ปริศนาดาววิมุตติ
1) เล่ม 1 ตอนหอคอยห้องสมุด 1.1. เหตุเกิดที่โรงเรียน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
มันเหมือนภาพลายเส้น ที่สเก็ตช์หยาบๆ ด้วยฝุ่นชอล์กสีดำ ปรากฏเลือนรางบนกำแพงสีขาวหม่น ๆ เก่า ๆ ด้านหลังตึกห้องสมุดของ “โรงเรียนพัฒนจิตศึกษา”
ภาพลายเส้นนั้นเหมือนภาพนักเรียนชายผมสั้นเกรียนคนหนึ่ง นั่งกอดเข่าจมลึกเข้าไปในกำแพง สีหน้าเศร้าหมองคล้ายมีเรื่องทุกข์ใจสาหัส ภาพเลือนรางบนกำแพงเก่านี้ ถ้าใครไม่ตั้งใจสังเกตก็จะไม่เห็น
บริเวณด้านหลังตึกมีบรรยากาศเงียบเหงาอึมครึม กำแพงหลังตึกของโรงเรียนเป็นแนวรั้วซึ่งติดกับด้านหลังวัดไชยพินิจ ร่มไม้สนสูงใหญ่เรียงรายกันเป็นทิว ทอดเงาพลิ้วไหวไปมาคอยกั้นอาณาเขตของโรงเรียน ร่มเงาพริ้วไหวของแนวไม้สนดูเหมือนจะช่วยอำพรางภาพลายเส้นขาวดำของนักเรียนชายนั้นไว้
ทิวสนสูงที่น่าจะช่วยสร้างความร่มรื่นให้บริเวณหลังโรงเรียน กลับช่วยสร้างความวิเวกวังเวง แนวสนสูงที่พยายามจะกั้นด้านหลังของโรงเรียนให้ออกจากบรรยากาศอันเปล่าเปลี่ยวของหลังวัด ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
บริเวณพื้นดินใต้ต้นสนโรยหินกรวดจนถึงทางเดินพื้นปูน เวลาฝนตก ดินโคลนจึงไม่กระเด็นเปื้อนออกมา หากแต่พื้นปูนทางเดินที่ลาดไว้ระหว่างรั้วหลังโรงเรียนและตึกห้องสมุด ก็มีสภาพทรุดโทรมด้วยกาลเวลา รอยปูนแตกหลายจุด ทั้งมีตะใคร่เขียว ๆ ดำ ๆ ขึ้นประปราย
ทันใดนั้น ก็มีลมพัดโบกมาจากทิศตะวันตก ลมพัดกระโชกแรงไปปะทะกำแพง ทำให้ภาพฝุ่นดำเลือนลางเหมือนรูปนักเรียนชายนั่งยอง ๆ ตรงนั้นฟุ้งกระจายออกไป กลายเป็นผงสีดำปลิวออกจากกำแพง มันปลิวขึ้น ปลิวขึ้น และไปรวมตัวกันเป็นเงามืดกลางอากาศคล้ายบ่างตัวใหญ่ พลันบินหายเข้าไปในเงามืดตรงซอกตึกหลังโรงเรียน
..............................
โรงเรียนพัฒนจิตศึกษา (พจศ.) เป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนของมูลนิธิแห่งหนึ่งในเขตยานนาวา เปิดสอนในปีพ.ศ. 2485 ปัจจุบันเปิดมากว่า 75 ปี เป็นโรงเรียนสหศึกษา ที่เปิดสอนในระดับมัธยมต้นถึงมัธยมปลาย โรงเรียนนี้มีการบริหารด้านการศึกษาค่อนข้างดี และมีชื่อเสียงด้านการส่งเสริมความสามารถพิเศษของนักเรียน ดังนั้น เด็กนักเรียนชายหญิงที่จบชั้นประถมที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง จึงพากันมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้จนจบมัธยมปลาย
นักเรียนในโรงเรียนพัฒนจิตฯ มีฐานะทางครอบครัวหลากหลาย นักเรียนหลายคนมาจากครอบครัวมีอันจะกิน และมีอีกหลายคนที่มีฐานะครอบครัวยากจน
บริเวณด้านหน้าของโรงเรียนมีคูน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน ทางโรงเรียนจึงต้องสร้างทางเดินเป็นสะพานทอดเข้าประตูใหญ่ ถนนที่แล่นผ่านหน้าโรงเรียนมีรถวิ่งสองเลน รั้วหน้าโรงเรียนเป็นแนวกำแพงปูนทาสีขาวสูง 1 เมตร มีเหล็กเส้นทาสีฟ้าอ่อน 1 เมตรเรียงรายเป็นช่วง ๆ บนกำแพงสีขาวนั้น
นอกจากนี้ ก็มีต้นสนปลูกเรียงรายตลอดแนวกำแพงเหมือนด้านหลังตึก แต่อาจเป็นเพราะด้านหน้าของโรงเรียนติดกับถนนใหญ่ มีรถวิ่งผ่านไปมา และฝั่งตรงข้ามเป็นที่พักอาศัยของผู้คน จึงดูไม่วิเวกวังเวงน่ากลัวเท่ากับด้านหลังซึ่งติดกับวัด
แผ่นไม้ป้ายชื่อของโรงเรียนตั้งอยู่เหนือประตูทางเข้า มุงด้วยหลังคากระเบื้องสีน้ำตาล ปลายแผ่นป้ายชื่อโรงเรียนเอนออก พอใบสนร่วงจากต้น ก็ปลิวตกอยู่บนหลังแผ่นป้าย นานวันเข้าก็กองเต็มแผ่นป้ายชื่อโรงเรียน ยามลมพัดกระโชกแรง ใบสนเส้นแห้ง ๆ สีน้ำตาลอมเขียว ก็ร่วงปลิวตามกัน
ตัวอาคารของโรงเรียนพัฒนจิตฯ นั้นเป็นตึกสองชั้น สร้างรอบสามด้านเป็นรูปตัวยูล้อมสนามด้านหน้า เมื่อเดินเข้าหน้าประตูโรงเรียน ก็จะเห็นตึกนักเรียนมัธยมต้นซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนตึกกลางซึ่งตั้งตรงกับประตูใหญ่นั้นเป็นตึกมัธยมปลาย เรียกกันว่า “ตึกห้องสมุด” เพราะมีห้องสมุดสร้างขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นครึ่งตรงริมตึกกลางต่อกับตึกด้านทิศใต้ ทำให้เฉพาะส่วนที่เป็นห้องสมุดสูงขึ้นมาเกือบเป็นตึกสี่ชั้น
ด้านหน้าของตึกบริเวณห้องสมุดที่สูงโด่งขึ้นนี้ เรียกกันมานานว่า “หอคอยห้องสมุด” เพราะสร้างเหมือนรูปหอคอยนาฬิกา มีหน้าต่างซึ่งปิดตายมาหลายสิบปี ข้างหน้าของหอคอยห้องสมุด มีต้นหางนกยูงสูงเกือบเท่าตัวตึกหอคอย ออกดอกสีแสดให้เห็นทั้งปี ตัดกับแนวสนสีเขียวเข้มที่ปลูกรอบโรงเรียน ต้นหางนกยูงออกดอกสีแสดเต็มต้น มองจากหน้าโรงเรียนจึงเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากกว่าบริเวณห้องประชุมหน้าเสาธงกลางโรงเรียน
ด้านหน้าตึกโรงเรียนเป็นสนามหญ้าขนาดย่อม ส่วนตึกทางทิศใต้นั้นเป็นตึกที่ทำการของโรงเรียน มีสองชั้นเหมือนตึกอื่น ซึ่งชั้นสองเป็นห้องฝ่ายบริหารและห้องทำงานอาจารย์ ส่วนชั้นล่างเป็นห้องกิจกรรมพิเศษของนักเรียน ด้านหลังของตึกสร้างเป็นโรงอาหาร ที่จอดรถและห้องพักนักการ
หลังโรงอาหารเป็นเขตพื้นที่เปล่าของมูลนิธิ ยังไม่มีการปรับปรุงพื้นที่ จึงเป็นที่พงรกชัฏ ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งห้ามผู้ใดเข้าไปโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย จึงให้สร้างกำแพงปูนสลับกับรั้วเหล็กสูงกั้นเขตโรงเรียนไว้
กลิ่นดอกกระดังงาที่ปลูกไว้ด้านหลังของโรงเรียนส่งกลิ่นหอมมากับสายลม กลิ่นดอกไม้หอมที่โชยมาเบา ๆ ทำให้นักเรียนแต่ละรุ่นคิดถึงช่วงเวลาที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนพัฒนจิตศึกษาแห่งนี้
เสียงก้าวเดินเป็นจังหวะขึ้นไปตามขั้นบันได การวางน้ำหนักเท้าเบา ๆ แสดงถึงความระมัดระวังในการเดิน ผู้ที่เดินขึ้นบันไดไปบนตึกหอคอยห้องสมุด เป็นนักเรียนชายวัยรุ่นอายุ 17 ปีคนหนึ่ง รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางคล่องแคล่ว เขาก้าวเท้าเดินขึ้นไปบนห้องสมุดที่อยู่ชั้นสาม แล้วหยุดอยู่หน้าห้องทำงานเล็ก ๆ ห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องสมุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ