เลย" ต้นกล้าตอบกลับ
"แล้วแม่นายล่ะ? ฉันไม่เห็นตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว" ฉันถามต่อ เพราะอยากรู้เรื่องของเขาให้มากขึ้น
"แม่ฉันเสียแล้วนะ ตั้งแต่ฉันเด็กๆ เลย" ต้นกล้าตอบด้วยสีหน้าตาเคร้าๆ
"อะ...เอ่อออ ขอโทษทีนะ ฉันไม่รู้จริงๆ " ฉันขอโทษเสียงเบา
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าแม่เสีย ที่รู้เพราะถามจากพ่อเอานะ" ต้นกล้าตอบ
คงเหมือนกันฉันเลยสินะ ที่จำไม่ได้ว่าพ่อของตัวเองเสียชีวิตไปเมื่อไร ที่รู้ก็เพราะถามจากแม่เอา มันคงเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้ ฉันนึกในใจ ขณะที่เราเดินมาถึงร้านอาหารตามสั่ง
ณ ร้านอาหารตามสั่งหน้าหมู่บ้าน
"อ้าว! มาแล้วหรอจ๊ะ น้องๆ" คุณป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักท้ายเราสองคน
"สวัสดีค่ะ/ดีครับ" พวกเราสองคนเอ่ยทักทายกลับพร้อมๆ กัน
"คุณป้าได้เอาของที่หนูบอกไว้มาไหมค่ะ?" ฉันถามขึ้น
"แน่นอนจ๊ะ แต่ของแค่นี้จะทำปุ๋ยได้หรอ?" เจ้าของร้านอาหารถามขึ้น
"ได้สิค่ะ เชื่อมือหนูเถอะค่ะ" ฉันตอบพลางเดินเข้าร้านไป
"ที่เตรียมไว้ก็มี ถังพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด แน่นสนิด ถุงตาข่าย" คุณป้าพูดพลางชี้ตามลำดับ
"แล้วตัววัตถุดิบล่ะค่ะ?" ฉันถามขึ้น
"นี่จ๊ะ เศษผักผลไม้ ทั้งเปลือก เนื้อ เมล็ด เป็นของเหลือจากการเตรียมวัตถุดิบเมื่อวานกับวันนี้ รวมๆ ก็ 3 กิโล พอดิบพอดี ฮิฮิ" คุณป้าพูดพลางยกของ โดยมีต้นกล้าช่วยยกให้
"แล้วก็มีกากน้ำตาล 1 กิโลกรัม ด้วย" ฉันพูดพลางเดินไปหยิบภุงใส่กากน้ำตาลขึ้นมาดู
"ถ้างั้น เรามาเริ่มจากขั้นตอนแรกเลยนะค่ะ มาช่วยกันหั่น สีบ เศษผักผลไม้พวกนี้กันค่ะ" ฉันพูดพลางแกะถุงเศษผักผลไม้ แล้วไปหยิบมีดกับเขียง
"อ่อจ๊ะ" คุณป้าตอบกลับ พลางเดินมาช่วยหั่น
"อ้าว! นี่จะยืนดูเฉยๆ หรอไง!? ฉันเรียกให้นายมาช่วยนะย่ะ เร็วเลย" ฉันพูด พลางใช้มือที่ถือมืดกวักให้ต้นกล้ามาช่วย
"เอ่ะ! ฉันเนี้ยนะ!? แต่ฉันไม่ถนัดการใช้มีดนะ" ต้นกล้าตอบ พลางเดินมาหยิบมีด
"โอโห้ พ่อคุณ! แค่หั่นๆ สับๆ ไปคงไม่ต้องถึงขั้นใช้ความถนัดหรอกมั่ง ไวๆ เลย" ฉันหันไปพูดแหนบต้นกล้า พลางหยิบเขียงให้เขา
"ฮ่าฮ่าฮ่า โอเคๆ" ต้นกล้าตอบกลับ
"ฉึบๆ ฉับๆ" เสียงเราสามคนช่วยกันหั่น
15 นาที ผ่านไป
"เห็นไหม? ช่วยกันแปปเดียวก็เสร็จ 3 กิโล เด็กๆ ค่ะ" ฉันพูดพลางมองไปที่เศษผักผลไม้ที่ถูกสับละเอียดเต็มกะละมัง
"เด็กๆ ตรงไหนฟ่ะ ตูได้แผลไป 2 แผลเลย T_T" ต้นกล้าบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ฉันได้ยินนะย่ะ -_-^
"เอานี้ พาสเตอร์ปิดแผลที่ซื้อจากวันนั้น" ฉันยื่นพาสเตอร์ให้ต้นกล้าไปสองอัน
"ขอบคุณคับบบบ" ต้นกล้าพูดลากเสียงยาว
"พ่อหนุ่ม ไม่เป็นไรมากใช่ไหมจ๊ะ?" คุณป้าหันมาถามต้นกล้า หลังจากเก็บมีดและเขียงเสร็จแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกคับ แค่นี้เด็กๆ ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าตอบ
"แล้วต่อไปทำอะไรจ๊ะ" ป้าเจ้าของร้านหันมาถามฉัน
"เอากากน้ำตาลใส่ลงไปในกะละมังแบบนี้" ฉันพูด ขณะเทๆ บีบๆ กากน้ำตาลลงกะละมังจนหมด
"เอาล่ะ! ต่อไปคงต้องให้พ่อคนเก่งช่วยอีกแล้ว ว่าไงไหวไหม? ไม่ไหวบอกได้น่าาาาา" ฉันหันไปถามต้นกล้า พลางกระแซะๆ แขนเขา
"โอ๊ยยย! สบาย! ว่ามาเลยให้ทำไร?" ต้นกล้าพูด พลางถลกแขนเสื้อ เผยมัดกล้ามขาวเนียนของเขา -..-
"อ่ะแฮ่ม! ช่วยกวนให้เศษผักผลไม้พวกนี้เข้ากับกากน้ำตาลทีสิ มันค่อนข้างหนืดต้องใช้แรงเยอะพอควร" ฉันบอก พลางยื่นทัพพีให้เขา
"โอ้! ส.ม.ย.ห. งานนี่กล้วยๆ มาเลย" ต้นกล้ารับทัพพีไปแล้วจัดการกวนส่วนผสมให้เข้ากัน
"เอาล่ะ จากนั้นก็ตักใส่ถุงตาข่าย แล้วมัดถุงให้แน่นเลยนะ" ฉันยืนชี้นิ้วสั่งอย่างสบายอารมณ์ ฮ่าฮ่า ^o^
"โอเค รับแซ่บคับ แม่ ฮ่าฮ่า" ต้นกล้าพูด พลางหัวเราะร่า ขณะที่กำลังตักเศษผักผลไม้ที่กวนเข้ากับกากน้ำตาลเสร็จแล้ว ใส่ถุงตาข่าย
"จากนั้น ก็ใส่ไว้ในถังพลาสติกปิดฝาให้แน่นนะ" ฉันบอกต่อ
"เสร็จแล้วหรือจ๊ะ?" คุณป้าถามขึ้นอย่างงงๆ
"ยังหรอกค่ะ ต้องทิ้งไว้ในถังประมาณ 10 วัน แล้วค่อยเติมน้ำสะอาดลงไป" ฉันพูดขึ้น พลางเดินไปขยับปิดตรวจดูความแน่นสนิดของฝา
"อ่อ จ๊ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะจ๊ะ หนูๆ ทั้งสอง เดียวป้าทำข้าวเที่ยงเลี้ยงเอง สั่งมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ฮิฮิ" ป้าเจ้าของร้านอาหารพูดพลางใส่ผ้ากันเปื้อน
"งั้นไม่เกรงใจนะคับ ฮ่าฮ่าฮ่า" ต้นกล้าพูด พลางหัวเราะร่า ก่อนจะสั่งเมนูอาหารมา 3 - 4 อย่าง พร้อมข้าวเปล่า
"แหม! ออกแรงแค่นิดเดียว กินซะคุ้มเลยนะย่ะ" ฉันหันไปแหนบต้นกล้า ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก
"ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่าาาาา ก็ป้าเขาจะเลี้ยงนี้น่า" ต้นกล้าพูดขึ้น
จากนั้น เราสามคนก็กินข้าวที่ป้าเจ้าของร้านอาหารเลี้ยงจนหมดเกลี้ยง
"ถ้าอย่างนั้นอีก 10 วัน เดียวหนูจะมาเช็คดูน้ำหมักชีวภาพให้นะค่ะ ว่าใช้ได้ไหม?" ฉันพูดพลางส่งยิ้มให้คุณป้า
"จ๊ะ ขอบใจมากน่าาาา" คุณป้าพูดขึ้น
"งั้นพวกหนูขอตัวก่อนนะค่ะ" ฉันพูดพลางก้มหัวขอลา
"ขอบคุณสำหรับข้าวเที่ยงนะคับ อร่อยมากเลย อิ่มเวอร์" ต้นกล้าพูดขอบคุณ พลางก้มหัวขอลาเช่นกัน
จากนั้น เราสองคนก็เดินออกจากร้านอาหารกัน เดินเตร่ๆ จนถึงสวนสาธารณะในหมู่บ้าน
ณ สวนสาธารณะในหมู่บ้าน
เราสองคนมานั่งเล่นตากลมอยู่ในสวนสาธารณะ สายลมอ่อนยามบ่ายพัดกลิ่นใบหญ้าหอมสดชื่นเข้ามาปะทะจมูกของฉัน ทำให้จิตใจของฉันมันสงบนิ่ง เตรียมที่จะพูดเรื่องสำคัญต่อจากนี้
"ต้นกล้า ฉันมีเรื่องจะบอกนาย" ฉันพูดขึ้น พลางเหม่อมองไปที่สระน้ำใจกลางสวนสาธารณะ ฉันไม่กล้าที่จะสบตากับเขาตรงๆ
"หืม!? มีอะไรหรอ? ทำไมสีหน้าซีเรียสจัง?" ต้นกล้าหันมาถามฉัน ก่อนจะกัดขนมปังไส้สังขยาที่ซื้อมากินเป็นของหวานหลังกินข้าวเที่ยง
"เอ่ออออ คือว่า...." ฉันพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวก่อนจะพูดออกไป
"มีอะไรก็บอกมาเถอะ? ฉันโอเคทุกเรื่องล่ะ ไม่ต้องกลัว" ต้นกล้าพูด พลางลูบหัวฉัน ก่อนจะกดหัวฉันให้ไปซบที่ไหล่เขา
"นะ...นายช่วยไปที่ที่หนึ่งกับฉันได้ไหม?" ฉันถามออกไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
"ที่ไหนล่ะ? ถ้าเธออยากไปฉันจะพาไป" ต้นกล้าถามขึ้น
"ที่เก็บอัฐิของเรโกะ! ศาลเจ้าโคโนเอะ" ฉันพูดออกไปแล้ว ขณะที่สายตาของฉันยังคงเหม่อมองแต่สายน้ำในสระน้ำนั้น ฉันกลัวจริงๆ กล้วแววตาของเขา จนไม่กล้าสบตาด้วยเลย
"หะ...ห่ะ!? ว่าไงนะ!?" ต้นกล้าถามเสียงดังขึ้น
"ไปหาเรโกะจังกับฉันเถอะนะ" ฉันพูดย้ำอีกครั้ง
"ฉะ...ฉันไม่ไป!" ต้นกล้าตอบกลับเสียงดังฟังชัด
"ทำไมละ!?" ฉันตะโกะถาม หลังจากลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา
"นี้! เธอถามเพราะไม่รู้จริงหรอ?" ต้นกล้าตอบฉันด้วยการถามกลับ
"ใช่! ฉันไม่รู้ และไม่เข้าใจนายเลยสักนิด" ฉันตอบอย่างไม่เข้าใจเขา เพราะเรโกะคือเพื่อนรักฉัน และเป็นแฟนเก่าเขา แล้วทำไมเขาถืงจะไม่ไปเคารพอัฐิเรโกะบ้าง?
"โํธ่เว้ย!! เธอฟังให้ดีนะ ฟ้าใส!" ต้นกล้าพูด พลางลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับฉัน
"..." ฉันนิ่งเงียบ พลางมองเข้าไปในดวงตาสีนิลของเขาที่สะท้อนภาพของฉันอย่างชัดเจน
"ฉันอยากจะลืมเรื่องของเรโกะไปซะ! แล้วอยู่กับปัจจุบันที่มีเธอเท่านั้น เธอเข้าใจฉันไหม? ฟ้าใส" ต้นกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
"อึ้ก! เพี๊ยะ! นี่คือความคิดของนายจริงหรอ!? ต้นกล้า" ฉันตบเข้าไปที่ใบหน้าหล่อคมเข้มของเขาด้วยมืออันสั่นเทาของฉัน ขณะที่น้ำใสๆ จากดวงตากลมโตจะไหลรินออกมา อย่างอดกลั้นไม่อยู่
ฉันขอโทษจริงๆ เรโกะ ฉันไม่ได้อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลย ฉันไม่จะยอมให้เขาลืมเธอแน่นอน ฉันไม่ได้ทิ้งให้เธอต่้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป! ฉันนึกในใจ พลางมองไปที่รอยแดงบนใบหน้าของต้นกล้า
"...." ต้นกล้าได้แต่หันไปตามแรงตบของฉัน โดยไม่พูดหรือร้องอะไรเลยสักคำ
"ฉะ...ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้นายจมปักอยู่แต่อดีตหรอกนะ และฉันก็ไม่อยากให้นายโทษตัวเองเรื่องเรโกะจากไปด้วย" ฉันพูดขึ้นเสียงสั่น พลางมองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดไม่ต่างจากเขา
"แต่นายจะมาพูดว่า อยากลืมเรโกะจัง แบบนี้ไม่ได้! เรโกะไม่ได้เป็นเพียงแฟนหรือเพื่อนของพวกเราเท่านั้น แต่เธอยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเราสองคนหลายต่อหลายครั้ง!" ฉันตะโกนบอกความจริงแก่เขา
"มะ...หมายความว่าไง!?" ต้นกล้าถามกลับด้วยสีหน้าตกใจ
"นายคงจำไม่ได้สินะ ว่าทำไมเรโกะถึงจากไปไวขนาดนี้ แล้วทำไมเมื่อก่อนนายถึงคิดฆ่าตัวตายเพราะเสียเรโกะไปนะ!?" ฉันพูดขึ้น
"นะ...บี่! เธอจำเรื่องที่ฉันเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะเรโกะได้ด้วยหรอ!?" ต้นกล้าถามกลับอย่างสับสน
"ใช้! ฉันจำได้หมดแล้ว!" ฉันตอบกลับไป
"แต่เธอก็ยังให้ฉันจำเรื่องราวที่น่าเศร้านั้น!?" ต้นกล้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
"สวบ! ไม่ต้องห่วงหรอกนะต้นกล้า ฉันจะอยู่ข้างๆ นายเอง เพราะงั้น อย่าหนีความจริงอีกเลยนะ ฉันขอร้อง!" ฉันเดินเข้าไปสวมกอดเขา ก่อนจะพูดปลอบเขา เพราะฉันรู้ดีว่า เขาเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน
"ฉันไม่อยากปล่อยให้เรโกะจังต้องโดดเดี่ยวอยู่ในที่แบบนั้นอีกต่อไป" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"แล้วฉันล่ะ!?" ต้นกล้าถามขึ้น
"ฉันก็จะอยู่ข้างๆ นายแบบตอนนี้ไง เพราะงั้นไปเผชิญหน้าจะความจริงเถอะนะ" ฉันตอบพลางเงยหน้าส่งยิ้มให้เขา ขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา
"สัญญานะ!? ว่าจะค่อยอยู่ข้างๆ ฉัน" ต้นกล้าถามขึ้น พลางยื่นนิ้วก้อยมาให้ฉัน
"อื้ม! ฉันสัญญาเลย!" ฉันพูดพลางส่งรอยยิ้มจริงใจไปให้เขา ขณะที่ยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วของเขาไว้ เป็นการให้สัญญาของเราสองคน
แสงอาทิตย์อัสดงยามตกดิน สายลมพัดโชยยามเย็น เสียงนกน้อยร้องประสานเสียงใบไม้พริ้วไหว ช่วยเป็นพยานให้แก่คำมั่นสัญญาของเราสองคน ฉันจะอยู่เคียงข้างนายตลอดไป ฉันนึกในใจ พลางเหม่อมองไปบนท้องนภา ขณะที่กำลังนั่งซบอิงไหล่ของต้นกล้าในสวนสาธารณะ
"ฟ้าใส เข้าไว้ฉันพร้อมเมื่อไร ฉันจะบอกเธอนะ" ต้นกล้าพูด พลางหันมามองหน้าฉัน
"อื้ม! ได้สิ แต่วันนี้ฉันมีอะไรจะให้นะ" ฉันพูดพลางล้วงใปในกระเป๋าสะพายข้าง
"หื็มมมม อะไรหรอ?" ต้นกล้าถามพลางมองมาที่สมุดเล่มหนึ่งในมือฉัน
"ฉันเชื่อว่าของสิ่งนี้จะช่วยให้นายตีดสินใจได้ง่ายขึ้น" ฉันยื่นสมุดเล่นนั้นให้ต้นกล้า ก่อนจะพูดพลางส่งยิ้มใ่ห้
"นะ...นี่มัน!?" ต้นกล้ารับมาแบบอึ้งๆ
"ใช่แล้ว มันคือไดอารี่ของเรโกะจัง แล้วก็จดหมายที่เขียนถึงนายโดยเฉพาะด้วยนะ" ฉันพูดพลางกุมมือต้นกล้าที่ถือไดอารี่อยู่
"...." ต้นกล้าไม่พูดอะไร ได้แต่เหม่อมองไดอารี่นั้น
"ถึงแม้ไดอารี่นี้จะถูกเขียนขึ้นมาเพื่อฉัน แต่เนื้อหาข้างในมันเต็มไปด้วยความทรงจำของเราทั้งสามคน" ฉันพูดขึ้น
"ฟ้าใส เธอโอเคหรอ? ที่จะให้ฉันอ่านมัน" ต้นกล้าถามด้วยแววตาสับสน
"ไม่ต้องคิดมาก ฉันโอเค และฉันก็เชื่อว่าเรโกะจังก็อยากให้นายได้อ่านเช่นกัน" ฉันกุมมือต้นกล้าไว้แน่น ขณะที่พูดและส่งยิ้มออกไป
"ขอบใจเธอมากนะ ฟ้าใส ฉันจะอ่านมันอย่างดีเลย" ต้นกล้าตอบพลางส่งยิ้มเผยลักยิ้มให้เห็น
"อืม ถ้าตัดสินใจได้เมื่อไรก็บอกทันทีเลยนะ ฉันจะรอไปพบเรโกะพร้อมกับนาย" ฉันตอบกลึบไป
จากนั้น เราสองคนก็เดินกลับบ้าน ต้นกล้าอาสามาส่งฉันที่บ้านเช่นเคย
ณ หน้าบ้านของฟ้าใส
"ขอบใจมากนะ ที่มาช่วยสำหรับวันนี้" ฉันพูดพลางก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ
"ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจ อีกอย่างฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ สำหรับไดอารี่และช่วงเวลาวันหยุดที่แสนสุขแบบนี้" ต้นกล้าพูดขึ้น พลางชูไดอารี่
"แหม! พูดซะเวอร์เลย กลับบ้านดีๆ ละ" ฉันพูดพลางโบกมือลา
"ฮ่าฮ่า โอเค ฝันดีนะ พรุ่งนี้เจอกัน" ต้นกล้าพูดพลางส่งยิ้มพร้อมโบกมือลาเช่นกัน
"ฝันดีเช่นกัน เจอกันพรุ่งนี้ ฮิฮิ" ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มหัวเราะคิก ก่อนจะเปิดประตูหน้าบ้านเข้าไป
ฉันเปิดประตูหน้าบ้านเข้าไป และขณะที่กำลังเดินเข้าตัวบ้านอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น จากพุ่มไม้ในสวนหน้าบ้าน
"กุ๊กกั๊กๆๆ" เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นภายในพุ่มไม้นั้น มีนมืดจนฉันจินตนาการไปไกลมาก
นะ....นั้นมันเสียงอะไรน่ะ!? เดียวนะ ฉากแบบนั้นมันคุ้นๆ นะ หรือจะเป็นสิ่งลี้ลับ >_< ฉันนึกในใจ พลางจ้องมองไปที่พุ่มไม้ต้นตอของเสียงประหลาดนั้น
และก็ตามคาด ต่อมขี้เผือก ความอยากรู้อยากเห็นทำงาน ทำให้ฉันก้าวเดินไปตรงพุ่มไม้นั้นอย่างลืมตัว
"พรึ่บ!! เมี๊ยว---/ กรี้ดดดดด อย่ามาหลอกหลอนหนูเลยค่าาาาา >_<!" ฉันหลับหูหลับตากรีดร้องทันทีที่มันกระโดดพุ่งพรวดออกมาจากพุ่มไม้นั้น
"ปังๆๆๆ เฮ้ย!!! ฟ้าใส เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?" เสียงต้นกล้าทุบประตูหน้าบ้านฉัน ก่อนจะตะโกนถามเสียงดังอย่างร้อนรน
"มะ...ไม่เป็นไร ฉันตกใจนิดหน่อย" ฉันตะโกนกลับไป
"ฟ้าใสลูก เป็นอะไรหรือเปล่า? ร้องดังลั้นบ้านเลย" คุณแม่ฉันเปิิดประตูตัวบ้าน ก่อนจะถามด้วยความร้อนรนไม่ต่างจากต้นกล้า ในมือยังถือตะหลิวทำอาหารอยู่เลย
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่ตกใจที่อยู่ๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้กระโดดออกจากมาพุ่มไม้ตรงนั้น" ฉันพูดพลางปิดตาชี้ไปที่พุ่งไม้นั้น
"เอ๋? นี้มันกระต่ายขาวหรือเปล่าเนี้ย?" คุณแม่พูดขึ้น แต่ยังคงไม่เดินเข้าไปใกล้
"นี่ ฟ้าใส เธอโอเคแน่นะ!" ต้นกล้าถามขึ้น
"อ่อ ฉันโอเค มันคือกระต่ายขาวนะ ตกใจฉี่จะราดเลย เจ้าขาวนี่" ฉันตะโกนตอบต้นกล้าไป ก่อนจะเดินไปหากระต่ายนั้น
"ยะ...อย่าเอามาใกล้แม่นะ ฟ้าใส แม่แพ้ขนสัตว์" แม่พูดก่อนจะเดินถอยหลังเข้าตัวบ้านไป
"แกร๊ง" เสียงฉันเปิดประตูหน้าบ้าน ขณะที่กำลังอุ้มกระต่ายนั้นอยู่
"นี่ไง ดูดีๆ มันก็น่ารักอยู่นะ ฮิฮิ" ฉันพูดพลางยื่นให้ต้นกล้าดู
"อะ...เอาออกไปปปป ฉันแพ้ขนสัตว์" ต้นกล้าพูดขึ้น พลางถอยห่างทันที
"โธ่ๆ มันออกจะน่ารักใช่ไหม? เจ้าไวท์" ฉันพูดพร้อมตั้งชื่อให้เสร็จสรรพเลย
"คับๆ แล้วเธอจะเลี้ยงมันหรอ?" ต้นกล้าถามขึ้น
"ก็กะว่าจะแบบนั้น จะลองคุยกับแม่ก่อน เนอะๆ เจ้าไวท์" ฉันพูด ก่อนจะหันมาลูบหัวมัน
"เมี๊ยววว" กระต่ายขาวนั้นร้องขึ้น
"เอิ่บ! / เฮ้ยยย!" ฉันและต้นกล้าตกใจกับเสียงร้องของมันอย่างพร้อมเพรียงกัน
"เธอได้ยินเหมือนฉันใช่ไหม? ฟ้าใส" ต้นกล้าหันมาถาม ก่อนจะสลับไปมองที่กระต่ายขาวร้องเมี๊ยวนั้น
"อะ...เอ่อ ใช่ แปลกดีแหะ ฮิฮิ" ฉันพูดพลางอุ้มชูมันขึ้นมามองหน้าตรงๆ เผื่อว่ามันจะเป็นแมว แต่ฉันมองเป็นกระต่าย
"มันก็เป็นกระต่ายนี่น่า แล้วทำไมร้องเมี๊ยว...." ฉันพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็มีภาพความทรงจำหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของฉัน
ภาพในความทรงจำของฉัน
"ขะ...ของจริงนี้น่า ว้าวสุดยอดเลย!! เอ๊ะ! เดียวนะ นายเป็นกระต่ายขาวแต่ทำไมร้อง 'เมี๊ยว' ละ มันไม่แปลกหรือ?" เสียงฉันพูดขึ้น
"ก็เพราะฉันไม่รู้ว่า กระต่ายมันร้องอย่างไง แล้วอีกอย่างฉันก็ชอบแมวมากกว่ากระต่ายด้วย เมี๊ยว---" เสียงผู้ชายประหลาดพูดพลางสะบัดผ้าคลุมหนี
"อ่อ--- เป็นกระต่ายแอ๊บแมวนี้เอง" เสียงฉันพูดขึ้น
"เงียบไปเลยนะ! ผมได้ยินนะ เมี๊ยว เดียวก็ไม่ช่วยสะเลย เมัํยว" เสียงเขาพูดขึ้นอย่างโมโห
ปัจจุบัน
ดะ...เดียวนะ!! มันแปลกมากเลย เสียงที่ฉันพูดออกมาในความทรงจำกับเสียงของฉันตอนนี้ มันไม่เหมือนกัน ซึ่งมันต่างกันมากเลย แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นตัวอะไร? มีหูกระต่าย? แล้วร้องเมี๊ยวๆ? ฉันยืนนิ่งนึกในใจอย่างงงงวยกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมานี้ @_@
"ฟ้า....ฟ้าใส นี่ๆ ยืนเอ๋ออีกแล้ว เป็นอะไรเปล่า?" ต้นกล้าถามฉันที่ยืนนิ่งอยู่ในภวังค์
"ปะ...เปลาๆ ไม่มีไร" ฉันบอกปัดไป แทนที่จะเล่าความทรงจำในส่วนนี้ให้เขาฟัง เพราะฉันยังไม่แน่ใจในเรื่องบางอย่าง
"โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ไปล่ะ บาย" ต้นกล้าพูด ก่อนจะเดินจากไป
จากนั้นฉันก็อุ้มเจ้าไวท์เข้าไปในบ้านโดยทิ้งระยะห่างจากแม่พอสมควร แล้วขออนุญาตที่จะเลี้ยงมันไว้ในสวนหลังบ้าน ซึ่งแม่ก็อนุญาตแต่กำชับว่าอย่าให้เข้ามาในบ้าน เพราะท่านแพ้ขนสัตว์ และดูแลมันดีๆ ด้วย ฮิฮิ
"งั้น แกก็ต้องนอนตรงนี้ไปนะ ฉันสละเบาะรองนั่งใบโปรดให้เลยนะเนี้ย เจ้าไวท์" ฉันพูดกับกระต่าย!? พลางอุ้มมันมานอนบนเบาะรองนั่งสีฟ้าลายโดเรม่อน
"เอะ จริงสิ ในตู้เย็นมีนมอยู่ เดียวฉันไปเข้าให้น่าาาา" ฉันพูด ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปหยิบนมในตู้มา
"กินเยอะๆ นะ เจ้าไวท์" ฉันพูด หลังจากวางถ้วยใส่นมตรงหน้ามัน
"เมี๊ยวววว" กระต่ายร้องตอบกลับฉัน
"นี่ หรือว่าแกจะเป็น...." ฉันพูดแล้วทิ้งท้ายไว้
"เมี๊ยว!?" เจ้าไวท์ร้องขึ้นพลางเอียงคอ เหมือนจะถามว่า แกคิดว่าฉันเป็นอะไรล่ะ?
"ฮ่าฮ่า คงไม่หรอกมั่ง บ้าบอ นีไม่ใช่การ์ตูนแฟนซีนะที่กระต่ายจะกลายร่างเป็นคนได้ สงสัยฉันต้องไปเช็คสมองหน่อยแล้ว" ฉันพูดพลางมองไปที่มัน ขณะที่เจ้าไวท์กำลังกินนมอย่างเอร็ดอร่อย
"เมี๊ยววๆๆ" เจ้าไวท์ร้องขึ้น
"จ้าๆ แกเป็นกระต่ายชัดไหม? กระต่ายร้องเมี๊ยว ฮ่าฮ่า" ฉันพูด ก่อนจะลุกขึ้นยืน
"งั้น ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้ฉันมีเรื่องสำคัญต้องทำเยอะเลย หึหึ" ฉันพูด ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านไป
ใช่แล้ว! พรุ่งนี้เป็นวันกำหนดของมิ้นท์แล้วว่าเธอจะทำอย่างไร? ฉันได้แต่หวังว่าเธอจะเลืองเดินทางที่ถูกต้อง เพราะอย่างน้อยๆ ฉันก็จะได้สบายใจขึ้น และมั่นใจขึ้นว่าเธอไม่ใช่คนร้ายตัวจริง!?
วันรุ่งขึ้น ณ หน้าบ้านฟ้าใส
"แกร๊ง" เสียงฉันเปิดประตูหน้าบ้านอย่างเช่นทุกวัน
"อ่ะ....อ้าว หมอนั้นไม่อยู่แหละวันนี้ สงสัยเมื่อคืน่ได้อ้านไดอารี่แล้วแน่เลย เป็นห่วงจัง" ฉันพึมพำคนเดียวพลางปิดประตูหน้าบ้าน
"เจ้าไวท์เองก็หายไปเลย เรียกหาเมื่อเช้าก็ไม่เจอตัวเลย คงไม่ได้หนีไปแล้วหรอนะ แงๆ Y_Y" ฉันบ่นกับตัวเองต่อ ขณะกำลังเดินไปป้ายรถเมล์
ณ โรงเรียน ทางเดินเข้าประตูทิศเหนือ
"ฮ้าวววว วันนี้สงบเงียบจริงๆ ฮิฮิ" ฉันพูดขึ้นกับตัวเอง พลางเดินทอดน้องชมนกไม้ริมทางเดินสวนสาธารณะทิศเหนือของโรงเรียน
"เมือกับว่าเป็นความเงียบก่อนลมพายุจะโหมกระหน่ำเลย หึหึ" ฉันพูดพลางหัวเราะที่มุมปาก ขณะที่กำลังเดินมาถึงสนามฟุตบอล
บางทีก็เงียบไปนะ ชักวังเวงล่ะ ฟังเสียงชักหน่อยดีกว่า ฉันนึกในใจ ก่อนจะเปิดเพลงใส่หูฟัง
"ฟริ้ว!" เสียงอะไรบางอย่างลอยมาจากสนามฟุตบอล
"เฮ้ยยยย! เธอระวังบอล!!" เสียงนักเรียนชายคนหนึ่งตะโกะดังขึ้น
"ฟริ้ว!!" บอลลอยเข้ามาใกล้ฉันในระยะ 10 เมตร
"กรี้ดดดดด / ข้าขอวิงวอนแด่ราชันแห่งกาลเวลาเอย สายธารแห่งกาลเวลาจงหยุดหมุน!!!" ฉันกรีดร้อง พร้อมกับเสียงใครบางคนพึมพำอะไรสักอย่าง
จากนั้น เมื่อฉันรู้สึกตัวอีกครั้ง ลูกบอลก็ปลิวผ่านตัวฉันไปแล้ว มันตกอยู่ที่ริมฟุตบาทฝั่งตรงข้ามฉัน
นะ...นี่มันอะไรกัน? ฉันเห็นชัดๆ เลยว่า บอลส่งตรงมาที่ฉันจริงๆ และฉันก็ยืนนิ่งหลับตากรี้ดๆ อย่างเดียว แล้วบอลมันผ่านไปได้ไงล่ะ?? งงมากค่ะ @_@ ฉันนึกในใจ พลางมองไปที่ลูกบอลที่กลิ้งอยู่บนพื้น ก่อนจะหันซ้ายหันขวา
"อะ...เอ๋!!! นี่นาย" ฉันสะดุดตากับนักเรียนชายคนหนึ่ง ผมสีขาวดุจหิมะ ผิวพรรณขาวละเอียดราวกับเด็กแรกเกิด
"ใช่! ผมเอง คุณไม่เป็นไรนะ" นักเรียนชายคนนั้นพูดขึ้น พลางเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ
"ยะ...อย่าเข้ามานะ!" ฉันตะโกะห้ามเขาไว้
"อ้าว! ทำไมล่ะ ผมช่วยคุณไว้สักหลายครั้งนะ อย่าทำเหินห่างนะซิ เมี๊ยว เอ้ย! คับ" เขาพูดขึ้น พลางเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ
"นะ...นายเป็นคนหรือผี??" ฉันถามขึ้น พลางหลับตา
"ห่ะ! ฮ่าฮ่า โอ๊ยขำมากกับคำถามนี้" เขาพูดพลางหัวเราะลั่น
"ขำอะไรย่ะ รีบตอบมาเลย!?" ฉันตะโกนกลับไป
"คุณถามคำถามผิดหรือเปล่าคับ? คุณน่าจะใช้คำถามว่า ผมเป็นใคร หรือ ผมเป็นตัวอะไร มันจะดูเข้าท่ากว่านะ ฮ่าฮ่า ผีอะไรจะหล่อเบอร์นี้ถามมาได้!?" นักเรียนชายปริศนานั้นตอบกลับฉัน
"อะ...เออ มันก็จริงแหะ ถามใหม่ นายเป็นใคร?" ฉันพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนคำถาม
"ผม...ก็คือนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่วันนี้" อีตานักเรียนใหม่นั้น พูดพลางหมุนตัวโชว์ชุดนักเรียนโรงเรียนฉัน
"อ่อหรอ?" ฉันตอบกลับเสียงสูงเชิงหมั่นไส้
"งั้น นายเป็นตัวอะไรกันแน่!?" ฉันยิงคำถามสุดระทึกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ติ๊ก..ติ๊ก..ติ๊ก...ความลับ" อีตานั้นชูนิ้วชี้ส่ายไปมาพลางทำเสียงติ๊กๆๆ ก่อนจะพูดจากวนประสาทเบื้องล่างฉัน
"หน่อยยย อีตานี้" ฉันพูดอย่างหงุดหงิด
"ฮิฮิ อีกไม่นานหรอก เดียวคุณก็จะรู้เรื่องทุกอย่าง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะบอกคุณเอง ไปล่ะ เดียวเข้าสายตั้งแต่ชั่วโมงเรียนแรก" เขาพูดพลางส่งยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะวิ่งจากไป
"ย่ะ ฉันจะรอ แล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วยฉันตั้ง 2 ครั้ง" ฉันตะโกะบอกเขา
"เอ๋---- ผมช่วยคุณไว้ตั้ง 3 ครั้งแล้วนะ ฮิฮิ คิดให้ดีละ" เขาหันมาพูดพลางหัวเราะคิก ก่อนจะวิ่งหายไป
อะ...อะไรของหมอนี่เนี้ย!? ช่วยฉัน 3 ครั้ง งั้นหรอ? เท่าที่จำได้ก็มีที่อาคาร 4 ตอนคุยกับเกศ และก็ตอนนี้นี่น่า! ระ...หรือว่า?....ไม่จริงหรอกน่า ไม่น่าใช่ เขาสองคนถึงหน้าตาจะคล้ายกันมาก แต่อายุของพวกเขาต่างกันเกินไป ไม่มีทางเป็นคนเดียวกันแน่นอน ฉันนึกในใจ ขณะเดินเข้าอาคารเรียนไป
ณ ห้องเรียน ชั้น ม.5/1
"ครื้นนนน" เสียงฉันเปิดประตูห้องเรียน
ฉันเดินเข้าห้องเรียนของตัวเองอย่างนิ่งเงียน ซึ่งก่อนหน้านั้น ฉันได้ไปรวบรวมสมาธิสติที่ห้องน้ำมาแล้ว สิ่งแรกที่ฉันเลือกมองหามันไม่ใช่โต๊ะประจำที่ของฉัน แต่มันคือ มินตรา เพื่อนของฉัน
เธอยังมีนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนของเธอ และพูดคุยเม้ามอยไปเลย เหมือนกับว่าเมื่อวันศุกร์เราไม่เคยคุยเรื่องสำคัญกัน ไม่แน่นะ บางทีเธออาจลืมมันไปแล้วก็เป็นได้! ฉันนึกในใจ พลางเดินไปนั่งโต๊ะประจำที่
"หวัดดี หยุดเสาทิตย์สบายดีไหมฟ้าใส?" เกศสินีเอ่ยทักฉันก่อน
"ก็ดี แต่มีเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องอยู่" ฉันตอบแบบปัดๆ
ถ้าว่ากันตามตรง ยัยนี่ก็ไม่ได้น่าไว้วางใจมากไปกว่าคนอื่นเลย ฉันคงต้องเว้นระยะห่างสักหน่อยแล้วมั่ง? ฉันนึกในใจ พลางเก็บกระเป๋านักเรียนเข้าที่
"เรื่องอะไรหรอ? บอกฉันหน่อยสิ นะนะนะ" เกศถามอย่างเซ้าซี้
"เรื่องส่วนตัวนะ" ฉันตอบกลับตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก
"เอิ่บ....โอเคๆ ขอโทษทีนะ" เกศตอบกลับอย่างหน้าเสีย
"ครื้นนนนน" เสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
"สวัสดี นักเรียนประจำชั้นทุกคน" ครูประจำชั้นพูด หลังจากเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางห้อง
"ที่ครูมาหาพวกเธอตอนเช้าๆ แบบนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญจะเเจ้งให้ทราบ" ครูพูด ก่อนจะเว้นช่วง
"เฮ้ยๆ เรื่องไรวะ?" เสียงยัย A แก๊งผลไม้หันไปคุยกับยัย B จากนั้นเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทั่วห้อง
"เอ้า!! เงียบๆ ฟังก่อนๆ" ครูพูด พลางตีโต๊ะ
"วันนี้ห้องชั้น ม.5/1 ของเรา จะมีเด็กนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่!?" ครูพูดพลางส่งยิ้ม
"หาาาา/ว้าวววว" เสียงนักเรียนในชั้นต่างตะโกนอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีนักเรียนใหม่ย้ายมากลางเทอมแบบนี้
"ผู้หญิงหรือป่าวจารย์ สวยไหมๆ 555?" นักเรียนชายแถวหลังสุดยกมือถาม ก่อนจะหัวเราะลั่น
"หรือว่าผู้ค่ะ หล่อมากไหม ฮิฮิ?" ยัย A ยกมือถามบ้าง
"อ้าวๆ ถ้าอยากรู้จะดูเองละกัน เชิญเข้ามาได้เลย" ครูพูดถามหันไปบอกเด็กใหม่ที่อยู่นอกห้อง
"ครื้นนนน ตึก ๆ ๆ" เสียงเปิดประตูดังขึ้นช้าๆ ก่อนจะเป็นเสียงก้าวเดินของเด็กใหม่
"กรี้ดดดด ออร่าอะไรเบอร์นั้น แสบตาค่ะ!!" เสียงยัย B ร้องกรี้ดพลางหลับตา
"โว้วๆๆ สุดยอดเลยวะ!?" เสียงนักเรียนชายแถวหลังดังขึ้น
"หล่อแบบลืมหายใจไปเลย เผลอๆ หล่อกว่าต้นกล้า ห้อง 7 อีกมั่งเนี้ย?" ยัย A พูดหลังอ้าปากค้างไปนาน
"พอๆ เอ้า เธอแนะนำตัวได้เลย" ครูปราบๆ พวกนักเรียนที่แตกตื่นจากความออร่าของหมอนี่ ก่อนจะหันไปบอกเด็กใหม่นั้น
"Hi! ผมชื่ออีวาน แอดดิสัน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนคับ" เด็กใหม่พูดแนะนำตัว พลางจ้องมาที่ฉัน
หมอนี่ชื่อคุ้นๆ แหะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกัน นี่มันคือความบังเอิญโลกกลม หรือความตี่งใจของใครบางคนกันแน่เนี้ยยยย ฉันนึกในใจพลางมองไปที่อีวาน
"ว้าววว สุดไปเลย ผมสีขาว ผิวขาว ดวงตาสีเทา แต่กลับพูดไทยซะชัดเลย" ยัย C พูดพลางอ้าปากค้าง
"นั้นดิ ฉันนึกว่าจะมาพูดอังกฤษไฟแลบซะอีก แกร่" ยัย B พูดขึ้นบาง
"แถมดูนิสัยดี เป็นมิตร ดูเฟรนรี่สุดๆ เลย โอ๊ยยยย ดีงามค่ะ" ยัย A หันไปคุยบ้าง
"ใครมีอะไรอยากถามนักเรียนใหม่บ้าง ครูให้เวลา 3 นาที ใช้กฎของห้องเรานะ" ครูพูดขึ้น
กฎของห้องฉันนึกใครยกมือก่อนจะได้สิทธิ์พูดก่อน เพื่อไม่ให้นักเรียนแย่งกันพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง
"1-2-3 / หนูค่ะ" ครูนับถึง 3 พร้อมกับเสียงยัย A พูดและยกมือ
"ถามมาได้เลยคับ ถ้าผมตอบได้ ผมยินดีตอบคับ" เด็กใหม่นั้นพูดพลางโปรยรอยยิ้มสะกดใจสาวๆ ในห้อง ซึ่งทำฉันใจเต้นอยู่เหมือนกัน >_< (อย่าไปฟ้องต้นกล้าน่าาาา)
"เหมือนว่านายจะเป็นชาวต่างชาติ นายมาจากที่ไหนหรอ?" ยัย A ถามพลางทำท่าลุ้น
"อ่อ ผมมาจากดาวอังคารคับ" อีวานตอบ พลางปั้นหน้ายิ้มใส่ยัย A
"เอิ่บบบ! เป็นมุขตลกใช่ไหม ฉันต้องขำสินะ 5555" ยัย A พูดก่อนจะขำแห้งให้มุขของอีวาน
"ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่รู้สิคับ" อีวานพูดพลางขำบ้าง
"ฉันถามจริงๆ ตอบมาเถอะ น่าๆ สุดหล่อ" ยัย A ยังคงพยายามต่อ
"โอเคๆ ผมมาจากรัฐเวลล์ ประเทศอังกฤษ ผมอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกห่างไกลผู้คนคับ" เด็กใหม่ตอบพลางอธิบายเสริม
"ว้าวววว ผู้ดีเก่า แบบในคฤหาสน์หรูสไตล์อังกฤษใช่ไหม" ยัย A ถามต่อ ขณะทำหน้าเคลิ้ม
"ใช่แล้วคับ" อีวานตอบ
"เอาละ พอ คนต่อไป เตรียมตัว 1-2-3 / ผมคับ" นักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้นก่อน
"มีคนในครอบครัวเป็นนักมายากลใช่ไหม?" นักเรียนชายคนนั้นถามขึ้น
"หาาาาา/ เอ้ย จริงดิ/ สุดติ่งวะ" นักเรียนคนอื่นๆ พูดขึ้นมาพร้อมวิ่งไปที่โต๊ะคนถาม
"นี่ไง ฉันค้นหาข้อมูลในเน็ตก็เจอเลย มีนักมายากลชื่อดังที่ชื่อคล้ายๆ หมอนี่ แถมหน้าเหมือนกันด้วยนะ"
ห่ะ! วะ...ว่าไงนะ หน้าเหมือนกันงั้นหรอ ชื่อคล้ายๆ กันด้วย ฉันนึกในใจก่อนจะค้นหาข้อมูลบ้าง
"แหม ไม่นานเชื่อว่าจะมีคนรู้จักพี่ชายผมด้วย" อีวานพูดขึ้น
"พี่งั้นหรอ?" ฉันพูดขึ้นเบาๆ กับตัวเอง
"พี่ของผมเขาเป็นนักมายากลนะคับ ชื่อ อีวาน อิดิสัน" เด็กใหม่นั้นพูดชื่อพลางจ้องมาที่ฉัน
ชะ...ชื่อนี้มัน!! คุ้นหูมากเลย เหมือนเคยได้ยินที่ไหน อีวาน อิดิสัน ผมสีขาว ผิวขาว ระ...หรือว่าจะเป็น... ฉันนึกในใจ แล้วอยู่ๆ ภาพความทรงจำหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว
ภาพในความทรงจำนั้น เป็นภาพเหตุการณ์ต่อเนื่องในห้องน้ำสาธารณะนั้น ที่ฉันอยู่กับชายแปลกหน้าที่หน้าตาเหมือนเด็กใหม่นี่อย่างกับแกะ แค่ดูอายุเยอะกว่าเท่านั้น
"อ้อ--- เกือบลืมไป ผมชื่อ 'อีวาน อิดิสัน' ไม่ใช้กระต่ายแอ๊บแมวนะ เมี๊ยว--- แล้วก็ขอให้คุณเตรียมใจรับกับข้อแลกเปลี่ยนด้วยนะ เมี๊ยว เป๊าะ!" เสียงของชายแปลกหน้าที่แต่งตัวประหลาดพูดขึ้น
"ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าอย่างไงฉันก็ต้องช่วยเขาให้ได้" เสียงฉันที่น้ำเสียงต่างจากฉันในตอนนี้ดังขึ้น
ชะ...ใช่จริงๆ ด้วย ฉันต้องเคยเจอกับพี่ชายของหมอนี่แน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพี่ชายของเขาเป็นใคร แล้วเกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร ที่สำคัญต้องถามเรื่อง ชายผู้เป็นที่รักที่นอนป่วยหนักให้ได้ กุญแจดอกสำคัญคือพี่ชายของเด็กใหม่นี่ อีวาน อิดิสัน! ฉันนึกในใจพลางจ้องมองไปที่เด็กใหม่นั้น
แล้วข้อแลกเปลี่ยนนี่มันอะไรกัน ฉันทำสัญญาอะไรไว้กับพี่ชายเขากันแน่ ฉันยังคงนึกในใจพลางยกมือขึ้นมานั่งเท้าคาง
"เอ้า คนต่อไป 1-2-3 / หนูค่ะ" ครูนับสามพร้อมกับเสียงนักเรียนหญิงใส่แว่นที่นั่งหน้าห้องพูดขึ้น
"อ่ะ...เอ่ออออ นายเล่นมายากลได้ไหม?" สาวแว่นคนนั้นถามขึ้น
"มายากลหรอคับ ก็ได้อยู่นะคับ ผมก็เรียนมาจากพี่ชายบ้าง" อีวานตอบพลางส่งยิ้นให้เธอ
"งะ...งั้นช่วยแสดงให้ดูหน่อยได้ไหมค่ะ ฉันอยากเห็น" สาวแว่นพูดพลางเขินอาย
"ใช่ๆ พวกเราก็อยากเห็นเหมือนกัน โชว์เลยๆๆๆ" เสียงเพื่อนในห้องเชียร์ให้อีวานแสดงมายากล
"โอเคๆ คับ งั้นเชิญคนถามออกมาเป็นผู้ช่วยแสดงมายากลหน่อยคับ" อีวานพูดพลางยื่นมือให้สาวแว่นนั้น
"ฉะ....ฉันหรือค่ะ จะดีหรอ แหะๆๆ" สาวแว่นพูดขึ้นพลางขำแบบเขินๆ
"คับ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว" อีวานพูดพลางจับมือเธอไปยืนหน้าห้องเรียน
"ขอยืนแว่นตาหน่อยสิคับ" อีวานพูดขึ้นพลางยื่นมือขอแว่น
"เอ่ะ เอาไปทำอะไรค่ะ?" สาวแว่นเอียงคอถามแบบงงๆ
"เดียวก็รู้เองคับ" อีวานพูดพลางรับแว่นตามาไว้ในมือ
และทันใดนั้นเอง เขาก็ปล่อยมันตกพื้น และกระทืบซ้ำจนมันแหลกละเอียดคาเท้าของเขาเลยทีเดียว
"นะ...นายทำอะไรนะ!?" เสียงสาวแว่นคนนั้นดังขึ้น
"ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องห่วงคับ" อีวานพูดพลางยักไหล่
"หมายความว่าไง?" สาวแว่นถามกลับ
"เดียวผมจะนับ 1-3 แล้วแว่นที่แตกละเอียดนี่จะกลับไปอยู่บนใบหน้าของคุณตามเดิมคับ" เด็กใหม่นั้นอธิบายมายากล
"ห่ะ! ทำแบบนั้นได้ด้วยหรอ?" ยัย A ถามขึ้น พลางทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ แน่นอนสาวแว่นหน้าห้องก็เช่นกัน
"แน่นอนสิคับ ค่อยดูนะ" อีวานพูดพลางเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงนักเรียน
"1" เขาเริ่มนับแล้ว ตอนนี้สายตาทุกคู่ในห้องต่างจับจ้องไปที่อีวานและสาวแว่นหน้าห้องนั้น
"2" แน่นอนว่าฉันเองก็จ้องเขม็งด้วยเช่นกัน ภาพเหตุการณ์มายากลนี่มันดูคุ้นมากเลย
"3 เป๊าะ" เสียงอีวานนับ 3 ดังขึ้นพร้อมเสียงดีดนิ้วของเขา
"วิ้งงงงง" เสียงวิ้งๆ ดังขึ้น และก็แว่นก็ปรากฏอยู่บนหน้าสาวแว่นจริงๆ ที่สำคัญตรงพื้นที่เคยมีเศษซากของแว่นตอนนี้กลับว่างเปล่า
มะ....ไม่่จริงใช่ไหมเนี้ยยยย? มายากลทำแบบนี้ได้ช่วยหรอ การที่แว่นกลับมาใหม่อาจเข้าใจได้ว่ามีทริคซ่อนไว้ แต่ที่พื้นกลับไม่มีอะไรเลย นี่มันราวกับว่า แว่นไม่เคยโดนเหยียบเลยอ่ะ นี่มันมายากลหรือเวทมนตร์กันแน่ค่าาาาา ฉันนึกในใจพลางหยิกแก้มตัวเอง เผื่อว่าจะฝันไป
แต่ว่ามายากลนี้มันคุ้นนะ....อ้อจริงสิ พี่ชายเขาก็โชว์ให้ฉันดูตอนแยู่ในห้องน้ำสาธารณะนั้นนี่น่า ตอนนั้นเป็นคุณป้า เหตุการณ์แบบเดียวกันเลย นี่่เขาจงใจแสดงมายากลแบบเดียวกัน หรือมันแค่บังเอิญล่ะเนี้ยยยย ฉันนึกในใจ พลางจ้องไปที่เขาอย่างจ้องจับผิด
หมอนี่ดูแปลก ทุกอย่างแปลกไปหมด ฉันว่าเขาต้องรู้เรื่องอะไรสักอย่างแน่นอน เซนส์ของฉันมันบอกว่า หมอนี่ละตัวสำคัญเลย ฉันยังคงนึกในใจ ขณะที่เวลาถามตอบของอีวานกับเพื่อนๆ ก็จบลง
"หมดเวลาแล้วววว ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามเขานอกรอบเอาละกันนะ" ครูประจำชั้นพูดขึ้น ขณะที่ยังอึ้งกับมายากลนั้นไม่หาย
"โธ่---- กำลังสนุกเชียวววว / จารย์อ่ะ ขออีกหน่อยเถอะค่ะ" เสียงเพื่อนๆ ในห้องโวยวาย
"เอาล่ะ อีวานเธอไปนั่งตรงข้างหลังฟ้าใสล่ะกันนะ ที่ตรงนั้นว่างอยู่" ครูพูดพลางชี้มาที่โต๊ะนักเรียนข้างหลังฉัน
"ครับบบบ" อีวานพูดลากเสียงยาว ก่อนจะโค้งและเดินมายังทางโต๊ะฉันอย่างช้าๆ
"ฟ้าใส ฝากเธอดูแลเรื่องแนะนำโรงเรียนและหนังสือเรียนด้วยนะ ครูไปล่ะ ตั้งใจเรียนนะ ทุกคน" ครูบอกฉัน ก่อนที่จะลาทุกคนในห้องไป
อะ...อ้าวววว! เดัยวซิค่ะครู! ฉันยังไม่ทันตอบตกลงอะไรเลย นี่มันเป็นคำสั่ง คำขอร้อง หรือการบังคับเนี้ยยยย!? ฉันนึกในใจ พลางมองไปยังอีวาน ที่ตอนนี้หยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
"หวาดดีคับ เจอกันอีกแล้วนะ ยินดีที่ได้รู้จัก จากนี้ไปขอฝากตัวด้วย" อีวานพูดพลางส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะยื่นมือให้ฉันจับเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ฉันมิตร
"เอ่อ...เช่นกัน" ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือเขา
"อ่อ จริงสิ ต้องการให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ?" อีวานพูดขึ้น พลางส่งรอยยิ้มมาให้ฉัน แต่ทว่า เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเล่ห์นัย
"หมายความว่าไง?" ฉันถามอย่างงงๆ ก็ครูพึ่งบอกไปว่าฉันชื่อ ฟ้าใส แล้วทำไมหมอนี่ยังจะถามอีกละ?
"จเให้ผมเรียกคุณว่า ฟ้าใส หรือว่า...." อีวานพูดขึ้นก่อนจะก้าวเท้าขยับเข้ามากระซิบที่ข้างหูฉัน
"ชื่อของตัวคุณอีกคนนึงดีล่ะ!!?" อีวานก้มลงมากระซิบประโยคที่ทำเอาฉันตัวสั่น หน้าชา ไปหมด
"ว้่าไงนะ?" ฉันกระซิบถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงด้วยความต้องการเค้นความจริง
"หึ! ก็ได้ยินแล้วนี่ จะถามกลับทำไมละ หือ!?" อีวานพูด ก่อนจะค่อยๆ เดินไปยังที่นั่งด้านข้างฉัน
หมอนี่มันอะไรกัน? เขารู้อะไรกันแน่? ตัวฉันอีกคนนึงงั้นหรอ? บ้าหรอป่่าว จะมีฉันอีกคนได้อย่างไรกัน? ฉันได้แต่นั้งเหม่อในใจมีแต่คำถามมากมาย ถึงแม้คนที่อาจจะรู้คำตอบของคำถามทั้งหมดนี่จะนั่งอยู่ข้างหลังฉัน แต่ทว่า ฉันก็ไม่อาจถามออกไปได้ เพราะอะไรนะหรอ? เพราะฉันกลัวคำตอบจากปากของเขาไงล่ะ!!
จบตอนที่ 7
เตรียมพบกับ
ตอนที่ 8 การตัดสินใจของมินตราและต้นกล้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ