พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

10.0

เขียนโดย muchsheima

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 16.33 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,290 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 16.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 2 .. “ เบาะแส หรือ กับดัก ”

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ 

    เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

(เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)  พัชฌา

ขอขอบคุณ คุณลุลา จาก ค่าย แกรมมี่ ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

มันคือความรัก - ลุลา (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 2 “ เบาะแส หรือ กับดัก ”

แล้วเผด็จก็ชูกุญแจดอกหนึ่งขึ้นมาให้ทุกคนเห็น และก็อธิบายว่ามันมีความสำคัญอย่างไร ที่จะให้พวกนั้นไม่ก่อวินาศกรรมในครั้งนี้ ทุกคนจ้องมองไปที่กุญแจดอกนั้น แล้วก็ถามพร้อมกัน “ ยังไง ” เผด็จ เก็บกุญแจ แล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วก็ยิ้ม ไม่ตอบอะไร ทุกคนก็เดินกลับไปนั่งประจำที่ เพ็ญก็ตื้อถามเผด็จ

“ คุณอาขา ” เพ็ญอ้อนคุณอา

“ ขา ” เผด็จล้อเลียนหลานสาว

“ ทานข้าวให้อิ่มก่อน นี่เวลากิน Ok อิ่มแล้วค่อยว่ากัน ” เมื่อพูดจบ เผด็จก็กัมหน้าก้มตา ทานอย่างเดียว ไม่สนใคร ทุกคนก็เลยต้องทาน .. เพ็ญทำท่าเซ็ง ทำท่ายกซ่อมจะทิ่มแขนคุณอาสุดที่รัก

***** ///// *****

ที่โรงพยาบาล เวลาประมาณ 22.30 น. ค่ำคืนนี้ตำรวจที่อัธวุฒิ ให้มาเฝ้าพยานทั้งสองคน เดินกันให้พล่านเต็มโรงพยาบาลไปหมดโดยหารู้ไม่ว่ามีไอ้โม่ง 2 คนกำลังแอบซุ้มอยู่เพื่อหาจังหวะเก็บพยานพวกนั้น

มีเงาวูบไปมาพักใหญ่ ไอ้โม่งคนหนึ่ง ส่งสัญญานให้อีกคนอ้อมไปอีกทางเพื่อรอจังหวะ

“ ไงหมง ไหวไหม แกว่าคืนนี้พวกมันจะมาไหม ” จ่ามิ่งถาม จ่าหมงเพื่อนสนิท

“ ไม่รู้ซิ แต่ข้ามีความรู้สึกว่า คงได้ยืดเส้นยืดสาย ยังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกมันบอก ”

“ ยังงั้นเลยรึ แหม..ถ้าเป็นจริงคงสนุกน่าดูนะ ” มิ่งแหย่เล่น แล้วก็เดินถือกาแฟทานไปพร้อมกัน

“ เป็นไงบ้านทางนี้หมู่ ” หมงถามหมู่ที่มาอยู่เวร

“ ปกติครับจ่า ” หมู่ตอบด้วยน้ำเสียงง่วงๆ

“ ปกติ แหม เสียงออกง่วงแบบนี้นะ ไปล้างหน้าล้างตาไป ” จ่าหมงไล่ไปล้างหน้าล้างตา

แล้วหมู่คนนั้นก็เดินไป .. ไอ้โม่งที่เป็นหัวหน้า ส่งสัญญานให้อีกคนเตรียมระเบิดควัน

“ เอ้าๆ ที่เหลือ เข้มแข็งกันหน่อย ใครรู้ตัวจะหลับ ไปล้างหน้าล้างตาไป ” จ่ามิ่งสำทับต่อ

จังหวะที่ตำรวจกำลังเปลี่ยนเวรกัน สองไอ้โม่งก็ได้โอกาส จึงโยนระเบิดควัน/แก๊สน้ำตา เข้าไปเป็นจำนวนมาก จึงเกิดเสียงเอะอ๊ะ โวยวายขึ้นดังไปหมด วิ่งหนีกันวุ่ยคนละทางสองทาง ตั้งตัวไม่ติด

“ ทุกคนระวังตัว มันมาแล้ว ไม่จำเป็นอย่าใช้ปืน ” จ่ามิ่ง ตะโกนออกไป

“ คุ้มกันพยาน คุ้มกันพยาน ” จ่าหมง ตะโกนสำทับ 

แก๊สน้ำตาฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น สองไอ้โม่งรีบดำเนินการวิ่งหาพยาน เพื่อเก็บตามคำสั่ง จ่าทั้งสองคน และพวกตำรวจ แสบตากันหมด ทำอะไรไม่ถูก..ไอ้โม่งรีบทำงานแข่งกับเวลา จ่ามิ่งกับจ่าหมง รีบวิ่งออกมาจากบริเวณนั้น ตำรวจบางคนถูกทำให้สลบ งานนี้ไม่ใช้ปืนเพราะอยากเก็บแบบเงียบๆ

ไอ้โม่งที่เป็นหัวหน้า ถีบประตูห้องหนึ่งเข้าไปเพราะเห็นมีตำรวจเฝ้าอยู่หน้าห้อง เห็นคนนอนอยู่บนเตียง ก็รีบใช้ปืนเก็บเสียงยิงไปสองนัดแล้ววิ่งเข้าไปดูผลงาน แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆต้องผิดหวัง เพราะมันกลายเป็นหุ่นปลอมที่ อัธวุฒิทำหลอกเอาไว้ ไอ้โม่งหัวเสีย ตกใจ รีบวิ่งออกไปจากห้องนั้น ส่วนลูกน้องอีกคน ก็ถูกหลอกเช่นกัน เหมือนลูกพี่ ทั้งสองคนรีบวิ่งออกมา..จ่าหมงกับจ่ามิ่ง วิ่งสวนเข้าไป เห็นเงาคนแว่บๆ ผ่านหน้า ก็ยิงสวนเข้าไป ฝั่งไอ้โม่งก็ยิงสวนออกไปเช่นกัน คราวนี้ไม่เงียบอย่างที่คิดแล้ว มีการยิงต่อสู้กัน อยู่พักใหญ่ ไอ้โม่งสองคนมองหาทางหนี ควันแก๊สน้ำตาเริ่มจางหาย เห็นตัวคนชัดขึ้น ไอ้โม่งทั้งสองก็เลยถอดที่กันแก๊สออก

จ่าทั้งสองคน และตำรวจที่เหลืออยู่ กระจายล้อมโรงพยาบาล เต็มไปหมด ส่วนไอ้โม่งสองคนพอเห็นว่ามีทางหนีก็ส่งสัญญานให้หนีคนละทาง โดยใช้ระเบิดส้มเกลี้ยงเปิดทาง ไอ้โม่งที่เป็นหัวหน้าเห็นบันไดหนีไฟหนีได้แน่เป็นทางออก จึงค่อยๆ กลิ้งส้มเกลี้ยงไปที่พื้นไปหาตำรวจที่ซุ้มอยู่ตรงบริเวณนั้น จ่าหมงอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

“ เอ้ย ระเบิด หลบ ” ไม่ทันขาดคำเสียงดัง < ตูม > จ่าหมงเกือบไม่รอด หาที่หลบทัน แล้วไอ้โม่งคนนั้นก็ได้โอกาสหนีไป ส่วนอีกคนหนึ่ง ก็เห็นประตูหลัง ซึ่งมีจ่ามิ่งซุ้มอยู่ มันโยนระเบิดพร้อมกัน 2 จุด จึงหนีกันไปได้ จ่าทั้งสองเกือบเอาชีวิตไม่รอด พอควันระเบิดจางลง จ่ามิ่งลุกขึ้นมาแล้วก็เดินกึ่งวิ่งไปหาจ่าหมง 

“ ไงหละ ความรู้สึกจ่า แหม มันจะแม่นอะไรขนาดนั้น ” จ่าหมง ทำหน้าไม่ถูก

“ มีใครเป็นอะไรบ้างไหม ” จ่ามิ่งหันไปถามพวกที่เหลือ        

“ ไม่รู้เหมือนกันครับจ่า แต่เท่าที่รู้ เหลือไม่ถึง 10 คน ” หมู่คนหนึ่งพูดขึ้นมา

“ พยาน ” จ่าหมงนึกขึ้นมาได้ แล้วก็รีบวิ่งไปดูที่ห้องทั้ง 2 สภาพที่เห็นคือ ตำรวจหลายนาย สลบล้มฟุบอยู่กับพื้น เต็มทางที่ไปห้องของพยาน โรงพยาบาลวุ่นวายไปหมด คนวิ่งกันวุ่น

จ่ามิ่ง เข้าไปดูห้องของลีซอ ส่วนจ่าหมงเข้าดูที่ห้องของอีกคนที่ยังไม่รู้ชื่อ และทั้งสองคนต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าบนเตียงนั้นไม่ใช่คน แต่กลับเป็นหุ่นผ้าที่ทำเลียนแบบคล้ายคนมาก ถ้าไม่สังเกตุ

“ หุ่น ” จ่าหมงและจ่ามิ่งอุทานออกมาพร้อมกัน แล้วก็เดินออกมาเจอกันหน้าห้องทั้งสอง

“ นี่มันอะไรกันเนี่ยมิ่ง” จ่าหมงถาม จ่ามิ่งแบบ งง

“ ข้าก็ไม่รู้ ” จ่ามิ่ง ตอบแบบไม่รู้จริงๆ

“ ตลอดเวลาเนี่ย เราเฝ้าหุ่นที่ไม่มีชีวิตอยู่เหรอเนี่ย ” จ่าหมงบ่น พอได้สติ ก็รีบโทรหา ผู้กำกับอัธวุฒิ

ประมาณ 23.15 น. < เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น > ขณะที่กลุ่มของอัธวุฒิ กำลังนั่งคุยกันอย่างเฮฮามีความสุข

“ สวัสดีครับ ” อัธวุฒิรับสาย

“ ผู้กำกับ เราโดนจู่โจมแบบกะทันหัน ไม่ได้ทันตั้งตัวเลยครับ ” จ่าหมง รายงานแบบตกใจ

“ อะไรนะ ” อัธวุฒิตกใจ “ แล้วพยานหละ เป็นอะไรมากไหม ” อัธวุฒิ รีบถามด้วยความกังวล

“ ผมตอบไม่ถูกครับผู้กำกับ คือถ้าอยากรู้ ผู้กำกับต้องมาดูเอาเองด้วยตาหนะครับ ” อัธวุฒิ งง

“ เกิดอะไรขึ้นรึผู้กำกับ ” ผบ.ตร. ถามด้วยความอยากรู้ แล้วอัธวุฒิ ก็วางสายโทรศัพท์

“ จ่าหมงบอกว่า มีคนมาจู่โจมกะทันหันเพื่อมาเก็บพยาน ” 

“ แล้วนายทำท่าตกใจ อะไรหละ ”

“ ก็จ่าหมงพูดอะไรแปลกๆ ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าอยากรู้ให้ผมไปดูเองด้วยตา ”

“ เอ้า ถ้างั้นก็ไปซิจะมัวรออะไรอยู่หละ ไป ” ผบ.ตร. และคนทั้งหมดก็รีบไปที่เกิดเหตุ

***** ----- *****

ณ.โรงพยาบาล ที่เกิดเหตุ ไม่นานนัก ผบ.ตร. อัธวุฒิ เพ็ญ และ เผด็จ มาถึง ได้มองดูสภาพที่พังยับเยิน และความวุ่นวายเล็กน้อยภายใน มีคนบาดเจ็บพอประมาณ ทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชรา

เมื่อทั้ง 2 จ่าเห็นเผด็จถึงกับอึ้งอีกครั้ง “ ท่านรองฯ ” เขาพูดพร้อมกัน

“ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ” เผด็จบอกทั้ง 2 คน

“ ไหนมันมีอะไรเหรอจ่า ถึงบอกผมไม่ได้ ต้องให้ผมมาดูเอง ” อัธวุฒิ ยิงคำถามใส่ด้วยความอยากรู้

“ นี่เลยครับ ” จ่าหมงรีบพาไปดูหุ่นผ้าทั้งสองตัวที่นอนอยู่บนเตียง

“ หุ่นผ้า ” อัธวุฒิ อุทานออกมา นิ่งไปพักนึง

“ ห้องโน้นก็เหมือนกันครับ ผู้กำกับ ” จ่ามิ่งรายงาน

“ แล้วนี่มันคืออะไร มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง แล้วพยานตัวจริงของเราไปไหน หายไปได้ยังไง ” 

“ ผมสองคน ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ” จ่ามิ่งตอบแบบงง

“ ผมกับจ่ามิ่ง ยังปรับทุกข์กันอยู่เลยครับท่าน ว่านี่เราโดนหลอกให้เฝ้าหุ่นกันเหรอเนี่ย ” จ่าหมงบ่น

“ แล้วมันยังไงกัน ผู้กำกับ ” ผบ.ตร. ยิงคำถามใส่อัธวุฒิ

“ มีใครพอที่จะตอบคำถามนี้ให้ฉันเข้าใจได้บ้างไหม ”

“ มีครับ ” เสียงของเผด็จ ดังสวนขึ้นมา ทุกคนหันไปตามเสียงเห็นเผด็จยืนกอดอกพิงประตูห้องอยู่

“ ยังไง ” ผบ.ตร. ถามเผด็จ

“ ผมเองแหละที่เป็นคนเปลี่ยนตัวพยาน ” แล้วเผด็จ ก็เดินเข้ามาในห้องที่ทุกคนยืนอยู่ เล่าท้าวความย้อนหลังถึงแผนอันลึกล้ำของเขาให้กับทุกคนฟัง โดยมีคนช่วยอยู่เบื้องหลัง < ภาพย้อนอดีต >

“ ผมให้พยาบาลรุ่นน้องของผมที่ชื่อ เกศินี สับเปลี่ยนระหว่างคนกับหุ่น ตอนที่เข็นผู้ป่วยเข้าห้อง ICU. โดยที่ไม่มีใครสังเกต หมอกับพยาบาลเป็นคนของผม เราทำงานกันเป็นทีม แล้วเราก็บอกกับทุกคนว่า ห้ามให้ใครเข้าไปเยี่ยม จนกว่าคนไข้จะฟื้น ในวันพรุ่งนี้ ”

“ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ” ผบ.ตร. อุทานออกมา “ นึกไม่ถึงจริงๆ นับถือๆ ” ผบ.ตร. ยิ้มแบบมีความสุข 

“ สุดยอดเลยท่านรองฯ ” จ่ามิ่ง กล่าวเสริม

“ แล้วคุณอารู้ได้ยังไงคะ ว่าพวกนั้นจะมาคืนนี้ ” เพ็ญสงสัยเป็นอย่างมาก

“ มันก็เดาไม่ยาก ที่เกาะตอนที่พวกมันล้อมอาอยู่ แล้วอาก็หนีพวกมันมาได้ เมื่อมันเก็บอาไม่ได้ มันก็ต้องมาเก็บคนที่เหลือรอดมาได้แทน เพื่อความมั่นใจว่า จะไม่มีใครหลงเหลือเพื่อสาวความชั่วพวกมันออกมาได้อีก < ภาพย้อนอดีต > พอสับเปลี่ยนเสร็จ อาก็คิดว่าจะไปหาอัธวุฒิ ที่คอนโด พอดีอาเห็น พี่เชี่ยว ชวนอัธวุฒิไปที่บ้าน อาก็เลยเปลี่ยนแผน และล่วงหน้าไปรอทุกคนที่บ้านเลย ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก ” 

“ มิน่าหละนึกแปลกใจแม่นมอยู่แล้วว่า วันนี้ทำไมถึงยิ้มแปลกๆ และจัดโต๊ะอาหารเกินจำนวนจากความเป็นจริง เจ้าเล่ห์จริงๆ เลย คนอะไร ” เพ็ญต่อว่าเผด็จ แล้วก็เอานิ้วชี้ปาดไปที่ปลายจมูกเผด็จ

“ ไม่ได้เจ้าเล่ห์ เขาเรียก รอบคอบจร้าสาวน้อย ” เผด็จก็เอาคืน แต่เผด็จเอามือบีบจมูกเพ็ญแทน

แล้วก็หัวเราะกันพักนึง..อัธวุฒิถามเผด็จต่อ เพราะอยากรู้ว่า พยานทั้ง 2 คน ตอนนี้อยู่ไหน

“ เดี๋ยวเฮีย ” อัธวุฒิ เอื้อมมือไปสะกิดเผด็จ “ แล้วตอนนี้ 2 คนนั้นอยู่ไหนหละ ”

“ ตามมา ” เผด็จ ยกมือบอกให้ตามเขาไป ทั้งหมดก็ลุกตามไปเป็นขบวน เพ็ญเกาะแขนเผด็จไม่ห่างเหมือนกลัวจะหายไปอีก ทุกอากัปกิริยาของเพ็ญ อัธวุฒิสังเกตุอยู่ตลอดเวลาและเกิดปมในใจขึ้นมาทันทีตั้งแต่เผด็จกลับมาว่า เพ็ญชอบเผด็จอาของตัวเองเหรอ หรือว่าแค่เด็กที่ติดของเล่นเท่านั้น และเผด็จชอบเพ็ญไหม อยู่ดีๆ เขาก็มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง เขาบอกกับตัวเอง หรือว่าเราชอบเพ็ญเด็กผู้หญิงน่ารักคนนี้ซะแล้ว

ระหว่างที่เดินตามกันมา เข้า/ออกลิฟท์ อัธวุฒิและผบ.ตร. ก็เริ่มสังเกตว่า พวกเรากำลังจะเดินทางออกจากโรงพยาบาลแน่นอน อยากจะเอ่ยปากถามเผด็จ แต่ก็ไม่กล้า ก็เลยต้องเงียบเอาไว้ก่อน เก็บความอยากรู้ไว้ที่หลัง 

เผด็จ บอกให้ทุกคนขึ้นรถ รถใครรถมัน ตามความพอใจ แน่นอนที่เพ็ญยังเกาะติดคุณอาของเธออยู่ อัธวุฒิก็เลยขอขับรถไปเอง จ่าหมง จ่ามิ่งขอไปด้วย เผด็จ เพ็ญ และ ผบ.ตร. ไปคันเดียวกัน และที่เหลือก็พวกพลตำรวจ รวมแล้วประมาณ 3-4 คัน และก็ขับตามกันออกไป จากโรงพยาบาลกลางดึกนั่นเอง

***** ----- *****

ฟ้าสาง จนรุ่งเช้า ขบวนรถของเผด็จก็ขับตามกันมา เผด็จ พาทุกคนมาถึงที่ซ่อนตัวของสองพยาน ที่กาญจนบุรี รถเลี้ยวเข้ามาจอดในหุบเขาแห่งหนึ่ง มองภายนอกผิวเผินคล้ายรีสอร์ทดีๆ นี่เอง แต่แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่ 

ทุกคนลงจากรถ แล้วไปต่อแบบไม่หยุดพักกันเลย ทุกคนก็ยังเดินตามเผด็จแบบไม่ห่าง เผด็จเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง แล้วก็หยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เสียบเข้าไปที่ช่องข้างกำแพง ประตูเลื่อนออก ภายในเป็นห้องปฏิบัติการลับของเขานั่นเอง มีอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมฯ อุปกรณ์ที่เรียกว่าไฮเทคต่างๆ เขามีหมด คนทำงานในห้องนี้อยู่มีพอประมาณ

ทุกคนอึ้งและตะลึงกับภาพที่ได้เห็น เพราะทุกคนยืนทำความเคารพเผด็จตลอดทาง ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ต้องเจอ ทุกคนเดินตามเผด็จไปเรื่อยๆ สายลับ สายสืบของเผด็จส่วนใหญ่จะรวมตัวอยู่ที่นี่หมด แต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าพวกนั้นคือใครบ้างถ้าไม่แนะนำตัวกันให้รู้จัก สักพักเผด็จมาหยุดยืนที่หน้าห้องหนึ่ง แล้วก็เอาบัตรเสียบเข้าไปที่ช่องข้างประตู ประตูเลื่อนออก ก็พบกับพยาบาลเกศินี ยืนรอเผด็จอยู่ พร้อมด้วยบันทึกรายงานการรักษา  

“ เป็นไงบ้างเกศ ” เผด็จเดินเข้าไปหาเกศ และได้สะกิดเพ็ญ ขอตัวทำงานก่อน เพ็ญก็เลยปล่อยมือจากแขนเผด็จไปหาที่นั่งแถวนั้น เผด็จเดินไปดูอาการของพยานทั้งสองคนว่าเป็นเช่นไรบ้าง

“ ตอนนี้คิดว่าไม่เป็นอะไรแล้วหละ เกศสังเกตอาการแล้ว ไม่น่าจะเป็นห่วงอะไรสำหรับภายนอก แต่ภายในเนี่ยค่อนข้างหนักใจ ” เกศรายงานผลให้เผด็จแบบละเอียดยิบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเผด็จ ถึงไม่ได้มีทีท่าว่าจะกลัวอะไรเลยเหมือนคนอื่นๆ แล้วเผด็จก็หันไปแนะนำเกศินีให้กับทุกคน

“ ทุกคนครับ ” ทุกคนรอฟังอยู่ 

“ นี่คือ คุณเกศินี พยาบาลคนเก่ง ที่ช่วยสับเปลี่ยนพยานให้กับพวกเราครับ ” ทุกคนปรบมือให้

“ ขอบคุณค่ะ เรื่องเล็กน้อย ยินดีช่วยเหลือค่ะ ” แล้วก็โค้งคำนับรับการขอบคุณจากทุกคน

“ สวยก็สวย เก่งก็เก่ง ถ้าเป็นเพ็ญนะคะ ทำไม่ได้หรอก ” เพ็ญรีบชมเอาหน้าก่อนใคร

“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ” เกศ รีบออกตัวและเดินหลบฉากไป

“ เกศทำงานอยู่ที่นั่นพอดี ผมก็เลย แค่ขอความช่วยเหลือ และพามาดูแลรักษาที่นี่ก็เท่านั้นหละครับ ”

“ อืม..ขอบใจนะที่รอบคอบ และมองเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ขาด ขนาดนี้ ” เชี่ยว ชมเผด็จ

“ แล้วอาการของไอ้ 2 คนนั่นเป็นไงบ้าง ” เชี่ยว เดินเข้ามาถามเผด็จ ด้วยสีหน้าแจ่มใส

“ ปลอดภัยทั้งคู่แล้วครับ จะมีก็แต่อีกคนที่ยังไม่รู้ชื่อว่าเป็นใคร เพราะมันพึ่งได้สติ ส่วนอีกคนชื่อ ลีซอ เป็นชาวม้ง ขาซ้ายมันหัก เราก็ดามเหล็ก และก็ใส่เผือกให้มันเรียบร้อยแล้ว ” เผด็จ อธิบายให้เชี่ยวฟัง ละเอียดยิบเหมือนกับที่ เกศินี รายงานเขาทุกคำเหมือนลอกการบ้านกันเลยก็ว่าได้

พอเชี่ยวสบายใจ ก็นึกขึ้นมาได้เดี๋ยวจะลืมถาม ก็เลยหันไปถามน้องชายตัวเอง            

“ ว่าแต่ แกเถอะไอ้เต๋า ไหนบอก ฉันซิว่าไปไงมาถึงได้ แว่บไปแว่บมา แล้วไปมาสร้างไอ้อะไรต่อมิอะไรที่นี่ได้ ฉัน งงไปหมดแล้ว ” ผบ.ตร. เดินไปโอบไหล่น้องชาย แล้วพาเดินมานั่งที่โซฟา ตัวที่เพ็ญนั่งอยู่

เพ็ญกระเถิบให้เผด็จนั่ง และไม่ลืมที่จะเกาะหนิบที่แขนขวาของเผด็จอีกเช่นเดิม และก็อีกแหละ มันก็ไม่พ้นสายตาของอัธวุฒิ ที่ดันอุตส่าห์มองเห็นภาพบาดตาเช่นนั้นอีก เขาจึงเบือนหน้าหนีไม่มอง โดยทำท่ามองไปทางอื่น หันไปหาจ่าทั้ง 2 คนที่กำลังนั่งพักผ่อน และพวกตำรวจที่ตามมาทั้งหมด             

“ ที่เห็นอยู่ทั้งหมดนี่นะเหรอพี่ ” เผด็จตอบแบบกวนๆ 

“ ใช่ ” เชี่ยวถามด้วยความอยากรู้

“ มันก็เงินพี่ทั้งนั้นแหละ ” เผด็จ ตอบแบบหน้าตาเฉย แล้วก็แบมือทั้งสองออก พร้อมยิ้มแบบไม่เปิดปาก

“ ห๊า !! ” เชี่ยว อุทานออกมาเสียงดังมาก “ ไอ้เต๋า เอ็ง ” เชี่ยว ยกมือขวาแล้วชี้ไปที่หน้าของเผด็จ

เพ็ญหัวเราะออกมาดังมาก แบบกลั้นไม่อยู่ < 5555555555+> จนทุกคนต้องหันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

****** ----- *****

รุ่งเช้าที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใน กทม. ผู้คนออกมาวิ่งออกกำลังกายกันมากมายมากหน้าหลายตา จ่าหมูและจ่าสน ก็ออกมาวิ่งเช่นกัน เพื่ออำพรางตัว จุดมุ่งหมายก็คือ มาส่งข่าวที่ต่างคนต่างสืบได้มาแลกกันโดยมาในคราบของนักวิ่งออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ และใครจับได้ สักพักทั้งคู่ก็มานั่งพัก หันหลังชนต้นไม้คนละด้านต้นหนึ่งในสวนนั้น พร้อมทั้งยกขวดน้ำลาดไปที่หน้าเพื่อล้างและดื่มไปพร้อมๆ กัน ให้หายเหนื่อยทางอ้อม

“ พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า จะมีการวางระเบิดที่โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ” จ่าสน พูดขึ้นมาก่อน

“ ทำไมมันไม่ตรงกันวะ” จ่าหมู แทรกขึ้นมา

“ ข้าว่าของข้า Sure นะไอ้หมู ” จ่าสน พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

“ แต่เท่าที่ข้าได้ยินมา มันไม่ใช่อย่างนั้นนะซิ ” จ่าหมู ก็มั่นใจในข่าวของตัวเอง 

“ แล้วมันยังไงวะหมู ข่าวแกเป็นไง ไหนลองบอกมาซิ ” 

“ ของข้า พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า จะมีการวางระเบิดที่โรงเรียนสวนกุหลาบ ปากคลองตลาด ”

“ อ้าว แล้วตกลงมันยังไงกันแน่วะ ข้าก็ว่าของข้ามีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้นะ ” จ่าสน ยังยืนยัน

“ เอางี้ เพื่อความแน่ใจ พวกเราสองคนแยกกันไปสืบอีกที แล้วค่อยเจอกันใหม่อีกทีเย็นนี้ ”

“ เคร ได้เลยเพื่อน ” จ่าสน รับคำเพื่อน หลังจากที่ จ่าหมูออกความเห็น แล้วก็ลุกขึ้น แยกกันวิ่งต่อไป

\\\\\ ----- /////

ณ.สถานที่อันลึกลับ และซับซ้อน ขององค์กรลึกลับ ซึ่งมีธง รูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว เป็นสัญลักษณ์ ปรากฏอยู่ หัวหน้าองค์กรลับ ( ฉัตรเทพ ) กำลังรับฟังคำอธิบายของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่า ( สัตยา ) ที่เป็นลูกน้องคนสนิทของเขา มารายงานการปฏิบัติงาน พร้อมฟังคำแก้ตัวที่ทำงานพลาดทั้ง 2 ครั้งในเวลาติดๆ กัน

“ ว่าไง สัตยา งานที่ให้ไปทำ ได้ข่าวว่า ล้มเหลวหมดทั้ง 2 งานในวันและเวลาเดียวกัน มันเป็นยังไง ”

จากน้ำเสียงที่เรียบง่าย ก็กลายเป็นน้ำเสียงที่ดุดัน ขึ้นมาทันที และเอามือตบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง สัตยา ยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร 

“ ไหนลองอธิบายมาให้ฉันฟังโดยละเอียดทีซิว่า ทำไม ” ฉัตรเทพ หัวหน้าองค์กร ไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ ข้าไม่นึกว่า พวกเราจะโดนไอ้เผด็จ มันหลอกครับนาย ” สัตยา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ หลอก ” ฉัตรเทพ พูดทวนด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ ถุย ” ฉัตรเทพ สบถคำนี้ออกมาต่อหน้า สัตยา

“ แกโง่ หรือว่า มันฉลาดกว่าแก กันแน่วะ สัตยา ” ฉัตรเทพ ชี้ไปที่หน้า สัตยา ต่อบรรดาพวกลูกกระจ๊อกทั้งหลายที่นั่งเรียงรายกันอยู่นับสิบคน

“ ไปกันเป็นสิบยี่สิบคนไปทำไม ไม่สามารถเอาชนะและเอาชีวิตมันได้ ฉันว่า ถึงเอาไปเป็นร้อย ก็คงเหลวเอาชนะไม่ได้หรอก และยังจะมาคุยอีกว่าโดนมันหลอก ฝีมือแกมันตกไปมากนะ สัตยา ” ฉัตรเทพ โมโหมากเล่นงานสัตยาซะเละเป็นโจ๊กเลย พวกลูกกระจ๊อกทั้งหลายก็ก้มหน้า และเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

“ แล้วคราวนี้จะทำยังไงต่อไปหละ ไหนบอกฉันมาซิ ” ฉัตรเทพ อยากจะรู้ความคิดของ สัตยา

“ เรายังมีไม้ตาย เพื่อต่อรอง กับมันอยู่ไงครับนาย ” สัตยา แสดงความคิดที่คิดว่าดีออกไปให้ ฉัตรเทพ

“ อะไร ไหนแกว่าไป ” ฉัตรเทพ อยากรู้สิ่งที่ สัตยา เสนอมา

“ ก็แม่และลูกของมันทั้ง 2 คนไงหละครับนาย นายลืมไปแล้วเหรอ ” ฉัตรเทพ ยิ้มขึ้นมาได้

“ เออ!! ใช่ๆ ฉันลืมไปสนิทเลย ” ฉัตรเทพ ยิ้มออก และยกมือซ้ายขึ้นชี้ไปข้างหน้า

“ นายจะกลัวไปทำไม พรุ่งนี้แล้ว ที่จะครบกำหนดเวลาที่เรา ยื่นข้อเสนอกับพวกนักุรกิจ และไอ้เผด็จ ”

“ ดีมาก ถ้างั้นแกจัดการตามแผนต่อได้เลย เดี๋ยวฉันจะออกไปทำความดีกับประชาชนคนจนๆ ตาดำๆ สักหน่อย เผื่อจะได้ข่าวคราวอะไรดีๆ ผ่านเข้ามาบ้าง ” สั่งงานเสร็จ ฉัตรเทพ ก็ลุกเดินออกไปจากห้องทันที

“ ไปพวกเรา นายเปิดไฟเขียวแล้ว เตรียมอาวุธ และตัวประกันให้พร้อม ดูซิว่ามันจะเก่งได้อีกสักเท่าไหร่ ถ้าแม่กับลูกมันไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว บนโลกนี้ ” พูดเสร็จ ก็รีบพากันออกไปดำเนินการต่อตามแผนทันที 

>>>>> ***** <<<<<

เช้าๆ อากาศดีแบบนี้ สาวๆ หลังจากตื่นขึ้นกันมาแล้วก็คงจะทำโน่นทำนี่ตามประสา ชีวิตประจำวันของตัวเอง โบว์ 1 ในสามสาวนักฆ่า ก็เช่นกัน เธอก็ใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากตื่นและออกไปวิ่งออกกำลังกาย กลับเข้ามาที่คอนโด เปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นๆ ทาน แล้วก็ฮัมเพลงแบบสบายใจ แล้วก็ตะโกนเรียกพี่สาวตัวเอง      

“ พี่เบ็นซ์ พี่เบ็นซ์ ตื่นยาง ” เงียบ ??? ไม่มีเสียงตอบ เธอก็เลยวางแก้วน้ำบนโต๊ะ แล้วก็เดินขึ้นไปดูพี่สาวในห้องนอน..พอถึงหน้าห้อง เธอก็ค่อยๆ แง้มประตูแล้วเปิดเข้าไป เบ็นซ์ กำลังนอนหลับอย่างสบาย เธอก็แกล้งเพื่อจะให้เบ็นซ์ตื่น เธอค่อยๆ เอาเส้นผมที่ยาวสลวยของเธอ จับปลายผมแหย่เข้าไปในรูจมูกของ เบนซ์ .. เบ็นซ์เอามือปัดที่จมูกแล้ว < ฮัดเช้ย > เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นเป็นน้องสาวจอมแก่นของตัวเอง ก็เลยโวยวาย

“ ไอ้โบว์ ” เบนซ์ ทำหน้าอารมณ์เสีย “ มาปลุกพี่ทำไม นอนยังไม่อิ่มเลย ”

“ เอ้า แล้วใครจะไปรู้หละว่าตัวเองนอนขี้เซา ไม่ตื่น ” น้องสาว พูดแหย่เล่น

“ ก็เมื่อคืน งานพี่เลิกดึกมาก ถ่ายแบบกับพวกคุณหนูไฮโซทั้งหลาย เบื่อมากๆๆๆๆ ” เบนซ์ ลากเสียงยาว

“ คุณหนูทั้งหลาย เซ็ง ต้องเจออีก ” แล้วเบนซ์ ก็เปิดผ้าห่มออกค่อยๆ ลุกขึ้นออกจากเตียง โบว์ก็หลีกให้

“ แม่เจ้าประคุณ เจ้าระเบียบมาก ” ลุกมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง เอามือซ้ายเสยผมตัวเองแล้วหาว “ เอ้ย ” เอามือปิดปาก สลัดหัวไปมา โบว์ก็ทำทะเล้น มองตามเบนซ์ไปมา เบนซ์ ก็ยกมือซ้ายขึ้น แล้วก็เอานิ้วชี้ จิ้มไปที่หน้าผากโบว์ แล้วก็ดันออกไป

“ ไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยววันนี้จะมีถ่ายต่ออีก ไปหละ ” แล้วเธอก็ผละจากน้องสาววิ่งเข้าห้องน้ำไป แล้วโบว์ก็เดินออกมาจากห้องพี่ กำลังจะเดินลงบันได ก็นึกขึ้นได้ว่า ยังมีอีกคนหนึ่งนี่นา คิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบถอยกลับแล้วค่อยๆ ย่องไปที่ห้องนั้น 

เมื่อถึงหน้าห้อง เธอก็ทำเช่นเดิม คือค่อยๆ แง้มประตูแล้วโผล่หัวเข้าไป หันซ้ายแลขวา หารู้ไม่ว่า มีคนหลบอยู่หลังประตู แล้วเธอก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปที่เตียงนอน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังย่องตามหลังเธอไปเช่นกัน พอโบว์กำลังจะเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมา เธอก็ต้องสะดุ้งตกใจ ก่อนที่มือเธอจะถึงผ้าห่ม

“ Wow ” เสียงดังขึ้นจากข้างหลังเธอ

“ ว๊าย ” เสียงอุทานของเธอดังลั่น แล้วก็ล้มตัวลงไป หน้าคว่ำแผ่หลาบนเตียงเต็มๆ สองมืออ้าออกเต็มที่

เสียงหัวเราะ < 555555+ > แล้วก็เดินไปที่โบว์ ค่อยๆ ดึงโบว์ขึ้นมา แล้วก็นั่งลงข้างๆ                

“ พี่แป๋ว ” โบว์ ทำเสียงเหมือนงอน

“ โอ๋ๆ ไม่งอนนะ น้องสาวที่น่ารักของพี่ โอ๋ๆ พี่ล้อเล่น ” แป๋ว ขอโทษ แต่รู้ทันน้องสาวคนนี้ว่าเธอจะทำอะไร แต่ก็ไม่โกรธ โบว์ ก็สวมกอดแป๋ว แล้วก็อ้อนเหมือนเดิม

“ หนูไม่งอนพี่แป๋วก็ได้ แต่ต้องมาให้หนูหอมก่อน ” แล้วโบว์ก็หอมแก้มแป๋วทั้ง 2 ข้าง และก็เดินออกจากห้องลงไปข้างล่างพร้อมกัน

แม่บ้านของ 3 สาว กำลังทำความสะอาดพื้นห้อง แป๋วกับโบว์เดินลงมา เธอก็ยิ้มให้ทั้งสองคน สักครู่ เบนซ์ก็เดินตามลงมา พึ่งสระผมเสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยแต่ถือผ้าเช็ดตัวเช็ดผมลงมา แล้วก็มาพาดไว้แถวนั้น แม่บ้านก็เก็บไปใส่ตระกร้าไว้เพื่อเอาไปซัก แล้วเบนซ์ก็เปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มในกล่องมาเทใส่แก้ว และก็หันหน้าไปถามแป๋ว 

“ แป๋ว วันนี้แกจะไปเปิดร้านกี่โมง ” แล้วก็มานั่งที่โต๊ะอาหาร

“ ก็สายๆ กะว่าจะไปซื้อของใส่ร้านสักหน่อย แกมีไรเหรอ ” แป๋วก็เดินไปหยิบแซนวิชทานพร้อมนมสด

และเดินไปนั่งตรงข้ามเพื่อน โบว์ก็ยืนทำแซนวิชที่เคาเตอร์อยู่อย่างมีความสุข แล้วก็เดินมานั่งข้างๆ พี่สาว และก็ส่งแซนวิชให้ และก็ยกแก้วน้ำส้มเบนซ์ดื่ม เบนซ์ ตีมือโบว์ที่ชอบแหย่มาหยิบน้ำส้มเขาทานได้ไง       

“ คือวันนี้ฉันมีถ่ายแบบตอนสายๆ หนะ แต่โทรศัพท์ฉันไม่ค่อยจะดี มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ก็ว่าจะฝากแกไปให้ช่างที่ร้านแกดูให้หน่อย แล้วเย็นๆ ฉันจะแวะไปเอา ได้ไหม ” แล้วก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าให้เพื่อน

“ ได้เลย เครงั้นฉันไปก่อนนะ ” แล้วแป๋วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะออกจากคอนโด ก็หันไปเรียกแม่บ้าน 

“ พี่หอม ” แม่บ้านหันมา กำลังยุ่งอยู่ เพราะกำลังเอาผ้าเข้าเครื่องซักผ้า 

“ มีไรคะ คุณแป๋ว ” ถามทั้งๆ ที่กำลังยุ่ง

“ ชุดราตรีของหนู ถ้ารีดเสร็จแล้ว พี่แขวนไว้ให้หนูข้างนอกนะ ไม่ต้องเอาใส่ตู้ เดี๋ยวหนูหาไม่เจอ ”

“ ได้เลยคะคุณแป๋ว สบายใจได้ ” พอสั่งงานเสร็จแป๋วก็เปิดประตูออกจากห้องไป

“ แล้วพี่เบนซ์หละ จะออกไปรึยัง หนูจะได้ติดรถออกไปด้วย ” โบว์พูดทั้งๆ ที่ยังคี้ยวแซนวิชอยู่

     “ ไปเลย อิ่มแล้ว ” พอเบนซ์อิ่มก็ลุกไปเลย โบว์รีบทานแซนวิชที่เหลือวางแก้วน้ำส้ม แล้ววิ่งตามไป             

***** +++++ *****

ณ.ฐานลับของเผด็จ อัธวุฒิและสองจ่า ยังคงอยู่ ส่วน ผบ.ตร. กับเพ็ญได้เดินทางกลับ กทม.ไปเรียบร้อย อัธวุฒิเข้าไปสอบปากคำ ลีซอ เพราะฟื้นและมีสติก่อน ส่วนอีกคนยังไม่ฟื้น จ่าหมงกับจ่ามิ่งเฝ้าอยู่

“ เราชื่อ ลีซอ ใช่ไหม ” ลีซอ นอนพักรักษาตัวบนเตียงสภาพที่ขาซ้ายใส่เผือกดามเอาไว้ พร้อมกุญแจมือที่มือขวาล๊อคติดกับขอบเตียง ส่วนแขนซ้ายก็มีขวดน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่

“ คราวนี้พอจะบอกฉันได้รึยังว่าใครจ้างพวกนายไปที่เกาะเพื่อถล่มพวกฉัน ” อัธวุฒิพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

“ ก็อย่างที่ข้าบอกไปแล้วเบื้องต้นหละนาย ” ลีซอยังยืนยันคำพูดเดิม 

“ แล้วแบบนี้ หมู่บ้านนายไม่แย่เหรอ ในเมื่อนายทำงานให้เขาไม่สำเร็จ ” อัธวุฒิ พยายามใช้จิตวิทยาหวานล้อม ลีซอ และก็สังเกตดูอากัปกิริยาตลอดเวลาว่า ลีซอ โกหกเขาอยู่ไหม ทั้งสายตาและคำพูด จับพิรุธทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

“ ก็ในเมื่อนายเคยบอกฉันว่า ถ้าทำไม่สำเร็จ หมูบ้านนายจะเดือดร้อน ”

“ ข้ามาแล้ว ไม่ได้ผิดคำสัญญา ส่วนงานจะสำเร็จหรือไม่ เรื่องนี้ข้าไม่รู้ ” พูดจบ ลีซอก็หลับตา 

“ แต่เรื่องอื่น ข้าไม่รู้จริงๆ ” พูดทั้งๆ ที่หลับตา สักพักพอนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาก็ลืมตาโพงขึ้นมา

“ นาย ” ลีซิอุทานออกมา อัธวุฒิ หันไปถาม

“ อะไร ตกใจหมด ” ลีซอ หันมามองหน้าอัธวุฒิ แล้วบอกว่า “ มี มี ระเบิด ” 

“ ระเบิด ระเบิดอะไร ที่ไหน” อัธวุฒิ ลุกขึ้น แล้วมองไปที่ ลีซอ

“ ข้าจำได้ว่า ไอ้คนที่มันมาติดต่อข้า มันบอกว่า มันมีงานพิเศษให้ทำ จะทำไหม ข้าก็บอกว่าได้ เป็นงานวางระเบิดอะไรนี่แหละ”

“ จริงซิ ระเบิด ฉันลืมไปเลย ” แล้วก็ลุกเดินออกจากห้องไปหาเผด็จ ก่อนจะเดินพ้นประตูห้อง ลีซอก็ได้พูดออกมาประโยคหนึ่ง

“ นี่ถ้านายไม่ดีกะข้า ข้าไม่บอกหรอกนะ ถือว่าข้าทดแทนบุญคุณให้นายก็แล้วกัน ”

อัธวุฒิ หันมาแล้วก็ยิ้มให้ และพูดสั้นๆ “ ขอบใจ ” ชูนิ้วชี้และกลางติดกัน ชนคิ้วขวาแล้วยกขึ้น เดินหายไปจากตรงนั้น และตรงไปหาเผด็จที่กำลัง ออกกำลังกายอยู่ในห้องยิม เมื่อถึงหน้าห้องก่อนเข้าไป ก็เคาะกระจกนิดๆ

“ เฮีย ” อัธวุฒิ เรียกเผด็จ เผด็จ กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง

“ มีไร ” เผด็จปิดเครื่องและเดินลงมา พร้อมกับเช็ดเหงื่อที่หน้า

“ เรื่องระเบิดวันพรุ่งนี้ ผมว่า เราพอจะรู้เบาะแสบ้างแล้วหละ ”

“ เหรอ ” อัธวุฒิพยักหน้ารับ 

“ ตามผมมา ” แล้วเผด็จก็เดินตามอัธวุฒิไป ระหว่างทาง อัธวุฒิ เคาะกระจกเรียกสองจ่าให้ตามมาด้วย

อัธวุฒิ พาทุกคนมาหา ลีซอ ซึ่งกำลังหลับสบาย หลังจากทานยา แต่อัธวุฒิก็ไม่สนใจ เขย่าตัวลีซอจนตื่น

“ ลีซอๆๆๆ ” ลีซอ ลืมตาขึ้นมา

“ อะไรอีกนาย ข้าง่วง ” ลีซอ ต่อว่าเล็กน้อย

“ แกยังไม่ได้บอกรายละเอียดเรื่องระเบิดเลยว่า ที่ไหน เมื่อไหร่ ” อัธวุฒิจ้องหน้าลีซอแบบจริงจัง

ลีซอรู้ว่า อัธวุฒิเอาจริงก็เลยยอมปริปากบอก ทั้งๆ ที่รำคาญแต่ก็ต้องยอมบอก เพื่อเรื่องจะได้จบๆ ไปสักที 

“ 12 สิงหา ที่ มหาลัยมหิดล ศาลายา เวลา 12.00 น. ข้ารู้แค่นี้ รายละเอียดมากกว่านี้ ข้าไม่รู้ เพราะข้าให้ ลูกน้องข้าอีกคนแยกไปรับงาน ทำงานตามใบสั่งที่พวกนั้นต้องการ ” ลีซอพูดจบ ก็หลับตานอนทันที 

“ แล้วทีนี้จะเอายังไงดีหละครับ ผู้กำกับ ” จ่าหมง ถามด้วยน้ำเสียงที่หมดหวัง เพราะคิดว่า รู้แค่นี้ก็ทำอะไรไม่ได้ หันไปมอง รองเผด็จฯ และจ่ามิ่ง เผด็จ กำลังใช้ความคิด

“ เฮีย มีอะไรดีๆ ผุดขึ้นมาบ้างไหมตอนนี้ ” อัธวุฒิ รีบถามรุ่นพี่

“ ยัง แต่ขอเวลาแป๊บ ว่าแต่ตอนนี้ ฉันว่า เราออกไปจากตรงนี้ดีกว่า เพราะอยู่ไปก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ”

เผด็จ เดินออกมาใช้ความคิด นอกฐาน มาสูดอากาศภายนอก อากาศบริสุทธิ์อาจจะทำให้ความคิดเขาแล่นได้บ้าง ทั้งสามคน ก็เดินตามออกมา สักพัก เผด็จก็คิดทางออกของปัญหานี้ได้ เขาดีดนิ้วดังเป๊าะ และไม่รอช้าที่จะทำตามความคิดนั้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหา คนๆ หนึ่งทันที

< เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น > “ สวัสดีค่ะ มีอะไรให้อิชั้นรับใช้เพคะ ” เสียงหวานๆ ที่ปลายสายดังขึ้น 

“ โอเลี้ยงแก้วนึง ใส่น้ำตาล ” เผด็จบอกรหัสลับ เพราะกลัวคนดักฟังความเคลื่อนไหว

“ น้ำตาลหมด ใส่นมแทนได้ไหม ” ปลายสายก็ตอบกลับด้วยรหัสเช่นกัน

“ ไม่ได้ ” เผด็จยังคงส่งรหัสต่อ “ งั้น ก็อด ” ปลายสายตอบกลับมา

“ งั้น เอาแบบกล่อง ” สิ้นสุดรหัสสุดท้าย “ จัดไป เจ้านาย ” ปลายสายก็วางหู

ทั้งสามคน งง ว่าเผด็จพูดอะไรกะใคร เผด็จหันกลับมา และเดินตรงไปหาสามคนที่ยืน งง อยู่ตรงนั้น เอามือตบไหล่ ขวาอัธวุฒิ แล้วก็เดินผ่านไป ทำให้อัธวุฒิ งง แล้ววิ่งตามเผด็จไป   

“ เดี๋ยว เฮีย มันคืออะไร เฮีย ฮู้ ” อัธวุฒิ โบกมือเรียกเผด็จ จ่าทั้งสองคนก็วิ่งตาม แบบงง เช่นกัน

>>>>> ***** <<<<<

ณ.ธนาคารแห่งหนึ่ง ในกทม. สาวงามผู้หนึ่งแต่งตัวภูมิฐาน นาม เนตรอัปสร อายุไม่เกิน30 มาขอเปิดตู้เซฟที่เช่าเอาไว้ เมื่อได้ของที่ต้องการ เธอก็ขับรถออกไปทันที และไปจอดที่ตลาดแห่งหนึ่งแถวๆ ชานเมือง เธอลงจากรถแล้วก็เดินเข้าไปในตลาด ซึ่งตรงนั้นจะส่วนของเป็นร้านซ่อม/ขายโทรศัพท์มือถือ

ระหว่างนั้น แป๋ว ก็กำลังเดินกลับไปที่ร้านพอดี มีมิจชีพกลุ่มหนึ่ง พวกติดยา กำลังมองหาเหยื่อ เนตรอัปสร เดินผ่านมาตรงนั้นพอดี ก็เลยโดนวิ่งราวกระเป๋าสตางค์ เธอวิ่งตามแล้วร้องตะโกน 

“ ช่วยด้วยๆ ช่วยจับที คนวิ่งราวกระเป๋า ” แป๋วได้ยินเสียงนั้น ก็เลยเข้าไปช่วย วิ่งดักเอาไว้

ชาย 3 คน ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น แป๋ว ตะโกนเรียก “ เฮ้ย ” ทั้ง 3 คนหยุด แล้วชักมีดขึ้นมา หมายจะแทงแป๋ว คนหนึ่งถลาเข้ามาจะจ้วงแทง แป๋วหลบได้ทัน แล้ววางของและกระเป๋าตัวเองลงทันที แล้วตั้งการ์ดสู้ทันที 3 ต่อ 1 พวกขี้ยาคิดว่าสบายแน่นอน เพราะเป็นผู้หญิง เนตรอัปสร วิ่งมาทันพอดี ก็เลยเข้ามาช่วย กลายเป็น 3 ต่อ 2 ทับทิม เดินผ่านมาเห็นว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ดีแน่ เสียเปรียบ ก็เลยโดดเข้าไปร่วมวงอีกคน คราวนี้ก็เลยเป็น 3 ต่อ 3 และการต่อสู้ ก็เริ่มขึ้น สู้กันชุลมุนอยู่พักใหญ่ พวกขี้ยาก็ต้องสลบคาเท้าพวกสามสาว พอจบการต่อสู้ ทั้งสามคนก็จับมือขอบใจกัน แล้วก็แนะนำตัวซึ่งกันและกัน ตำรวจมาทันเวลา ก็รวบพวกขี้ยาสามคนนั้นไปทันที

“ ขอบใจมากๆ เลยนะคะ เราชื่อ เนตรอัปสร เรียกเนตรเฉยๆ ก็ได้ ” เนตรอัปสร แนะนำตัวก่อน

“ เราชื่อ แป๋วนะ ยินดีที่ได้รู้จัก ” แป๋วแนะนำตัวเป็นคนที่สอง

“ เราชื่อ ทับทิม ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ” และทับทิม เป็นคนสุดท้าย

ตำรวจเดินเข้ามาหาสามสาว แล้วบอกว่า “ ช่วยกรุณาไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ ” ทั้งสามสาวก็รับปาก

***** ----- *****

หลังจากออกมาจากโรงพัก ทั้งสามคนก็ขอตัวแยกย้ายกันไปทำธุระของตนเอง ทับทิม ขอตัวก่อนเป็นคนแรก โบกมือบ๊ายบายสองสาว แล้วก็เดินจากไป จากนั้นก็แป๋ว เป็นรายต่อไป เนตร มองซ้ายขวา เอากระเป๋าบังแดด แล้วก็เดินกลับไปที่เดิม..ระหว่างที่เนตรเดินหาร้านที่ต้องการวนอยู่แถวนั้น แป๋ว สังเกตเห็นว่าเป็นเพื่อนใหม่ของเธอเมื่อกี้นี่ ก็เลยเดินไปสะกิด เนตรหันมาก็แปลกใจ “ อ้าว ” คือประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปาก เนตรอัปสร 

“ แป๋ว ” เนตรอัปสร เรียกชื่อเบาๆ แป๋วก็เลยยิงคำถาม ถามเนตร           

“ มาทำอะไรแถวนี้หละเนตร ” แป๋วอยากช่วย

“ เรามาเดินหาร้านเฮียโส่ยหนะ จำได้ว่าอยู่แถวนี้ แต่มองหาแกไม่เจอ ” เนตร บอกความต้องการของเธอ

“ เฮียโส่ย ” แป๋วขานชื่อซ้ำ เพื่อความแน่ใจ “ ใช่ เธอรู้จักไหม ” เนตรถามแป๋วเพื่อขอความช่วยเหลือ

“ โน่น ตรงโน้น ” แป๋ว ชี้มือไปทางข้างหลังเนตร “ แต่วันนี้ร้านเฮียปิด ไม่มา 2 วันแล้ว ไม่รู้ไปไหน ”

“ ว๊า ” เนตรบ่นอุ๊บ แป๋วก็เลยถามต่อ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือ

“ มีไรกะเฮียเหรอ ให้เราช่วยไหม ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับทอสับเนี่ย เราช่วยได้นะ ” เนตรนิ่งคิดอยู่พักนึง

“ จริงดิ งั้นดีเลย ” พูดจบแป๋ว ก็รีบจูงมือ เนตรเข้านั่งที่ร้านตัวเองทันที

“ ไหนมีไรให้เราช่วย ” แป๋วยิ้มให้กับเพื่อนใหม่ แล้วเนตร ก็หยิบโทรศัพท์เก่าๆ ดูสภาพแล้วไม่น่าใช้ได้ ขึ้นมาให้แป๋วดู เพราะสภาพมันยับเยินมาก แล้วก็ส่งให้แป๋ว แป๋วรับไปดู แล้วก็เปรยเบาๆ

“ ทำไมมันเละแบบนี้หละเนตร ไปทำอีท่าไหนมาเนี่ย สภาพดูไม่จืดเลย ”

“ ของเจ้านายเราหนะ มันมีข้อมูลสำคัญมากอยู่ในนี้ ทั้งในเมม และในตัวเครื่อง ” แป๋วทำหน้าแหยๆ 

“ เราต้องการกู้ข้อมูลสำคัญที่อยู่ในนี้ เมมเราถอดออกมาแล้ว แต่ในเครื่องก็ยังมีข้อมูลสำคัญบางส่วนอยู่ แต่เราเปิดไม่ได้ เพราะมันติด Pass Word ที่เราไม่รู้ เธอช่วยเราเปิดเครื่องนี้ได้ไหม ขอร้องหละ เนตรทำท่าพนมมือไหว้ประล๊กๆ เราต้องใช้มันในวันพรุ่งนี้ ไม่งั้นเรากะเจ้านาย แย่แน่เลย ”

“ จะลองดูนะ” แล้วแป๋วก็ ส่งเครื่องให้กับช่างประจำตัวที่ร้านของเธอ เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง 

เนตรอัปสร ดูนาฬิกาที่ข้อมือของเธอ 13.45 น. แล้วที่เธอเห็น เธอนั่งกระสับกระส่ายอยู่

“ เปิดได้แล้วครับ เจ๊ ” ช่างของแป๋วเอ่ยออกมา แป๋วและเนตรรีบวิ่งเข้ามาดู

“ ไหนอ้น ” แป๋ว ขอโทรศัพท์ จากช่างมาถือ เธอเลื่อนไปมา หน้าจอก็แตก ดูอะไรไม่ค่อยได้ 

“ ดูอะไรไม่ได้เลยอ้น เสียเวลารึป่าว..เนี่ย ” แป๋วยื่นโทรศัพท์ให้ เนตรอัปสร 

“ โชคดีครับเจ๊ พอดีรุ่นนี้ผมมีอะไหล่ลูกค้าทิ้งไว้ไม่มาเอานานแล้วเปลี่ยนหน้าจอแป๊บเดียว เดี๋ยวก็แจ่ม ”

อ้น ช่างคนสนิท เอ่ยขึ้นมา “ จริงดิ ” แป๋วทำตาโต “ จัดไปเลยไอ้น้องรัก อย่าให้เสีย ” แป๋วตบไหล่อ้น

“ รอสักครู่นะเนตร อีกอึดใจเดียว เดี๋ยวเราก็จะรู้ว่า ข้างในมันมีอะไรบ้างที่เธออยากรู้บ้าง ” เนตรยิ้มทันที

ไม่ถึง 10 นาที อ้นก็ชูผลงานชิ้นโบว์แดง ให้กับแป๋ว “ เรียบร้อย เจ๊ ” แป๋วรับมา แล้วก็เดินมานั่งใกล้ๆ เนตร แล้วก็ส่งโทรศัพท์ปริศนาให้กับมือ เนตรแบสองมือรับมาแล้วก็บอก “ ขอบใจ ” และเริ่มค้นหาสิ่งที่ต้องการ แล้วจะลืมสิ่งนึงไม่ได้ก็คือ เมมโมรี่การ์ด เนตรปิดเครื่อง แล้วก็เอาเมมใส่เข้าไปแล้วเปิดใหม่ สักครู่เธอก็ไล่ดูที่คลังรูป และแอปสำคัญ ภาพที่ปรากฏคือ รูปของ ฉัตรเทพ แผ่นกระดาษเอกสารที่เขียนอะไรไม่รู้ไว้เต็มไปหมด และรูปอะไรสักอย่างคล้ายระเบิดเวลา มีการพบปะกับใครหลายคน หนึ่งในนั้นคือ แทนไท มาเฟียใหญ่

ระหว่างที่เนตรกำลังเพลินอยู่กับการหาสิ่งที่ต้องการ แป๋วก็แอบเห็นรูป ฉัตรเทพและแทนไท เธอจึงเริ่มสงสัยแล้วว่า เนตรอัปสรคือใคร ทำไมถึงมีรูปพวกนี้ได้ เธอจึงเริ่มถอยห่างออกมาจากเนตรพอประมาณ นั่งคิดทบทวนตลอดเวลา เนตรไม่ได้สนใจเพื่อนใหม่คนนี้เลยว่าเธอมีอากัปกิริยาเช่นใดบ้าง แต่แป๋วซิ คิดหนัก จ้องเนตรตลอด

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 3 .. “ New Born ชีวิตใหม่ ”

ตอนที่ 2 “ เบาะแส หรือ กับดัก ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา