เเต้มรัก

-

เขียนโดย catty154628

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 20.06 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,434 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 20.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 บังเอิญ หรือคิดไปเอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

01

 

 
 
 
วันนี้เป็นวันรับน้องมหาลัย ผมกับไม้ต่างแยกย้ายกันคนละที่ตั้งแต่ม.3 เพราะว่ามอปลายไม่ได้เรียนที่เดิม แต่ไปเรียนต่อที่อังกฤษ ซึ่งพ่อกับแม่เป็นห่วงผมไม่อยากให้เป็นภาระลุงกับน้า เลยพาผมไปอยู่ด้วย จนพ่อกับแม่การงานมั่นคงเลยมาเปิดบริษัทที่ไทย แล้วนั่นทำให้ผมกลับมาต่อมหาลัย แล้วผมก็สอบติด ผมเลือกคณะบริหารธุรกิจภาคอินเตอร์ เพราะหวังว่าจะใช้ต่อในอนาคตได้
 
 
เสียงกลองสะนั่นดังทั่วอาคาร รุ่นพี่นัดทางไลน์ว่าให้มาเจอกันที่อาคารลานกว้างตรงนี้ ซึ่งคืออาคาร 2 นั่นเอง ผมได้ยินรุ่นพี่ตะโกนเรียกให้ไปนั่งเข้าแถวอีกด้านของมุม รุ่นพี่ยื่นน้ำกับขนมปังมาให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อเช้าผมลืมตั้งนาฬิกาปลุก ปกติแล้วแม่จะปลุกผม แต่พอย้ายมาอยู่หอจึงไม่ชินกับการตื่นนอนด้วยตัวเองสักเท่าไร ผมแกะขนมปังกินและดื่มน้ำจนหมด มันก็พอดีกับคนที่เข้ามานั่งต่อแถวไล่เรียงกันมาเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงของรุ่นพี่เอ่ยขึ้น
 
 
“สวัสดีค่ะน้องๆ บริหารทุกคน พี่ชื่อพี่ธัญนะคะ เป็นรองสตาฟที่คอยดูและน้องๆ ประธานสตาฟติดธุระนะค่ะ เลยเจอหน้าสวยๆ ของพี่ไปก่อน วันนี้พี่จะให้ทำกิจกรรมสานสัมพันธ์กับเพื่อนๆ เพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้นนะคะ แล้วก็จะจับสายรหัสช่วงบ่าย ขอให้น้องๆ สนุกกับกิจกรรมนะคะ”
 
 
ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก
 
สิ้นเสียงของรองสตาฟ เสียงกลองก็ดังรัวสนั่นขึ้นมาแทน รุ่นพี่สตาฟแต่งตัวตลก บ้างแต่งหน้า บ้างใส่ชุดไทย บ้างใส่ชุดหมี ออกมาเต้นล้อมวง ผมก็พลอยตบมือไปตามจังหวะเพลง จนมีมือสะกิดจากใครสักคนด้านหลัง
 
“ชื่อไรอะ นี่ชื่อแทน”
 
“แต้มอ่ะ..”
 
“หูย เเต้มบุญป้ะ เป็นเพื่อนกันป่ะ ตั้งแต่มาไม่เจอใครถูกชะตาสักคน ” เเล้วมันก็ยังคงพูดยาวออกมาเหมือนกับเก็บกด
 
“ได้นะ” ผมก็ส่งยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร
แล้วก็มีเพื่อนตัวใหญ่ข้างๆ หันมาคุยอีกคน
 
“ชื่อพัสดุอ่ะ เป็นด้วยอีกคนได้ป่ะ กูหล่อนะ ชื่อก็ไม่ซ้ำใครในโลก”
 
“...”
 
“...”
 
ผมกับแทนหันไปมองหน้าแล้วก็ขำให้กัน เออเนอะเป็นเพื่อนกันแล้วนะ เมื่อทำกิจกรรมจนพอรู้จักกันแล้ว ก็ได้เวลาพักเที่ยงพี่สตาฟก็นำข้าวกล่องมาแจก แล้วพัสกับแทนก็สะกิดหลังผม
 
“แต้มได้ข้าวไรอ่ะ เอามาแบ่งบ้างดิ”
 
“ผัดมะกะโรนีไก่อ่ะ”
 
“อ้าว ไม่ได้มีแค่ข้าวผัดกะเพราะหรอ”
 
เมื่อแทนเอ่ยจบผมก็หันไปมองเพื่อนข้างๆ ก็เห็นว่ามีแต่ข้าวผัดกะเพรา แล้วก็ก้มมามองผัดมะกะโรนีของตัวเองอย่างงงวย หรือข้าวเหลือกล่องสุดท้ายพอดี เเต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้หิวจนตาลาย ของโปรดด้วย  หิวจนจะเขมือบเพื่อนแล้วเนี่ย
 
 
เมื่อต่างกินข้าวกันหมดแล้ว พี่สตาฟก็ต่างชี้แจงว่าจะมีการจับสายรหัส โดยมีฉลากอยู่ในกล่อง ซึ่งพี่ๆ ก็เดินไล่ให้แต่ละคนจับ เมื่อกล่องมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
 
“อ้าวธัญทำฉลากไม่ครบหรอ ดูสิขาดน้องคนเดียว” เท่านั้นแหละผมก็เป็นจุดดึงน่าสนใจขึ้นมา เพราะทุกคนต่างมองมาที่ผม รวมถึงพี่ๆ ก็เดินไปมาวุ่นวายแล้วหยุดคุยกันเป็นกลุ่มไม่ห่างจากผม
 
“เอางี้นะคะ พี่ขอโทษด้วยพี่น่าจะทำกระดาษมาไม่ครบ เดี๋ยวยังไงพี่จะกลับไปทำให้เพราะว่าต้องรันรายชื่อรุ่นพี่ด้วย แต่ว่าพี่ขอเบอร์ เอ่อ..น้องแต้มไว้หน่อยนะคะ” กระดาษสีขาวแผ่นเล็กและปากกาถูกยื่นมาให้ ผมจึงเขียนเบอร์ไปให้แล้วยื่นกลับไป
 
“ธัญเรียบร้อยไหมว่ะ” เป็นพี่สตาฟผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาถามพี่ธัญด้วยสีหน้ากังวล
 
“อือๆ เรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวโดน” แล้วพี่ธัญก็หันหน้ามาหาผมก่อนที่จะเดินออกไป
 
“สำหรับน้องแต้มพิเศษใส่ไข่หน่อยนะคะ”
ผมยืนงงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ วันนี้ทำไมมีอะไรเกิดขึ้นกับผมแปลกๆ 
 
 
 
 
“พรุ่งนี้เปิดเรียนแรก มากินข้าวเช้าที่โรงอาหารกันป่ะพวกมึง”
 
“อ้าวไหงเปลี่ยนศัพท์เร็วจังครับคุณพัสดุ”
 
“ก็แหม่คุณแทน ผมก็อยากจะสนิทกับพวกมึงมากๆปะ”
 
“ตกลงจะใช้คุณ หรือมึง หยุดเถียงกันเลย กูจะกลับหอแล้ว” เป็นผมที่เอ่ยขึ้นมาไม่งั้นได้ยืนฟังทั้งสองเถียงกันถึงค่ำ
 
“นั่นไง แต้มตัดสินใจให้พวกเราแล้ว”
 
 
 
จริงๆ แล้วผมควรเอารถยนต์มาใช้แต่คณะมีกฎว่าปี 1 ห้ามขับรถทุกชนิด ผมเลยต้องเดินทางด้วยวินมอไซต์ พี่วินมาส่งผมที่หน้าหอ ผมจ่ายเงินเสร็จก็เดินขึ้นหอ ผมเลือกหอที่ขนาดกลางไม่ได้แคบหรือใหญ่ไป แล้วก็เลือกไม่ไกลจากมอด้วย เพื่อสะดวกตอนไปเรียน ผมไม่ลืมที่จะซื้อข้าวกล่องจากหอข้างล่างติดมือมาด้วย โชคดีที่ข้างล่างหอมีร้านอาหารตามสั่ง ก็เลยสะดวกไปอีกเรื่อง ไม่ทันที่จะวางกระเป๋าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งไม่มีใครโทรมา แต่เป็นแจ้งเตือนไลน์ที่ถูกการเพิ่มเพื่อนไลน์
 
 
รูปฟุตบอล..
 
ใครอ่ะ..แทนเหรอ หรือพัส แต่วันนี้แลกเฟสกันนี่ไม่ได้แลกไลน์ กดเพิ่มไปก่อนแล้วกัน เผื่อเป็นคนรู้จัก เสร็จแล้วผมก็วางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วหยิบผ้าไปอาบน้ำ
 
 
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี แล้วก็จำได้ว่านี่มันเสียงการแจ้งเตือนไลน์
ติ๊ง!
Glovefb : ส่งสติกเกอร์แล้ว
 
ใครวะ ชื่อก็แปลก แล้วยังส่งสติ๊กเกอร์มุ้งมิ้งมาอีก 
 
ติ๊ง!
 
Glovefb : ส่งสติกเกอร์แล้ว
 
อ้าวคราวนี้ส่งรัวมาอีก
 
แต้ม : ครับ?
แต้ม : ใครครับ?
ข้อความขึ้นว่าถูกอ่านแล้วไม่กี่วินาที ซึ่งอ่านเร็วมากด้วย  ผมกดออกแล้วเข้าสู่หน้าเกมส์ทันที วันนี้ผมว่าจะเล่นเกมก่อนนอนสักตา (สักตาที่ว่านี่ก็rov ผมนี่สายเเครี่เลยนะ)
 
 
 
ผมตื่นงัวเงียเพราะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เเล้วก็ตามมาด้วยพัสที่โทรเฟสเข้ามา บอกเตือนเรื่องกินข้าวเช้าที่โรงอาหาร ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็ออกมาเเต่งตัวด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ให้เเก้ผ้ายังได้เลย เเต่อายห้องใหม่ เเหะๆ
ผมกระชับสายกระเป๋าเมื่อพี่วินมาส่งตรงทางเข้าคณะ ผมตรงไปที่โรงอาหารซึ่งโรงอาหารที่อยู่ใกล้กับตึก เเละก็เห็นเเทนกับพัสโบกไม้โบกมือเรียก 
อายคนกันไหมล่ะ งามหน้าจริงๆ
 
"ช้า ข้าวจะหมดร้านเเล้วเนี่ย"
 
"หรา กูคำนวนเวลาเเล้วเหลือตั้งครั้งชั่วโมงกว่าจะเข้าเรียน" 
 
"พวกมึงจะกินไรกันวะ" เเทนเอ่ยถามเเล้วหันมองป้ายหน้าร้านข้าว
 
"ผัดมะกะโรนีไก่ พวกมึงเอาไรเดี๋ยวกูไปสั่งให้"
 
"คนดีว่ะเห้ยเเต้ม กูเอาเหมือนมึงละกันคิดไม่ออก" 
 
"กูเอาด้วย กูคิดไม่ออก ปัญหาโลกเเตกชิป" เเทนเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย
 
"เดี๋ยวกูไปสั่ง มึงไปหยิบนะพัส"
 
"อ้าวมึงคนไม่ดีเเล้วเเต้ม"
 
"เเทนเดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำเเปป ข้าศึกมา"
 
"เออๆ ขี้มาก่อนฉันข้าวเลยนะมึง"
 
 
 
ข้าศึกก็บุกอะไรตอนเช้าละน้า ผมเดินดุ่มๆไปเข้าห้องน้ำ  ผ่านไป 3 นาทีผมก็ออกมาจากห้องน้ำเเล้วไม่ลืมล้างมือ ระหว่างที่ผมเดินไปโต๊ะกินข้าว ก็ผ่านรุ่นพี่ชายกลุ่มนึงที่ยืมมุงดูอะไรกันสักอย่าง พูดคุยโวยวายเสียงดังลั่นโรงอาหาร ผมก็อยากจะเสือกนะเเต่ดูหน้าเเต่ละคนที่ยืนเเล้วน่ากลัวทั้งนั้น ผมเลือกเดินเลี่ยงมาอีกฝั่ง เเต่ก็เเอบชำเลืองเเหละว่าทำไมคุยเสียงดังจัง
 
"มาเเล้วหรอว่ะ เขากินกันหมดเเล้วเนี่ย" 
 
"กูหายไปไม่ถึง 5 นาที มึงอดข้าวมาหลายวันหรอ"
 
"รีบกินเลยกว่าจะไปหาห้องอีก เออกูหนวกหูรุ่นพี่โต๊ะฝั่งนั้นมาก โคตรจะเสียงดัง มึงเดินผ่านไม่ตกใจหรอ"เเทนเอ่ยอย่างหงุดหงิด
 
"ก็ตกใจนะ เเต่จะให้กูไปถามพี่เขาก็ดูยังไงๆนะ" ผมว่าพลางเอาช้อนตักผัดมะกะโรนีเข้าปาก จนผมกินหมดจานเเล้วไอ้เพื่อนทั้งสองก็เล่นเกมส์ rov จบพอดี เราพากันเอาจานไปเก็บเเล้วก็พากันขึ้นตึก
 
 
 
 
พวกผมเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปชั้น 5 ไม่วายที่เเทนกับพัสจะบ่นตามหลังขณะเดินเข้ามา
 
"ปี1 เเม่งเรียนชั้นสูงจังว่ะ" 
 
เเล้วขณะที่ลิฟต์ไปหยุดอยู่ที่ชั้น 3 เหมือนกับว่าจะมีคนรอขึ้นลิฟต์ไปข้างบนด้วย
 
 
 
 
ติ๊ง!
 
"...." 
 
ผมที่ยืนด้านหน้าสุดก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปชิดผนังสุด ผมต้องรู้สึกยังไงดีที่ผมเจอ พี่กัณฐ์..คนที่เเอบชอบ เเล้วก็เพื่อนกลุ่มนั้นที่นั่งกันตรงโรงอาหาร เเต่ตอนที่อยู่โรงอาหารไม่มีพี่กัณฐ์ คงจะพึ่งขึ้นมา
 
 
ผมไม่รู้ว่าพี่เขาเห็นผมไหม เเต่ผมมองเเวบเดียวก็จำได้เเล้ว พี่กัณฐ์ยังหล่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความสูงเพิ่มเยอะมาก ผมคงอยู่เเค่หน้าอกพี่กัณฐ์ เเล้วก็สีผมของกัณฐ์ที่ถูกเปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีน้ำตาลช็อกโกเเลต ที่มันมีเสน่ห์มากกว่าตอนมอปลาย ผมยืนอยู่ข้างหลังตรงกลางระหว่างเเทนกับพัส สองคนนั้นเหมือนจะสงสัยเเต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมา ผมยังคงเเหงนมองเเผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า เขาอาจจะจำผมไม่ได้ด้วยซ้ำไป..
เมื่อลิฟต์ถูกเปิดออก พวกพี่เขาก็พากันเดินออกไป เเล้วพวกผมสามคนก็เดินออกไปเช่นกัน ไหล่ผมถูกเเขนทาบจากทั้งสองคน
 
"มึงมีไรจะเล่าให้กูสองคนฟังไหมวะ " พัสเอ่ยขึ้น
 
"หึ สายตามึงมันฟ้องมาก" เเทนทำตาทะลึงมาใส่ผม อาการทั้งสองคนทำให้ผมถึงกับส่ายหน้าเลยทีเดียว
 
 
 
เมื่ออาจารย์สอนในคาบเสร็จก็ออกจากห้องเรียน วันนี้พวกผมมีเรียนเเค่วิชาเดียว เเค่วิชาเดียวก็ปาไป 3 ชั่วโมงเเล้ว เเล้วทั้งสองคนก็เค้นเอาความจริงกับผมก่อนออกจากห้องเรียน ซึ่งผมก็ไม่ได้จะปิดเป็นความลับกับเพื่อน 
 
"กูว่านะ พี่เขาอาจจะจำมึงได้"
 
"เผลอๆ ตั้งเเต่วันรับน้อง มึงอาจจะเเค่ไม่เห็นพี่เขา"
 
"เขาจำกูไม่ได้หรอก ตอนนั้นกูใส่เเว่น เเต่ตอนนี้ตาก็ไม่ได้ใส่เเว่นเเล้วอะดิ" 
 
"เเบบนี้ต้องพิสูจน์"
 
"ไอ้พัสมึงจะให้เพื่อนเราพิสูจน์ เเต่เเต้มมันยังทำใจไม่ได้เลยนะ"
 
"กูว่าจะไม่ทำอะไร กูไม่อยากปีนต้นงิ้วววโว้ย" ผมลากเสียงยาวเเล้วทำท่าเหมือนเจ็บก้น
 
"เออว่ะพี่เขามีเเฟนเเล้ว งั้นหาใหม่ กูได้ข่าวว่าคณะเเพทย์เด็ดๆทั้งนั้น" เเทนยื่นไปตีหัวพัส เเล้วส่ายหัวไปมา
 
"พอๆ เลยวันนี้กูจะไปฟิตร่างกายสักหน่อย" ผมเอ่ยจบก็ต้องโดนทั้งสองมองหน้า
 
"ร่างบางๆอย่างมึงอย่าไปให้เสียไขมันเลย กูว่ามึงจะเดินไม่ไหวนะ"
 
"โหว ดูถูกอ่ะ เห็นงี้เเต่พุงกู5ชั้นเลยนะ เเก้มกูก็ออกหมดเเล้วเนี่ย"
 
"ไหนขอจับหน่อย ว่าเเก้มเยอะจริงเปล่า" พัสเอื้อมมาบีบเค้นเเก้มจนเเดงไปหมด
 
"กูขอจับบ้าง ตู้หู้ววว นี่มันเต้าหู้นี่หว่า" เเทนว่าหนำซ้ำตีเเก้มดังปุปุ 
ทุกคนผมโดนรุมทำร้ายยยย
 
 
 
ผมกลับมาถึงหอหลังจากเเยกกับเพื่อนทั้งสองคน ผมเอ่ยชวนเเล้วเเต่เเทนไปรับลูกที่คลินิก ลูกที่ว่าก็ลูกเเมวนั่นเเหละ ส่วนพัสไปช่วยพี่สาวขายขนมเค้ก ได้ข่าวว่าวันนี้คนเยอะวันเปิดเรียนวันเเรกด้วย ส่วนผมก็ตั้งใจจะไปฟิตเน็ตตรงข้ามหอ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นสีดำกับเสื้อสีขาว เเล้วก็กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กใส่โทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์
 
 
ผมเดินเข้าไปคุยเรื่องค่าใช้จ่ายหน้าเคาร์เตอร์กับพนักงาน เเล้วเขาก็พาผมขึ้นไปชั้นสองเป็นเเบบ vip หรือเเบบที่มีราคาหน่อย จะไม่เเพงได้ไงผมเลือกเทรนเนอร์สอนด้วยน่ะสิ เพราะทั้งชีวิตผมไม่เคยออกกำลังกายเลย พ่อกับเเม่ผมนี่เคี่ยวเข็นเเล้วเคี่ยวเข็นอีก พี่บอสที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเคยพาผมไปครั้งนึง ผมถึงกับน้ำตาตก ปวดไปทั้งตัวเพราะพี่บอสพาผมไปเรียนต่อยมวย บอกว่าออกกำลังกายเหมือนกัน เอาผมไปให้ครูสอนฆ่าชัดๆ
เเละหวังว่าครั้งนี้ผมจะไม่วิ่งกลับหอนะ...
 
ผมจึงนั่งที่เก้าอี้รอคนที่จะมาสอน ผมจึงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเพราะได้ยินการเเจ้งเตือนในไลน์ดังขึ้น
 
ติ๊ง
Glovefb : ส่งสติกเกอร์แล้ว
 
หือ ทำไมถึงส่งเเต่สติ๊กเกอร์มุ้งมิ้งอีกเเล้ว 
 
"อ่านหนังสือไม่ออกหรอ เอาเเต่ส่งสติ๊กเกอร์"
 
ผมบ่นอุบอิบกับตัวเอง เเล้วเอานิ้วจิ้มไปยังหน้าจอโทรศัพท์ เเต่ต้องสะดุ้ง มีเงาใครยืนอยู่ข้างหลัง เเต่ผมไม่ได้หันไป เเต่เงยหน้าขึ้นไปเเทน ทำให้ผมเห็นใบหน้าที่เอื้อมมือขึ้นไปยังจับได้ เพราะเขา..พี่กัณฐ์ ก้มหน้าโน้มลงมา
 
"พร้อมยังครับ"
 
"...."
 
"เดี๋ยวก็ปวดคอหรอก"
 
"...." นั่นไม่ได้ทำให้ผมเเค่ตกใจธรรมดา ใจผมเเทบจะกระเด็นลงไปอยู่กับพื้น ไม่สิๆผมเเทบหยุดหายใจ เขาค่อยๆมากระชับใบหน้าผมให้ลงไปหันหน้าตรง
 
"หืม พร้อมยังครับ"
 
"พะ..พี่กัณฐ์"
 
"พร้อมที่จะโดนจีบยังครับ"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา