Pathenon โรงเรียนมนตราพาเธนอน

-

เขียนโดย OAZIS

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.58 น.

  17 ตอน
  2 วิจารณ์
  8,961 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 15.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) วัตถุมนตรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 15

วัตถุมนตรา

 

          เมื่อออกพ้นนอกเขตโรงเรียน เสียงแห่งความวุ่นวายที่ไม่ได้ยินมานานจากฝูงชนมากหน้าหลายตาก็กลับมาอีกครั้ง แม้ไม่ใช่วันที่สำคัญเหมือนวันทดสอบเข้าโรงเรียน แต่ก็ยังคงมีร้านรวงข้างทางให้ได้พบเห็นอยู่มากมาย เอ็ดเวิร์ดเพิ่งรู้ (จากเพื่อนสาวคนเดิม) ว่าบริเวณภายนอกของพาเธนอนถือเป็นแหล่งค้าขายที่สำคัญแห่งหนึ่งในลากูน่า แม้จะไม่ครบวงจรเท่าจัตุรัสลาร์ค แต่ก็มีพ่อค้าแม่ค้ามาจับจองพื้นที่ค้าขาย รวมถึงบรรดาลูกค้ามากหน้าหลายตาที่แห่แหนกันมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างแน่นขนัด

 

          เอ็ดเวิร์ดเห็นสินค้าหน้าตาแปลกๆ มากมายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในโรงเรียน ซึ่งรวมถึงของกินด้วย แต่ทั้งๆ ที่มีแต่ของกินหน้าตาแปลกประหลาด แต่เจ้านิโคลเพื่อนของเขามันก็ดันอยากกินไปซะหมด

 

          “ฉันว่าของกินในห้องอาหารของเราเยอะแล้วนะ แต่ที่นี่มีแต่ของน่ากินอีกเพียบเลยแหะ” ไม่พูดเปล่า มันทำท่าจะเดินเข้าไปเลือกซื้อของกินด้วย จนเพื่อนๆ ต้องเสียเวลาลากมันออกมาเพื่อเดินทางต่อ ก่อนจะหลงประเด็นเป้าหมายที่ออกมาจากโรงเรียนไปซะก่อน

 

          อ้อ! พูดถึงเรื่องออกมาจากโรงเรียน เอ็ดเวิร์ดเข้าใจว่ามันจะต้องมีพิธีตองอะไรมากกว่านี้ซะอีก แต่เพียงแค่พวกเขาใช้ฝ่ามือทาบไปที่ประตู มันก็เปิดให้พวกเขาออกมากันได้แล้ว

 

          “ประตูสัมผัสได้ถึงปริมาณพลังงานที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายเราหลังจากเปิดแก่นเวทได้แล้ว” แอเลน่าให้คำตอบเมื่อเขาถามถึงการทำงานของประตู

 

          และเมื่อเขาสงสัยว่าทำไมตอนที่พวกเราเข้ามาที่นี่ในวันแรก ครูลินช์ถึงไม่เห็นจำเป็นต้องเอามือทาบไปที่ประตูเหมือนพวกเขาเลย เดรโกก็เป็นฝ่ายให้คำตอบเขา “จอมเวทย์ที่มีฝีมือสามารถปลดปล่อยพลังงานบางส่วนออกมาจากร่างกายได้”

 

          ...สั้นๆ แต่ได้ใจความจริงๆ...

 

          จริงๆ พวกเขาสามารถเลือกเดินทางโดยวิธีอื่นที่ร่นระยะเวลาได้ดีกว่าการนั่งรถม้า แต่เจ้าเด็กบ้านนอกนิโคลที่ชีวิตแต่ก่อนมีแต่ทะเล ทะเล และทะเล ดันอยากสัมผัสการเดินทางด้วยรถม้าสักครั้ง และก็พยายามอ้อนวอนเพื่อนที่เหลือจสุดท้ายทุกคนต้องยอมตามใจ

 

          เสียงรถม้าซึ่งไร้คนคุมวิ่งกันคึกคักในพื้นที่สัญจร ก่อนจะค่อยๆ เบาลงเมื่อพวกเขามุ่งหน้าออกนอกเขตชุมชน บ้านเรือนเริ่มบางตาลงบ้าง แต่ก็ยังคงมีให้เห็นประปราย

 

          บ้านของเอ็ดเวิร์ดแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลขนาดนิโคล แต่ก็ไม่ได้ถือว่าอยู่ในตัวเมือง บ้านของเขาถือเป็น 1 สิ่งในไม่กี่อย่างในชีวิตที่เด็กหนุ่มรู้สึกภูมิใจ รอบบ้านเต็มไปด้วยธรรมชาติที่หาได้ยากในตัวเมือง (ถ้าไม่นับที่ลานตามประสงค์ล่ะก็นะ) อีกทั้งเพื่อนบ้านทุกคนในละแวกนั้นก็ใจดีและเอ็นดูเขาเป็นอย่างมาก

 

          ไม่ว่าจะเป็นคุณนายเฮเลนที่มักจะทำอาหารมาให้บ้านเขาเสมอ หรือจะเป็นคุณย่าขี้บ่นแอนเดรีย ที่ชอบเอาเจ้าหลานชายจอมซน ทอม มาฝากไว้ให้ทำลายข้าวของที่บ้านของเขาทุกๆ 2 อาทิตย์เป็นประจำ อีกคนที่ไม่พูดถึงเห็นจะไม่ได้ ไดอานี่ วิคตอเรีย รองครูใหญ่ของพาเธนอน ที่ชอบแวะเวียนมาพูดคุยกับแม่ของเขาเสมอๆ ไอ้พูดคุยไม่เท่าไรหรอก แต่ดันชอบมาจ้ำจี้จ้ำไชกับชีวิตของเขาด้วยนี่สิ แต่ทั้งๆ อย่างนั้น ลึกๆ แล้วเขาก็รักและเคารพคุณไดอานี่ไม่ต่างไปจากแม่ของตัวเองเลย

 

          รถม้าเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ อย่างที่มันควรจะเป็น สายลมเอื่อยๆ และธรรมชาติรอบตัวพร้อมทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ถ้าไม่ติดว่าไอ้เจ้านิโคลมันถามจุกจิกมาตลอดทางเนี่ยสิ

 

          “เอ็ด ต้นนั้นต้นอะไรน่ะ ใหญ่ชะมัด”

 

          “เอ็ด ไอ้สีขาวๆ นั่นตัวอะไรอ่ะ”

 

          “เอ็ด บ้านหลังนั้นทาสีแปลกมากเลย นายว่าไหม”

 

          และอีกสารพัดคำถามที่หลุดออกมาจากปากมันไม่หยุด แต่น่าแปลก เด็กสาวที่มักจะเป็นคนตอบคำถามพวกนี้กลับนั่งเงียบมาตลอดทาง พลางพิจารณาบางสิ่งในมือไปมาอย่างครุ่นคิด สายตาผ่านกรอบแว่นเต็มไปด้วยความกังวล

 

          “อะไรน่ะ แอเลน่า” เดรโกเอ่ยถามอย่างสงสัย หลังจากที่เห็นเพื่อนของเขานั่งเงียบมองบางสิ่งเล็กๆ ในมือมาตลอดทาง เขาเอื้อมมือไปตรงหน้าแอเลน่าเป็นเชิงขออนุญาต

 

          “ไม่รู้สิ” เด็กสาวตอบกลับ และยื่นสิ่งของในมือมาให้กับเด็กหนุ่ม “เหมือนจะเป็นแหวนอะไรสักอย่าง”

 

          เดรโกพิจารณาแหวนวงเล็กในมืออย่างละเอียด มันเป็นแหวนทรงกลมขนาดเล็กสีดำสนิท ไม่มีลวดลายหรือรอยสลักอะไรบนตัวแหวนเลย แต่กลับมีอัญมณีสีมรกตขนาดเล็กฝังอยู่แทนอย่างกระจัดกระจายรอบตัวแหวน เด็กหนุ่มเหมือนเคยเห็นแหวนลักษณะนี้จากที่ไหนสักที่ และเมื่อใช่เวลานึกสักครู่ เดรโกก็ดูเหมือนจะนึกออก

 

          “นี่มันวัตถุมนตรานี่” เขาพูดพร้อมกับส่งแหวนในมือให้กับเอ็ดเวิร์ดที่กำลังยื่นมือมาขอดูเช่นกัน

 

          “วัตถุมนตรา” แอเลน่าทวน “คืออะไรงั้นหรอ”

 

          “มีเรื่องที่เธอไม่รู้ด้วยหรอแอล” นิโคลอมยิ้มแซว แล้วก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อมีสายตาส่งมาจากเด็กสาว

 

          “ก็ตามชื่อนั่นแหละ” แดรโกกอดอก นั่งพิงพนักและเริ่มอธิบาย “มันคือวัตถุที่ลงมนตราไว้เพื่อจุดประสงค์อะไรสักอย่าง ฉันเคยเห็นพ่อสวมแหวนหน้าตาประมาณนี้อยู่”

 

          “จุดประสงค์อะไรสักอย่างงั้นหรอ” เอ็ดเวิร์ดถาม และส่งแหวนต่อให้แก่นิโคลที่ตอนนี้ทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเพื่อน

 

          “ใช่” เดรโกพยักหน้า “พวกนายจำเรื่องระดับการใช้เวทมนตร์ได้ไหม ความยากในการใช้เวทมนตร์กับสิ่งของจัดอยู่ในระดับ 2 จากทั้งหมด 4 ระดับ สำหรับจอมเวทย์ที่มีฝีมือระดับหนึ่ง ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรใช่ไหมล่ะ

 

          แต่การสร้างวัตถุมนตรา ความยากเป็นคนละเรื่องกับการใช้เวทมนตร์กับสิ่งของเลยนะ เพราะ การสร้างวัตถุมนตรา จำเป็นต้องกักมนตราไว้ในสิ่งของนั้นๆ ยิ่งต้องการให้มนตราติดอยู่กับสิ่งของนานมากเท่าไร ก็ต้องใช้ปริมาณมนตรามากขึ้นตามไปด้วย

 

          ฉันว่าทางที่ดีเราอย่าเพิ่งยุ่งอะไรกับแหวน...เฮ้ย!”

 

          เสียงร้องอย่างตกใจของเดรโก ทำให้เอ็ดเวิร์ดและแอเลน่ารีบหันหน้าไปตามสายตาของเด็กหนุ่ม ภาพที่เห็นก็คือ ไอ้เพื่อนตัวดีอีกคนในกลุ่มที่ก่อนหน้านี้เพิ่งรับแหวนไปดู ได้สวมแหวนเข้านิ้วชี้ของตัวเองไปแล้ว

 

          “พอดีนิ้วเลยแหะ” มันยังมีหน้าหันมาส่งยิ้มให้กับเพื่อนทั้ง 3 คนที่ตอนนี้หน้าเหวอไปแล้วอีก

 

          “ไอ้บ้านิค! แกได้ฟังที่เดรโกมันพูดบ้างไหมเนี่ย” เอ็ดเวิร์ดหันไปตะคอกเสียงดัง ดังซะจนเหมือนเขาเห็นหลังม้าสะดุ้งเบาๆ

 

          “อะไรเล่า” นิโคลทำหน้าเหยเกใส่ “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แค่ลองสวมเฉยๆ เอง เท่ดีออก” พร้อมกับชูมือข้างที่ใส่แหวนขึ้นมาเหมือนกำลังอวด

 

          “เท่บ้าเท่บออะไรล่ะ” เอ็ดเวิร์ดจ้องหน้าเพื่อนเขา และมองไปที่แหวนอย่างครุ่นคิด “ไหนเอามาให้ฉันลองสวมมั่งดิ”

 

          หลังจากนั้นก็เกิดศึกแย่งชิงแหวนกันระหว่าง 2 หนุ่มที่ทำเอาเพื่อนอีก 2 คนถึงกับกุมขมับด้วยความปวดหัว

 

          “ว่าแต่เธอเอาแหวนวงนี้มาจากไหนหรอ” เดรโกเพิ่งความดังเสียงถามแอเลน่า เหมือนว่าเขาเลือกจะทิ้งความปวดหัวของเพื่อนทั้ง 2 คนไว้ข้างหลังและไม่สนใจมัน

 

          “เมื่อเช้าฉันตื่นขึ้นมาก็เจอบนโต๊ะตรงหัวเตียงแล้วน่ะ” แอเลน่าตะเบ็งเสียงตอบท่ามกลางเสียงแห่งความวุ่นวาย

 

          “ไอ้นิค เอามาให้ฉันใส่มั่งเด้!”

 

          “ไม่ให้โว้ย ไอ้เอ็ดบ้า!”

 

          “แต่ใครเป็นคนเอาไปวางไว้กันนะ ไหนจะเป็นของมีค่าขนาดนี้อีก ถ้าเป็นเด็กร่วมรุ่นกับเราก็น่าจะเอามาให้เองกับมือแล้วสิ หรือถ้าเป็นคนอื่น จะยอมเสี่ยงเข้าไปในหอนอนเพื่อเอาแหวนวงเดียวไปให้เธอเนี่ยนะ" เดรโกทำทำท่าครุ่นคิด “มีแต่คำถามเต็มไปหมดเลย”

 

          “ใครว่าแหวนวงเดียว” คำพูดของแอเลน่าทำให้เดรโกหลุดจากภวังค์ความคิด เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเด็กสาว แล้วแอเลน่าก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้ที่เธอพกติดตัวประจำ แล้วหยิบเอาแหวนที่หน้าตาเหมือนกันออกมาอีก 3 วง “เขาวางไว้ให้ 4 วงต่างหาก”

 

          “เดี๋ยวนะ” เดรโกทักเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง “แบบนี้มันก็เหมือนกับเขาเตรียมไว้ให้เรา 4 คนเลยสิ ฉันว่านี่มันชัดจะแปลกขึ้นไปทุกทีแล้วนะ”

 

          แอเลน่าพยักหน้าเห็นด้วย เธอก็คิดเช่นเดียวกันกับเด็กหนุ่ม เดรโกและแอเลน่าเงียบลบเหมือนกำลังใช้ความคิด แตกต่างกับเพื่อนอีก 2 คนที่กำลังเข้าสู่ความดุเดือดในการแย่งแหวน เมื่อเอ็ดเวิร์ดสามารถคว้าข้อมือข้างที่สวมแหวนของนิโคลได้ และกำลังจะใช้อีกมือหนึ่งดึงแหวนออกมาจากนิ้ว

 

          “ในที่สุดข้าก็จะได้มันมาแล้ว ของรักของข้า” เอ็ดเวิร์ดตาเป็นประกายและทำเสียงล้อเลียน

 

          “ไม่ให้โว้ย!” นิโคลพยายามใช้มืออีกข้างที่ไม่ถูกจับผลักไปบริเวณช่วงอกของเอ็ดเวิร์ด และก็เหมือนมีพลังงานบางอย่างส่งแรงออกมาจากฝ่ามือของนิโคล และกระแทกร่างของเอ็ดเวิร์ดจนเด็กหนุ่มกระเด็นถอยหลังจนก้นลงไปจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น

 

          ร่างของเอ็ดเวิร์ดที่กระเด็นออกมานั้น ไปกระแทกเข้ากับมือของแอเลน่าที่ถือแหวนอีก 3 วงอยู่ ส่งผลให้แหวนทั้ง 3 วงนั้นกระเด็นอออกจากมือ ตกจากรถม้าและกลิ้งลงไปยังพื้นดินด้านล่าง

 

          ทุกคนในรถม้าตกอยู่ในความเงียบ เอ็ดเวิร์ดและนิโคลตกใจและงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ส่วนแอเลน่าและเดรโกก็ตกใจกับการที่แหวนตกลงไปที่พื้นดินด้านล่าง

 

          “หยุด!” เดรโกที่เหมือนจะรวมรวบสติได้เป็นคนแรกรีบออกคำสั่งให้ม้าหยุดเคลื่อนไหว และเขาก็เป็นคนแรกที่เดินลงไปจากรถม้าเพื่อจะไปเก็บแหวนที่กระจัดกระจายอยู่ด้านล่าง เพื่อนอีก 3 คนก็ทยอยกันเดินตามลงมา เอ็ดเวิร์ดกับนิโคลที่เหมือนจะเรียบเรียงเหตุการณ์ทุกอย่างได้ก็เริ่มมีสีหน้าแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ในหนึ่งก็ดีใจที่มีแหวนมากกว่า 1 วง จะได้ไม่ต้องแย่งกัน อีกใจก็เริ่มหวั่นกลัวเพื่อนสาวตรงหน้าจะหันมาแยกเขี้ยวใส่ และก็เหมือนสิ่งที่กลัวจะเป็นจริง

 

          “ถ้าแหวนหายไปแม้แต่วงเดียวนะ” แอเลน่าหันมาชี้หน้าและทำตาขวางใส่พวกเขาทั้ง 2 คน “พวกนายตายแน่”

 

          “ไปเร็วนิค ไปช่วยหาแหวนด่วนเลย” เอ็ดเวิร์ดรีบหันไปลากคอเพื่อนอีกคนของเขาและวิ่งแซงแอเลน่าขึ้นไปตรงจุดที่แหวนตก

 

          เดรโกเก็บแหวนมาได้แล้ววงหนึ่ง ส่วนเอ็ดเวิร์ดก็หยิบแหวนอีกวงที่ตกข้างพงหญ้ามาได้ นิโคลเหลือบไปเห็นแหวนอีกวงที่ตกอยู่ข้างก้อนหิน เขากำลังก้าวเท้าเพื่อจะไปเก็บแหวนวงนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึงแหวน ก็มีมือเล็กๆ เอื้อมไปหยิบแหวนตัดหน้าเขาก่อนแล้ว

 

          คนที่หยิบแหวนตัดหน้าไปเป็นเด็กตัวเล็ก สวมเสื้อคลุมเก่าๆ และมีหมวกปิดหน้าตาไว้ จนไม่สามารถดาออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย

 

          “น้องครับ นั่นแหวนของพี่ พี่ขอคืนนะ” นิโคลยิ้มให้อย่างเป็นมิตร และพยายามเดินก้าวเท้าเข้าไปหาเด็กคนนั้นเพื่อขอแหวนคืน แต่ยังไม่ทันถึงตัว เด็กคนนั้นก็หันหลังกลับและชิงวิ่งออกไปด้วยความเร็วก่อนซะแล้ว

 

          “ทุกคนตามไป!” เดรโกออกคำสั่งและรีบวิ่งตามเด็กคนนั้นไปทันที เพื่อนที่เหลือเมื่อเห็นเดรโกออกวิ่งนำไปก่อนแล้ว ก็รีบพุ่งทะยานตามหลังเด็กหนุ่มไปทันทีเพื่อไล่จับเด็กปริศนาที่เอาแหวนไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา