สลับตัว นายเจ้าสาวจำใจ

-

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 21.06 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,282 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เจ้าสาวหายไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ปู่เรียกผมมามีเรื่องอะไรจะคุยหรอครับ”

ใบหน้าเรียบนิ่ง ไร้ความรู้สึกใดๆ ของหลานชายทำให้ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นไปตามอายุอย่างออสตินนั้นทำสีหน้าเหนื่อยใจก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีเหตุผล

“ไม่คิดว่าปู่คนนี้จะคิดถึงแกบ้างเลยหรือไง”

“ปู่ก็คิดถึงผมแค่ตอนที่ปู่อยากให้ผมทำอะไรให้เท่านั้นแหละครับ”

น้ำเสียงเฉยเมยบวกกับสายตาเรียบนิ่งไม่คิดสนใจมองหน้าผู้เป็นปู่ยังคงไม่แปลเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย และนั่นเป็นสิ่งที่ออสตินไม่พอใจทุกครั้งที่เรียกหลานชายสุดแสนรักของเขาเข้ามาพบเป็นการส่วนตัว

“แกนี่น่า…เมื่อไรจะเลิกทำสีหน้าด้านชาแบบนั้นกับปู่สักที”

“ขอโทษครับ ผมเองจำไม่ได้ว่าเคยทำตัวเสียมารยาทแบบนั้นกับปู่ไป”

และก็เป็นอีกครั้งที่คำพูดแสนจริงจังของเอียนทำให้ออสตินนั้นรู้สึกหนักใจและไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไรหลายชายตัวดีของเขาต่ออีก

“เฮ้อ…ก็เอาเถอะ วันนี้ที่ฉันเรียกแกเข้ามาพบ แค่จะบอกให้แกเตรียมเคลียร์งานทั้งหมดแล้วก็ทำตัวให้ว่างไว้สักสองอาทิตย์เท่านั้นแหละ”

“มีงานนอกให้ผมไปทำหรอครับ”

“ใช่ ก็งานแต่งแกนั่นแหละเตรียมตัวซะให้พร้อม”

“งานแต่ง? ….ผม”

เอียนที่ได้ฟังทำท่าทางชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยอาการสับสนปนไม่เข้าใจในความหมายของการแต่งงานที่ปู่่กำลังพูดถึง เมื่อนั้นเองที่ใบหน้าหล่อคมของเอียนได้กระตุกขึ้นและแปลเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม

“ใช่ และงานแต่งจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ รีบจัดการงานที่เหลือของแกให้เสร็จภายในสองวันเข้าใจไหม”

“สิ่งนั้นมันไม่เหมาะกับคนอย่างผม เรื่องแต่งงานสำหรับผมมันเกินไปนะครับปู่ "

ดูสินั่น เรียกงานแต่งของตัวเองว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีใครที่ไหนบ้างที่เขากล้าพูดออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้น่ะ มันมีแต่คนบ้าๆ ไม่สนใจโลกทั้งใบ คนประเภทนั้นเห็นทีจะมีไม่กี่คนและหนึ่งในคนจำนวนนั้นก็ดันเป็นหลานชายตัวดี ไอ้หลานเวรตรงหน้าฉันคนนี้แหละว่ะ เฮ้อ..... - -

“จะเกินไปหรือไม่เกินไปแกไม่่มีสิทธิ์เลือกทั้งนั้น ฉันตัดสินใจไปแล้ว " ออสตินพูดยืนยันคำพูดเดิมของเขา

“ปู่คิดเรื่องแต่งงานดูใหม่เถอะครับ ผมว่าที่ผมรับผิดชอบงานทุกอย่างอยู่ในตอนนี้ผมก็แสดงให้ปู่เห็นแล้วว่ามันไม่ได้มีส่วนไหนที่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย แล้วทำไมปู่ยังต้องทำกับผมแบบนี้อยู่ละครับ”

เป็นคำพูดที่แสนยาวเหยียดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่การเจรจาธุรกิจกับชาวต่างชาติเมื่อครั้งก่อน และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่บทสนทนางานแต่งทำให้เอียนต้องเอ่ยปากพูดมากกว่าเดิมเท่าหนึ่ง

" นั่นไม่สำคัญ เพราะนี่เป็นคำสั่ง”

“แต่….”

เอียนมองหน้าผู้มีฐานะเป็นปู่ของเขาด้านหน้า สายตาเด็ดเดี่ยวที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงนั้น ทำให้เอียนที่รู้จักนิสัยแสนดื้อรั้นของปู่อย่างออสตินดีได้แต่หลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ความรู้สึกหงุดหงิดและเผลอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว

“อึก..”

แย่แล้วแฮะ

จู่ๆ ด้วยความเครียดที่สะสมมาพักใหญ่ๆ ของเอียนทำให้เอียนเริ่มมีอาการปวดตุบๆ บนศีรษะที่มักจะเป็นเฉพาะในเวลาเครียดเข้าขั้นหนักขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งได้ในทุกสถานการณ์ของเอียนทำให้ปู่ของเขานั้นไม่ทันได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติของหลายชายเข้า

ปู่กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?

เอียนรู้ดีว่าหากปู่ของเขาได้ตัดสินใจคิดทำอะไรไปแล้วนั้น นั่นหมายความว่าปู่ของเขาเอาจริงและพร้อมทำทุกวิถีทางให้คำพูดของท่านนั้นเป็นจริง 

และปู่ของเขาก็จะไม่เลือกวิธีการหากว่าท่านนั้นต้องการสิ่งใด ไม่ว่าของชิ้นนั้นจะราคาหลายหมื่นล้านแสนล้านแค่ไหน แต่หากปู่ท่านต้องการของสิ่งนั้นไม่นานก็จะต้องตกมาอยู่ในเงื้อมมือจนได้

รวมแม้กระทั่งหลานชายอย่างเขาเองก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากคำสั่งแสนเผด็จการของปู่อย่างออสตินได้เช่นกัน

“บอกได้ไหมครับว่าผมต้องแต่งงานกับลูกสาวตระกูลไหน”

“ไม่ต้องถามมาก วันแต่งแก่ก็จะได้รู้เองนั่นแหละ และก็ไม่ต้องคิดใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือกลอุบายบ้าๆ ของแกในการคิดวางแผนการไปพูดข่มขู่ตระกูลนั้นให้ยกเลิกงานแต่งแกให้ยาก เพราะมันจะไม่มีวันที่แกได้ในสิ่งที่ต้องการแน่ๆเจ้าหลานรัก…..”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์จนผู้เป็นหลานอย่างเอียนได้แต่กัดฟันกร่อดด้วยความเจ็บใจ ความเหลี่ยมจัดด้านความคิดต่างๆ ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านสายเลือดนั้นเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันเลยหากต้องเผชิญหน้าหรือต้องรับมือกับแผนการของอีกฝ่ายเข้า

“ผมก็ไม่ได้คิดอะไรไว้แบบนั้นสักหน่อยครับ” เอียนได้แต่พูดปฏิเสธออกไปแบบเสียมิได้ เมื่อความคิดความอ่านดันถูกผู้เป็นปู่จับทางได้ซะก่อน

งั้นฉันคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแต่งๆ ไปให้มันจบๆ พอถึงระยะเวลาหนึ่งค่อยหาทางให้อีกฝ่ายเซ็นต์หนังสือหย่าให้ก็พอ หรือไม่ถ้าทางนั้นอยากเรียกร้องคิดค่าเสียเวลาขึ้นมา ฉันก็แค่ยอมทุ้มเงินจำนวนสักพันล้านให้ไปให้มันจบๆ ของเพียงแรกกับอิสระที่ฉันจะได้มันคืนกลับมาฉันก็จะยอม

“และลองแก่คิดหย่าร้างกับเธอดูสิ พินัยกรรมที่ฉันจะมอบให้แกก่อนตายทั้งหมดจะเป็นศูนย์ในทันที เพราะว่า…ฉัน…จะทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินของฉันให้แก่ลูกสะไภ้ของฉัน แกเข้าใจความหมายที่ฉันพูดใช่ไหม”

และก็เป็นอีกครั้งที่ออสตินอ่านความคิดของหลานชายอย่างเอียนได้ขาดรอยทำให้เอียนที่ถูกผู้เป็นปู่พูดดักทางขึ้นมาได้แต่ทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ

“เอ่อ…ครับ ผมเข้าใจก็ได้ "

เอียนยกมือขึ้นกุมขมับ คิ้วยกขึ้นสูงแทบพันผูกติดกันอีกครั้ง

มันเรื่องอะไรอีกละเนี่ย โธ่เว๊ย….-_-

“คิดได้แบบนั้นมันก็ดี”

“………….”

 

ก่อนงานแต่งงาน 1 วัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก……

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ดิเรกที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์กองเอกสารที่ค้างคาอยู่บนโต๊ะทำงานนั้นเหลือบมองประตูห้องที่กำลังส่งเสียงดังขึ้นเป็นจังหวะถี่ไม่หยุด ในตอนนั้นเองที่แว๊บหนึ่งในใจของดิเรกเกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“เข้ามา”

และเป็นใบหน้าของพ่อบ้านนั่นเองที่เป็นคนเคาะประตูหน้าห้องของเขา

“ท่านครับ เกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ”

สรพ่อบ้านที่ทำงานให้ดิเรกมามากกว่ายี่สิบปีกำลังทำสีหน้าเป็นกังวลจนผิดสังเกต ดิเรกหยุดมือจากกองเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและจดจ่อกับสิ่งที่พ่อบ้านของเขากำลังจะบอก

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

“เมื่อครู่คนจากห้องลองชุดแต่งงานมาแจ้งผมว่าคุณหนูไม่ได้อยู่ในห้องครับ และผมได้ลองให้เหล่าแม่บ้านเข้าไปสำรวจดูทั่วทั้งบ้านแล้ว แต่แม่บ้านพบว่าเสื้อผ้าและของใช้บางส่วนของคุณหนูได้หายไปด้วยครับ”

“อะไรนะ! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” ดิเรกยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นก่อนงานแต่งแค่เพียงหนึ่งวันซะได้ แล้วอย่างนี้ฉันจะบอกกับทางนั้นยังไง ถ้าบอกไปว่าเจ้าสาวได้หนีงานแต่งมีแต่จะทำให้ตระกูลรุจรพีขายขี้หน้า ผู้คนเอาไปพูดนินทาให้สนุกปากแน่ นั่นคงไม่เลวร้ายยิ่งกว่าหากทำให้ตระกูลใหญ่ๆ อย่างตระกูลอัครดินมาเดือดร้อนไปด้วย ไม่ได้การ ยังไงก็ต้องหาตัวให้เจอก่อนจะเริ่มงานแต่งในบ่ายวันพรุ่งนี้

“รีบพาคนออกไปหา ส่งคนจำนวนหนึ่งไปหาที่โรงแรม และบ้านเพื่อนสนิทที่คิดว่าลูกสาวฉันจะไป ต่อให้ต้องมุดแผ่นดินหาก็ต้องลากเจ้าลูกสาวตัวดีของฉันกลับมายืนต่อหน้าฉันให้ได้”

“เข้าใจแล้วครับ” หัวหน้าพ่อบ้านโค้งคำนับก่อนจะเดินถอยหลังและหมุนตัวเปิดประตูห้องทำงานของดิเรกไป

“ตาย ตาย ทำไมแกถึงได้หัวรั้นแบบนี้นะยัยสา”

ดิเรกกำหมัดแน่น มองกรอบรูปที่โชว์ใบหน้าของลูกสาวตัวดีของเขา

 

เวลาได้ผ่านล่วงเลยไปใกล้เริ่มพิธีการงานแต่งงานในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า แต่ทว่าการหาตัวเจ้าสาวอย่างสาธิตานั้นก็ยังคงไม่พบร่องรอยของเธออยู่ดี

“ท่านครับ ขืนยังเป็นเช่นนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก……”

สรหัวหน้าพ่อบ้านที่ยืนทำหน้าเครียดไม่ต่างจากดิเรกได้พูดขึ้นเป็นเฉิงให้หัวหน้าตระกูลอย่างดิเรกนั้นคิดยอมรับความเป็นจริงและหาทางพูดเกลี้ยกล่อมกับตระกูลอัครดินแทน

“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด”

“แต่ว่า…..”

ในขณะที่คนในบ้านกำลังวิ่งวุ่นและกระวนกระวายใจจนเนื้อเต้นอยู่ไม่ติดอยู่นั้น มีบุคคลหนึ่งซึ่งเมื่อคืนได้หลับใหลเป็นตายไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ใบหน้าสวยที่กำลังเดินออกมาจากห้องด้วยสภาพกึ่งงัวเงียและกำลังขยี้ขี้ตาเดินลงมาจากขั้นบันไดบ้านได้ดึงดูดสายตานับยี่สิบคู่ให้เงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆ กันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“อ้าว เกิดอะไรอ่ะ ทำไมทุกคนมายืนอยู่ตรงนี้กันหมดเลย ห๊ะ มีไรกันหรอ” พูดไปถกเสื้อชุดนอนเกาพุงไป

“สวิต!” ดิเรกอุทานออกมาเสียงดัง

“ครับพ่อ? โฮ้ เรียกซะทำผมตกใจหมดเลย”

สวิตที่กำลังเดินเลี่ยงเพื่อตรงไปยังห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลังตัวเองก็ได้เหลียวหลังหันกลับไปมองตาม

“แกมานี่เดี๋ยวซิ”

ดิเรกพูดก่อนจะยกมือทำท่าทางเรียกให้ลูกชายของเขาเดินเข้ามาหา ซึ่งสวิตเองที่กำลังต้องการจะดื่มน้ำได้แต่ทำหน้านิ้วคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ แต่ก็ยังคงยอมเอี้ยวตัวหมุนกลับเดินไปหาแต่โดยดี

“ครับพ่อ มีอะไรจะคุยกับผมหรอ”

“แก….รักพ่อไหม”

“ห๊ะ! พ่อถามไรผมแต่เช้าเนี่ย” สวิตทำหน้าเลิ่กลั่กมองผู้เป็นพ่อที่ถามคำถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“แกตอบพ่อมา แกรักพ่อไหมสวิต” ดิเรกพูดย้ำคำถามเดิมกับลูกชาย

“โห้วววววว….ก็ต้องรักสิครับ ผมรักพ่อมากๆ เลยนะ”

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พ่อของเขาถึงได้เอ่ยปากถามคำถามแสนหวานเลี่ยนตั้งแต่เช้า แต่สวิตก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรยังคงทำใบหน้าออดอ้อนคล้ายเด็กตามแบบฉบับเดิมก่อนจะเข้าไปสวมกอดพ่ออย่างดิเรกเอาไว้หลวมๆ อย่างที่ชอบทำ

“พ่อดีใจนะที่แกบอกพ่อตรงๆ วันนี้ถ้าเกิดว่าพ่อทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับแกลงไป แกจะเกลียดพ่อไหมสวิต”

ดิเรกยกมือขึ้นลูบผมของลูกชายในอ้อมกอด

“ไม่ครับ ผมไม่มีทางเกลียดพ่อแน่นอนครับ ผมรักพ่อเท่าฟ้าซะขนาดนี้” พูดไปทำท่าทางอ้าแขนเป็นวงกว้างไป

“555+ งั้นหรอๆ แกบอกพ่อแล้วนะ แล้วแกอย่ามาโกรธพ่อทีหลังละ”

“ครับๆ ผมรับปากพ่อ ผมไม่มีทางโกรธหรือเกลียดพ่อแน่นอน ไม่มีวันนั้นหรอก” เป็นคำพูดลูกผู้ชายที่ชัดถ้อยชัดคำจนทำให้ดิเรกที่กำลังฟังอยู่เบิกตาโตและภายในดวงตาลุกวาวขึ้นมา

“ก็ดีแล้ว แกคือลูกรักของพ่อสวิต…^^”

“ซึ้งเลย >///<”

รอยยิ้มที่อบอวลไปด้วยความหมายมากมายเผยออกมาบนใบหน้าผู้เป็นพ่ออย่างดิเรก

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา