My Next Door Brother / พี่ชายข้างบ้าน
เขียนโดย Nhujoy
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 04.25 น.
แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 04.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) CHAPTER 1 : Noi Nopyothin / บทที่ 1 : น้อย นพโยธิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ ดูสิ เดินหายไปไหนแล้วนะ ” เขาบ่นพึมพำ ก่อนรีบเดินผ่านประตูเล็กที่เชื่อมบ้านสองหลังไว้ด้วยกัน คุณนวล คุณแม่ของเขา ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เคยเล่าให้เขาฟังว่า อาณาเขตบ้านของตระกูลชาติพยัคฆ์ ส่วนของเรือนหลังเล็กนั้นเคยเป็นบ้านที่คุณแม่กับคุณพ่อเคยอยู่ ก่อนที่เขาจะเกิดมา แต่ภายหลังที่พ่อเขาแยกทางไป พ่อก็เอาไปขาย โชคยังดีที่คุณลุงชาญเป็นคนมาซื้อเอาไว้ ประตูเล็กนี้จึงยังมีอยู่ แปลงกุหลาบของคุณแม่เขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม ตอนเด็ก ๆ คุณแม่ของเขาชอบพามานั่งดูเป็นประจำ ปากก็เล่าให้ฟังว่าพ่อเขาเป็นคนปลูกให้ แล้วก็ร้องไห้ สำหรับเขา เขาไม่ชอบเลยที่แม่ร้องไห้เพราะพ่อ แต่เขาก็ไม่เคยเกลียดพ่อเลย เพราะแม่ไม่เคยสอนให้เกลียดพ่อ มีแต่สอนให้เขารัก และต้องตอบแทนบุญคุณพ่อผู้ให้กำเนิดเขามา ทั้งที่คนเป็นพ่อแยกทางกับแม่ของเขาทันทีที่เขาเกิด พี่เลี้ยงเล่าให้เขาฟังว่า ที่พ่อเขาทิ้งเขากับแม่ไป เพราะเขาเกิดมาเป็นชาย ทำให้ข้อตกลงการหมั้นหมายของสองตระกูลเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิง พ่อของเขาไปมีครอบครัวใหม่ ให้กำเนิดลูกสาวมา 2 คน เขาเองไม่ได้เจอพ่อเลยตั้งแต่เกิด งานศพแม่ของเขา พ่อก็ไม่ได้มา น้องสาวอีก 2 คนเขาก็ไม่เคยเจอ เขาเองเพิ่งได้เจอกับพ่อตัวเองเมื่อวานนี้เอง พร้อมรูปของน้องสาวทั้ง 2 คน พ่อมาเพื่อให้เขาช่วยทวงสัญญาการหมั้นหมายนั้น เขาเองก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องทั้งหมด ตอนแรกเขาไม่คิดจะพูดให้ แต่คนเป็นพ่อก็ไม่พูดเปล่า กลับตรงเข้าทำร้ายเขา ยังดีที่พี่เลี้ยงของเขาเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นรอยตามตัวพี่เลี้ยงคงมาอยู่บนตัวเขาแทนแน่ เขารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้าน บนโซฟาตัวสวย มีคนเป็นพ่อของเขานั่งอยู่ ส่วนพี่เลี้ยงของเขานั่งอยู่บนพื้น
“ เป็นอย่างไรบ้าง ตกลงคุณชายเขาเลือกใคร ยายนิด หรือ ยายหน่อยล่ะ ” ผู้ที่ได้ชื่อเป็นพ่อ รีบถามทันทีที่ได้เห็นหน้าของเขา หน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง แสดงออกอย่างชัดเจน
“ เอ่อ คุณชายเขาไม่ได้ต้องการที่จะแต่งงานกับใครทั้งนั้นครับ ” เขาพยายามตอบออกไปอย่างแผ่วเบา ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนตรงหน้า เพราะตอนนี้คนนั้นหุบยิ้มลง แล้วตรงปรี่เข้ามาบีบแขนของเขาแน่น จนเขารู้สึกเจ็บ เริ่มมีน้ำใส ๆ คลอขึ้นมาที่ดวงตาของเขา มืออีกข้างก็เงื้อมขึ้น เตรียมพร้อมที่จะฟาดลงมาด้วยความโมโห
“ คุณหนูน้อย ” พี่เลี้ยงสาวรีบเข้ามากอดปกป้องเขาไว้ พร้อมกับมีร่างหนึ่งกระชากคนที่จะลงมือ เหวี่ยงลงไปกองกับพื้น แล้วก็ประคองตัวเขากับพี่เลี้ยงสาวมาไว้ข้างตัว เขาหันหน้าไปมอง พี่ชาย
“ อย่ามาทำร้ายใครที่บ้านหลังนี้ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือน ” คนพูดจ้องตาเขม็ง ขบกรามแน่นดูเหมือนจะโกรธมาก ทำไมต้องโกรธมากซะขนาดนั้นนะ
“ มึงเป็นใคร เข้ามายุ่งวุ่นวายอะไร นี่บ้านกู นี่ลูกกู ” พ่อเขาพยายามยันตัวขึ้น ตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“ ผมชื่อ ชาย ชาติพยัคฆ์ เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และนี่ก็คู่หมั้นผม ส่วนคุณ เชิญออกไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก พี่จันทร์ไปโทรหาตำรวจเดี๋ยวนี้ " ฮะ อะไรนะ แล้วประโยคหลังก็หันไปสั่งกับพี่เลี้ยงของเขา ส่วนพี่จันทร์ก็ผละออก เดินตรงไปที่โทรศัพท์ทันที เขาตอนนี้เผลอกอดคนโตกว่าไว้แน่น แต่ก็ยังตกใจกับคำพูดพวกนัั้น แล้วนี่เขาไปเข้าพิธีหมั้นตอนไหน
“ เดี๋ยว คุณชาย ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ฟังอาก่อน อาชื่อ ยิ่ง เยาวมาลย์ เป็นพ่อแท้ ๆ ของไอ้ เอ่อ ตาน้อยเองครับ ” พ่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ ท่าทางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“ คุณยังมีหน้ามาอ้างสิทธิความเป็นพ่อกับคุณน้อยอีกหรือครับ นามสกุลคุณน้อยก็ไม่ได้ใช้ของคุณ ตั้งแต่คุณน้อยเกิดมา ผมเพิ่งเคยเห็นคุณก็วันนี้เอง อ้อ แล้วเรื่องที่คุณบังคับให้คุณน้อยไปพูด ผมไม่ตกลง เพราะคุณน้อยเป็นคู่หมั้นของผม คำสัญญาเรื่องการแต่งงานใช้ได้แค่กับคนในตระกูลนพโยธินเท่านั้น ” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดออกไปอย่างเด็ดขาดทุกอย่าง เขายืนฟังไป เริ่มยืนไม่ไหว ตาเริ่มพร่า น้ำตาเริ่มเอ้อล้นอีกแล้ว ขาก็ไม่มีแรง ทำได้แค่เพียงทิ้งตัวเข้าหาคนเป็นพี่ มือก็เกาะแน่นขึ้น เหมือนยึดเอาไว้เป็นที่พึ่ง เขารู้สึกว่า คนตัวโตกว่าชะงักเล็กน้อย แล้วก็เอามือมาลูบหัว ลูบหลังปลอบเขา พี่มันก็ดูเหมือนเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน
“ จะไปหมั้นกันได้อย่างไรครับ ตาน้อยมันเป็นผู้ชายนะครับ ” ยิ่งรีบแย้งขึ้นทันทีอย่างยิ้ม ๆ
“ ทำไมจะไม่ได้ ถ้าผมเห็นด้วย คุณก็ควรกลับไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้น เรื่องหนี้ของคุณ ผมจะไม่ผ่อนผันให้อีกแล้ว และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามคุณมาวุ่นวายกับคุณหนูน้อยอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะยึดบ้านกับบริษัทคุณทันที ” คุณลุง เดินมาตอนไหนไม่มีใครได้ทันสังเกต ยืนมองพ่อของเขา พร้อมเอ่ยวาจานิ่ง ๆ
“ งั้นผมกลับแล้วครับ สวัสดีครับ ” พ่อยกมือขึ้นไหว้คุณลุง แล้วรีบร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ร่ำลาเขาเลยแม้แต่น้อย หรือ จะหันมามองเขาสักหน่อยก็ไม่มี
“ คุณลุง ฮึก ฮึก " คุณลุงมาช่วยเขาอีกแล้ว เขาผละจากคนพี่ วิ่งเข้าไปกอด ร้องไห้สะอื้นตัวโยนอย่างไม่ต้องปกปิดอีก คนสูงวัยยกมือลูบหัวปลอบประโลมเขา
“ ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับคุณหนูน้อย ปะ กลับไปอยู่ที่เรือนคุณหนูใหญ่นะครับ ” คนพูดพลางจูงให้เขาเดินตาม ก่อนหันมองที่พี่เลี้ยงของเขา “ จันทร์ก็ตามมาด้วย แช่มพาคนไปเก็บของให้คุณหนูน้อยกับจันทร์ด้วย แล้วปิดบ้านนี้ไปเลยนะ ชายอยู่ดูให้พ่อที ” คนพูดยังออกคำสั่งกับแม่บ้าน และคนที่เดินตามมาด้วย ก่อนพูดกับลูกชายตัวเอง
“ เอ่อ ” พี่จันทร์เหมือนจะพูดขัดอะไรขึ้นมา
“ ค่ะ ” แต่ก็รับคำทันทีที่คุณลุงมอง แล้วรีบเดินตามมาโดยดี
“ ครับคุณพ่อ ” ส่วนคนที่เป็นลูกของคนที่ออกคำสั่ง รับคำ แล้วลอบมองเขา แต่เขาตอนนี้ยังไม่อยากคิดอะไร จึงไม่ได้ตอบโต้อะไร ปกติเวลาคุณลุงบอกให้เขาทำอะไร เขาเป็นต้องทำตามทุกอย่าง นั้นเป็นเพราะก่อนที่แม่เขาจะเสียได้เอ่ยยกเขาให้คุณลุง เป็นผู้ปกครองของเขา และบอกให้เขาต้องเชื่อฟังคุณลุงทุกอย่าง แล้วเด็กที่ไม่มีญาติสักคนอย่างเขา จะไปกล้าทำตัวไม่ดีกับคุณลุงได้อย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณลุงทำให้เขา ล้วนแล้วแต่ทำตามใจเขาทุกอย่าง ถึงเขาจะไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ แต่คุณลุงก็มักจะรู้อยู่เสมอว่าเขาอยากได้อะไร หรือ ไม่ต้องการอะไร และท่านไม่เคยบังคับให้เขาทำอะไรที่เขาไม่เต็มใจสักครั้ง ไม่มีสักครั้งเลย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ท่านคงรู้ว่า ที่เรีอนหลังเล็กคงเป็นที่หลบภัยให้เขาได้ และเขาคงสบายใจเป็นอย่างมากที่จะได้นั่งมองดูดงดอกกุหลาบของแม่เขา
คุณลุงพาเขามานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นที่ตึกใหญ่
“ ต่อไปนี้ คุณหนูน้อยก็กลับมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กของคุณหนูใหญ่เหมือนเดิมนะครับ ” เป็นบ้านเก่าของแม่เขาเอง เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่า ทำไมคุณลุงต้องเรียกแม่เขาว่า คุณหนู แล้วคุณลุงก็เรียกเขาว่า คุณหนูทุกคำเช่นกัน เขารู้เพียงแต่ว่าคุณตาของเขา คือ คุณชายนพโยธิน ส่วนแม่เขาเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน แต่เขาได้ยินทุกคนเรียกแม่เขาว่า คุณนวลตลอด คุณลุงมักแสดงความนบน้อมกับเขาด้วยทุกครั้ง เขายังไม่กล้าถาม กลัวว่า จะไม่เหมาะสม อันที่จริงแล้ว หลังจากงานศพของแม่เขา ได้มีกลุ่มคนเข้ามาไล่ให้เขาออกไปจากบ้านของเขา แต่ก็ได้คุณลุงเข้ามาช่วยให้เขาได้บ้านคืนมา ตอนนั้นคุณลุงเป็นคนให้เขากับพี่จันทร์มาอยู่ที่บ้านหลังเล็กนี้ ต่อมาภายหลังเขาเป็นคนขอคุณลุงที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมเอง ในตอนแรกคุณลุงยังไม่เห็นด้วย แต่เป็นลูกชายของคุณลุงที่ช่วยพูดให้ โดยที่คุณลุงมีข้อแม้ว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาอีก เขาจะต้องกลับมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กนี้ เหตุผลของคุณลุง คือ จะได้มีคนมาคอยดูแล และถึงยังไงคงไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเขาในอาณาเขตบ้านของคุณลุงเป็นแน่
“ ครับ ” เขาก้มหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
“ จันทร์ขอไปอยู่กับพวกป้าแม่บ้านที่หลังเรือนเล็กติดโรงครัวนะคะ ” พี่เลี้ยงสาวของเขากล่าวขึ้น
“ ทำไมล่ะ คราวก่อนจันทร์ก็นอนที่เรือนเล็ก ที่เรือนเล็ก มีห้องที่จันทร์เคยอยู่ตอนคุณหนูน้อยยังเล็ก ๆ ” คุณลุงถามขึ้น
“ นั่นสิ พี่จันทร์ ไปนอนกับน้อยนะครับ ” เขาหันไปถามอย่างอ้อน ๆ
“ คุณหนูน้อยโตแล้วค่ะ คราวก่อนที่จันทร์นอนด้วย เพราะคุณหนูน้อยยังไม่คุ้นกับที่ค่ะ ” พี่จันทร์อธิบายเหตุผลให้เขาฟัง
“ พี่จันทร์ครับ ” เขาเริ่มโยเย
คุณลุงพูดขึ้นเสียงขึ้นมา
“ เอาเป็นว่าจันทร์อยู่ที่เรือนเล็กกับคุณหนูน้อยก็แล้วกัน แล้วฉันจะให้แช่มไปช่วยดูอีกคน ”
“ ค่ะ ” พี่เลี้ยงรับคำในที่สุด
“ ขอบคุณนะครับ ” เขายกมือขึ้นไหว้ก่อนเดินไปกับพี่เลี้ยงของเขา
คุณลุงยิ้มให้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ