The Hell I Have Become ร่างทรงปิศาจ

-

เขียนโดย VerbaArcana

วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 23.38 น.

  4 chapter
  0 วิจารณ์
  4,269 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 22.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

บทนำ  บันทึกของเอเดรียน (Adrian's journal) 

อ่านฟรีต่อเนื่องได้ที่

https://www.readawrite.com/a/cbf97cba8de4da318fdce3925422618d

 

เรื่องราวนี้ได้รับการบันทึกอย่างละเอียดทุกแง่มุมไว้โดย เอเดรียน แมเดอลีน เซเลสต์ อาร์ชิบอลด์ (Adrian Madeleine Celeste Archibald) บุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลอาร์ชิบอลด์ ผู้เดินทางท่องไปทั่วอาณาจักรเพื่อรวบรวมข้อมูลและสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์จากเมืองคอร์วัส (Corvus) จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นองเลือดไปจนสุดดินแดนตะวันตก ณ เมืองเวสต์ฮิลส์ (West Hills) ดินแดนแห่งความเหน็บหนาวและเงียบสงบ

                                                                                                                                      (Anonymous ผู้เผยแพร่, ธันวาคม 2030)

 

‘ปี 1775 ณ เมืองคอร์วัส เมืองท่าสำคัญทางตอนเหนือของอาณาจักรมาร์โกต์ (The Kingdom of Margot) ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด ปรากฏกลุ่มควันมวลหนาสีแดงส้มส่องสว่างราวกับอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ลมทางเหนือพัดพาเอากลิ่นเหม็นไหม้มาถึงระเบียงห้องนอนชั้นสามของคฤหาสน์อลิสัน (Alison) ซึ่งห่างออกมาราวหนึ่งกิโลเมตร

 

จากทิศทางของกลุ่มแสงและควันไฟ คาดว่าจะเป็นเนินป้อมปราสาทคอร์วินัส (Corvinus) นั่นเองที่กำลังลุกไหม้ ทว่าแม้แสงจากพระเพลิงจะส่องสว่างโชติช่วงเพียงใด แต่ทางด้านตัวเมืองคอร์วัสซึ่งอยู่ไกลออกไปกลับตกอยู่ในความเงียบสงัดและมืดมิดราวกับเมืองร้าง ทุกอย่างเงียบเสียจนขับให้เสียงกรีดร้องที่หวีดหวิวมาตามสายลมยิ่งทวีความดังก้องขึ้น ความเหน็บหนาวจับจิตได้เกาะกินถึงขั้วหัวใจ ไม่มีการบอกกล่าว ไม่มีคำทักทาย พี่ชายของข้า โลเทรค วิลเลี่ยม เซเลสต์ อาร์ชิบอลด์ (Lautrec William Celeste Archibald) ได้นำกองกำลังทหารเข้าบุกโจมตีปราสาทคอร์วินัส โดยมี บีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ (Beatrice des Lumiere) ภรรยาของ อาชชี่ ซัลวาตอเร แมคเดอมอทท์ ดา โคเว่น (Ashe Salvatore McDermott Da Coven) เป็นผู้นำทาง

 

กล่าวกันว่าในเวลานั้น อาชชี่ ซัลวาตอเร หรือ อาชชี่ โคเว่น หรือที่ชาวเมืองคอร์วัสและใครต่อใครเรียกติดปากว่า ลอร์ดโคเว่น กำลังมีปากเสียงกับน้องสาว เลดี้คาเธรีน่า สเตลลามาริส (Caterina Stellamaris) วัยสิบแปดปี อย่างรุนแรงเกี่ยวกับการส่งนางไปเข้าพิธีวิวาห์กับดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ (Duke of Appleshire) สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผู้เป็นแม่ เลดี้แมคเดอมอทท์ และ แฮมมอนด์ ฟอลเคนเบิร์ก (Hammond Falkenberg) คนสนิทที่คอยดูแลทั้งสองอย่างใกล้ชิด เป็นอย่างมาก ไม่มีใครสนใจเลยว่า บีอาทริเช่ ภรรยาของลอร์ดโคเว่น ที่แต่งกายด้วยชุดดันทรง กระโปรงยาวหรูหรา คอคว้านลึก ราวกับจะไปงานเลี้ยงสังสรรค์ กำลังอุ้มบุตรชายวัยทารกนาม แมกจิโอ อาช (Maggio Ash) เดินหนีออกไปจากห้องนั่งเล่นของปราสาทด้วยความเหนื่อยหน่ายเต็มทน

 

ทุกวินาทีที่ได้ย่างก้าวออกห่างจากเสียงทะเลาะเบาะแว้งและครอบครัวของสามี หัวใจของนางก็ยิ่งพองโต ชุ่มฉ่ำไปด้วยความตื่นเต้น ยินดี นางสาวเท้าไวขึ้นและไวขึ้นไปตามทางเดินอันมืดสลัว พลางเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกที่อยู่ข้างโถงทางเดินด้านนอกเป็นระยะ เห็นกลุ่มเปลวไฟจากคบเพลิงกำลังเคลื่อนเข้ามาประชิดกำแพงชั้นนอกของเนินปราสาทอยู่เบื้องล่าง อดีตป้อมปราการโบราณซึ่งแปรสภาพกลายเป็นที่อยู่อาศัย แทบไม่ได้ใช้ทำสงครามใดมาร่วมร้อยปีแล้วจนแม้แต่ทหารของตระกูลยังมิได้ใส่ใจแต่งเครื่องแบบ พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ในชุดชาวบ้านธรรมดา นั่งๆ นอนๆ เฝ้ายามบ้าง ตั้งวงกินเหล้ากันบ้างตามประสา รอให้เวลาผ่านพ้นไปในแต่ละวัน 

 

ตลอดทางที่มุ่งตรงไป หญิงสาวไม่พูดคุยทักทายกับทหารหรือคนรับใช้ในตระกูลโคเว่นเลยแม้แต่คำเดียว พวกเขาได้แต่มองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเสียจนแทบไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะปกตินางก็มักจะทำหน้าบึ้งตึงใส่บ่าวรับใช้ทุกคนเป็นธรรมดาอยู่แล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่มาอยู่ที่นี่เมื่อสามปีก่อน

ตอนนี้บีอาทริเช่ เปิดประตูออกมานอกตัวปราสาทแล้ว และยิ่งสับเท้าเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัว เจ้าแมกจิโอ อาช ตัวน้อย ขยับกายไปมาเบาๆ พอให้มารดาของเขาก้มลงมอง ไม่นาน นางก็เดินข้ามสะพานก่อด้วยหินที่เชื่อมตัวปราสาทไปยังประตูใหญ่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมาถึงประตูไม้ขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้กลไกและแรงของผู้ชายในการเปิด นางจึงใช้เท้าเขี่ยทหารเฝ้ายามสองสามคนที่นอนฟุบอยู่แถวนั้นให้ลุกขึ้นมาชักรอกเปิดประตู ทำทีราวกับจะออกไปเริงร่ายามราตรีที่คฤหาสน์อลิสัน ดังเช่นทุกที ทว่าครานี้กลับเป็นการเชื้อเชิญให้โลเทรค บุตรชายคนโตของลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ เจ้าของใหม่ของคฤหาสน์อลิสัน ได้นำกองกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือเข้ามาแทน เขาใช้ดาบสังหารทหารยามโชคร้ายทันทีที่เห็น ก่อนปรายดวงตาสีน้ำตาลทองมายังหญิงสาวภรรยาเจ้าของปราสาทแห่งนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนรอยยิ้มปริ่มราวกับรอต้อนรับสามีกลับบ้านนั้นค่อยๆ เหือดหาย กลายเป็นสีหน้านิ่ว คิ้วขมวด ด้วยความขุ่นข้องใจ

 

ทหารอาร์ชิบอลด์ในเครื่องแบบเต็มยศนายหนึ่งเชิญเธอไปยังรถม้าที่ถูกเตรียมไว้ด้านนอกป้อมปราการ หญิงสาวเดินอุ้มบุตรชายไปขึ้นรถม้า นางนั่งเหม่อมองตามแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสีขาวคอปกสีเข้มเรียบหรูของโลเทรค อาร์ชิบอลด์ ด้วยความกังวลใจเล็กน้อย ประกายจากผมสีทองเป็นลอนสลวยที่ถูกมัดไว้อย่างรีบเร่งของเขายามต้องแสงไฟจากคบเพลิง เริ่มหม่นลงจนดูราวกับเป็นสีดำเมื่อเขาก้าวเข้าสู่เงามืดทะมึนของตัวปราสาทคอร์วินัส'

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา