เวททายาทกับตราอักขระรักแท้

-

เขียนโดย JJEiJiSama

วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.55 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,099 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 20.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 ชายผู้ยากไร้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                    ณ เมืองเบลลิต เมืองเล็กๆที่อยู่ห่างไกลโพ้นอันเงียบสงบที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ประชากรรวมทั้งหมดเพียงหลักพันคน เมืองซึ่งหญิงสาวคุณหนูตัวน้อยเฟลิเซียอาศัยอยู่ เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูดั่งตุ๊กตา มีดวงตากลมโตสีเขียวมรกต สุภาพ เรียบร้อย ชอบสวมใส่ชุดโลลิต้า ผมยาวไว้หน้าม้า มีความงดงามในลุคคุณหนูเจ้าหญิงน้อยอยู่เสมอ เธออาศัยอยู่เมืองนี้ตั้งแต่เกิดตามรากฐานบรรพบุรุษวงศ์ ‘‘ตระกูล’’ ของเธอ เธอกำพร้าพ่อแม่ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เด็ก รวมถึงหัวหน้าพ่อบ้านผู้ซึ่งเปรียบเสมือนบอดี้การ์ดส่วนตัวก็เธอก็ได้จากไป เหลือเพียงแค่เหล่าแม่บ้านในคฤหาสน์ที่คอยปรณนิบัติเธอ ที่ตั้งของคฤหาสน์ของเธอนั้นห่างไกลจากตัวเมือง อยู่ติดป่ารวมถึงทะเลสาบ เธอไม่ได้ออกไปท่องโลกกว้างหรือไปไหนเลย เนื่องจากเหล่าแม่บ้านต่างวิตกกังวลกับเธอ ต่างบอกเธอเสมอว่าข้างนอกคฤหาสน์นั้นเต็มไปด้วยความอันตราย จึงทำให้เฟลิเซียนั้นไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย เธอไม่เคยรู้ถึงชีวิต ความเป็นอยู่ ความสุข หรือความโหดร้าย เธอใช้เวลาอยู่แต่กับตำรา อ่านหนังสือ มีงานอดิเรกคือเล่นเปียโน กับสีไวโอลิน และถูกอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นชมธรรมชาติบริเวณคฤหาสน์เท่านั้น เธอมักจะชอบพูดกับสัตว์ป่าต่างๆ อาทิเช่น นกน้อย กระต่ายน้อย กระรอกน้อย ถึงแม้เธอจะไม่ได้ยินเสียงหรือเข้าใจสัตว์เหล่านั้นเลย แต่เธอก็รู้สึกว่าสัตว์เหล่านี้เป็นเพื่อนแก้เหงาของเธอได้เสมอ

     เช้าวันหนึ่ง แม่บ้านคนหนึ่งเอ่ยปากบอกเฟลิเซียว่าจะไปจ่ายตลาดตอนเช้า เฟลิเซียอยากขอไปด้วย

     ‘‘หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ?’’  เฟลิเซียกล่าวขอร้อง

     ‘‘ไมได้นะจ๊ะ ข้างนอกอันตราย ผู้คนมากมาย อีกทั้งอาจจะมีโจรต้มตุ๋นก็ได้นะจ๊ะ’’  แม่บ้านกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง

     ‘‘แต่หนูขอไปด้วยเถอะค่ะ ให้หนูได้เห็นวิถีชีวิตนอกคฤหาสน์เถอะนะคะ หนูก็อายุ15แล้ว หนูโตขึ้นแล้วนะคะ หนูไมได้น่าเป็นห่วงเหมือนตอนเด็กแล้วนะคะ’’  เฟลิเซียขอร้องอีกครั้ง พร้อมทำสายตาออดอ้อนน่ารัก ความน่ารักของเธอทำให้แม่บ้านคนนั้นปฏิเสธไมได้

     ‘‘งั้น.. ก็ได้ แต่ต้องอยู่ตัวติดกับฉันตลอดเวลานะ หากเกิดอะไรแย่ๆขึ้นมาละก็ ยุ่งแน่ๆ’’   แม่บ้านกล่าว ไม่สบตาเฟลิเซียด้วยความที่เธอรู้ตัวดีว่าเธอแพ้สายตาอันอ้อนวอนของเด็กสาวคนนี้

     ‘‘เย้ๆ ดีใจจังเลย ขอบคุณนะคะ คุณแม่บ้าน’’  เฟลิเซียกระโดดกอดเอวจากด้านหลังแม่บ้าน จากนั้นเธอจึงจูงมือแม่บ้านเดินออกจากบ้านด้วยความดีใจ

     หลังจากนั้น แม่บ้านจึงได้ไปสั่งให้คนขับรถส่วนตัวพาตนและคุณหนูไปจ่ายตลาด … ตลาดที่ไปวันนี้จัดที่ลานกว้างโรส เป็นลานกว้างศูนย์รวมใจกลางของเมืองนี้ รอบๆลานกว้างปลูกดอกกุหลาบเรียงรายล้อมรอบสลับสีแดง ชมพู เหลือง ขาวตามลำดับ โคมไฟตามเสาต่างๆ ทั้งเสาสูงและเสาต่ำเป็นโคมไฟมีทรงหัวเหมือนดอกกุหลาบ บนพื้นลานมีพื้นสีโอรสลวดลายเป็นดอกกุหลาบ จึงเป็นที่มาของชื่อลานกว้างแห่งนี้  และไม่ว่าจะมีเทศกาล ประเพณี งานค้าขาย และอื่นๆ ผู้คนจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่ลานแห่งนี้เสมอ ตลาดวันนี้เป็นตลาดขายของจำพวก Dairy (หรือที่เรารู้จักในนามนม ชีส) รวมถึงเบเกอร์รี่ คุณหนูเฟลิเซียตื่นเต้นมากเนื่องจากเบเกอร์รี่คือสิ่งที่เธอโปรดปรานมาก อีกทั้งเธอจำไมได้เลยว่าครั้งล่าสุดที่เธอมาเดินตลาดที่นี่คือเมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเฟลิเซียก็มุ่งเน้นโฟกัสแต่โซนเบเกอร์รี่เสมอ…

     ‘‘คุณแม่บ้านคะ ที่นี่ขายแต่ของที่น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ’’  คุณหนูเฟลิเซียตื่นเต้นมากกับแต่ละสิ่งที่ได้วางขายในตลาดวันนี้ 

     ‘‘คุณหนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ เดี๋ยวซื้อชีสเสร็จ ไปดูด้วยกันดีมั้ยจ๊ะ?’’  แม่บ้านกล่าว ในขณะที่กำลังจ่ายเงินกับคนขายของ

     ‘‘ได้สิคะ อ้อ วันนี้หนูอยากกินชูครีมมากเลยค่ะ’’  เฟลิเซียผู้ชอบของหวานอยู่เสมอ เธอชี้ไปทางเยื้องข้างหน้า เธอเห็นร้านขายชูครีมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่

     ‘‘คุณหนูคะ แหม ไม่มีวันไหนที่ไม่ทานของหวานเลยนะคะเนี่ย กลับไปคฤหาสน์เดี๋ยวดิฉันทำให้กินก็ได้นี่คะ’’ แม่บ้านตอบพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก

     ‘‘ไม่เอา ไม่เอา หนูจะกินชูครีม ชูครีม’’  เฟลิเซียเริ่มงอแงด้วยความขี้เอาแต่ใจ

     ‘‘ก็แหม ถ้าให้พูดจริงๆคือ คุณแม่บ้านทำอาหารไม่อร่อยนี่นา -3-’’ เฟลิเซียเอ่ยเพราะรู้สึกเก็บกด พร้อมกอดอกทำตัวเชิ่ดหยิ่งสไตล์ลูกคุณหนู

     ‘‘ก็ได้ค่ะ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องงอแงแล้วนะคะคุณหนู’’ แม่บ้านรีบตอบเพราะกลัวคุณหนูงอแงลั่นจนคนรอบข้างในตลาดเห็นกันหมด แม่บ้านถอนหายใจ       ‘‘จริงๆเล้ย …เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กเองแท้ๆแต่นิสัยด้านนี้ยังเหมือนเดิมเสียจริงๆ’’

     ‘‘เย้ๆ ชูครีม ชูครีม’’ เฟลิเซียดีใจมากที่ง้อสำเร็จ

     ในขณะที่แม่บ้านและเฟลิเซียเดินไปยังโซนเบเกอร์รี่ด้วยกันนั้น ทันใดนั้นเอง ทั้งสองได้เห็นการชุลมุนวุ่นวายต่อหน้าต่อตา กลุ่มโจรชุดดำกำลังจี้ปล้นพ่อค้าแม่ค้า บางคนถูกขโมยของไปเกือบจะหมดร้านและมีข้าวของที่เสียหายกระจัดกระจายอยู่ตามกองพื้น บางคนโดนทำร้ายร่างกาย บางคนเสียชีวิตแล้ว และมีโจรบางส่วนกำลังเอาปืนจี้ต่อหน้าชายยากไร้คนหนึ่งอย่างหวาดกลัว ถึงแม้โจรจะเกรงกลัวต่อชายผู้นั้น แต่นิ้วชี้ของโจรนั้นเตรียมเหนี่ยวไกปืนแล้ว ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าโจรคนนั้นเป็นชายร่างสูง ดวงตาสีเทามีผมสั้นรกรุงรังสีขาว ผอมแห้งราวกับกระดูก เล็บยาว สวมเสื้อผ้าขาดๆสกปรกตามตัว มีรอยฟกช้ำและรอยแผลอื่นๆตามร่างกาย มีสายตาเคียดแค้น มีเสียงหายใจเข้าออกที่แรงบวกกับเสียงพึมพำความเคียดแค้นดั่งสุนัขป่าผู้หิวโหยตัวหนึ่ง ในสายตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวต่อโจรใดๆทั้งสิ้นทั้งๆที่เขาไม่มาอาวุธเลยสักชิ้น…

     ในขณะนั้นเอง เฟลิเซีย แม่บ้าน และชาวบ้านอีกประมาณ 3-5 คน ก็ถูกกลุ่มโจรเหล่านี้ล้อมหน้าล้อมหลังไว้หมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถหนีไปได้ อีกทั้งยังทำให้บรรยากาศ ณ ตอนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเงียบสงัด

     ‘‘แง่งงงง ..!!!!!’’  เสียงชายคนนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

     ‘‘ก ..แกเป็นใคร ..!!! อ อย่าริอาจก้าวเข้ามาอีกก้าวเชียวนะ ..!!!’’  โจรคนนั้นมือไม้สั่น เหงื่อตกพลั่กๆ สายตาลอกแลกกลอกตาไปมา ทันใดนั้นเอง เขาพยักหน้าส่งซิกให้พรรคพวกของเขาคนหนึ่งชกไปยังกลางหน้าท้องของแม่บ้าน

     ‘‘โอ๊ยยยยย!!!’’ แม่บ้าน ไอเป็นเลือด สายตาพร่ามัว และล้มลงด้วยความเจ็บปวด

     ‘‘คุณแม่บ้าน!!!’’ เฟลิเซียกล่าวอุทานด้วยความตกใจ

     ในขณะที่สายตาของทุกคนในบริเวณนั้นถูกล่อให้ความสนใจไปยังแม่บ้านแต่เพียงผู้เดียว ทำให้เฟลิเซียถูกโจรที่ถือปืนจี้ชายยากไร้จับเป็นตัวประกันแล้ว

     ‘‘อ อย่านะ..!!!!! ป ..ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!!’’ เฟลิเซียพยายามขยับตัวเพื่อให้สลัดออกจากโจรคนนี้ให้ได้ แต่ก็สำเร็จ

     ‘‘แม่หนูคนนี้น่ารักดีนี่’’ โจรคนนั้นแอบหันหน้าไปหอมเส้นผมของเฟลิเซียฟอดหนึ่ง

     ‘‘ถ้าแกไม่อยากให้แม่หนูคนนี้เป็นอะไรไปล่ะก็ ไปให้พ้นซะ!! นี่คือการเตือนครั้งสุดท้าย!! ขืนขยับมาอีกก้าว แม่หนูคนนี้ไม่รอดแน่’’ โจรพูดข่มขู่ชายต่อหน้าด้วยความแน่จริง

     ‘‘ค.. ใครก็ได้ ช่วย… ฉัน.. ด้วย’’  เฟลิเซียร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวพร้อมทั้งยังขยับ เธอพยายามออกจากการถูกจับตัวตลอด

ทันใดนั้นเอง สีดวงตาของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีแดง พฤติกรรมที่ร้องไห้เสียงดังของเธอเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนไป เธอยืนนิ่ง มือวางลงแนบลำตัว หน้านิ่งตรงเหมือนสาวเย็นชา ไม่พูดสักคำ มองไปยังชายยากไร้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังทำให้ดวงตาของชายยากไร้ที่ยืนตรงข้ามต่อหน้าเธอเปลี่ยนจากสีเทาไปเป็นสีแดงเช่นกัน ชายยากไร้ยืนนิ่งราวกับกำลังรอรับคำสั่ง…

     ‘‘น นี่มัน อะไรกันเนี่ย..!!’’  โจรคนนั้นรู้สึกลนกว่าเดิม

     ‘‘พวกแก… ได้ยินฉันมั้ยวะ!!!’’  โจรคิดว่าพฤติกรรมของเฟลิเซียและชายยากไร้คือการประชดประชันปราศจากความเกรงกลัว

     ‘‘ถ้ายังงั้น  ฉันจะฆ่านังหนูนี่ซะ!!!’’  ด้วยโทสะ โจรหันปืนมาจี้ที่ศีรษะด้านขวาของคุณหนู

     เพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่โจรกำลังจะยิง เขาทรุดตัวลงกับพื้น นองเลือด ตาขวางค้างนิ่ง เสียชีวิตคาที่ต่อหน้าต่อตาผู้คนในบริเวณนั้น ร่างของเขาถูกโจมตี มีร่องกลางโบ๋ตรงกลางลำตัวแสดงให้เห็นถึงมีบางสิ่งได้ทะลุร่างเขาไป เขาตายไปแล้ว… คุณหนูเหลือบสายตาอันเย็นชามองไปเห็นมือซ้ายของชายยากไร้เต็มไปด้วยเลือด เลือดอาบเต็มมือและตามซอกเล็บยาวอันแหลมคมกริบของเขา .. ‘เขาเป็นคนทำหรือนี่… ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงมาช่วยเรา’ เสียงภายในใจคุณหนูตั้งคำถามนี้มาเอง ‘นี่มัน เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ’ ….

     ‘‘ก.. แก!!! แกเป็นตัวอะไรกันแน่!!!’’  โจรอื่นๆเริ่มหันมาโฟกัสชายยากไร้คนนี้

     ‘‘มันอันตรายเกินไปแล้ว พวกเรา จัดการมันซะ!!’’  หนึ่งในกลุ่มโจรออกปากคำสั่ง

     ในขณะที่เหล่าโจรรอบด้านกำลังรวมตัวเข้ามารุมทำร้าย ชายยากไร้คนนี้ มีหางสุนัขจิ้งจอกโผล่ออกมา9หาง ขนแผ่ซ่านสีเทาเงิน แยกเขี้ยวยิงฟัน สายตาเต็มไปด้วยความดุเดือดมากขึ้นราวกับสุนัขป่า ยืน4ขาเหมือนท่าสุนัข มีเสียงคำรามข่มขู่ เปล่งคลื่นพลังแสงสีแดงออกมา เขากลายเป็นจิ้งจอก9หางไปแล้ว..  โจรเหล่านั้นหยุดชะงักไม่กล้าขยับ และทำให้สายตาชาวบ้านรอบด้านเหล่านั้นถึงกับอึ้งในสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าอยู่ บางกลุ่มคิดว่าเขาคือผู้พิทักษ์ บางกลุ่มคิดว่าเขาคือพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันบางกลุ่มกลับคิดว่าเขาคือฆาตกรที่เต็มไปด้วยความอันตราย

      ‘นี่คงจะเป็น.. ตัวตนอีกด้านของคุณสินะ’ .. เฟลิเซียยืนนิ่งตามเดิม คิดในใจนิ่งๆราวกับหัวใจถูกแช่แข็งไร้ความรู้สึก

     ‘ผมจะ.. ปกป้องคุณหนูครับ’   ชายผู้นั้นตอบนิ่งๆในใจของเขาเอง

     ‘‘น  นี่มัน ตัวอะไรกันเนี่ย??’’  หนึ่งในกลุ่มโจรอีกคนหนึ่งกล่าว

     ‘‘ปล่อยไว้ต่อไปไมได้แล้ว พวกเรา!! จัดการมันเลย!!!’’

     ไม่ทันขาดคำ ด้วยความว่องไวของการเคลื่อนไหวจากชายยากไร้ โจรเหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว ต่างถูกโจมตีไปตามๆกัน แต่ละคนถูกชำแหละร่าง นอนกองนองเลือด ทิ้งไว้เหลือเพียงสภาพร่องรอยบาดแผลอันแสนสาหัสนำพาไปสู่การเสียชีวิตตามๆกัน ส่วนโจรที่อยู่รอบนอกตลาดนั้น ได้ทำการหนีไปด้วยความหวาดผวาต่อพรรคพวกที่ตายไปแล้ว ชาวบ้านตามตลาดในลานกว้างโรสต่างก็รีบวิ่งหนีกลับไปยังบ้านของตัวเองไปตามๆกัน

     หลังจากที่ไร้ผู้คนในบริเวณลานแล้ว ชายยากไร้คนนี้ได้กลับร่างมาเป็นร่างมนุษย์ตามเดิม คลื่นพลังแผ่วเบาลงดั่งสายลมนิ่ง ลักษณะภายนอกที่ราวกับสุนัขจิ้งจอกได้กลับมาเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบแล้ว ดวงตาสีแดงได้กับมาเป็นดวงตาสีเทาตามเดิม เขาหายใจหอบ

     ในขณะเดียวกัน ดวงตาของเฟลิเซียจากที่เป็นสีแดงกลับมาเป็นสีเขียวตามเดิมเช่นกัน

     ‘‘น…นี่มัน  เกิดอะไรขึ้นหรอ??’’  เฟลิเซียมองโดยรอบพร้อมสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมีคำถามขึ้นในหัวของเธอมากมายเหมือนเธอไม่รู้ตัวอะไรที่ได้เกิดขึ้นไปก่อนหน้าเลย แต่เมื่อเธอได้เห็นความเละเทะของตลาด ร่องรอยสิ่งของพัง เธอกลับเริ่มมีน้ำตาคลอ มีความรู้สึกอ่อนไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน เธอไม่เคยเจอ สัมผัสกับประสบการณ์หรือเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย รวมถึงเมื่อเธอได้เหลือบไปเห็นรอยเลือดตามจุดต่างๆกระจายออกไปหรือที่เอ่อนองอยู่นั้น ทำให้เธอรู้สึกผวา กลัว เหมือนมันเป็นภาพติดตาเธอไปเสียแล้ว เธอมือไม้สั่นมากขึ้น หัวใจเต้นรัว พร้อมทั้งขาที่ขยับไม่ได้

     ‘‘ค  คุณหนู  ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ?’’  คุณแม่บ้านผู้ซึ่งล้มทั้งยืนถาม พลางเอาผ้ามาเช็ดคราบเลือดที่ติดตามตัวคุณหนู

     ‘‘คุณหนูครับ ปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ?’’   ชายยากไร้ถามกลับ

     ‘‘นี่ คุณเป็นใคร?’’  เฟลิเซียถามด้วยความแน่ใจ สายตาระแวง

     ‘‘ผมชื่อเมอริส ผมเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ ตามที่คุณหนูเห็นน่ะแหละครับ’’  เขาตอบด้วยเสียงนุ่มนวลชวนฟัง ส่งสายตาหายห่วงให้แก่เฟลิเซีย

     ‘‘พลังเมื่อกี๊น่ะ คือพลังที่ตอบสนองต่อลางสังหรณ์ของผมว่าจะเกิดอาชญากรรมแถวนี้ เมื่อผมตามลางสังหรณ์ของผมมา สิ่งที่มันได้บอกกับตัวผมคือ ผมต้องช่วยชีวิตคุณหนูครับ’’  เขาคุกเข่าลง 1 ข้าง ก้มหน้าลงพื้น พร้อมพูดต่ออีกว่า  ‘‘ผมขอโทษนะครับ หากสิ่งที่ผมทำไปนั้นมันจะรุนแรงเกินไปจนคุณหนูอาจจะรับไมได้’’

     ‘‘ฉันไม่เคยรู้อะไรแบบนี้มาก่อนเลย’’  เฟลิเซียเกิดอาการสับสนไปหมดว่านี่มันคืออะไรกันแน่

     ‘‘บางครั้งการเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นโดยที่คุณหนูไม่รู้ตัวมันเป็นปกติอยู่แล้วครับ  มันเปรียบเสมือนการตอบสนองดั่งเจ้านายและผู้พิทักษ์  หากในอนาคตมีอะไรอันตรายเกิดขึ้นกับคุณหนูแบบนี้อีก อาจจะมีคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ผู้ซึ่งมีเวททายาทคอยคุ้มครองคุณหนูก็เป็นได้ครับ’’    เมอริสอธิบาย

     ‘’เวททายาท ยังงั้นหรอ? นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?’’  เฟลิเซียถามด้วยความอยากรู้

     ‘‘คุณหนูคงเป็นคนประจำเมืองเบลลิตนี้สินะครับ เนื่องจากคุณหนูเป็นคนของตระกูลโดยตรง คุณหนูเองก็มีพลังประจำตระกูลเช่นนะกันครับ’’  เมอริสกล่าว

     ‘‘ฉันไม่เคยรู้อะไรพรรคนี้เลย ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่มีชีวิตเรียบๆธรรมดาๆคนนึง โลกนี้จะมีมนตร์วิเศษแบบนี้ได้ยังไงกัน?’’  เฟลิเซียเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด

     ‘‘สักวัน คุณหนูจะพบคำตอบเองครับ’’  เมอริสถอนหายใจ

     เฟลิเซียคิดว่าชายคนนี้คงจะบ้าไปแล้ว พูดอะไรพล่อยๆกับเธอ เฟลิเซียไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย ฟังกี่หนๆก็เหมือนกับเทพนิยายแฟนตาซีอะไรพรรคนั้นแหละ มันช่างขัดกับโลกความเป็นจริงเสียจริง เฟลิเซียผู้ซึ่งเป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้ออกมาเจออะไรที่เข้ามาในชีวิตเธอเลย เธอไม่เคยจะเชื่อนวนิยาย นิทานปรัมปรา หรือสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งสิ้น ในหัวของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามไปซะหมด

     ‘‘งั้นกลับกันเถอะค่ะ คุณแม่บ้าน’’  เฟลิเซียช่วยพยุงแม่บ้าน

     ‘‘ค่ะ คุณหนู ฉันไม่เป็นไรค่ะ’’  แม่บ้านตอบกลับ พร้อมกับยิ้มไม่อยากให้เฟลิเซียรู้สึกเป็นห่วง

     ‘‘ผมขอไปด้วยเถอะครับ’’  เมอริสยืนขึ้น พูดขอร้อง

     เฟลิเซียกับแม่บ้านของเธอตกใจกับคำถามนี้มาก 

     ‘‘คุณอันตรายเกินไปคุณมากับพวกเราไมได้หรอกค่ะ’’  เฟลิเซียรีบตอบ

     ‘‘ผมขอไปด้วยเถอะนะครับ’’  เมอริสขอร้องซ้ำ

     ‘‘เอานี่ไป แล้วไปไกลๆซะ’’  แม่บ้านหยิบขนมปังก้อนหนึ่งจากตะกร้าของเธอและโยนไปไกลๆเพื่อล่อให้เมอริสไปกิน เพื่อให้เป็นจังหวะที่ถ่วงเวลาพอที่จะให้คุณหนูกับแม่บ้านรีบวิ่งขึ้นรถกลับคฤหาสน์

     เมอริสเห็นขนมปังก้อนนั้นตกลงบนพื้นซึ่งห่างจากเขาราวๆ 3เมตร ด้วยความที่เมอริสเป็นคนไร้บ้าน หิวโหย ไม่ได้กินอาหารมา 3 วันเต็ม อีกทั้งจะหาของกินได้แต่ละครั้งจะต้องขโมย ชีวิตช่างน่าสงสารอะไรเช่นนี้ โดยความหิวโหยติดต่อกันหลายวันนั้น เมอริสทนเห็นขนมปังก้อนนั้นวางบนพื้นที่ปราศจากการแตะต้องไม่ได้ เขาจึงรีบพุ่งไปกินขนมปังก้อนนั้นอย่างตะกละตะกลามจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือหลอ และเมื่อเขาเห็นคุณหนูกับแม่บ้านวิ่งจวนจะถึงรถของพวกเขา เขารีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเมอริสนั้นทำให้ไปหยุดอยู่ต่อหน้ารถของคุณหนูก่อนที่คุณหนูและแม่บ้านจะมาถึง

     ‘‘ผมขอไปด้วยเถอะครับ แค่ให้ผมมีที่พักอาศัยก็พอ ผมไม่ขออะไรทั้งนั้นแล้วนะครับ’’  เมอริสน้ำตาคลอ สายตาดูโศกเศร้า เขาไม่เหลืออะไรในชีวิตเขาแล้ว ไร้ครอบครัว ไร้อาหาร ไร้เพื่อนฝูง และไร้ซึ่งความรัก …..เฟลิเซีย หากเธอเลือกที่จะทิ้งเขาไว้ตรงนี้ เธอจะเสียใจไหมเมื่อเห็นคนรอบข้างต้องทรมานอีก เธอไม่สามารถละสายตาของเขาไปได้เลย

     สายตาและคำพูดอันน่าสงสารนั้น ทำให้สะเทือนใจกับเฟลิเซียผู้ซึ่งกำพร้าพ่อแม่ ทำให้เธอรู้สึกสงสารเขามากขึ้น

     ‘‘แต่คุณต้องห้ามก่อความวุ่นวายในบ้านของฉันนะ’’  เฟลิเซียยืนกราน

     ‘‘ครับ คุณหนู’’  เมอริสกล่าวตอบ

     ‘‘งั้น เธอไปนั่งท้ายรถเลยนะ เราไม่อนุญาตให้มานั่งในรถกับคุณหนู’’  แม่บ้านสั่ง

     ‘‘ครับ ไม่มีปัญหากับผมอยู่แล้วครับ’’  เมอริสตอบด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมกับรู้สึกโล่งในใจที่จะมีที่อยู่ใหม่

     คนขับรถได้เปิดท้ายรถให้เมอริสเข้าไปซุกด้านใน ส่วนเฟลิเซียและแม่บ้านได้นั่งในรถกลับคฤหาสน์ตามปกติ ระหว่างที่นั่งรถนั้น เฟลิเซียได้มองสภาพลานกว้างโรส พร้อมกับพยายามทบทวนว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นในวันนี้ แต่เธอเองก็นึกอะไรไม่ออกเลย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา