Cross sign : Dimension
เขียนโดย whitekamilia
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 01.45 น.
แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564 02.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
Cross sign : Dimension
ศตวรรษที่ 20 : นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าค้นพบว่าโลกมีมิติคู่ขนาน นำมาสู่การวิจัยในด้านทฤษฏีเกี่ยวกับการข้ามผ่านมิติและสิ่งมีชีวิตต่างมิติ
นับเป็นการค้นพบที่สั่นสะเทือนวงการวิทยาศาสตร์ของโลก ทั่วโลกต่างส่งนักวิจัยระดับแนวหน้าของตนเข้าร่วมและค้นหาสิ่งใหม่จากการค้นพบนี้
ทุกคนต่างเรียกโครงการนี้ว่า ครอสไซน์ (Cross sign)
ศตวรรษที่ 21 : นักวิจัยที่เข้าไปใน ห้วงมิติหรือครอสเกท (Cross Gate)ค้นพบสสารแปลกประหลาดลักษณะคล้ายกับหยกแต่เป็นสีม่วงนักวิจัยเรียกมันว่า "ไดเมน" (Dimen) และค้นพบโรคประหลาดที่เมื่อใครได้แตะสัมผัสสสารนั้น ภายในสามชั่วโมงจะแปรสภาพกลายเป็นสัตว์ประหลาด
นักวิจัยเรียกพวกมันว่า "ซีดีเอ" (CDA: Corrupt Dimension Animal) ซีดีเอเหล่านี้มีทั้งในอีกต่างมิติและที่เกิดจากสสารนั้น
พวกมันมีหลายลักษณะบ้างยืนสองขา บางคลานสีขาและมีจุดเด่นแตกต่างกันไปแต่โดยทั่วไปจะพบคือคลานสี่ขาลักษณะคล้ายแมงมุมสีดำที่มีเกราะด้านหลัง ทางเจ้าของโครงการเริ่มค้นพบความน่ากลัวของสิ่งแปลกปลอมในดินแดนแห่งนั้นและสั่งปิดตายสถานที่ทดลองทันที
ศตวรรษที่ 22 : องค์กรทั่วโลกลงมติให้ปิดโครงการวิจัยนี้เนื่องจากผลกระทบจากอัญมณีไดเมน ทว่าก็ยังคงมีองค์กรเอกชนและองค์กรใต้ดินหาประโยชน์จากการเปิดมิติคู่ขนานนี้และนำไดเมนออกมาขายเพราะมองเห็นประโยชน์ทางด้านการทหารของมัน สงครามที่มีเหล่าซีดีเอสัตว์ประหลาดต่างมิติจึงเกิดขึ้นทั่วโลก
ศตวรรษที่ 23 : เกิดการระบาดของผลพวงไดเมนและทำให้เกิด "ซีดีเอคีป" (CDA Keep)รังของเหล่าสัตว์ประหลาดที่ติดเชื้อจากไดเมน
โลกเริ่มเข้าสู่สภาวะวิกฤติ หลายประเทศเรียกร้องให้มีการจัดตั้งสหพันธ์แห่งโลกขึ้น (World Corp.)เพื่อควบคุมสถานการณ์และจัดการปราบปราม
เหล่าเชื้อร้ายที่กำลังเกาะกินโลก
ศตวรรษที่ 24 : ภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อเกิดปรากฎการณ์ครอสเกทขึ้นครั้งแรกซึ่งมันหมายถึงการมาเยือนของสิ่งมีชีวิตต่างมิติ มนุษย์ต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์บ้านเมืองโกลาหล เศรษฐกิจทุกประเทศในโลกเกือบจะล่มสลายจนกระทั่งสหพันธ์แห่งโลกจัดตั้งหน่วยรบพิเศษแห่งกองกำลังโลกหรือวัลคิรี่ (Valkyries)
ปลายศตวรรษที่ 24 โลกได้ตั้งรับการโจมตีของผู้รุกรานที่พวกเราทุกคนเรียกว่า ซีดีเอ ตามรายงานการวิจัยและศึกษาของสถาบันพรีเวนเจอร์ ระบุว่ามันมีอยู่ 5 ระดับ ที่เจอในปัจจุบันแต่เชื่อว่ายังมีอีกที่ยังไม่พบ
ศตวรรษที่ 25 : เกิดกองกำลังป้องกันตัวเองมากมายทั่วโลกทั้งบนดินและใต้ดินรวมถึงประตูมิติที่เปิดไม่เว้นแต่ละวันแต่ละประเทศจัดตั้งกองกำลังพิเศษของตัวเองมีทั้งขึ้นตรงต่อสมาพันธ์โลกและไม่ขึ้นตรง นักวิทยาศาสตร์ถูกเกณฑ์ให้มาประดิษฐ์คิดค้นอาวุธและทดลองเสริมสมรรถภาพของทหารพวกเขามีสำนักงานวิจัยหลักอยู่ที่วอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกาและมีสาขาย่อยทั่วโลก หน่วยงานนี้มีโค้ดเนมว่า แอสการ์ด (Asguard)
ทหารทุกคนที่สมัครเข้าปกป้องโลกจากเหล่าซีดีเอจะถูกเรียกว่า เอเจนท์ (Agent)ทางนักวิจัยและสมาพันธ์โลกได้ตั้งระดับให้กับเหล่าเอเจนท์และดูเหมือนมันจะแพร่หลายไปยังองค์กรอิสระอื่นๆอีกด้วย โดยแบ่งเป็น 5 ระดับ เรียงตามลำดับ คิง/ควีน [King/Queen] , บิชอบ [Bishop] , รูค [Rook] , ไนท์ [Knight] และ พาวน์ [Pawn]
ศตวรรษที่ 28 : สามปีหลังหน่วยงานวิจัยทางการทหารของโลกได้ก่อตั้งขึ้นก็เกิดมหาสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมิติขึ้นครั้งแรก สงครามครั้งนี้กินระยะเวลายาวนานกว่าห้าปีสร้างความเสียหายไปทั่วโลกประชากรสูญหายและบาดเจ็บล้มตายจนไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้บ้านเมืองล่มสลายจนไร้ซึ่งประเทศ เปลวไฟความหวังของมนุษยชาติเริ่มที่จะดับลงเด็กจะไร้พ่อ ภรรยาจะไร้ซึ่งสามี พ่อแม่จะไร้ซึ่งทายาท ... มนุษย์จะหยุดความบ้าคลั่งนี้ได้อย่างไร ?
เวลา 22:15 เขต Sount-East Asia จุด K-101 ประเทศเกาหลีเก่า [กรุงโซลแต่เดิม] มหาสงครามปีที่ 6
อดีตมหานครกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้เดิมที่ซึ่งเคยสว่างไสวและเต็มไปด้วยความหวัง บัดนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง กลิ่นคาวเลือดและซากศพ กองกำลังที่ 7 แห่งหน่วยรบพิเศษกองกำลังโลกวัลคิรี่กำลังเข้าต่อสู้กับฝูงซีดีเอจากคีปกรุงโซล ราชินีที่นี่ปกครองอาณาเขตกรุงโซลมากว่า 2 ปี แทบทุกเมืองในโลกถูกเหล่าซีดีเอเข้าไปสร้างรังโดยจะมีตัวนางพญาหรือราชินีเป็นผู้ควบคุมเหล่าซีดีเอทั้งหมด
"HQ เรากำลังเสียเปรียบ ส่งกำลังเสริมมาด่วน ! ย้ำ ส่งกำลังเสริมมาด่วน"
หลังจากการปะทะกันราว 3 ชั่วโมงฝ่ายกองกำลังที่ 7 ของวัลคิรี่ก็เริ่มเสียเปรียบด้วยจำนวน พวกเขาถูกสังหารไปราวใบไม้ร่วงจนขวัญทหารเริ่มจะถดถอยกระทั่งต้องไปปักหลักยันไว้ที่บริเวณสำนักงานของโซลทาวเวอร์ที่นี่คืออดีตโซลทาวเวอร์ที่สวยงามสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยทั่วทั้งมหานคร ทว่าปัจจุบันเมื่อมองออกไปจะพบเพียงซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างและเสียงร้องระงมแห่งความกลัว
"เอเจนท์ระดับควีนหนึ่งคนกำลังมุ่งหน้าไปที่นั่น อย่าเพิ่งตายกันหมดล่ะ !"
เสียงตอบกลับของฝั่ง HQ ถึงแม้จะฟังดูห้วนแต่ก็สร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารทั้งกอง พวกเขากัดฟันลั่นไกปืนจนกระสุนหมดแม็กต่อแม็กทุกคนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ถึงแม้จะขาขาดแขนขาดถ้าไม่สิ้นใจพวกเขาก็ยังคงลั่นไกปืนต่อไป เสียงปืนกลดังสนั่นบริเวณนั้นไม่ว่าจะปืนกลหนักหรือปืนกลเบาพวกเขาสาดไม่ยั้งจนกระทั่งเสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นจากฟากฟ้ามาถึง
"เอเจนท์ระดับควีนมาแล้ว พวกเรารอดแล้ว !!!"
ผ่านม่านเมฆที่มืดครึ้มเหนือกรุงโซลปรากฎยานขนส่งลำใหญ่ของบริษัททหารรับจ้างเอกชนหรือที่เรียกกันว่า เมอร์เซอนารี่ (Mercenary)ที่เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ช่วยสมาพันธ์โลกทำสงคราม พวกเขาจะได้รับค่าจ้างราคาสูงเป็นค่าตอบแทนรวมถึงได้รับการสนับสนุนในเรื่องยุทโธปกรณ์ต่างๆอีกด้วย
"ยานไมอาร์ที่ 8 ส่งสัญญาณปล่อยตัว "
พลขับเช็คสถานะประตูท้ายยานก่อนจะกดสวิทช์เปิดออก ด้านหลังปรากฎหญิงสาวร่างเล็กกับปืนสั้นสองกระบอกที่สะพายไขว้อยู่ด้านหลัง
เธอคือเอเจนท์ระดับควีนหนึ่งในเอเจนท์คนสำคัญของบริษัที่ขึ้นตรงต่อวัลคิรี่ ใบหน้าสะสวยที่ดูนิ่งเฉยและท่าทางที่ดูสง่างามนั่นเก็บซ่อนสัญชาตญาณนักฆ่าไว้เต็มเปี่ยม ผมยาวสีขาวควันบุหรี่ของเธอปลิวไสวไปตามแรงลมที่ตีกลับเข้ามาในยานขณะที่ปล่อยตัว
"เอเจนท์ควีน ยูเมโนะ อาเมริ ปล่อยตัวได้ !"
หญิงสาวกระโดดล่อนตัวลงจากยานโดยไม่มีเครื่องชูชีพ เธอตีลังกาเหยียบอากาศและพุ่งตัวไปยังพื้นด้านล่างอย่างรวดเร็วก่อนจะชาร์จพลังจากปืนคู่ยิงลงไปเปิดทาง เกิดแรงระเบิดเพราะการกระทบสร้างหลุมขนาดใหญ่บริเวณนั้นตามมาด้วยเสียงปืนสั้นที่ลั่นไกรัวๆ ซีดีเอนับร้อยตัวบริเวณนั้นตายสลายหายไปในพริบตา
ร่างบางมีความคล่องตัวและทักษะการต่อสู้ด้วยปืนสั้นสูงมากขนาดที่ว่าทหารกองกำลังที่ 7 ที่ฝึกการต่อสู้ทุกวันยังต้องอ้าปากค้าง เธอสามารถตีลังกายิง ไขว้ยิงหรือแม้กระทั่งกระโดดตีลังกายิงได้ที่สำคัญกระสุนไม่พลาดเป้าเลยแม้แต่นัดเดียว ระหว่างนั้นปรากฎซีดีเอระดับสองขึ้นขวางด้านหน้าหญิงสาวไม่รอช้าประกบปืนสั้นของเธอเข้าหากันก่อนจะชาร์จยิงออกไปเป็นกระสุนพลาสม่าขนาดกลางสร้างความเสียหายให้พื้นที่บริเวณนั้นอย่างหนักรวมถึงซีดีเอตัวนั้นที่หายกลายเป็นฝุ่น
"อาเมริ เลิกเผาป่าระเบิดกระท่อมเสียที ! รู้ไหมว่าฉันโดนหัวหน้าด่ามา ... ติ๊ด"
เสียงผู้หญิงอีกคนซึ่งน่าจะเป็นโอเปอร์เรเตอร์ประจำตัวโวยวายมาในสายทว่ายังไม่ทันพูดจบก็โดนตัดสายทิ้งไปเสียก่อน
เจ้าของสายนำหูฟังออกจากหูก่อนจะลั่นไกไม่ยั้งระดมยิงใส่ซีดีเอที่ยังคงกรูกันเข้ามาอย่างไม่กลัวตายทั้งถีบทั้งต่อยทั้งเตะ
ทุกส่วนในร่างกายของเธอเป็นอาวุธได้ทั้งหมด
"หัวหน้าครับ แย่แล้วครับ จู่ๆค่า CPA ก็พุ่งทะลุไป 6.9 เลย !"
ค่า CPA (Corrupt Power Attitude) คือค่ารังสีที่แพร่ออกจากตัวของซีดีเอซึ่งยิ่งค่ารังสีมากก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของซีดีเอตัวนั้น
ทหารทุกนายจะมีนาฬิกาที่คอยจับพลัง CPA เพราะมันสามารถใช้เป็นทางหนีที่ไล่ได้ถ้าหากพบศัตรู
"6 หรอ... ราชินี "
ตูม !!!
ยังไม่ทันสิ้นเสียงโซลทาวเวอร์ก็ระเบิดแหลกเป็นจุลเมื่อเจอกับมือขนาดใหญ่ของราชินีซีดีเอที่พุ่งทะลุรังขึ้นมา
คีปในกรุงโซลสร้างไว้ในเขาใต้ฐานของโซลทาวเวอร์พวกมันแพร่พันธุ์ไปได้ทั้งเมืองผ่านท่อระบายน้ำรวมถึงสามารถไปโผล่ที่ไหนก็ได้ตามที่พวกมันสร้างโพรงเอาไว้
"งานเข้าแล้ว นั่นพวกแท็งเกอร์ !"
แน่นอนว่าราชินีมาก็ต้องมีบอดี้การ์ด แท็งเกอร์คือซีดีเอระดับสามบอร์ดี้การ์ดของราชินีพวกมันยืนสองขาตัวสีเทาแดงมีเกราะหนาที่มือทั้งสองข้างลักษณะคล้ายโล่ขนาดยักษ์เมื่อนำมาประกบกันก็ไม่ต่างจากกำแพงเหล็กเดินได้ดีๆนี่เอง ทหารกองกำลังที่ 7 เห็นดังนั้นก็สาดกระสุนไม่ยั้งไปที่เหล่าแท็งเกอร์หวังจะช่วยลดภาระของเอเจนท์ระดับควีนที่กำลังตีลังกาใช้ขาล็อคคอซีดีเอครึ่งคนหนึ่งตน หันไปกวาดยิงหัวซีดีเออีกสิบกว่าตัวก่อนจะหันมายิงตัวที่ตนเองล็อคไว้ที่ขา
"โผล่มาจนได้สินะ"
"อาเมริ อย่าเข้าไปคนเดียวนะ อย่าเข้าไปนะเว้ย ยัยบ้าาา !!!"
เสียงโอเปอร์เรเตอร์แว่วจากหูฟังที่หญิงสาวถอดและห้อยไว้ที่คอ เธอไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยกลับเดินหน้าชนฝ่าฝูงซีดีเอที่กรูกันเข้ามา
เหล่าแท็งเกอร์ประกบมือเข้าหากันกลายเป็นโล่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ด้วยขนาดตัวของมันที่สูงเกือบ 4 เมตรและน้ำหนักตัวมาก
ทำให้เวลาพวกมันวิ่งจะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ทหารกองกำลังที่ 7 ยิงสนับสนุนด้วยทุกสิ่งที่มีกระสุนปืนกลนับพันๆนัด
หล่นจากพื้นยังไม่รวมปืนยิงระเบิดและปืน RPG
"กระสุนพวกเราไม่ระคายโล่ของพวกมันเลย!"
"ไม่ต้องสนใจ ยิงต่อไป มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด !!!!"
"ย้ากกกก"
ทหารกองกำลังที่ 7 แผดเสียงร้องกดไกปืนไม่ยั้ง ขณะเดียวกันที่ราชินีซึ่งจัดเป็นซีดีเอระดับ 4 ก็หันมาพุ่งความสนใจไปที่พวกเขา มันดันตัวขึ้นจากผืนดินด้วยความสูงที่มากกว่า 10 เมตร ทำให้เมื่อมันยืดตัวจนสุดแล้วไม่ต่างอะไรกับยักษ์ปักหลั่น เหล่าทหารที่เหมือนรู้ชะตากรรมพวกเขาหยิบวัตถุระเบิดทุกอย่างที่มีขึ้นมาก่อนจะทั้งคว้างและสาดใส่มันอย่างบ้าคลั่ง
"ถ้าจะตายเอ็งก็ต้องตายไปกับพวกข้าเว้ย !!!"
ระหว่างนั้นกระสุนพลาสม่าที่มีขนาดใหญ่กว่าครั้งแรกของเอเจนท์สาวก็พุ่งผ่านไปปะทะกับตัวราชินี มันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเบนความสนใจไปหาเธอและใช้หางปัดทำลายบังเกอร์ที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังที่ 7 ทำให้พวกเขากระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง
"อ๊ากกก"
กองทหารที่ 7 กระจายไปคนละทางแต่ก็สามารถรวมตัวและล่าถอยออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ราชินีพุ่งเข้าใส่เอเจนท์สาวผู้ซึ่งกำลังหลบการจู่โจมของเหล่าแท็งเกอร์ มันกวาดมือขนาดยักษ์ซึ่งเต็มไปด้วยกรงเล็บและพิษใส่เธอ
หญิงสาวกระโดดถีบตัวตีลังกาสูงก่อนจะวิ่งไปบนมือและแขนของซีดีเอยักษ์ตนนี้สาดกระสุนใส่ใบหน้าและรำตัวของมัน ตีลังกาสลับตำแหน่งไปมากระทั่งมันต้องทิ้งตัวลงไปกลิ้งกับพื้นเพื่อสลัดการโจมตีของเธอ
"ฉลาด..."
เธอกระโดดหมุนตัวถอยหลังออกจากตัวมัน ทุกการขยับตัวเธอจะลั่นไกไปด้วยไม่ว่าจะหมุนตัวถอยหลังหรือตีลังกามันสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้ราชินีอย่างมากจนกระทั่งมันเริ่มจะเลือดขึ้นหน้าทุบพื้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เธอต้องกระโดดจากพื้นและในตอนนั้นเองที่เหมือนการต่อสู้นี้จะจบลง...
"อะ..."
เธอกระโดดขึ้นกลางอากาศแต่ก็พบกับพวกแท็งเกอร์ที่กระโดดขึ้นมาจากไหนไม่รู้ล้อมตัวไว้ด้วยโล่พร้อมกับมือขนาดยักษ์ของราชินีที่ตบเข้าที่ตัวเธออย่างจังพร้อมส่งให้ร่างบางกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง สร้างความบอบช้ำให้อวัยวะภายในอย่างหนัก เลือดสีแดงสดกระอักออกมาจากริมฝีปากบางเล็กสีชมพูก่อนที่จะค่อยๆถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดของเลือด มือเรียวบางในถุงมือรบชันตัวลุกขึ้นและเอื้อมไปหยิบปืนที่ตกอยู่ข้างตัว
"ชิ !"
เธอไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกำปืนคู่แน่น ยกมันขึ้นมาผสานกันและชาร์จพลังงานทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างบอลพลาสม่าลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ด้วยอาการบอบช้ำอย่างหนักทำให้มือเรียวนั้นสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด เลือดยังคงไหลทะลักออกจากปากเธอไม่หยุด
"อาเมริ! เธอต้องถอยเดี๋ยวนี้ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ !!! อย่า!!!!"
โอเปอร์เรเตอร์สาวหวีดร้อง อาเมริประคับประคองตนเองด้วยความอ่อนล้าและสติที่เริ่มเลือนลางพลันปรากฎภาพของสถานที่หนึ่งในภวังค์ สถานที่แห่งนั้นสวยงามและเต็มไปด้วยสวนดอกไม้ที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตามีเด็กหญิงกับเด็กชายสองคนกำลังวิ่งเล่นด้วยกัน
เด็กชายชี้ไปที่ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ใกล้ตกดินพร้อมกับรอยยิ้มที่มอบให้เด็กหญิงก่อนที่ทั้งหมดจะสลายหายไปแทนที่ด้วยพวกซีดีเอ ทว่าเด็กชายก็ยังคงไม่ทิ้งเด็กหญิงไปไหนภาพสุดท้ายคือ เด็กชายคนนั้นช่วยเด็กผู้หญิงเอาไว้จากพวกซีดีเอก่อนที่เขาจะหายไปพร้อมกับฝูงของพวกมัน และภาพก็ตัดมาที่ครอบครัวของเด็กหญิงที่โดนความมืดจากรอบทิศกลืนกินเหลือเพียงเด็กหญิงคนเดียวที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ...
ฉันยังตายไม่ได้ !..
หญิงสาวกัดฟันกรอดก่อนที่จะปล่อยลำแสงพลาสม่าขนาดยักษ์ใส่ราชินีและฝูงซีดีเอด้านหน้าเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำลายล้างทุกสิ่งบริเวณนั้นฝูงซีดีเอสลายหายไปกับอากาศแท็กเกอร์ทั้งฝูงโล่แหกและล้มตายไปทั้งหมด เหลือเพียงราชินีที่ตัวแหว่งทางด้านซ้ายแต่เหลือซีกขวาและมันกำลังจะมุ่งเข้ามาเล่นงานเธอ
สวบ ! ตูม !!
ทว่าจู่ๆก็มีดาบยาวเล่มหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้าเกิดแรงระเบิดมหาศาลกระแทกร่างของราชินีกระเด็นออกไป ด้วยขนาดของมันที่ถือว่าใหญ่เกือบที่สุดเมื่อล้มลงจึงสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ร่างบางที่หมดเรี่ยวแรงรู้สึกถึงแรงอัดอากาศและลมที่พัดกรรโชก เธอเงยหน้ามองด้วยสายตาที่พร่ามัวปรากฎชายในชุดคลุมสีดำขาดๆลักษณะคล้ายยมทูตยืนบนดาบที่ปักบนพื้นนั้น
ใครกัน ยมทูตหรอ ?...
ราชินีบาดเจ็บสาหัสและพยายามจะคลานหนีทว่าแขนและขาของมันกลับถูกตัดขาดอย่างง่ายดายและภายในพริบตา! ด้วยคมดาบสีดำขนาดใหญ่แหวกอากาศผ่าทุกอย่างไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำ ชายหนุ่มเก็บดาบยาวลงด้านหลังมันคือดาบโนดาชิของประเทศญี่ปุ่น ด้วยขนาดที่ยาวผิดจากดาบทั่วไปทำให้มันไม่สามารถพกที่เอวได้ เขาเดินเข้าไปหาเจ้าราชินีอย่างใจเย็นก่อนจะสังหารมันด้วยคมดาบสีดำที่พุ่งทะยานออกไปสุดขอบฟ้าอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เห็นเขาชักดาบออกจากฝักเลยด้วยซ้ำ
"ให้ตายสิ ไม่อยากทำแบบนี้เลยจริงๆ"
ชายหนุ่มเอ่ยพูดพลางมองราชินีซีดีเอที่ค่อยๆแห้งและสลายไปกับอากาศ เขาเป็นคนที่มีรูปร่างสูงโปร่งและดูปราดเปรียวเสื้อคลุมปกปิดใบหน้าทั้งหมดเผยให้เห็นเพียงนัยน์ตาสีแดงก่ำที่เรืองแสงเมื่อต้องกับแสงจันทร์ ดาบยาวด้านหลังถูกพันด้วยผ้าสีหม่น
"เอ... นี่น่าจะเป็นหมาป่าสีขาวแห่งไวท์ฮาวน์สินะ"
ร่างสูงเดินมาที่อาเมริเขาค่อยๆอุ้มเธอขึ้นมาอย่างอ่อนโยน เมื่อแก้มนวลเปื้อนเลือดได้สัมผัสกับอกอุ่นแข็งแรงความอบอุ่นจากร่างหนึ่งส่งสู่อีกร่างหนึ่ง ทำให้ปฏิกริยาการเอาตัวรอดทำงานทันที อาเมริกอดรัดเขาเพราะอาการเสียเลือดมากทำให้เธอรู้สึกหนาวผิดปรกติ ความอบอุ่นที่แผ่เข้ามาในร่างกายทำให้หัวใจของเธอค่อยๆเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง อ้อมกอดนี้จากคนแปลกหน้าช่วยชีวิตเธอและทำให้เธอไม่เคยลืม ...
"อึดนะเรา ทนหน่อยนะเจ้าหมาน้อย"
หลังจากที่ราชินีตาย เหล่าซีดีเอที่เหลือก็วิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
เอเจนท์ควีน ยูเมโนะ อาเมริ ทำภารกิจยึดกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้กลับมาจากเงื่อมมือของเหล่าซีดีเอได้สำเร็จ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ