You are not the chosen one

-

เขียนโดย TonyTonio

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 01.23 น.

  3 ตอน
  42 วิจารณ์
  2,870 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 01.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) การเดินทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เริ่มต้นด้วยความมืดมิด ในสีดำสนิทนั้นปรากฏเส้นแสงสีขาวบางๆแนวนอน มันค่อยๆเปิดกว้างอย่างช้าๆ ช้าๆ เผยให้เห็นแสงสว่างยามเช้าในบ้านธรรมดาๆหลังหนึ่ง เตียงนอนธรรมดา ทีวีธรรมดา 

มันเป็นบ้านขนาดกลางคล้ายกับทาวเฮาส์สมัยใหม่แต่มันเป็นชั้นเดียวและตั้งอยู่เป็นหลังๆ

 

  “ตื่นแล้วหรอกริช”

เสียงผู้หญิงพูดด้วยความนุ่มนวล

 

กริชงัวเงียและตอบกลับอย่างช้าๆ 

“วันนี้มันวันเสาร์นะพี่ ผมขอนอนต่ออีกหน่อยนะครับ”

 

“อ้าวหรอ ขอโทษนะที่ปลุก”

 

“คร้าบ”

กริชพูดส่งๆให้พี่สาวของเขาแล้วนอนต่อ

 

“เดี๋ยวพี่จะไปทำงานแล้วนะ อาหารที่เตรียมไว้ให้แล้ว อยู่บนโต๊ะกับข้าว”

   “แล้วก็เด็กสิบขวบก็ควรตื่นแต่เช้านะ”

 

“คร้าบบบ พี่อารียา” กริชพูดยังไม่ทันจบ พี่อารียาก็รีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

 

กริชถอนหายใจอยู่บนที่นอน “เฮ้อ พี่นั้นแหละที่ทำงานไม่รู้วันรู้คืน” พูดจบเขาก็หลับตาลงและจมไปในความมืดมิดแหละความฝัน



    ดิ้งด่อง ดิ้งด่อง เสียงระฆังดังก้องอย่างช้าๆ ช้าๆ 

ดิ่งด่อง ดิ้งด่อง เสียงมันเริ่มค่อยๆชัดขึ้น ดังขึ้น! ดังขึ้น!! ดังขึ้น!!!  จนตัวกริชนั้นเริ่มรู้สึกตัว มันไม่ใช่เสียงระฆัง แต่เป็นเสียงของไซเรนรถตำรวจ กริชลุกขึ้นมาดูด้วยความตกใจผ่านหน้าต่างข้างเตียง เขาเห็นตำรวจสองนายและคนใส่ชุดสูทสีดำที่มีตราสัญลักษณ์เหมือนบริษัทที่พี่สาวกริชทำงาน 

 พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูบ้านพร้อมกับซุบซิบอะไรกันบางอย่าง ชั่วครู่ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

  

  ก๊อกๆ ก๊อกๆ 

 

กริชลุกมาเปิดประตูอย่างช้าๆ

ประตูเริ่มเปิดกว้างออก พร้อมเสียงพูดของนายตำรวจคนหนึ่ง “เธอคือกริชใช่ไหม”

 

“ใช่คับ” กริชตอบด้วยความอ้ำอึ้ง พร้อมพูดต่อ

 “มีอะไรหรือป่าวคับ  แล้วพี่สาวผมละ?”

 

ชายทั้งสามต่างถอนหายใจแล้วมองหน้ากัน 

 

“เห้อ เจ้าหนู ขอโทษที่ต้องบอกข่าวร้าย”

 

“ข่าวร้ายอะไร?”กริชถามด้วยความตกใจ

 

ชายจากบริษัทเดินเข้ามาจับไหล่ของกริชและยื่นกล่องอะไรบางอย่าง “นี่เป็นของพี่สาวนาย” 

 

“ฉันเสียใจ อารียา… ตายแล้ว”

 

คำนั้นดังก้องอยู่ในหัวของกริช  “อารียาตายแล้ว” 

 

กริชยืนแข็งทำอะไรไม่ถูก “พี่สาว ตายแล้ว” กริชเริ่มร้องไห้ แล้วทรุดเป็นลมหลับไปสู่ความมืดมิด

 

เริ่มมีเสียงแว่วๆในความมืด เสียงมันคุ้นๆ เสียงผู้หญิงอ่อนโยนและนุ่มนวล มันคือเสียงพี่สาว ทันใดนั้นเสียงของเธอก็เริ่มชัดขึ้น  

 

     “ฉันคือเธอ”



กริชตกใจกับเสียงนั้นแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงปลุกจากฟอสโฟมิเตอร์ที่พี่สาวของเขาให้ไว้ 

 

ปิ๊ปๆ ปิ๊ปๆ ปิ๊ปๆ

 

  กริชลุกขึ้นมานั่งข้างที่นอน เหงื่อแตกเต็มตัวและหายใจอย่างแรงเพราะตกใจกับเสียงนั้น

จากนั้นเขาก็รีบยกมือขึ้นไปกดปิดฟอสโฟที่กำลังดังอยู่ให้เงียบลง...

 

   “ฉันคือเธอ”

 

กริชนั่งคิดถึงคำนี้ที่ได้ยินมาจากความฝัน แต่คิดแล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กริชเลยรีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับความฝันที่ค่อยๆเลือนลางหายไป แต่ทว่าพี่สาวของกริชที่ตายนั้นเป็นความจริง

         

 

     แปดโมงเช้า 

   กริชอาบน้ำใส่เสื้อผ้าและเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย เขาหยิบฟอสโฟขึ้นมากดเช็ค เขาต้องเดินทางไป เดอะไลน์ เมืองใต้สุดของประเทศและเคยเป็นประตูทางออกนอกโดมเก่าด้วย แต่ตอนนี้ อย่างที่ว่ามีแดนรกร้างที่แบ่งระหว่างแดนเหนือและใต้เท่านั้นที่ผู้คนผ่านกันและมันก็ยังอยู่ในตัวประเทศ 

 ประตูทางใต้สุดกับเหนือสุดเลยถูกเลิกใช้ถาวรและไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้หรือเปล่า แต่กริชรู้ว่าต้องติดต่อใครถึงจะหาทางได้ มันคือไนท์กัน หัวหน้าแก็งเดอะไนท์แบล็ค มาเฟียผู้ปกครอง เดอะ ไลน์ แม้แต่พวกโคโปยังไม่อยากยุ่ง 

 

 กริชทวนข้อมูลที่พอจะรู้เสร็จเรียบร้อยพร้อมคว้าหยิบของที่ต้องไปส่งแล้วรีบออกจากห้อง ลงลิฟต์และ

เดินไปที่ยานอย่างรวดเร็ว สแกนลายนิ้วมือแล้วขึ้นยาน พุ่งออกจากตึกที่เขาอยู่ ไต่ความสูงไปในระดับสี่

 

กริชคว้าเอาฟอสโฟมิเตอร์มาติดไว้หน้ากระจก มันเริ่มแสดงเส้นพิกัดของ เดอะไลน์และจุดหมายที่ต้องไปส่งพร้อมกันสองเส้นไปในทิศทางเดียวกันนั้นคือตอนใต้ของประเทศ กริชขับยานผ่านตึกน้อยตึกใหญ่และยานบินที่วิ่งไปวิ่งมา ตลอดข้างทางเต็มไปด้วยป้ายโฆษณาแอลอีดีและโฮโลแกรมขนาดใหญ่ ร้านค้า ชั้นลอยต่างๆสำหรับยานบิน จะว่าไปกริชนั้นก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย 

  

 กริชมองหาอาหารข้างทางลอยฟ้าต่างๆ เบอร์เกอร์คือสิ่งที่เขาคิด เขามองหาร้านสักพักก็เจอร้านเบอร์เกอร์ที่ต้องการ กริชขับยานชิดซ้ายแล้วกดเปิดป้ายไฟดิจิทัลที่ติดอยู่หลังยานเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาจะออกนอกทางบิน 

 กริชเบี่ยงซ้ายออกนอกทางบินเล็กน้อยก็ถึงร้านเบอร์เกอร์ มันเป็นลักษณะไดร์ฟทรู ส่วนตัวร้านก็เป็นยานทั่วไปแค่ขายบนฟ้าสำหรับยานบิน กริชขับยานเข้าชิดกับตัวร้านและลดกระจกยานลง มีป้ายดิจิทัลที่มีเมนูอาหารเต็มไปหมด กริชจิ้มนิ้วไปที่หน้าจอนั้นเพื่อเลือกสั่งของ เขาเลือกเมนูแนะนำของร้าน รอไม่เกินหนึ่งนาทีเบอร์เกอร์ก็เสร็จ กริชรับเบอร์เกอร์มาอย่างรวดเร็วแล้วกลับเข้าทางบิน

 

 กริชกลับเข้าทางบินและเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเขาได้พักกินอาหารโดยกดโหมด

ออโต้ไพลอทไว้ มันทำงานได้แค่บนทางบินที่มีการตั้งค่าไว้เท่านั้น เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเพลงในยาน เพลงคันทรี่สุดเท่ห์และไพเราะดังขึ้น กริชเริ่มกินเบอร์อย่างมีความสุขพร้อมกับข้างทางที่เริ่มเปลี่ยน ตึกใหญ่เริ่มหายไปไม่มียานบินเลย พื้นที่เริ่มแห้งแล้งเป็นทะเลทรายเข้ามาแทนที่ มีบ้านอยู่เป็นย่อมๆ แตกต่างกับในเมืองโดยสินเชิง  

 กริชยังเดินทางไปเรื่อยๆ จากที่เริ่มมีบ้านเป็นย่อมๆ ตอนนี้มันมีแต่ภูเขาทะเลทรายเต็มไปหมด ไกล้จะถึง เดอะไลน์เต็มทีแล้ว แต่ทว่ามันก็ไม่ง่าย ฟอสโฟมิเตอร์นั้นเริ่มส่งเสียงดัง ปิ๊ปๆ ปิ๊ปๆ ปิ๊ปๆ อย่างไม่ขาดสาย มันเป็นสัญญาณว่าพายุทะเลทรายกำลังมา กริชเปลี่ยนจากออโต้ไพลอนเป็นขับด้วยตัวเอง เขาจะบังขับยานฝ่าพายุลูกนี้ไป ลมและทรายขนาดมหึมมากำลังลอยมาทางนี้ ฟ้าเริ่มมืดครึ้ม พายุเริ่มมาถึงยาน

กริชพยายามบังขับพวงมาลัยของยาน มันเริ่มหนักและควบคุมยากขึ้นเรื่อยๆ พายุเริ่มพัดแรงขึ้น เขากัดฟันดึงพวงมาลัยไว้เพื่อไม่ให้ยานเสียการทรงตัว พายุยังคงกระหน่ำเข้ามาและบดบังการมองเห็น 

 

 "เวรเอ้ย!!"

  

  ในที่สุดกริชก็ต้านไม่ไหวพวงมาลัยของยานดีดต้านมือของกริชและทำให้ยานเสียการส่งตัวหมุนไปมา  ไร้การควบคุม ยานถูกพัดไปตามพายุเรื่อยๆ จนกระทั่งไปชนเข้ากับขดหินทรายขนาดใหญ่ แล้วทุกอย่างก็มืดลง

 

                                           




    กริชตื่นขึ้นมาในยานที่จมอยู่ในกองทรายครึ่งลำ เขาพยายามตั้งสติ แล้วรีบหันไปคว้ากระเป๋าที่อยู่ข้างหลังเบาะนั่ง กริชเริ่มเปิดเช็คดูกล่องเหล็กข้างในกระเป๋าว่ามีอะไรเสียหายไหม แต่เท่าที่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสภาพกล่องเหล็กยังดูปกติดี หลังจากที่เช็คของเสร็จแล้วกริชก็ค่อยๆเปิดประตูยานอย่างช้าๆ

เขาต้องใช้แรงค่อนข้างเยอะในการเปิดประตูเพราะว่ามันจมลงไปในทราย แต่สุดท้ายเขาก็เปิดมันจนได้แล้วค่อยๆพาตัวเองออกมาจากยานพร้อมกระเป๋าแต่ก่อนที่จะออก เขาไม่ลืมที่จะเอาฟอสโฟมิเตอร์ที่อยู่หน้าคอนโซนยานออกมา

  กริชทิ้งตัวลงบนพื้นทรายข้างๆยานและเริ่มกวาดตามองไปรอบๆ เขาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน กริชยกฟอสโฟที่อยู่ในมือขึ้นมาเพื่อที่จะดูเส้นทาง แต่ทว่ามันเสียใช้งานไม่ได้

เลยทำให้กริชไม่ต่างกับหลงอยู่ในทะเลทราย ในความโชคร้ายก็ยังพอจะมีเรื่องดีๆ กริชยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น สักพักไม่นานก็มียานขนสินค้าขนาดไม่ใหญ่มากลำหนึ่งบินผ่านมาเจอซากยาน

 

  ยานขนสินค้าค่อยๆลงจอดลงที่พื้นตรงหน้าของกริช พร้อมประตูข้างยานที่เปิดออก มีชายวัยกลางคนหน้าตาเป็นมิตรคนหนึ่งเดินออกมาจากยานอย่างช้าๆ 

 

 “มีอะไรให้ช่วยไหม” 

“ฉันผ่านมาทางนี้พอดี”

 

 กริชลุกขึ้นยืนและเดินไปหาชายคนนั้น เขาเล่าเรื่องราวที่โดนพายุซัดมาชนกับหินและบอกกับชายคนนั้นว่าเขาจะไปที่ไหน ชายผู้นั้นไม่ปฎิเสธที่จะช่วยเหลือกริชเพราะว่า เดอะไลน์คือจุดหมายที่ยานลำนี้ต้องไปส่งสินค้าอยู่แล้วแถมยังจะช่วยหาช่างซ่อมยานให้ด้วย หลังจากตกลงกันเสร็จทั้งคู่ก็ขึ้นยานขนส่ง          

 

 ข้างในมันเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมพื้นผ้าไม่กว้างมาก แต่บรรจุสินค้าได้เยอะ

แต่ก่อนที่จะไปนั้นกริชได้ขอให้ชายคนนั้นบันทึกพิกัดยานที่ตกไว้ในชิปของเขาให้หน่อย พร้อมกับยื่นชิปไปให้

 

  “ได้เลย” ชายคนนั้นตอบตกลงและรับชิปจากกริชมา 

 หลังจากนั้นชายหน้าตาเป็นมิตรก็เดินไปยังที่นั่งคนขับ ส่วนกริชนั้นนั่งอยู่ที่นั่งรับรองเล็กๆข้างหลังคนขับ และยานก็เริ่มบินขึ้น 

 

ทั้งหมดอยู่ในความเงียบชั่วครู่

 

   “ลืมแนะนำตัว ผม...กริช”



ชายคนนั้นหันมาข้างหลังเล็กน้อยพร้อมกับยื่นชิปของกริชมาให้

     “แดน”

กริชทำหน้างง “แดน”  “อะไรคือแดน?”



    ชายคนนั้นหัวเราะ 

       “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ชื่อข้าต่างหากละพ่อหนุ่ม”

       “เอาชิปไปซะ”



กริชเอื้อมมือไปเอาชิปพร้อมเอ่ยคำขอโทษ

 

“ไม่เป็นไรพ่อหนุ่ม แต่กลางพายุทะเลทรายแบบนั้นโชคดีที่รอดมาได้”

“ปกติก็มันไม่ค่อยมียานผ่าน จะมีก็แต่ยานขนส่งซะส่วนใหญ่” 

“อย่างเช่นพวกฟาสเตอร์แบบนายหรือส่งสินค้าโดยใช้ยานลำใหญ่แบบฉัน”



“ผมไม่ได้เดินทางมาที่นี้นานแล้ว น่าจะราวๆเก้าปีได้มันเปลี่ยนไปเยอะ”



“ใช่แล้ว แต่ก่อนยังพออาศัยอยู่ได้แต่พอดูตอนนี้สิ แห้งแล้งลงเรื่อยๆในโดมนี้พวกเราจะอยู่ได้นานกันแค่ไหน”



กริชได้แต่นิ่งเงียบแล้วถอนหายใจ เฮ้อ

 

“ว่าแต่คุณส่งสินค้าของโคโปหรอ?”



   “เปล่า”

“แต่เป็นคู่แข่งโคโปในอนาคตต่างหาก”

 

   

“แล้วชื่ออะไรหรอครับ”



 “อื้ม… ไม่รู้สิ ฉันยังไม่ได้ตั้ง”



กริชหัวเราะขึ้นมา

“ฮ่า ฮ่าๆ บริษัทคุณแดนเองหรอเนี่ย”



“แล้วมันจะทำไมหรอ ตอนนี้มันแค่เริ่มต้นแต่ไม่นานฉันจะต้องยิ่งใหญ่ ลูกสาวฉันจะต้องภูมิใจ”

 

“คุณแดนมีลูกด้วยหรอ?”



“ใช่แล้ว พรุ่งนี้ก็วันเกิดครบ12ปีของเธอพอดี”

 

  “อยู่ที่ไหนหรอ”

“โตแล้วนะครับเนี่ย”



“อยู่ที่นีโอซีโร่”

 

“จริงหรอครับ ผมอยู่นีโอ02”

 

“อ่อ  เหรอไว้ไปเที่ยวแถวนั้นอาจจะได้เจอกันกับเธอ”

“เธอเก่งนะจะบอกให้” 

“แล้วนายจะหัวระเบิด เธอชอบคิดคำนวณและวิทยาศาตร์ ฉันเลยเอาเงินทั้งหมดลงทุนกับธุระกิจนี้” 

“สินค้าข้างหลังทั้งหมดก็คือเธอเป็นคนออกแบบ”

 

“เธอชื่ออะไรหรอครับ?”



“ดีเลีย”



“ชื่อเพราะดีนะคับ”

“ดีเลียกับแดน… เป็น deep”



“อื้ม… ก็เข้าท่าดี แต่อย่างพึ่งคิดเลยดีกว่า”

“ที่ฉันต้องการคือสร้างสินค้าที่มีคุณภาพและให้ลูกของฉันได้ทำสิ่งที่อยากทำเต็มที่”

“แต่ถ้าจะเป็นแบบนั้นได้ฉันก็ต้องสู้โคโปให้ได้”



“ตอนนี้ก็มีเดอะไลน์แล้วหนึ่ง”

“สักวันต้องทำได้แน่คุณแดน”

   “ผมเอาใจช่วยนะครับ”

 

  “ขอบใจ”



ยานยังคงบินไปเรื่อยๆ ผ่านหุบเขาและทะเลทราย จนในที่สุด พวกเขาทั้งสองก็ได้พบกับประตูขนาดใหญ่มหึมมาแต่ไกล ชายผู้เป็นมิตรได้พูดขึ้นมา

 

   “เราถึงเดอะไลน์แล้ว”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา