Pathenon โรงเรียนมนตราพาเธนอน

-

เขียนโดย OAZIS

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.58 น.

  17 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,008 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 15.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ธาตุพื้นฐาน 4+2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 6

ธาตุพื้นฐาน 4+2

 

          “เราจะเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนตร์กันเสียก่อน” เซบาสเตียนเริ่มต้นการสอน “ครูคิดว่าหลายๆ คนคงจะมองว่าเวทมนตร์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่แสนวิเศษ สามารถสร้างสรรค์สิ่งใดก็ได้ออกมาตามความต้องการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เวทมนตร์ไม่ใช่สิ่งที่สะดวกสบายแบบที่พวกเธอคิด เราไม่สามารถสร้างสิ่งใดก็ตามออกมาจากความว่างเปล่าได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์พื้นฐานตามธรรมชาติ

 

          กฎที่ว่าก็คือกฎเรื่องธาตุ ทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม ล้วนเกิดมาจากธาตุทั้ง 4 อันได้แก่ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ วาโยธาตุ และเตโชธาตุ หรือถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ”

 

          “แบบนี้ผมก็สามารถร่ายเวทมนตร์ปล่อยลูกบอลไฟออกมาจากมือได้ใช่ไหมครับครูใหญ่” เด็กหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งตะโกนขึ้นมา หันไปทำท่าปล่อยพลังออกจากมือพร้อมส่งเสียงปิ้วๆ เล่นกับเพื่อน คนอื่นๆ ในห้องส่งเสียหัวเราะออกมากับท่าทางของเด็กหนุ่มคนนี้

 

          “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก คุณเกรย์สัน” ครูใหญ่ยิ้มให้กับท่าทางของเด็กหนุ่ม พร้อมกับชี้แจงต่อ “ธาตุทั้ง 4 นี้ไม่ได้แสดงออกมาเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังงานที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างที่พวกเธอเข้าใจหรอกนะ ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่า การปลดปล่อยออกมาในรูปแบบกลุ่มก้อนพลังงานนั้นเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของเวทมนตร์เท่านั้น เธอพูดถูก เราสามารถทำแบบนั้นได้ แต่เราก็สามารถใช้เวทมนตร์นอกเหนือจากรูปแบบนั้นได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของเวทมนตร์ในแต่ละธาตุด้วย ถ้าจะให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ

 

  1. ธาตุดิน คือ ธาตุที่มีลักษณะแข็ง หรือทำให้สิ่งต่างๆ มีลักษณะแข็ง
  2. ธาตุน้ำ คือ ธาตุที่มีลักษณะไหลหรือเกาะกุมรวมตัวได้ และมีคุณสมบัติทำให้วัตถุหรือสิ่งต่างๆ เกาะกุมรวมตัวเข้าเป็นกลุ่มก้อน หรือไหลได้
  1. ธาตุลม คือ ธาตุที่มีลักษณะเคร่งตึงและเคลื่อนไหว และ
  2. ธาตุไฟ คือ ธาตุที่มีลักษณะร้อนและเย็น พูดง่ายๆ ก็คือการควบคุมอุณหภูมิของสิ่งต่างๆ ถึงตรงนี้มีใครไม่เข้าใจตรงไหนบ้างไหม”

         

          เด็กสาวผิวสีร่างเล็กคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม “หนูอยากรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้เวทมนตร์มากกว่าค่ะครูใหญ่”

 

          “หลักการพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญนะ คุณโซเฟีย ครูว่าครูบอกพวกเธอไปแล้วนี่” ครูใหญ่ยิ้มให้เด็กสาว เธอทำได้เพียงยิ้มแห้งรับ “แต่ครูก็เข้าใจพวกเธอนะ เอาเป็นว่าครูจะแสดงอะไรให้ดูสักหน่อยตามคำเรียกร้องของคุณเกรย์สันก็แล้วกัน เผื่อจะทำให้พวกเธอมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น”

 

          ครูใหญ่ยกมือขวาขึ้นมาไว้ข้างหน้า เขากำมือ แล้วแบมือออก ฉับพลันก็ปรากฏลูกบอลเพลิงสีส้มขึ้นมาลอยอยู่เหนือมือชายชรา เด็กทุกคนในห้องต่างตะลึงกับภาพเบื้องหน้า เอ็ดเวิร์ดที่ตอนนี้นั่งอยู่แถวหน้าใกล้ชิดกับครูใหญ่มากที่สุด เขาสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่แผ่ออกมาจากลูกบอลเพลิงตรงหน้า เม็ดเหงื่อเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นใต้ไรผมสีทองของเขาเพราะไอความร้อน เมื่อครูใหญ่กำมืออีกครั้ง ลูกบอลก็หายไป ไอความร้อนที่เคยสัมผัสได้ก็จางหายไปเช่นกัน

 

          “นี่คือสิ่งที่พวกเธอจะทำได้หากเข้าใจพื้นฐานมากพอ” เด็กนักเรียนทุกคนโห่ร้องด้วยความยินดี หลายคนลองทำท่าเลียนแบบครูใหญ่ เผื่อจะมีอะไรโผล่ออกมาจากมือของพวกเขาบ้าง ครูใหญ่ยกมือขึ้นปราม เสียงก็ค่อยๆ เบาบางลงจนเงียบสนิท “อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเธอควรจะรู้ไว้ อย่างที่ครูบอกไปก่อนหน้านี้ ธาตุพื้นฐานทั้ง 4 ล้วนมีอยู่ในทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต แต่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกๆ สายพันธุ์ จะมีธาตุขั้นสูงเพิ่มเติมมาอีก 2 ธาตุด้วยกัน นั่นคือ อากาสธาตุและวิญญาณธาตุ เรียกอีกอย่างก็คือ ธาตุอากาศและธาตุวิญญาณ อธิบายง่ายๆ ก็คือ

 

  1. ธาตุอากาศ คือ ธาตุที่เป็นช่องว่าง ที่ว่าง ความว่างเปล่า สถานที่ที่ไม่มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ หรือช่องว่างที่อยู่ระหว่างธาตุต่างๆ และ
  2. ธาตุวิญญาณ คือ ธาตุที่ทำให้เกิดการรับรู้”

         

          เด็กหลายๆ คนทำหน้างง เมื่อเทียบกับธาตุพื้นฐานทั้ง 4 ที่ก็เข้าใจยากอยู่แล้ว ธาตุขั้นสูงอีก 2 ธาตุที่ครูใหญ่เพิ่งบอกมา ดูจะเป็นอะไรที่เข้าใจยากขึ้นไปอีก

 

          ครูใหญ่เห็นหน้าบรรดาลูกศิษย์ของเขาแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดูออกมา “พวกเธอไม่ต้องตกใจหรอก อย่างที่ครูบอกไปว่าธาตุพิเศษทั้ง 2 นี้เป็นธาตุขั้นสูง ความละเอียดลึกซึ้งจึงเป็นคนละเรื่องกับธาตุพื้นฐานทั้ง 4 และพวกเธอก็จะไม่ได้ทำความรู้จักกับมันจนขึ้นปี 2 นั่นแหละ ครูแค่บอกไว้ให้พวกเธอรับรู้กันเฉยๆ ว่าในร่างกายของพวกเธอมีธาตุทั้งหมด 6 ธาตุด้วยกัน

 

          การเรียนการสอนของวันนี้ก็จะมีเพียงเท่านี้ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ครูจะให้พวกเธอทำก่อนหมดเวลาเรียน นั่นก็คือ ให้พวกเธอจับกลุ่มกันมา กลุ่มละ4 คน ครูขอบอกไว้ก่อนว่าให้เลือกสมาชิกกันดีๆ เพราะ ในวิชาเวทมนตร์พื้นฐานตลอดปี 1 นี้ พวกเธอจะต้องทำงานร่วมกันกับสมาชิกในกลุ่มนี้ไปจนจบปี ครูจะให้เวลาพวกเธอ 15 นาทีในการรวมกลุ่มกัน เอาล่ะ เริ่มจับกลุ่มได้”

 

          เสียงโวยวายดังขึ้นทั่วทั้งห้องเรียน เด็กที่มีเพื่อนครบ 4 คนแล้วก็ดูจะสบายไป ไม่ต้องวุ่นวายกับการหาสมาชิกเพิ่ม ส่วนกลุ่มเด็กที่ยังมีสมาชิกไม่ครบ 4 คนก็รีบตะโกนแหกปากหาสมาชิกเพิ่มอย่างกระวนกระวาย เอ็ดเวิร์ดเมื่อได้ยินคำสั่งของครูใหญ่ ก็รีบหันกลับไปนับจำนวนสมาชิกเพื่อนร่วมรุ่นของเขาทันที

 

          “ทั้งห้องมีเด็ก 36 คน รวมเรา 2 คนด้วย แบ่งได้ 9 กลุ่มพอดีเลยแหะนิค เท่ากับว่าเราต้องหาสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน” เอ็ดเวิร์ดหันไปบอกกับเพื่อนข้างตัว

 

          “ใครบอก 2 คนล่ะ เอ็ด คนเดียวต่างหาก” นิโคลตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 

          “หมายความว่ายังไงคนเดียว นี่นายไปได้อีกหนึ่งคนมาจาก...” ยังไม่ทันจบประโยคดี เอ็ดเวิร์ดก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติในรอยยิ้มของเพื่อนตัวแสบของเขา “อย่าบอกนะว่า...”

 

          นิโคลไม่รอให้เพื่อนของเขาพูดจบประโยคก่อน เขาก็รีบหันไปหน้าไปหาเด็กสาวอีกคนที่นั่งอยู่ข้างตัวทันที “นี่ เธอก็คงยังไม่มีกลุ่มใช่ไหม มารวมกับพวกเราสิ เป็น 3 คนแล้ว ขาดอีกแค่คนเดียวเอง ตกลงไหม”

 

          เด็กสาวมองหน้านิโคลแล้วก็มองเลยไปที่เอ็ดเวิร์ด เมื่อเห็นสายตาที่ไม่พอใจส่งกลับมา เด็กสาวก็ยิ้มเยาะอย่างพอใจ “เอาสิ ฉันเอาด้วย”

 

          นิโคลชูกำปั้นขึ้นพร้อมร้องออกมาอย่างพอใจ “ฉันนิโคลนะ นิโคล ไรเกอร์ เรียกว่านิคเฉยๆ ก็ได้ ส่วนหมอนี่ชื่อเอ็ดเวิร์ด ฟอร์บส์ เรียกเอ็ดก็ได้เหมือนกัน เธอล่ะ”

 

          “ฉันชื่อแอเลน่า ดีน จะเรียกแอลก็ได้นะ” เด็กสาวชำเลืองหางตาไปมองหน้าเอ็ดเวิร์ดและส่งยิ้มให้ “ขอโทษทีนะ ที่ไม่ได้ชื่อยัยแว่น”

 

          “เดี๋ยวนายกับฉันได้คุยกันยาวๆ แน่นิค” เอ็ดเวิร์ดเค้นคำพูดลอดไรฟันออกมาใส่เพื่อนของเขา แต่นิโคลก็ดูไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของเด็กหนุ่มเลย อีกทั้งยังส่งยิ้มกวนประสาทกลับไปเป็นของแถมอีก

 

          “เดี๋ยวนะ นิค” แอเลน่าร้องขึ้น “เมื่อกี้นายบอกว่าหมอนั่นนามสกุลฟอร์บส์หรอ ใช่ลูกของคุณโอลิเวียใช่ไหม”

 

          “ใช่ไม่ใช่แล้วจะทำไมมิทราบ” เอ็ดเวิร์ดตอบกลับมาอย่างไม่สนใจ แต่นิโคลกลับพยักหน้าให้เด็กสาวแทนคำตอบ

 

          “นี่ เอ็ด พาฉันไปเจอแม่นายหน่อยได้ไหม” เด็กสาวร้องขอ

 

          “แล้วทำไมฉันต้องพาเธอไปเจอแม่ฉันด้วย” เอ็ดเวิร์ดถามกลับ

 

          “ก็ฉันกับแม่นายน่ะ...”

 

          เด็กสาวพูดยังไม่ทันจบประโยค มือของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ชูขึ้นกลางอากาศ ครูใหญ่ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทั้งห้องสงบลง แล้วจึงพยักหน้าให้เด็กหนุ่มคนนั้นพูด

 

          “ผมขออยู่คนเดียว ไม่ต้องมีกลุ่มได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นถาม

 

          “ครูได้ยินกิตติศัพท์ความสามารถของเธอมาเยอะเลยนะ คุณบลูเบน แต่แม้ว่าเธอจะเก่งกาจสักเพียงไหน ก็เกรงว่าครูคงจะให้สิทธินั้นกับเธอไม่ได้ เพราะ หลังจากนี้การเรียนในวิชาเวทมนตร์พื้นฐานจำเป็นจะต้องมีการทดสอบที่ต้องใช้ความสามารถของเด็ก 4 คนด้วย ครูมั่นใจว่าเธอจะผ่านการทดสอบของครูได้โดยลำพัง แต่มันจะไม่ง่ายกว่าหรือ ถ้าเธอจะร่วมมือกันผ่านกับเพื่อนอีก 3 คนในกลุ่ม

 

          อีกอย่าง การที่เธอแยกไปคนเดียว จะทำให้เพื่อนกลุ่มหนึ่งมีสมาชิกไม่ครบ 4 คนนะ เธอไม่คิดว่านั่นเป็นการเอาเปรียบเพื่อนกลุ่มนั้นอย่างนั้นหรือ”

 

          เดรโกไม่กล่าวคำพูดอะไรโต้ตอบกับครูใหญ่กลับ แต่นั่นก็ถือเป็นคำตอบอย่างหนึ่งเช่นกัน และชายชราก็ยิ้มให้กับคำตอบนั้นของเด็กหนุ่ม

 

          “ฉันว่าไม่ใช่ไม่อยากรวมกลุ่มกับใครหรอก ดูท่าทางแล้วไม่มีกลุ่มไหนเอามากกว่า” เอ็ดเวิร์ดหันไปกระซิบกับนิโคล

 

          “นายนี่น้า” นิโคลทำได้แค่ส่ายหน้ากับความอคติของเพื่อนของเขา

 

          เหมือนคำพูดของเอ็ดเวิร์ดจะไปกระทบถึงหูของเซบาสเตียนเข้า และเหมือนเขาจะคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ จึงหันหน้ามาหาพวกเอ็ดเวิร์ด

 

          “นี่ คุณไรเกอร์ ตอนนี้กลุ่มเธอมีสมาชิกกี่คนแล้ว”

 

          “เอ่อ 3 คนครับ”

 

          “พอดีเลยนี่” ครูใหญ่ยิ้มชอบใจกับคำตอบพร้อมกับหันหน้าไปหาเดรโก “คุณบลูเบน เอาเป็นว่าเดี๋ยวเธอมาอยู่กลุ่มเดียวกับคุณไรเกอร์นะตกลงตามนี้ไม่มีข้อโต้แย้ง”

 

          “เดี๋ยวครับครูใหญ่เอไลจาห์” เอ็ดเวิร์ดทำท่าจะประท้วงกับคำประกาศของครูใหญ่ แต่ชายชราก็ชิงเดินไปที่อื่นเสียก่อนแล้ว

 

          นิโคลหัวเราะร่าเสียงดังอย่างสมใจอยาก “ไม่รู้ว่าดวงนายสมพงศ์กับ 2 คนนั้นจริงๆ หรือคำขอของฉันสัมฤทธิ์ผลแล้วก็ไม่รู้เนอะ”

 

 

          หลังจากเวลาล่วงเลยไปจนครบ 15 นาทีตามที่ครูใหญ่แจ้งไว้ เด็กทุกกลุ่มก็ส่งตัวแทนกลุ่มละ 1 คนเพื่อไปแจ้งชื่อสมาชิกในกลุ่มให้ครูใหญ่ทราบ และเมื่อครูใหญ่ได้รายชื่อสมาชิกครบทั้ง 9 กลุ่มแล้ว เสียงระฆังแจ้งเวลาก็ดังขึ้น

 

          “หมดเวลาพอดี เอาไว้เจอกันใหม่ในคาบเรียนหน้านะ” เซบาสเตียนแอบชำเลืองมองไปทางเอ็ดเวิร์ดและส่งยิ้มให้ “ครูก็ขอให้ทุกคนไปทำความคุ้นเคยกับเพื่อนในกลุ่มกันไว้ให้ดีๆ นะ ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกยาว”

 

          เมื่อกล่าวลาเสร็จ ครูใหญ่ก็เดินนำออกไปจากห้อง เด็กบางคนก็ทยอยกันเดินตามออกไป ส่วนคนที่ยังนั่งอยู่ก็พากันเสียงดังเจื้อยแจ้วแนะนำตัวและพูดคุยดังออกมาเรื่อยๆ

 

          “ไปหาไรกินกันเถอะเอ็ด แอล” นิโคลพูดชวนเพื่อนทั้ง 2 คนของเขา “ฉันหิวแล้วล่ะ คิดถึงอาหารที่ห้องอาหารใจจะขาด”

 

          “พวกนายไปกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันว่าจะไปห้องสมุดสักหน่อย” เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มพูดตอบ

 

          “เธอนี่ดูท่าจะเป็นหนอนหนังสือน่าดูเลยนะ” เอ็ดเวิร์ดพูดแซว

 

          “ช่างฉันเถอะน่า” แอเลน่ากระแทกเสียงตอบ “อย่าลืมเรื่องแม่ของนายนะ หาเวลาให้ฉันได้เจอหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแม่นาย”

 

          “เออๆ ไว้จะลองถามแม่ดูให้ละกัน” เด็กหนุ่มตอบรับแบบส่งๆ เด็กสาวได้ฟังคำตอบรับปากแบบส่งๆ ก็เบะปากให้ พร้อมกับกล่าวลาเพื่อแยกตัวไปห้องสมุด

 

          “แล้วเมื่อไรนายจะเริ่มต้นสานสัมพันธ์กับเพื่อนอีกคนในกลุ่มสักทีล่ะเอ็ด” นิโคลถามพลางยื่นหน้าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าไปใกล้ๆ เด็กหนุ่ม

 

          “ฝันไปเถอะ”

 

 

          เสียงฝีเท้าอย่างเร่งรีบดังมาไกลๆ แล้วเข้ามาใกล้ประตูห้องครูใหญ่มากขึ้นทุกทีๆ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกโดยไม่มีการเคาะประตู บ่งบอกได้ถึงความร้อนใจของผู้มาได้เป็นอย่างดี เมื่อประตูเปิดออก ก็ปรากฏเป็นร่างหญิงสาวบอบบางผิวสองสีคนหนึ่ง ยืนหายใจหอบอยู่หน้าประตู ครูใหญ่ยืนขึ้นเมื่อสังเกตได้ถึงความผิดปกติบนใบหน้านั้น

 

          “เกิดอะไรขึ้น ไดอาเน่” ครูใหญ่ถามขณะเดินเข้ามาใกล้รองครูใหญ่

 

          “ครูใหญ่คะ” ไดอาเน่พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเค้นคำพูดให้ทะลุออกมาผ่านลมหายใจอันหนักหน่วง “เราได้รับรายงานมาว่าพวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วค่ะ”

 

          “อย่างนั้นหรือ เร็วกว่าที่คิดอีกนะ” สีหน้าของครูใหญ่เปลี่ยนไปเป็นกังวลเมื่อได้ยินคำตอบจากหญิงสาว “รีบส่งจดหมายไปที่ราชวังโดยด่วนที่สุด บอกว่าฉันต้องการเข้าพบราชา”

 

          “รับทราบค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วรีบเดินออกจากห้องไป

 

          สีหน้าของอาจารย์ใหญ่ตอนนี้เต็มไปด้วยความวิตกกังวล พวกนั้นมีความเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก อีกไม่นานเรื่องวุ่นวายมากมายจะต้องเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

 

 

           *บอกนิดเล่าหน่อย: ธาตุทั้ง 6 ที่เป็นหลักการพื้นฐานของเวทมนตร์ที่ผมนำเสนอไปในตอนนี้ไม่ได้มาจากจินตนาการนะครับ แต่มีที่มาจากพระ

สูตรในพระพุทธศาสนาจริงๆ เพียงแต่ผมเอามาปรับให้มีความเป็นแฟนตาซีและเป็นรูปธรรมมากขึ้น เดี๋ยวในชั่วโมงเรียนวิชาเวทมนตร์พื้นฐานคราวหน้า

จะมาอธิบายวิธีการใช้เวทมนตร์ให้ละเอียดมากขึ้นอีก ฝากติดตามกันต่อด้วยนะครับ

         

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา